เฟยเย่และอาจิงหันไปมองหลินเฟยลี่ด้วยความงุนงงและตกใจเมื่อนางเอ่ยคำนี้ออกมา เฟยเย่ถึงกับหันไปอีกทางพร้อมกับนึกย้อนกลับไปว่ามีเรื่องใดที่เจ้าของร่างลืมบอกไปหรือไม่
นี่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางจะเข้าใจได้ พี่สาวที่แต่งเข้าจวนอ๋องจู่ ๆ ก็ท้องและบอกว่าลูกในท้องของนางมิใช่บุตรของท่านอ๋อง
“พี่ใหญ่ ท่านล้อเล่นไม่ได้นะเรื่องเช่นนี้….ท่านหมายความว่าอย่างไรแน่”
“คือว่าเรื่องนี้…เย่เอ๋อร์ อาจิง พวกเจ้าเป็นพี่น้องของข้าที่ข้าไว้ใจมากที่สุด เย่เอ๋อร์…เด็กในครรภ์ข้าเป็นบุตรของรองแม่ทัพลั่ว”
“เดี๋ยวนะ!! ท่านหมายถึง รองแม่ทัพลั่วมู่เฉินผู้นั้น!! Oh, my God! ” (พระเจ้าช่วย!!)
“เย่เอ๋อร์ เจ้าจะกอดข้าทำไม ข้าในตอนนี้รู้สึกผิด…”
“ไม่ใช่ ๆๆ โอยข้าอยากจะบ้าตาย อาจิงเจ้าดูแลพี่ใหญ่ไปก่อนนะ ข้าขอไปคิดทบทวนอะไรสักครู่”
“คุณหนู ท่านจะไปที่ใด”
“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ไปแล้วก็ได้ พี่ใหญ่ท่านกำลังบอกข้าว่าบุตรในครรภ์ของท่าน…เป็นลูกของผู้อื่น มิใช่ท่านอ๋อง”
“ข้า…”
“เรื่องเป็นเช่นไรกันแน่”
“ในคืนส่งตัวนั้น ท่านอ๋องเพียงแค่เปิดหน้าเจ้าสาวและพูดคุยกับข้าเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นแล้วเขาก็ถูกเรียกออกจากห้องส่งตัวไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะทิ้งข้าให้นอนเฝ้าห้องส่งตัวคนเดียว ข้ามารู้ในตอนหลังว่าพระองค์ออกมาเพื่อรับราชโองการเพื่อออกศึก แต่หลังจากนั้นรองแม่ทัพผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามายังห้องส่งตัว ข้าคิดว่าเขาเป็นท่านอ๋อง ก็เลย…..”
“เรื่องนี้ฟังดูแปลก ๆ นะเจ้าคะคุณหนู”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น จู่ ๆ จะมีผู้อื่นเข้าห้องส่งตัวของพวกท่านได้เช่นไรกันหากว่าไม่มีผู้ส่งเข้าไป รองแม่ทัพของท่านอ๋องกับพระชายา นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ”
“ข้ากับรองแม่ทัพผู้นั้นร่วมหลับนอนกันในคืนนั้น เขายินดีจะปลิดชีพเพื่อจะรับผิดชอบในความผิดแต่ว่าข้าห้ามเอาไว้ ขอเพียงเรื่องนี้เขาเงียบข้าเงียบก็จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ทราบเพราะเขาต้องรีบออกไปจัดกองทัพในทันที รองแม่ทัพก็ต้องแยกไปที่แดนใต้เช่นกัน”
“เช่นนั้นท่านก็จะกลับไปที่ตำหนักนั่นอีกไม่ได้แล้ว พี่ใหญ่ ท่านจะทำเช่นไรกับเด็กในท้อง”
“เย่เอ๋อร์ เจ้าถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าจะให้พี่..”
