โลกความจริงโหดร้ายเสมอ ต่อให้เก่งกาจปานใด กลับยังมีคนที่สามารถบงการชีวิตของเจ้าได้มิหยุดหย่อน
ดังนั้นเมื่อเจอคนชั่ว เจ้าต้องโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่า และหากปรารถนาครองใต้หล้าต้องตามหาเดรัจฉานสยบฟ้า
ยังต้องเลี้ยงดูสัตว์เทพ โปรดปรานอสูร เอ็นดูปีศาจ สืบสานอสรพิษแห่งตำนาน สำเร็จวิชามาร บงการจักรพรรดิ
เดรัจฉานสยบฟ้า สัตว์เทพ อสูร และปีศาจ อาจมิได้มาครองโดยง่าย ทว่าอสรพิษและวิชามาร ศาสตราปีศาจ ย่อมไม่ยากเย็นอันใด
เพื่อสุดยอดสรรพวิชาอันไร้เทียมทาน หลิ่งหลินจำต้องเสียสละความสุขส่วนตัวทั้งหมดที่มีในชีวิตฝึกฝนตนในถ้ำผนึกมารแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในจุดเร้นลับที่สุดและลึกที่สุด อยู่ในจุดของหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
วิชามารที่ฝึกฝนนั้นกึ่งบำเพ็ญตบะตามตำราบรรพการอันหายากยิ่ง และใต้หล้านี้เกรงว่าคงมีเพียงหลิ่งหลินที่ร่างกายมีพลังปราณแข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ถึงจะฝึกได้สำเร็จ
ทว่าสุดท้าย ความพากเพียรอันยาวนานหลายราตรี กินเวลากว่านับพันหมื่นวันกลับสูญเปล่า เมื่อจู่ๆ หลิ่งหลินพลันเกิดธาตุไฟเข้าแทรก บัดซบ!
หญิงสาวกระอักเลือดออกมา ดวงตาเบิกโพลง
นางไม่อยากเชื่อ
ทุกระดับขั้นที่ฝึกฝนตั้งแต่ต้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเกิดความผิดพลาดเช่นนี้
หลิ่งหลินมั่นใจมาก เป็นไปมิได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะคิดหรือคำนวณอย่างไร นางไม่มีทางผิดพลาด
เสี้ยวเวลาที่กำลังคิดนั้น ทั่วทั้งร่างรู้สึกถึงไอเย็นจัดเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งค้างแล่นลามไปตามกระแสเลือด
เย็นเยือกจนขยับเขยื้อนตัวมิได้
อั่ก! นางสำลักโลหิตออกมา
เลือดอุ่นจัดสีแดงขุ่นคลั่กเจิ่งนองพื้นถ้ำที่เย็นเยียบ จังหวะนั้นหยดเลือดพลันเกิดควันจางกลุ่มหนึ่งแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ชัดเจนแล้วว่าตนมิใช่แค่ธาตุไฟเข้าแทรก แต่กำลังถูกพิษจนเลือดในกายคล้ายกลายเป็นกรด
ใครกัน?
ชั่วเสี้ยวอึดใจนั้น คำถามห้วนสั้นเพียงชั่วแล่นคล้ายได้รับคำตอบทั้งหมด เป็นคำตอบเกินคาดฝัน เมื่อสตรีผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
นางเผยโฉมอันคุ้นตาท่ามกลางม่านพลังที่ก่อเกิดจากการฝึกวิชาขั้นสุดยอด
เจียเย่
สมุนคนสนิทข้างกายหลิ่งหลิน
เจียเย่มาพร้อมลูกแก้วตาทิพย์ในมือซึ่งถือมาวางลงตรงพื้นถ้ำที่เบื้องหน้าหลิ่งหลิน
ภาพที่ปรากฏในนั้นคือบนเตียงของห้องนอนหรูหราในเรือนแห่งหนึ่ง
บนเตียงสลักลวดลายร้อยบุปผานั้นมีเงาร่างสองสายกำลังกอดกระหวัดรัดรึงกันด้วยลีลารักร้อนอันถึงอกถึงใจ
ฝ่ายชายคือเขา หลิ่งเฮ่อ สามีของหลิ่งหลิน
ส่วนฝ่ายหญิงคือศิษย์ผู้น้องของสามี อี้เชี่ยน
น่ะ นี่มันอะไรกัน?
