“ตำหนักท่านอ๋องคุ้มกันแน่นหนา เราคงกลับไม่ได้หรอก”
“ทำตามที่ข้าบอก ข้าจัดการวางแผนมาแล้ว”
“เย่เอ๋อร์เจ้าคิดจะทำสิ่งใด”
“ท่านยินยอมหรือไม่พี่ใหญ่”
“ข้า….แต่ว่าแล้วหลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว...”
“ข้าเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ขอเพียงท่านไว้ใจข้า พี่ใหญ่ข้าผิดเองที่ทำให้ท่านต้อง…..”
“เย่เอ๋อร์อย่าพูดเช่นนั้น เราเป็นพี่น้องกัน ข้า…อุ๊บ…อุ๊…”
“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไร”
หลินเฟยลี่อาเจียนออกมา เฟยเย่พยายามหายามาให้นางตามที่นางบอก นางเป็นเช่นนี้มาร่วมเดือนแล้ว เฟยเย่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น นางจับชีพจรพี่สาวและต้องตกใจ
“พี่ใหญ่ ท่าน!!….มีครรภ์กับท่านอ๋องงั้นหรือ”
“เย่เอ๋อร์ อย่าพูดไปนะ ข้า…ยังไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ ข้า..”
“ท่านต้องรีบกลับไปที่จวน พี่ใหญ่ท่านทำตามที่ข้าบอก พวกเขายอมให้ท่านกลับไปแน่ อีกสองวันข้าจะส่งคนมารับท่าน”
“ข้า…ต้องทำเช่นไรงั้นหรือ”
“ท่านฟังข้านะ ทำตามที่ข้าบอก”
สองวันถัดมา
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”
“อาจิง มาปลุกอะไรแต่เช้าฟ้าจะถล่มหรือหิมะในฤดูสารทหรืออย่างไรเกิดอะไรขึ้น ข้าพึ่งได้นอนไม่กี่ชั่วยามเองนะ”
“เร็วเข้าเจ้าค่ะ เห็นองครักษ์ที่จวนอ๋องส่งจดหมายมาบอกให้นายท่านส่งคนไปรับคุณหนูใหญ่กลับมาเจ้าค่ะ”
หลินเฟยเย่ฟังเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกเฉย ๆ และหาวไปหนึ่งครั้ง อาจิงที่ดันตัวนางเข้าไปก่อนที่คุณหนูของนางจะยืนทำท่าบิดขี้เกียจตรงหน้าห้องเพราะมันดูไม่งาม
“อะไรอีกละ ดันข้าเข้ามาทำไมตกลงเจ้ามาเรียกข้าไม่ใช่หรือ”
“แต่มิได้ให้ท่านยืนหาวและบิดขี้เกียจนี่เจ้าคะ”
“ไม่มีผู้ใดเห็นเสียหน่อย โวยวายไปได้ แล้วท่านพ่อว่าอย่างไร ส่งคนไปรับพี่ใหญ่แล้วหรือไม่”
“คุณหนู ดูท่านไม่ค่อยตกใจเลยนะเจ้าคะ”
“ข้าต้องตกใจด้วยเหตุใดกัน ไปเถอะ รีบช่วยข้าแต่งตัวข้าจะออกไปดูเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
ห้องโถงกลาง
“คุณหนู ดูเหมือนว่าคนของท่านอ๋องจะกลับไปแล้วเจ้าค่ะ่”
“ไปสิ รออะไร”
“ท่านพูดคำแปลก ๆ อีกเช่นเคย ข้าฟังไม่เข้าใจ”
“เอาน่า ๆ ไปเถอะ ๆ”
“ท่านพ่อ!!”
เฟยเย่เดินเข้าไปในห้องโถงและเรียกผู้ที่เป็นบิดาที่กำลังจิบชาจนเกือบจะหกเพราะตกใจเสียงเรียกของนาง
“ตาเถรตกกระโถน ปัดโธ่! เย่เอ๋อร์ เจ้าคงทำให้ข้าตกใจตายเข้าจริง ๆ สักวัน ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกเบา ๆ”
“นี่ก็เบาแล้ว ช่วยไม่ได้นี่เจ้าคะข้ารีบร้อน ว่าแต่ตำหนักเจ้าอ๋องชั่วนั่น..”
