หลิ่งหลินฝังร่างตัวเองอยู่ในถ้ำจำลองอย่างมิดชิด ไม่มีใครเห็นเลยสักนิด
นอกจาก....
หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้ เหตุการณ์ทำร้ายองครักษ์กับนางกำนัลเมื่อครู่ ยังมีคนผู้หนึ่งเห็นอยู่
ไม่ได้การ ทิ้งพยานไว้โจ่งแจ้งมิได้
คิดแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมาอีกรอบ แล้วจับตัวคนที่ยังคงนั่งนิ่งประหนึ่งเสาหินให้เข้าถ้ำไปด้วยอีกคน
จ้าวหมิงอวี่ “...”
ในถ้ำจำลอง หลิ่งหลินยังคงได้ยินเสียงผู้คนวุ่นวาย สุ้มเสียงเหล่านั้นกระจายไปทั่ว ตามหาคนร้ายจ้าละหวั่น นางเงี่ยหูฟังอย่างเงียบงัน ได้ยินคนด้านนอกถามตอบกันว่า
“เจ้าเห็นสตรีผู้หนึ่งหรือไม่ นางอาจเป็นคนร้าย”
“นางเป็นใคร”
“ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นในตำหนักมาก่อน”
“รูปพรรณสันฐานเป็นเช่นใด ข้าจะช่วยตามหา”
“อายุราวสิบห้าสิบหก ผิวพรรณดี ใบหน้าสะสวย แตกต่างจากนางกำนัล จุดสังเกตปากแดง ดวงตากลมโต สวมชุดสีแดง”
“ได้! ปากแดง ชุดแดง ไป! ช่วยกันตามหาให้ทั่ว”
เสียงพูดคุยดังต่อเนื่อง คนกระจายตัว พร้อมข่าวนั้นที่กระจายออกไปอย่างทั่วถึง
หลิ่งหลินนิ่วหน้า ชุดของนางโดดเด่นเกินไปเสียแล้ว
จังหวะนั้นได้ยินคนด้านข้างถามเสียงขรึมว่า
“เจ้าเป็นนักฆ่าปลอมตัวมาจริงหรือ?”
หลิ่นหลินตอบเสียงเหนื่อย “จริงหรือไม่? ยามนี้ข้าก็ทำตำหนักหมิงเฟิ่งวุ่นวายแล้ว” นางถอนหายใจ “แต่เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ห่วงตัวเองเถอะ”
ว่าแล้วก็สนทนาเสียหน่อย “เจ้าชื่ออาเป่าใช่หรือไม่? ฟังนะอาเป่า แม้ว่าเจ้าจะเป็นกำพร้าหรือเป็นบ่าวต่ำต้อย แต่ไม่จำเป็นต้องยอมให้ผู้อื่นรังแกเช่นนั้น ต้องสู้คนบ้าง”
หญิงสาวคิดนำประสบการณ์ของตนในร่างเก่ามาเล่า แต่เหมือนคนฟังจะไม่เข้าหู เพราะผู้ที่ถูกเข้าใจว่าชื่ออาเป่าเพียงหรี่ตา ถามย้ำเสียงต่ำเย็นเยียบว่า “เจ้าเป็นมือสังหารหมายปลิดชีพองค์ชายสี่ ใช่หรือไม่?”
ถูกเค้นถามเสียงเครียดปานนั้น หลิ่งหลินย่อมรับรู้ได้จึงคาดเดาได้ไม่ยาก “อาเป่าภักดีต่อองค์ชายสี่มากกระมัง?” นางตบบ่ากว้างอย่างชื่นชม “ดีๆ ดีมาก” หญิงสาวยิ้มให้เขา ทำเอาคิ้วจ้าวหมิงอวี่พลันขมวดมุ่น หนวดปลอมกระตุกยิก
“ข้าถามเจ้าอยู่ ตอบ!” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดเต็มขั้นจนเก็บสีหน้าไว้ไม่ได้ เสียงขุ่นขึ้ง “หาไม่! ข้าจะ...”