หลิ่งหลินถามทั้งน้ำตา
มิใช่เสียใจ แต่นางกำลังเจ็บปวดไปทั่วลำไส้ ตับ ม้าม และปอด เนื่องจากพิษร้ายกำลังแล่นลามไปทั่วร่างกาย
ช่างน่าแปลกที่มันไม่จู่โจมหัวใจ
อั่ก! หลิ่งหลินสำลักโลหิตอีกระลอก
เจียเย่เห็นเช่นนั้น นางค่อยๆ ผลิยิ้มเย็นเหยียดหยันให้กับความทรมานของผู้เป็นนายหญิง
แม้ราตรีล่วงพ้นทว่าช่วงกาลวสันต์ไม่จบสิ้นจ้าวหมิงอวี่ไม่มีทางคลายวงแขนจากหลิ่งหลิน เขายังคงตระกองกอดนางเอาไว้ แนบชิดไม่ให้ห่าง เรือนกายทอดยาวพัวพันดุจงูสองตัวเลื้อยเป็นเกลียว เนตรคมดำขลับลุ่มลึกทอดมองร่างอ่อนแรงของนางอย่างมิวางตา ริมฝีปากจุมพิตอย่างมิว่างเว้น ซับเหงื่อไปทั่วเรือนกายไม่มีเบื่อหน่ายหลายเค่อต่อมายังคงบรรจงลูบไล้เนื้อเนียน เห็นเนินอกอวบอิ่มกระเพื่อมไหวตามแรงลมหายใจ ทำบุรุษปั่นป่วนอีกครั้ง พลังเร้นลับถูกปลุกให้ตื่นผงาด แข็งแกร่งดุจหิน ร้อนดุจไฟ จุดเพลิงให้มอดไหม้พร้อมละลายร่างหลอมรวมไปด้วยกันอีกคราและอีกคราครั้นเปลวเทียนมอดดับ หลิ่งหลินเปลือยเปล่า หางตาแดงเรื่อ หอบหายใจหนัก ส่งเสียงครวญแผ่วตอบสนองเป็นครั้งคราว นางปรือตามองอย่างอ่อนล้า สุ้มเสียงคล้ายไม้ใกล้ฝั่ง ความตายใกล้เข้ามาทุกที“หมิงอวี่ ท่านต้องการสังหารข้าใช่หรือไม่?”จ้าวหมิงอวี่จูบนางพลางยิ้ม “หาใช่สังหาร แต่เป็นการมอบความทรมานอันแสนสุขสม” ว่าพร้อมส่งตัวตนพานางไต่ทะยานบันไดสวรรค์อันสูงชันขึ้นไปแตะขอบฟ้า “อา...น้องหญิง สามีกำลังปรนเปรอเจ้า”สุ้มเสียงทุ้มแหบพร่าชวนเสียวท้องน้อยยิ่งนัก หลิ่งหลินรู้สึกได้ถึงกลุ่มผ
ตำหนักหมิงเฟิ่งค่ำคืนมงคล ห้องหอตกแต่งสีแดงละลานตา เครื่องเรือนประณีตพิถีพิถันมากกว่าเก่าหลายเท่า ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าจ้าวหมิงอวี่ตระเตรียมไว้เพื่อใคร ชายหนุ่มหวังเพียงเห็นสีหน้าพึงใจของเจ้าสาวเพื่อได้ยลแววตาปลื้มปริ่มของนางที่ทอดมอง จ้าวหมิงอวี่จึงไม่ยินยอมรั้งรอในโถงงานเลี้ยง ไม่คิดร่วมดื่มสุราอวยพรกับบรรดาเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์และเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ให้เสียเวลาด้วยซ้ำ ชายหนุ่มรีบย่ำเท้าจ้ำอ้าวกลับเรือนหออย่างรวดเร็วทว่าเมื่อเดินเข้ามากลับพบเพียงสีแดงงามอร่ามกับความว่างเปล่าภายในห้องหอไร้เงาเจ้าสาวของเขา“หลินหลิน” เรียวคิ้วเข้มขมวดกวาดตามองหา “เจ้าอยู่ไหน?” ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มเคร่งเครียดชายหนุ่มให้รู้สึกกลัวขึ้นมา หากว่าจู่ๆ วิชามารไม่คาดฝันทำนางหายไป ต้องทำอย่างไร? อสูรผลัดกายเปลี่ยนวิญญาณพานางมาที่นี่ได้ย่อมพานางไปที่อื่นได้ ใช่หรือไม่?ขณะความคิดโลดแล่นในเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดพลันได้ยินเสียงตอบอู้อี้จากผ้าม่านริมเตียง“ข้าอยู่นี่”จ้าวหมิงอวี่รับหันมอง เห็นหลิ่งหลินซ่อนตัวอยู่ในผ้าม่านนั้นอย่างกลมกลืนราวกับเปลี่ยนกายเป็นเนื้อเดียวกับผ้าม่านไปแล้ว“เข้าไปทำอันใดใน
