Share

ตอนที่22ปะทะ

last update Last Updated: 2025-08-04 09:29:32

เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่นท่ามกลางความเงียบงันของยามราตรี ร่างสองร่างเคลื่อนไหวเร็วราวภาพลวงตา

ทั้งสองพลิกตัวหลบ ปะทะ ตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าต่างฝ่ายล้วนเฉียบคมราวคนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี

แต่ไม่มีใครยอมปริปาก ต่างคนต่างแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือศัตรู เสียงลมพัดแรงขึ้น ใบไม้ร่วงโรยปลิวว่อนตามแรงปะทะ

ชายชุดดำไม่พูดจา สีหน้าภายใต้ผ้าคลุมยังคงนิ่งสนิท แต่ท่วงท่าของเขากลับเฉียบขาดและทรงพลัง ทุกการโจมตีแฝงไว้ด้วยพลังลมปราณที่อัดแน่น ราวกับจะทะลวงทะลายสิ่งใดก็ตามที่ขวางทาง

ดาบสั้นของเขาแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีด เส้นผมของอวี้หลันปลิวสะบัดจากแรงลมที่ตามมากับคมกระบี่

แต่ถึงจะไร้วรยุทธ์ อวี้หลันกลับไม่หวั่นไหว

ร่างบางของนางพลิกหลบอย่างแม่นยำ ไม่มีพลังภายใน ไม่ได้เหินฟ้าหรือพุ่งตัวเหมือนยอดฝีมือในยุทธภพ หากแต่ทุกก้าว ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแม่นยำและเฉียบขาดราวกับถูกฝึกมาเป็นพันครั้ง

มีดสั้นในมือนางเคลื่อนไหวรวดเร็วเฉียบคม เจาะจงจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์ทุกส่วนโดยไม่ลังเล

ชายชุดดำขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้คาดว่าจะเจอกับใครที่นี่ โดยเฉพาะโจรชุดดำท่าทางเฉียบคมในยามดึกสงัดเช่นนี้

หมัดนั้นไม่หนัก แต่เฉือนเข้าที่จุดเส้นเอ็น

ดาบนั่นไม่มีลมปราณ แต่ถ้าชักช้าเพียงเสี้ยวเดียว เขาคงโดนแทงทะลุชายโครงแล้ว

เขาเริ่มตระหนักได้ว่าคนตรงหน้าฝีมือไม่ธรรมดา และมิใช่โจรกระจอกอย่างที่คิด อีกฝ่ายราวกับเกิดมาเพื่อฆ่า

แม้ไม่มีพลังภายใน แต่กลับมี สัญชาตญาณสังหาร ที่แหลมคมดุจสัตว์นักล่า ท่วงท่าทุกอย่างไม่ใช่เพียงป้องกันตัว แต่เป็นการฆ่าอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และไร้ความลังเล

ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น นี่มัน... มือสังหารโดยแท้

ส่วนอวี้หลันเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ร่างสูงที่พุ่งเข้าใส่นางดุดันราวพายุกรรโชก พละกำลังมากกว่าผู้ชายทั่วไปหลายเท่า หากนางเสียสมาธิแม้เพียงเสี้ยววินาที คงไม่มีโอกาสได้ถอนหายใจอีก

แต่ด้วยประสบการณ์ที่เคยเดินในโลกของความตายมานับไม่ถ้วน นางย่อมรู้ดีว่า นักฆ่าที่ดี ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นผู้ที่อยู่รอดได้มากที่สุด

เสียงกระบี่ปะทะกับกริชสั้นดังก้องสะท้อนไปทั่วมุมกำแพง ร่างทั้งสองยังคงประมือกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ลมพัดแรงขึ้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ราวกับสวรรค์เองก็กำลังจับจ้องศึกนี้อย่างไม่กระพริบตา

การปะทะยังดำเนินไปอย่างดุเดือด แม้ไม่มีคำพูดหลุดจากปากของคนทั้งสอง แต่ความร้อนแรงจากการฟาดฟันกลับยิ่งทวีความตึงเครียดในอากาศ

อวี้หลันหมุนตัวหลบกระบี่เฉียดใบหูอย่างฉิวเฉียด ก่อนจะตอบโต้ด้วยการแทงสวนเข้าใส่ลำคอของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ทว่าเขากลับยกมือปัดแนวมีดออกได้ทัน

เสียงโลหะเสียดสีกันแสบหู

การต่อสู้อยู่ในระยะประชิดจนน่าหวาดเสียว ร่างของทั้งสองพันตวัดเข้าหากันอย่างรวดเร็วราวการเต้นรำของเงา

ในจังหวะหนึ่ง เมื่ออวี้หลันสะบัดมีดออกอีกครั้ง ชายชุดดำก็พลันขยับร่างเข้ามาใกล้เกินคาด เขาเอี้ยวตัวหลบมีด แล้วมือข้างหนึ่งยื่นออกไปดักทิศทางการเคลื่อนไหวของนางอย่างไร้ความลังเล

ทว่า...