ในขณะที่หลิ่งหลินไม่ใส่ใจสักนิด ยังคงพร่ำสอนเหมือนที่ชอบย้ำเตือนให้สมุนใต้อาณัติฟังในอดีต
“หากเจ้าจงรักภักดีต่อเจ้านายก็จงทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่มีใครปกป้องเราได้เทียบเท่าตัวเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่หากมันตึงมือเกินไป เจ้าก็ต้องรู้จักการยืมมือคนอื่น แม้การยืมมือคนอื่นเพียงเพื่อประโยชน์เป็นเรื่องที่โง่เขลา แต่สิ่งที่เจ้าถูกสั่งให้ทำหากไม่อยากทำเจ้าก็ต้องหาคนที่สามารถปกป้องเจ้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเภทภัยจากผู้บงการให้เจ้าต้องแบกรับการกระทำความผิด”
เรื่องนี้นางก็มักจะย้ำเตือนตนเองเสมอมาเช่นกัน
เพียงแต่เส้นทางนั้น ช่างยากเย็น
“คุณหนูที่เจ้าว่าคงเป็นว่านลู่ชิงกระมัง”เสี่ยวปาเบิกตา “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูสวีเพิ่งเข้ามาเรียน รู้ได้อย่างไร? แต่ช่างเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวปาทำเสียงกระซิบขยิบตายุกยิกพูดต่อ “แต่หากคุณหนูสวีคิดว่าองค์ชายสี่จะหลงกลก็อย่าได้กังวล เพราะข้ารายงานพระองค์ทุกกิริยาตามความเป็นจริงทุกประการเจ้าค่ะ”“เจ้าถูกส่งไปจับตาดูว่านลู่ชิงหรือ?”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่ไปคอยรับใช้ตามหน้าที่ชั่วคราวแทนนางกำนัลอีกคนที่ลาป่วย”“อ้อ...” หลิ่งหลินพลิกตัวห่มผ้าถึงคอหันหลังหนี “แต่กับข้า เจ้าถูกส่งมาจับตาดูโดยตรงกระมัง?”“หะ?” เสี่ยวปากะพริบตาปริบๆ “คุณหนูรู้หรือ?”หลิ่งหลินร้องเฮอะ “ปากเจ้าพูดไม่หยุด แต่ตาจ้องมองทุกอิริยาบถของข้าอย่างแน่วแน่ปานนั้น ขนาดยามนี้ยังนั่งเกาะขอบเตียงแน่น นับกระทั่งข้ากระพริบตากี่ครั้ง ไม่หลับไม่นอนหรือไร?”“...!?” “ไปเอาฟูกมานอนข้างเตียงข้าไป เฝ้าข้าใกล้ๆ นี่ล่ะ จะได้ไม่คลาดสายตา ดีหรือไม่?”เสี่ยวปายิ้มแห้ง “คุณหนู ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำ ท่านก็แค่อย่าไปไหนไกลตา ข้าจะได้ไม่ลำบากใจเจ้าค่ะ”“นอนเถอะ ข้าไม่ไปที่ใดหรอก ง่วงจะตาย”“เจ้าค่ะๆ”เสี่ยวปารีบลุกขึ้นไปเปิดตู้หอบเครื่องนอนมาตามสั่ง หลังจา
หลิ่งหลินไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่บ่าวระดับล่างจะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้านายชั้นสูงโดยไม่คิดเลื่อนฐานะตัวเองอีกอย่าง อาเป่าคงเป็นคนจำพวกเย่อหยิ่งเย็นชาและสมถะไม่สนฐานะทางสังคม ทุกคนย่อมมีเหตุผลแห่งตน ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ เฒ่าทารกเครายาวที่วันๆ เอาแต่ร่ำสุราเมามายริมถนน ทำตัวเหมือนยาจกเร่ร่อนไร้หลัก ยังเป็นถึงผู้เยี่ยมยุทธไร้แซ่ไร้นามแต่ฝีมือเก่งกล้าสามารถเป็นที่เลื่องลือแต่จะว่าไปแล้ว จ้าวหมิงอวี่เองก็กำพร้ามารดานี่นา คงมีปมในใจเดียวกันกระมังถึงมิแบ่งแยกชนชั้น แบบนี้ล่ะ นางถึงชอบเขา คิดไปคิดมา หลิ่งหลินนึกตกใจตัวเองอ๊ะ! ข้ากำลังคิดอันใด? ไม่ใช่เสียหน่อย! ไม่ได้ชอบ!