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน องค์ชายสามเดินทางกลับเข้าวังหลวงพร้อมผลงานความดีความชอบมากมายเป็นที่พึงพอพระทัยครึ่งเดือนต่อมาพิธีแต่งตั้งรัชทายาทก็เสร็จสิ้น องค์ชายสามจ้าวเฉิงหมิงรับตำแหน่งว่าที่ราชันดังคาด องค์ชายใหญ่ที่คิดจะเดินอย่างองอาจงามสง่าหมายประกาศก้องว่าตนเองเหมาะสมเป็นรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวกลับต้องตรมใจยอมเป็นคนป่วยต่อไปเหมือนที่ผ่านมา มิคาดว่านอกจากน้องสี่ยังมีน้องสามโผล่มา ต่อให้เขาเดินได้ก็ใช่ว่าจะสู้ด้วยไหวสี่เดือนให้หลัง แคว้นต้าอันมีงานอันเป็นมหามงคลยิ่งใหญ่ ผู้คนทั้งเมืองต่างรอชื่นชมอย่างครึกครื้นชื่นมื่น นั่นคืองานแต่งขององค์ชายสี่จ้าวหมิงอวี่เครื่องดนตรีประโคมดัง เสียงปะทัดดังกึกก้องไปทั่วทั้งถนน เสียงผู้คนชื่นชมยินดีไม่ขาดสาย ชายหนุ่มอาภรณ์แดงเป็นผู้นำขบวนเกี้ยวสีแดงขี่ม้ารอบเมืองไปรับตัวเจ้าสาวของเขาอย่างอลังการ ขบวนยิ่งใหญ่ยาวเหยียดตรงไปถึงจวนสวีตามฤกษ์งามยามดีทุกประการ งานแต่งของพวกเขาแม้รวดเร็วเพราะผู้เป็นเจ้าบ่าวใจร้อนแต่กลับเหมาะสมครบถ้วน ทุกขั้นตอน พิธีการล้วนถูกต้องไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกทั้งคนเป็นเจ้าบ่าวยังแสดงออกชัดเจนอย่างเถรตรงจนเป็นที่กล่าว
“ใช่ องค์ชายทั้งหมดมีเพียงพี่สามที่เหมาะสม เสด็จพ่อเองก็คงเห็นพ้อง พระองค์ชอบความครึกครื้นเห็นโอรสแย่งชิง แต่แท้จริงมักมอบหมายงานสำคัญ ทั้งยังส่งองค์ชายสามไปทำการใหญ่ที่ได้ใจชาวประชา ก่อนนี้ที่มีข่าวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยล้วนเป็นเพราะถูกพี่รองปองร้ายตามไล่ล่าไม่ว่างเว้น เมื่อข้ารู้ ข้าจึงซ้อนแผนพี่รอง และตอนนี้ข้าให้พี่สามกลับมา” เขาอธิบายเรียบเรื่อย ก่อนปิดท้ายด้วยวาจาโอ้อวดที่น่าฟังที่สุดในใต้หล้า “และช่วงนี้ข้าว่างมาก สามารถพาเจ้าท่องยุทธก็ยังได้”“หา!” หลิ่งหลินที่ได้ฟังทั้งหมด ทว่าพลันตาโตในประโยคสุดท้ายเท่านั้น “ท่าน พูดจริงหรือ?”“จริงแท้แน่นอน นอกจากพาท่องยุทธได้แล้วยังสามารถพาเจ้ากลับเข้าหุบเขาปีศาจไปสะสางสิ่งที่ค้างคาใจ ดีหรือไม่เล่า?”“โอ้ว!”หลิ่งหลินดีใจเป็นที่สุด ถึงขั้นเป็นฝ่ายเอื้อมมือดึงใบหน้าบุรุษเข้ามาแนบชิดแล้วจุมพิตไม่หยุด“ดีเหลือเกิน หมิงอวี่ ท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก”จ้าวหมิงอวี่ถูกนางจูบไปหลายทีจนตาลาย จำต้องขบกรามอดทนให้แก่ส่วนนั้นของร่างกาย ซึ่งกำลังรุ่มร้อนและแข็งแกร่งมากขึ้นทุกขณะ “อ่า...หยุดก่อน หลินหลิน เจ้าหยุด!”“ทำไมเล่า ท่านชอบแบบนี้นี่นา” ว่าแล้วจูบต่