“เดี๋ยว ๆๆๆ เจ้า ๆๆ เงียบก่อน ปากเจ้าน่ะหัดให้มันมีหูรูดบ้างเป็นสตรียังมิได้ออกเรือนเหตุใดปากร้ายดุจกรรไกรตัดผ้าเช่นนี้ เฮ่อ….เหนื่อยใจยิ่งนัก”
“ท่านพ่อ ตกลงมีอะไรแน่เจ้าคะ”
“ดูท่าทางเจ้าสิ นี่มันสตรีแบบไหนกัน”
“ท่านพ่อ”
“ก็ได้ คนจวนอ๋องสั่งให้คนไปรับพี่เจ้ากลับมาดูแลรักษาที่จวน พวกนางบอกว่า…ลี่เอ๋อร์เป็นโรคร้ายต้องทำการรักษาแยกจากผู้คน พวกนางเกรงว่าจะระบาดในตำหนักอ๋องก็เลยให้คนของเราไปรับนางกลับมาที่นี่”
“อ้อ เช่นนั้นเอง แล้วท่านพ่อส่งผู้ใดไปรับพี่ใหญ่มาเจ้าคะ”
“ข้าส่งท่านหมอกวนไปรับนางแล้ว อีกครึ่งชั่วยามก็คงกลับมาถึง เจ้ามาก็ดีแล้วช่วยไปจัดเตรียมห้องสำหรับให้ท่านหมอกวนรักษาพี่สาวเจ้าให้ดีก่อนก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
ตำหนักท่านอ๋อง
“ทูลไท่เฟย คนของจวนคหบดีหลินมาแล้วเพคะ”
“ให้พวกเขาเอานางออกทางประตูหลัง แล้ว…แล้วก็ เอ่อนี่อันถง เจ้าให้คนเอาน้ำไปทำความสะอาดหลังจากนางไปแล้วด้วย ส่วนเรือนที่นางอยู่ก็ปิดตายเอาไว้อย่าให้คนเดินเข้าไป สาวใช้ที่เคยรับใช้นางก็ส่งออกไปขายทั้งหมด อย่าเอาไว้สักคน รีบไป”
“เพคะ”
ข่าวว่าพระชายาเป็นโรคร้ายแรงจนทำให้ตำหนักอ๋องต้องส่งกลับไปยังจวนคหบดีเป็นเรื่องที่พูดกันไปทั่วทั้งเมืองเฉินโจว
บ้างก็บอกว่านางไม่ได้รับการดูแลอย่างดีจนป่วย บ้างก็บอกว่าเป็นโรคประจำตัวไปจนถึงพระชายาป่วยเป็นโรคร้ายแรงและเป็นโรคระบาดชนิดใหม่จนทำให้คนตำหนักอ๋องเกิดความหวาดผวา
หยงไท่เฟยและสาวใช้เองก็ไม่กล้าพักอยู่ที่ตำหนักอ๋องจนต้องพากันย้ายไปพักอยู่ที่จวนอีกหลังหนึ่งในทันที
จวนสกุลหลิน
“พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว ค่อย ๆ วางนางลง ตรงนั้นแหละ”
“เย่เอ๋อร์ ข้าได้กลับมาแล้วจริง ๆ ดีใจจริง ๆ”
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว คุณหนู…”
“อา…อาจิง”
สาวใช้วิ่งเข้ามากอดเฟยลี่เอาไว้ นานเกือบสามเดือนที่เฟยลี่แต่งเข้าไปยังจวนอ๋องแต่ไม่เคยส่งข่าวกลับมาที่สกุลหลินเลยสักครั้งจนเฟยเย่ต้องออกอุบายให้นางดื่มยาเพื่อแสร้งว่าป่วยและให้สาวใช้อาจิงปล่อยข่าวว่านางเป็นโรคระบาดจนหยงไท่เฟยยอมปล่อยตัวพี่สาวนางกลับมาที่จวน
“นางสงสัยท่านหรือไม่”
“ไม่เลย นางไม่มาที่เรือนหลังเสียด้วยซ้ำไป นางกลัวว่าข้าจะเป็นโรคระบาดจริง ๆ ถึงขั้นย้ายไปพักที่จวนเดิมที่อยู่อีกตรอกหนึ่ง ตอนนี้ตำหนักอ๋องเลยปิดเอาไว้หลังจากที่ข้าออกมาน่ะ”
“หึ ดูท่ายายแก่นี่จะขี้กลัวไม่เบา”
“เย่เอ๋อร์ อย่าได้พูดจาเยี่ยงนั้น ถึงอย่างไรนางก็เป็นไท่เฟย”
“นางมิได้เป็นแม่ของท่านอ๋องนั่นมิใช่หรือ”
“ท่านอ๋องก็มิได้เรียกนางว่าไท่เฟย แต่ว่าเมื่อพระชายาซึ่งเป็นมารดาของท่านอ๋องสิ้นไป นางก็ขึ้นตำแหน่งนี้”