“มิใช่เช่นนั้น ท่านกับรองแม่ทัพนั่นไม่ได้ชอบพอกันมิใช่หรือ”
“แต่เขาก็พร้อมจะรับผิดชอบข้า เขาบอกข้าว่าจะยอมรับสารภาพกับท่านอ๋องหลังจากเสร็จการศึกในครั้งนี้และหลังจากนั้นก็จะรับข้าเป็นภรรยาอย่างถูกต้อง”
“เรื่องมันจะง่ายเช่นนั้นได้เช่นไร เฮ้อ....เราค่อยหาทางออกเรื่องนี้กันภายหลังก็แล้วกัน"
ห้าวันถัดมา
“อะไรนะ นี่นางป่วยร้ายแรงถึงเพียงนั้นยังอยากกลับไปที่ตำหนักอ๋องอีกเช่นนั้นหรือ”
“เพคะไท่เฟย นางบอกว่าเพราะนางคือพระชายา ในเมื่อท่านอ๋องไม่อยู่ตำหนักก็เป็นหน้าที่ของพระชายาที่จะต้องดูแลตำหนักแทนท่านอ๋องเพคะ”
“อันถง เจ้าส่งคนไปดูที่จวนนั่นแล้วเป็นเช่นไรบ้าง”
“ทูลไท่เฟย ท่าทางนางยังดูป่วยอยู่เลยเพคะ”
“เป็นเพียงบุตรสาวคหบดีที่ หากไม่เห็นว่ามีเงินและทรัพย์สินมากขนาดนั้นข้าคงไม่เสนอข้อตกลงนั่นไปหรอก หึ ยังมีหน้ายโสโอหังไม่ทันไรก็จะหาเรื่องมาแย่งหน้าที่ดูแลตำหนักแทนข้างั้นหรือ เห็นทีคงต้องจัดการนางก่อนที่ท่านอ๋องจะกลับแล้วกระมัง”
“ไท่เฟยเพคะ เราเล่นงานนางเรื่องที่รองแม่ทัพเข้าห้องส่งตัวแทนท่านอ๋องดีหรือไม่เพคะ เพียงแค่ขู่นางว่าจะแพร่เรื่องนี้ออกไป จวนคหบดีนั่นก็คงต้องยอมส่งมอบเงินเพื่อปิดข่าวนี้เป็นแน่เพคะ”
“ความคิดดีเยี่ยม อันถง เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
จวนคหบดีหลิน
“คุณหนู ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”
“ข้าจะไปทำธุระหน่อย นัดคนเอาไว้แล้วว่าแต่คนที่ข้าให้เจ้าจัดหาทำเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ”
“อืม ดูแลพี่ใหญ่ด้วย ข้าออกไปไม่นานก็จะกลับ”
“เจ้าค่ะ”
หลินเฟยเย่เดินออกจากจวน นางเดินสวนกับผู้ส่งจดหมายจากตำหนักไท่เฟยหน้าห้องโถงใหญ่ แต่นางไม่มีเวลาสอบถามเพราะใกล้เวลานัดที่นางนัดคนเอาไว้แล้วจึงต้องรีบเดินออกไปขึ้นรถม้า
ชาวเมืองเฉินโจวรู้เพียงว่าคหบดีหลินมีบุตรสาวสองคน แต่ไม่เคยมีผู้ใดรู้มาก่อนว่าพวกนางเป็นฝาแฝดกันดังนั้นเมื่อเฟยเย่ต้องออกจากจวนนางจึงต้องใช้ผ้าปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้คนนอกจำได้
โรงน้ำชาตั้งซื่อ
“คุณหนู”
“ท่านอาสู่ นั่งก่อนสิ”
“ขอรับ”
เฟยเย่เชิญผู้ที่ดูอาวุโสกว่านางนั่งลงพร้อมกับรินน้ำชาให้ เขารับไปอย่างเกรงใจเมื่อดื่มแล้วจึงยื่นบางอย่างให้กับนาง
“นี่ขอรับสิ่งที่ท่านให้ตรวจสอบ”
“ขอบคุณท่านมาก เรื่องนี้…”
“ข้าจะไม่มีทางพูดออกไป นายท่านมีบุญคุณกับข้ายิ่งนัก อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องของสกุลหลิน ข้าน้อยไม่มีทางปริปาก”
“ขอบคุณท่านอาสู่มากเจ้าค่ะ”
“ท่านให้ข้าคัดลอกบัญชีรายรับรายจ่ายของตำหนักท่านอ๋องมาด้วยเหตุใดขอรับ เรื่องพวกนี้หากว่าพระชายาทรงอยากทราบก็สามารถสั่งให้เจ้ากรมคลังส่งมอบให้ได้”
“ข้าอยากได้ข้อมูลจริงนะสิ มิใช่บัญชีที่ถูกแต่งขึ้นมา”
“แต่งบัญชีงั้นหรือ คุณหนูท่านกำลังจะบอกว่า....”