ฝ่ามือนั้นกลับทาบเข้ากลางอกของอวี้หลันพอดิบพอดี!

เขาชะงักงันทันที!

ความตระหนกไหลวูบผ่านดวงตาใต้ผ้าคลุมอย่างชัดเจน ร่างแข็งทื่อไปเสี้ยววินาที ไม่ใช่เพราะแรงสะเทือน แต่เพราะสัมผัสนั้น ทำให้เขารู้ว่าคนตรงหน้า ไม่ใช่บุรุษอย่างที่เข้าใจ

และในชั่วพริบตาที่เขาเสียสมาธิ

อวี้หลันไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้สูญเปล่า

มือเรียวสะบัดมีดสั้นตวัดเฉียงเข้าใส่ซี่โครงอย่างไม่ลังเล เส้นทางของคมมีดแฝงแรงสังหารเต็มเปี่ยม

ชายชุดดำสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบเบี่ยงตัวหลบในเสี้ยววินาที มีดเฉียดผ่านหน้าอกของเขาอย่างเฉียดฉิว

แต่...

แรงสะบัดของนางกลับไปเกี่ยวเข้ากับปลายผ้าคลุมหน้าของเขาเข้าอย่างจัง

ผ้าสีดำที่คลุมใบหน้าแน่นหนาหลุดออกโดยไม่ทันตั้งตัว ปลิวว่อนลงสู่พื้นในจังหวะที่ลมพัดโหมเข้าใส่พอดิบพอดี

เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์สลัว

ใบหน้าคมสันชัดเจนทุกสัดส่วน จนยากจะละสายตา ดวงตาดุดันเฉียบลึก คิ้วหนาคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับแนวกรามคมชัดที่แข็งแรงแต่ไม่หยาบกร้าน ทว่าสายตากลับเย็นชาเฉียบคม ริมฝีปากได้รูปที่เม้มเล็กน้อยนั้น ทำให้เขาดูเคร่งขรึมยิ่งขึ้นอีก

เขาไม่ใช่บุรุษรูปงามตามแบบฉบับคุณชายในเมืองหลวง หากแต่เป็นความหล่อเหลาคมเข้มที่เยือกเย็นและทรงอำนาจ ราวกับมีแรงกดดันบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ

แววตาเย็นชาราวคมมีดที่มองตรงมาเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยภูเขาน้ำแข็ง ทว่าภายใต้ความเย็นชานั้นกลับซ่อนบางสิ่งที่ลึกลับ น่าค้นหา และอันตรายอย่างน่าประหลาด เหมือนเงาของพยัคฆ์ที่ซ่อนตัวในความมืด ซุ่มรอเพียงจังหวะเดียว เพื่อสะบัดกรงเล็บออกมาอย่างไร้ความปรานี

อวี้หลันชะงักไปเล็กน้อย หัวใจของนาง... เต้นผิดจังหวะไปเสี้ยววินาที

ไม่ใช่เพียงเพราะหน้าตาของอีกฝ่าย หากแต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่แล่นวูบผ่านหัวใจ ก่อนฝ่ามือบอบบางจะตบเข้าใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง อาศัยช่วงจังหวะหนึ่งปาระเบิดควันของฉิงปา แล้วหลบหนีไป

ชายชุดดำผงะเล็กน้อย ดวงตาของเขาเบิกขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม

เมื่อหมอกควันจางลงจนหมด ความเงียบงันปกคลุมรอบกาย ชายชุดดำยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่ายไป

สายลมยามราตรีพัดเฉียดใบหน้าเบาๆ มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นแตะตรงแก้มที่เพิ่งโดนตบเมื่อครู่ สัมผัสแผ่วเบา แต่ความรู้สึกกลับแจ่มชัดราวเพิ่งเกิดขึ้น ตรงจุดที่ถูกตบนั้นยังอุ่นวาบ