เรือนหงซิ่วจ้าวหมิงอวี่คืบคลานขึ้นเตียงของหลิ่งหลิน ค่อยๆ สอดตัวเข้าผ้าห่มผืนเดียวกัน ทว่าทันใดนั้น สตรีบนเตียงมีท่าทางกระสับกระส่าย คล้ายคนฝันร้าย พริบตานางพลันตะโกนก้อง “สวีหลิ่งเยี่ยน ระวัง!” จบคำนางพลิกตัวออกกระบวนท่าพร้อมปกป้องโครม! บุรุษร่างสูงถูกฝ่าเท้าพิฆาตดุจสายฟ้าฟาดจนกลิ้งตกเตียง “อ่า...” ทั้งเจ็บทั้งจุก จังหวะนั้นหลิ่งหลินผุดลุกตามตะปบตบไม่ยั้ง “เจ้าคนชั่ว บังอาจทำร้ายร่างเก่าข้า นี่แนะๆ”จ้าวหมิงอวี่เองก็ใช่ย่อย ครั้งแรกไม่ทันป้องกัน ทว่าตอนนี้เขาปัดป้องได้สำเร็จจากนั้นก็กอดนางไว้มั่น“หลินหลิน ข้าเอง”หลิ่งหลินที่สะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นจึงหยุดมือ “หือ?” เมื่อลืมตาแล้วเห็นว่าเป็นใครจึงตกใจนัก “จ้าวหมิงอวี่!”หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกยาว เร่งครองสติ เมื่อสงบอารมณ์ได้ก็พลิกตัวหันไปโผกอดลำคอแกร่ง “หมิงอวี่!”“ข้าเองๆ”หญิงสาวซบหน้ากับแผงอกอันอบอุ่นของเขา แนบนิ่งอยู่เช่นนั้นจ้าวหมิงอวี่ให้รู้สึกใจคอไม่ดี รีบก้มหน้าจูบขมับหอมแก้มนางพัลวันอย่างต้องการปลอบขวัญ “เจ้ากำลังฝันร้ายกระมัง”“อืม...” นางพยักหน้าหงึกหงักตรงแผงอกหนา จนใบหน้าและจมูกบิดเบี้ยวเหมือนเด็กน้อยขี้กลัว
จ้าวหมิงอวี่ดึงมีดสั้นเปื้อนโลหิตแดงฉานออกมาจากสายคาดเอวสีดำ เชยคางมนของคนงาม ถามเสียงเย็นชา “เจ้ายังปรารถนาแต่งงานให้ข้าอยู่หรือไม่?”หย่งหนิงไม่กล้าส่ายหน้าได้แต่ร่ำไห้พูดละล่ำละลักขณะที่ตัวก็สั่นงันงกไปด้วยว่า “ไม่เพคะ ไม่อยากแต่งแล้ว”จ้าวหมิงอวี่ขยับใบมีดเย็นเฉียบไล้แก้มเนียนเบาๆขณะกล่าวยิ้มๆ “เรื่องที่ท่านย่ากับเจ้าทำลงไป ท่านปู่ไม่รู้กระมัง หากเขารู้เข้าจะเป็นเช่นไร”หย่งหน้าส่ายหน้าพรืด “อย่าบอกนะเพคะ”ชายหนุ่มร้องอ้อ “ได้ข่าวว่าท่านปู่ของเจ้าไม่มีอนุเพราะสัญญากับท่านย่าของเจ้า สามีภรรยารักใคร่ อยู่ด้วยกันทุกวัน ข้าเสนอต่อเสด็จพ่อให้ท่านปู่ของเจ้าเข้าร่วมทัศนาจรกับข้าสักสามปีดีหรือไม่ สามีภรรยาแยกกันเนิ่นนานอาจทำให้ท่านย่าของเจ้ามีสติปัญญามากขึ้น รู้การควรไม่ควรกว่านี้ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่”“อย่านะเพคะ ไม่นะเพคะ” ท่านย่าของนางไม่เคยห่างจากท่านปู่สักราตรี อีกฝ่ายต้องตรอมใจตายแน่“อืม...” จ้าวหมิงอวี่ยิ้มร้าย “ยามท่านปู่ไม่อยู่ ท่านย่าอยู่กับเจ้าแค่สองคน เจ้าสามารถยืมมือท่านย่าทำการเอาแต่ใจได้อีก ไม่ดีหรือไร? ท่านปู่ไม่รู้หรอก”“ไม่ๆ ไม่ดี หม่อมฉันไม่เอาแต่ใจแล้วเพคะ”จ้าวหมิ