“ท่านอา ข้ายังไม่ได้พูดอันใดข้าแค่สงสัยเท่านั้น ขอบคุณท่านมาก ท่านอยู่ที่นั่นก็ระวังตัวด้วย รอจนกว่าพระชายาจะเสด็จกลับไป ท่านก็จะปลอดภัย”
“ข้ายินดีขอรับ ขอเพียงได้ทำเพื่อนายท่านและสกุลหลิน แม้ตายข้าน้อยก็ยินดี”
“ท่านอาสู่ รบกวนท่านแล้ว”
“เอ่อ พระอาการของพระชายาเป็นเช่นไรบ้างขอรับ”
“นางยังไม่ดีขึ้นเลย แม้ว่าจะเริ่มดีขึ้นแต่ไข้ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อาการนับว่ายังไว้ใจไม่ได้เจ้าค่ะ ที่ตำหนักนั่น…”
“คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ที่ตำหนัก เป็นช่วงเวลาที่ดีในการตรวจสอบขอรับ”
“เช่นนั้นต้องฝากท่านแล้วเจ้าค่ะ”
จวนสกุลหลิน
หลินเฟยเย่เดินเข้ามาในจวนพร้อมกับสมุดบัญชีในมือ นางจึงรีบเดินนำของไปเก็บที่ห้องก่อนและคิดว่าจะงีบหลับกลางวันสักหน่อย เมื่อนอนได้สักพัก …..
“เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมพวกเจ้าจึงมีสองคนละ”
“แม่นางจากนี้สกุลหลินต้องฝากเจ้าแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน พี่สาวทั้งสอง พวกท่านจะไปไหนกัน แล้วฝากสกุลหลินคืออะไร กลับมาก่อนสิ”
“เดี๋ยว!! กลับมาก่อน!!”
หลินเฟยเย่สะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที นางพึ่งรู้สึกว่าหนาวจนมองออกไปด้านนอก หิมะเริ่มตกแล้ว ตอนนี้พึ่งจะฤดูสารทแต่เหตุใดจึงมีหิมะตกเช่นนี้ นางเริ่มทบทวนฝันเมื่อครู่ เมื่อนึกได้เช่นนั้นตานางเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับความตกใจ
“คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ อาจิง!!”
“เจ้าคะคุณหนู”
“เจ้า…ข้าให้เจ้าอยู่ดูแลพี่ใหญ่แล้วทำไม....”
“อ่อ คุณหนูใหญ่บ่นว่าอยากกินขนมถั่วเขียวเลยให้ข้าออกไปซื้อมาเจ้าค่ะ นี่ข้าก็พึ่งกลับมาไม่นานนี้เองเจ้าค่ะ ทำไมหรือเจ้าคะ”
“แล้ว….แล้วเจ้าให้ผู้ใดอยู่กับท่านพี่หรือไม่”
“ไม่นะเจ้าคะ คุณหนูบอกว่าอยากนอนพักเจ้าค่ะนางเลยสั่งบ่าวไพร่ออกมาทั้งหมด”
“แย่แล้ว!!”
“คุณ…คุณหนู ท่านคงไม่คิดว่า”
“เร็วเข้า ตามข้าไปที่ห้องพี่ใหญ่!!”