“เอาละพี่ใหญ่ ท่านก็พักอยู่ที่นี่เราทำตามแผนที่ข้าคุยกับท่าน แผนการนี้เราจะให้คนนอกล่วงรู้ไม่ได้”
“คุณหนู พวกท่านแน่ใจหรือว่า…ท่านอ๋องจะจับไม่ได้ เรื่องนี้หากว่าถูกจับได้เท่ากับโทษหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะเจ้าคะ”
“อาจิง หากคิดเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเราหลอกลวงตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าลองคิดดูสิ เดิมทีคนที่ต้องแต่งเข้าไปคือข้าอยู่แล้วมิใช่หรือ ท่านพี่แค่ตกกระไดพลอยโจนต้องแต่งแทนข้าเท่านั้น ตอนนี้ข้ากลับมาแล้วข้าก็ต้องจัดการที่เหลือ รวมถึงพวกที่ทำกับพี่สาวข้าเช่นนี้ด้วย พวกนางจะต้อง…ได้รับผลกรรมอย่างเหมาะสม”
“เย่เอ๋อร์ อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนพวกนางร้ายกาจกว่าที่เจ้าคิด อย่าได้ไปยุ่งกับนางเลย ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“พี่ใหญ่ ท่านอาจจะใจดีกับผู้อื่นและให้อภัยได้ แต่ข้าไม่ใช่ ท่านวางใจเถอะหากผู้ใดดีกับข้า ตัวข้าก็จะไม่ยุ่งกับพวกเขาแต่หากว่าผู้ใดอยากลองของ ข้าก็ไม่ขัดใจพวกเขาเช่นกัน”
“เย่เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงพูดจาแปลก ๆ ข้าฟังไม่ค่อยเข้าใจ”
“เอาน่า ๆ พี่สาวท่านก็นอนพักไปก่อนเรื่องที่เหลือข้าจะจัดการเอง แต่ว่าในตำหนักนั่น มีผู้ใดล่วงรู้หรือไม่ว่าท่านตั้งครรภ์”
“ข้าคิดว่า…ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แต่สาวใช้ของไท่เฟย อันถงน่าจะเริ่มสงสัยจากอาการของข้าแล้ว”
“อันถงงั้นหรือ ดีละ”
“เย่เอ๋อร์ จากนี้เจ้าจะทำเช่นไรต่อ”
“พี่ใหญ่ ท่านต้องป่วยไปอีกสักระยะ ยาว ๆ รอจนกว่าข้าจัดการบางอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“แต่ว่าข้า…ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว เจ้าจะให้ข้ากลับไปที่ตำหนักอ๋องอีกงั้นหรือ”
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วงข้าไม่ให้ท่านกลับไปที่นั่นหรอก แต่ข้าท้องแทนท่านไม่ได้นี่เป็นปัญหาใหญ่ ต่อให้คนทั้งตำหนักไม่ทราบแต่ว่าท่านอ๋องนั่นจะไม่รู้เลยงั้นหรือว่าท่านตั้งครรภ์บุตรของเขา”
“ข้า…..”
"ท่านพี่ เอาไว้ข้าจัดการเรื่องงี่เง่าที่เหลือนี่ก่อนแล้วค่อยมาจัดการเรื่องนี้ทีหลังก็แล้วกันนะ ท่านพักอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย โรคที่ท่านเป็นข้าให้คนกระจายข่าวทั่วเมืองแล้วรับรองว่าพวกนางไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับท่านไปอีกนาน"
“เย่เอ๋อร์ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้า”
“พี่ใหญ่ เรื่องอันใดงั้นหรือ”
“เด็กในครรภ์มิใช่บุตรของท่านอ๋อง”
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