“ส่วนนางกำนัลชิงเอ๋อร์ จวนสกุลหูรังเกียจอย่างยิ่ง” เสี่ยวปาถูกส่งมาให้จับตาดูคุณหนูสกุลสวีทุกย่างก้าว แต่ด้วยนิสัยช่างจำนรรจาจึงพูดคุยไม่หยุดนางทำปากยื่นเล่าต่ออีกว่า “แม้จะรับเป็นอนุให้บุตรชายก็จริงแต่ก็ทำอย่างจำใจ ชีวิตนางหลังจากนี้ย่อมไม่ดี เห็นว่าตอนนี้นายท่านหูกับฮูหยินหูจ้างบรรดาแม่สื่อเฟ้นหาภรรยาคนใหม่ให้หูซั่วอย่างยากเย็นแสนเข็นจนเลือดตาแทบกระเด็น ไม่มีบ้านใดอยากให้บุตร
“นั่นชุดนางกำนัลขั้นหนึ่ง”หลิ่งหลินแขวนคืนราวตากผ้า มองหาชุดใหม่ ครานี้เป็นชุดสีฟ้า ได้ยินอาเป่าพูดอีกว่า “นั่นชุดนางกำนัลขั้นสาม”หลิ่งหลินหยิบใหม่เป็นชุดสีชมพูเข้ม อาเป่าก็พูด “นั่นชุดนางกำนัลรุ่นใหญ่”หยิบใหม่อีกชุดเป็นสีชมพูอ่อน“ชุดนางกำนัลขั้นสอง”อีกชุดเป็นสีน้ำเงิน“นั่นชุดขันทีขั้นหนึ่ง”อีกชุดเป็นสีเทา“ชุดทหารยาม”“...”หญิงสาวเริ่มหงุดหงิดแล้ว “ใส่ไม่ได้สักชุดเลย?”“ใช่! แต่ละชุดบอกถึงตำแหน่งในตำหนัก” “ไม่ว่าชุดไหนก็ใส่เข้าเรียนไม่ได้ทั้งนั้นด้วยสินะ”“หากใส่เข้าเรียน ย่อมถูกตรวจสอบ”หลิ่งหลินกะพริบตาปริบๆ “เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่าข้าต้องเข้าเรียน”สายตาจ้าวหมิงอวี่สื่อนัยว่าแล้วเหตุใดเจ้าถามโง่ๆ “การแต่งกายของเจ้าชัดเจนว่าเป็นคุณหนูจากข้างนอก”“อ้อ...”จ้าวหมิงอวี่แค่นเสียงเตือนอีกว่า “หากถูกพบ แน่นอนมันไม่ยากที่จะถูกมองออกว่า ปลอม!”“...”เน้นคำว่าปลอมชัดเจนมาก หลิ่งหลินหมดคำจะเอ่ย “เอาอย่างไรดี? ข้าพลั้งมือทำร้ายคนเพราะช่วยเจ้านะ อาเป่า เจ้าต้องช่วยข้าคิดหาวิธีเอาตัวรอด”จ้าวหมิงอวี่หรี่ตา “ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วย” “แต่ข้าก็ช่วยไปแล้วไง” “...”หลิ่งหลินไม่ย
ตอนนั้นเขาพลาดท่าศัตรูบาดเจ็บสาหัสจากศึกหนักที่ถูกล่อหลอกเข้าทางตาจนและถูกลอบโจมตีไร้ทางหนีเมื่อหลุดพ้นจากคมธนูดุจห่าฝนจนเลือดอาบร่างกลับต้องผจญกับฝูงหมาป่าตัวเขื่องในถ้ำเร้นลับจู่ๆ สตรีชุดแดงผู้หนึ่งก็เข้ามา ฆ่าหมาป่าจนเหี้ยน แล้วยืนแสยะยิ้มสยองบนกองศพเหนือธารโลหิตแดงฉาน จากนั้นนางก็จับเขาขึ้นบ่า แล้วแบกออกมานอกถ้ำ พาฝ่าลูกธนูอันคมกริบอย่างบ้าระห่ำ สังหารมือธนูพวกนั้นอย่างอหังการจนตายเกลื่อน พื้นดินเจิ่งนองไปด้วยเลือด‘หนุ่มน้อย เดิมทีข้าไม่เคยช่วยเหลือใครมีแต่เข่นฆ่า เห็นแก่ที่เจ้ารูปงามหรอกนะ มารดาถึงช่วย’มารดา?ตอนนั้นเขารู้สึกเสียหน้าจนโกรธนางมาก แม้เพิ่งรู้ภายหลังว่านางแก่กว่าเขาถึงห้าปี แต่ครั้งแรกที่เจอกันใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยของนางล้วนบ่งบอกได้ดีว่ามิควรกล้าบังอาจขนาดนี้! อีกทั้งไม่เคยมีใครเคยเห็นเขาที่เป็นจอมทัพระดับพระกาฬตกอยู่ในสภาพอนาถ นางเป็นคนแรกและคนเดียวท้ายที่สุดจ้าวหมิงอวี่ก็จนใจกับความบังอาจนั้น เหมือนเช่นในครั้งนี้ ที่รู้สึกจนใจกับสตรีตรงหน้าเช่นกัน น่าเจ็บใจที่แผลเก่ากำเริบ เจ็บจนชาไม่หาย ขยับไม่ได้เสียที“ไปทางนี้”เขาบอกทางเสียงเรียบเมื่อถูกถามอีกครั้งว่าท