เฟยเย่หลับไปหลังจากให้นมท่านหญิงน้อยไม่นานเพราะความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นท่านอ๋องน้อยก็เดินกลับมาพร้อมกับอาชิงและแม่นมลี่ที่บอกท่านอ๋องน้อง จื่อหรงเรื่องการคลอดบุตร“จริงหรือแม่นม ครั้งที่คลอดข้าเสด็จแม่ก็ร้องเช่นนี้หรือ”“ใช่เพคะ แต่ครั้งนี้พระชายาทรงเจ็บสองครั้งเพราะว่าท่านอ๋องน้อยได้น้องสาวเพิ่มมาสองคนเลยนะเพคะ”“สองคนหรือ สองคนเลยงั้นหรือ ที่เสด็จพ่อบอกว่าจะมีแฝดคือคลอดสองคนงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ท่านอ๋องอยากจะไปเยี่ยมท่านหญิงทั้งสองหรือไม่เพคะ”“ข้าไปได้งั้นหรือ แล้วเสด็จแม่เล่า”“พระชายานอนพักอยู่ในห้องพักเพคะท่านอ๋องทรงเฝ้าอยู่เพคะ”“ไป ข้าอยากไปหาน้องสาวของข้า”“ได้เพคะหม่อมฉันจะพาไปนะเพคะ”แม่นมลี่และอาจิงพาจื่อหรงเดินไปที่ห้องของท่านหญิงน้อยสองคนที่นอนอยู่ที่แปลเดียวกัน ซึ่งเป็นเปลที่ท่านอ๋องน้อยเคยใช้มาก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้คงต้องสั่งทำเพิ่มเพราะน้องสาวเขามีสองคน จื่อหรงมองไปยังเด็กที่มีผ้าแพรสีแดงห่อหุ้มอยู่อีกคนห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำเงินทั้งคู่หลับสนิทอยู่ในเปลเดียวกัน“นั่น…เด็กงั้นหรือเหตุใดพวกนางจึงตัวเล็กและนอนนิ่งนัก”“ท่านหญิงพึ่งจะกินนมและหลับไปเพคะ”“เป็นก้อนกลม ๆ อ้วน
หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยได้รับการสอนวิชาดาบ มากว่าสามเดือน วันนี้เว่ยจื่อหรงได้มีโอกาสจับดาบเป็นครั้งแรก อาจารย์ผู้สอนให้เขาทดลองจับดาบกิเลนไฟที่เขาได้รับจากท่านอ๋องในวันครบรอบหนึ่งขวบ ท่านอ๋องแม้ว่าในครั้งแรกจะแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งความพยายามในการร่ำเรียน ไม่นานก็เริ่มคล่องและเริ่มฝึกอย่างจริงจัง“เหตุใดเจ้ายังมานั่งดูจื่อหรงอยู่ตรงนี้อีกเล่าเฟยเฟย แล้วยาพวกนี้ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้ทำแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ปรามนาง”“ก็แค่นั่งคัดแยกเอาไว้แก้เบื่อเพคะ เหตุใดพระองค์ช่างบ่นมากความ บ่นมากกว่าแม่นมลี่เสียอีก”“ท้องเจ้าโตขนาดนี้ยังจะมานั่งตากลมอีก แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่นะ”ท่านอ๋องบ่นพลางกับสวมชุดคลุมให้เฟยเย่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ร่างกายนางอบอุ่นแต่เขาดึงถาดยาที่นางถือไว้ยื่นไปให้อาจิงแล้วพร้อมกับจับมือนางมาซุกเตาอุ่นมือ“มือเย็นขนาดนี้ยังจะเถียงข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องดื้อแข่งกับจื่อหรงด้วยนะ”“พระองค์ทรงกังวลเกินไปต่างหาก หม่อมฉันก็แค่…”ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวแปลก ๆ ของพระชายา พร้อมกับที่นางเริ่มจับที่ท้องที่โตเกินกว่าตัวนาง“เฟยเฟยเจ้าเป็นอะไร
ฤดูหนาวห้าปีถัดมา“จื่อหรง เจ้าอย่าวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนั้นหากเสด็จพ่อมาเห็นเจ้าเล่นดาบไม้แล้วไม่นำไปเก็บให้ดีละก็….”“เสด็จแม่ ท่านก็อย่าบอกเสด็จพ่อสิพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากเล่นเพิ่มอีกหน่อยมิใช่ว่าจะไม่เก็บแต่เมื่อเช้าอาจารย์หวางเอ่ยชมข้าด้วยว่าข้าตอบกลยุทธ์การศึกได้ยอดเยี่ยม”“ก็ได้ ๆ แต่เจ้าอย่าวิ่งวนไปใกล้สระเช่นนั้น หากพลัดตกลงไปแม่จะลุกไปช่วยเจ้าไม่ทัน”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“หรงเอ๋อร์เสด็จพ่อมาแล้ว รีบมานั่งนี่เร็วเข้าทำตัวเงียบ ๆเก็บดาบไม้เจ้าไปก่อน”แม้ว่าจะปรามบุตรชายก่อนหน้านี้แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ พระชายาก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อย “เว่ยจื่อหรง”ต้องถูกท่านอ๋องตำหนิเอาได้ แม้ว่าพักหลัง ๆ เว่ยจื่อหานจะลดความดุดันลงแล้วบ้างเพราะเห็นว่าพระชายาตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม“เฟยเฟย เหตุใดยังนั่งตากลมอยู่ตรงนี้อีก ทำไมไม่รีบเข้าไปพักในตำหนักหิมะเริ่มจะตกแล้ว”“หม่อมฉันแค่มานั่งเล่นและตรวจดูยาสมุนไพรที่นำมาตากเอาไว้ พอหิมะตกเลยสั่งให้คนเก็บเพคะ”“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำอีกเจ้าก็ไม่ฟัง จื่อหรงวันนี้อาจารย์หวางบอกพ่อว่าเจ้าตอบคำถามในชั้นเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม เจ้าอยากได้รางวัลอะไร”“เสด็จพ่อ ได้
ท่านอ๋องยืนกอดพระชายาไว้พร้อมกับมองหิมะที่ตกลงมาก่อนจะพยุงนางเดินกลับรถม้าที่จอดรออยู่ เขานั่งกอดนางมาตลอดทางเพราะคิดว่านางเห็นภาพการประหารเช่นนั้นคงจะไม่สบายใจ“เฟยเฟย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”“หม่อมฉันรู้สึกดีและอบอุ่นมากเพคะเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้”“แล้วเจ้าหายกลัวหรือยัง”“หม่อมฉันมิได้กลัวนะเพคะ เพียงแค่รู้สึกเศร้าไปหน่อยเท่านั้น”“เศร้างั้นหรือ”“คนคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่อยากครอบครอง จนทำเรื่องที่ผิดไปมากมาย อันถงไม่น่าจบชีวิตเช่นนี้หากว่านางมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็คงจะดีเพคะ”“ไม่มีผู้ใดเลือกได้นอกจากตัวนางเอง นางเลือกเดินเส้นทางที่ผิดตั้งแต่แรก”“จริงด้วย ว่าแต่แม่นางซ่ง…”“อ้อ ข้าเองก็ลืมบอกเจ้าไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเลยตัดสินใจไปที่อารามหย่งชิงพร้อมกับไท่เฟยเพื่อจะไปดูแลนางน่ะ พวกนางจะออกเดินทางในอีกสองวัน”“เช่นนี้นี่เอง ท่านอ๋องไม่เสียพระทัยหรือเพคะ”“หืม ข้าหรือเหตุใดต้องเสียใจอีกเล่า”“ก็เห็นวันก่อนพระองค์ยังคลอเคลียกับนางในตำหนักอย่างสนิทสนม คิดว่าจะห้ามมิให้นางไปแสวงบุญเสียอีก”“นี่เจ้า!! นั่นมิใช่เพราะทำตามคำสั่งเจ้าหรืออย่างไร สั่งให้ข้าทำเช
โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอีก เฟยเย่รู้ดีว่าเขาจะทำสิ่งใดเมื่อเขาจับนางหันหน้ามาและจับนางนั่งคร่อมเขาอีกครั้ง เมื่อครู่พึ่งจะล้างตัวกันไปเอง เสียงน้ำกระเพื่อมทำให้เฟยเย่เริ่มจุดไฟรักเร่าร้อนนั้นอีกครั้งด้วยตัวเอง“ท่านอ๋อง เสียว….อ๊าาา ในน้ำนี่..”“ดีใช่หรือไม่”“อื้มมม ดี อ๊าา เสียวดีจัง อ๊าา จื่อหาน หม่อมฉันช้ำไปหมดแล้ว”“อีกรอบเดียวนะ ข้าสัญญาว่าจะล้างตัวแล้วพาเจ้าไปนอนพักแล้ว แต่ตอนนี้ อาา เหตุใดยังคับแน่นอยู่เช่นนี้กันนะ เฟยเฟยของข้าช่าง งดงามจริง ๆ”“อ๊าาา ท่านอ๋องเพคะ”“เปลี่ยนท่าหน่อย ไม่ไหวหรอกท่านี้มันเสียวเกินไป”“เดี๋ยวก่อน มันแคบเช่นนี้ อ๊าา…”เขาจับนางไปเกาะที่ขอบสระพร้อมกับดันกระแทกจากด้านหลัง ท่านอ๋องไม่เคยลดละความดุดันลงได้เลยในเรื่องนี้ น้ำกระเพื่อมออกเกือบครึ่งสระแต่เขากลับไม่ใส่ใจเสียงน้ำและกล้ามเนื้อกระแทกกันทำเอาทั้งคู่อารมณ์กระเจิงจนทั้งสองเริ่มเกร็ง เฟยเย่จับขอบสระเอาไว้แน่นพร้อมกรีดเสียงร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็จับบั้นท้ายนางเอาไว้แน่นเช่นกัน“อาาา…เฟยเฟย…”ท่านอ๋องต้องอุ้มนางขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่ล้างตัวเสร็จ เขาวางนางลงที่เตียงพร้อมกับกอดนางเอาไว้“พรุ่งนี้พระองค์
ทหารดึงตัวนางขึ้นและพาเดินออกจากห้องโถงไป อันถงไม่มีท่าทีของคนที่รู้สึกผิดเลยสักนิด เมื่อเดินผ่านหลินเฟยเย่นางหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง“เจ้าคิดหรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าเพียงคนเดียว เขากำจัดข้าได้ ก็ทำกับเจ้าได้เช่นกัน”เฟยเย่หันไปสบตากับอันถง แม้ในตอนนี้จะถูกจับและรอลงทัณฑ์ แต่อันถงก็ยังไม่รู้สึกกลัว“ข้าไม่เหมือนเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยวางแผนร้ายเพื่อแย่งผู้ใดมา”“อย่ามั่นใจมากไปหน่อยเลย เขาไม่มีหัวใจตั้งแต่แรกอย่าคิดว่าเขาจะรักเจ้า”“อันถง เพียงแค่ท่านอ๋องไม่รักเจ้า มิได้หมายถึงว่าท่านอ๋องไม่มีหัวใจที่สำคัญ ข้ามั่นใจและเชื่อใจในตัวท่านอ๋องมากพอ”“เจ้า….”“นำตัวนางออกไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”ท่านอ๋องเดินมาหลังจากฝานป๋ายให้คนพยุงหยงไท่เฟยกลับเข้าไปพักผ่อนแล้ว“เจ้าพูดสิ่งใดกับนางงั้นหรือ”“ก็แค่ สั่งลาครั้งสุดท้าย”“เจ้าไม่ขอให้ข้าลดโทษให้นางงั้นหรือ”“ไม่เพคะ โทษที่นางได้รับสมควรแล้ว หม่อมฉันจะไปดูการประหารนางด้วยตนเองพรุ่งนี้ มองด้วยตาของตัวเองจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย”“ได้สิข้าอนุญาต พวกเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่”“ไท่เฟยเข้าไปพักแล้วหรือเพคะ”“ไปแล้วละ นางขอข้าว่าหากหายดีแล้ว อ