คำสั่งจากผู้อาวุโสคือให้ล่อลวงจ้าวหมิงอวี่แล้วฆ่าทิ้งในหุบเขาปีศาจ นางที่ยังไม่แกร่งพอจึงทำได้เพียงรังเกียจและขับไล่เขาให้จากไปโดยไวเขาก็เอาแต่ทำตัวเสแสร้งบอกนางว่าสามีผู้แข็งแกร่งย่อมทำตัวอ่อนแอต่อหน้าภรรยาให้คอยปกป้องดังนั้นหากตัวนางเองแข็งแกร่งเปี่ยมอำนาจมากพอ ย่อมปฏิเสธคำสั่งได้ ทั้งยังสามารถปกป้องเขาอย่างผ่าเผยได้ แล้วยามนี้เป็นอย่างไร เพราะนาง จ้าวหมิงอวี่ต้องถูกทำลายวรยุทธจนบาดเจ็บเจียนตาย ...และเพราะนาง ตอนนี้ ที่แคว้นต้าอันนี่ เขาในฐานะองค์ชายสี่ต้องเสแสร้งเข้มแข็งต่อหน้าผู้คน มิอาจเผยอาการบาดเจ็บเรื้อรังออกมาได้คิดถึงตรงนี้หลิ่งหลินก็ย้อนนึกถึงภาพจ้าวหมิงอวี่ในวันคัดเลือกศิษย์เข้าร่วมชั้นเรียน วันนั้นเขาเดินมานั่งตำแหน่งประธานในพิธีอย่างสง่างาม ทว่านางสังเกตเห็น ขาของเขาคู่นั้น สั่นเทาเล็กน้อยดูเถิด นางอยากจะบ้า!ว่าแต่ นางคิดถึงจ้าวหมิงอวี่ทำไมเนี่ย?หญิงสาวรีบสลัดความคิดที่ทำให้รู้สึกผิดทิ้งไป หันมาพูดกับอาเป่า “เฮ้อ ช่างเถอะๆ พูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจ” จ้าวหมิงอวี่ที่นั่งฟังประโยคก่อนนี้ของนางอย่างอึ้งๆพลันได้สติกลับมาเช่นกัน เขาสบถในลำคออย่างหัวเสียแต่แววตาหลิ่งหลิ
หลิ่งหลินฝังร่างตัวเองอยู่ในถ้ำจำลองอย่างมิดชิด ไม่มีใครเห็นเลยสักนิดนอกจาก....หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้ เหตุการณ์ทำร้ายองครักษ์กับนางกำนัลเมื่อครู่ ยังมีคนผู้หนึ่งเห็นอยู่ ไม่ได้การ ทิ้งพยานไว้โจ่งแจ้งมิได้ คิดแล้วก็รีบพุ่งตัวออกมาอีกรอบ แล้วจับตัวคนที่ยังคงนั่งนิ่งประหนึ่งเสาหินให้เข้าถ้ำไปด้วยอีกคนจ้าวหมิงอวี่ “...”ในถ้ำจำลอง หลิ่งหลินยังคงได้ยินเสียงผู้คนวุ่นวาย สุ้มเสียงเหล่านั้นกระจายไปทั่ว ตามหาคนร้ายจ้าละหวั่น นางเงี่ยหูฟังอย่างเงียบงัน ได้ยินคนด้านนอกถามตอบกันว่า“เจ้าเห็นสตรีผู้หนึ่งหรือไม่ นางอาจเป็นคนร้าย”“นางเป็นใคร”“ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นในตำหนักมาก่อน”“รูปพรรณสันฐานเป็นเช่นใด ข้าจะช่วยตามหา”“อายุราวสิบห้าสิบหก ผิวพรรณดี ใบหน้าสะสวย แตกต่างจากนางกำนัล จุดสังเกตปากแดง ดวงตากลมโต สวมชุดสีแดง”“ได้! ปากแดง ชุดแดง ไป! ช่วยกันตามหาให้ทั่ว”เสียงพูดคุยดังต่อเนื่อง คนกระจายตัว พร้อมข่าวนั้นที่กระจายออกไปอย่างทั่วถึงหลิ่งหลินนิ่วหน้า ชุดของนางโดดเด่นเกินไปเสียแล้ว จังหวะนั้นได้ยินคนด้านข้างถามเสียงขรึมว่า“เจ้าเป็นนักฆ่าปลอมตัวมาจริงหรือ?”หลิ่นหลินตอบเสียงเหนื่อย