"สตรีผู้นั้น... ไม่ธรรมดา"

นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีใครกล้าลงมือกับเขาเช่นนี้ แล้วรอดกลับไปได้โดยไม่โดนตอบโต้

ไม่ใช่เพราะแรงตบนั้นทำให้เขาโกรธ ไม่ใช่เลย

สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจ ไม่ใช่ฝ่ามือนั้น แต่เป็น... แววตา

ดวงตาคู่นั้นมีบางสิ่งที่ทำให้เขาสะดุดในใจ

ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

เขาเคยเห็นแววตาแบบนั้นมาก่อนอย่างแน่นอน

ใต้ความเงียบสงัดของค่ำคืน ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มฉายแววบางอย่างที่ยากจะคาดเดา ไม่ใช่ความโกรธ แต่กลับเป็น ความสนใจปนประหลาดใจเล็กน้อย

เพียงเสี้ยวอึดใจ เงาดำสองร่างก็ปรากฏขึ้นจากมุมมืดใต้เงาไม้ ราวกับรออยู่ในเงามืดมาตลอด พร้อมจะรับคำสั่งทุกเมื่อ

ทั้งสองคุกเข่าลง ก่อนเอ่ยเสียงเบา

"จะให้ตามหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

"ไม่ต้อง"

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่ทุ้มลึกทรงอำนาจ

เขายืนพิงต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้ลมเย็นพัดชายเสื้อเบาๆ สายตายังคงมองไปยังทิศทางที่สตรีนางนั้นหายลับไป

ริมฝีปากของเขาขยับอีกครั้ง เอ่ยเบาๆ ราวกระซิบกับตนเอง

"ไว้พบกันคราวหน้า เจ้าจะไม่มีโอกาสหนีง่ายเช่นนี้อีก"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่22ปะทะ

    เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่นท่ามกลางความเงียบงันของยามราตรี ร่างสองร่างเคลื่อนไหวเร็วราวภาพลวงตาทั้งสองพลิกตัวหลบ ปะทะ ตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าต่างฝ่ายล้วนเฉียบคมราวคนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีแต่ไม่มีใครยอมปริปาก ต่างคนต่างแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือศัตรู เสียงลมพัดแรงขึ้น ใบไม้ร่วงโรยปลิวว่อนตามแรงปะทะชายชุดดำไม่พูดจา สีหน้าภายใต้ผ้าคลุมยังคงนิ่งสนิท แต่ท่วงท่าของเขากลับเฉียบขาดและทรงพลัง ทุกการโจมตีแฝงไว้ด้วยพลังลมปราณที่อัดแน่น ราวกับจะทะลวงทะลายสิ่งใดก็ตามที่ขวางทางดาบสั้นของเขาแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีด เส้นผมของอวี้หลันปลิวสะบัดจากแรงลมที่ตามมากับคมกระบี่แต่ถึงจะไร้วรยุทธ์ อวี้หลันกลับไม่หวั่นไหวร่างบางของนางพลิกหลบอย่างแม่นยำ ไม่มีพลังภายใน ไม่ได้เหินฟ้าหรือพุ่งตัวเหมือนยอดฝีมือในยุทธภพ หากแต่ทุกก้าว ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแม่นยำและเฉียบขาดราวกับถูกฝึกมาเป็นพันครั้งมีดสั้นในมือนางเคลื่อนไหวรวดเร็วเฉียบคม เจาะจงจุดอ่อนของร่างกายมนุษย์ทุกส่วนโดยไม่ลังเลชายชุดดำขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้คาดว่าจะเจอกับใครที่นี่ โดยเฉพาะโจรชุดดำท่าทางเฉียบคมในยามดึกสงัดเช่นนี้หมัดนั้นไม่หนัก แต่เฉือนเข้า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่21ลอบออกจากจวน

    ค่ำคืนนี้ แสงจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านเมฆ บรรยากาศทั่วจวนตระกูลอวี้เงียบงัน ทุกคนต่างหลับสนิท ราตรีช่างสงบเงียบเสียจนได้ยินเสียงลมพัดไหวปลายไม้ได้อย่างชัดเจนแต่ภายในห้องนอนใหญ่ของเรือนฮวาหง กลับยังมีความเคลื่อนไหว แสงตะเกียงริบหรี่เพียงพอให้เห็นเงาร่างบางที่กำลังยืนหน้ากระจกอวี้หลันอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีดำสนิท แขนยาวคลุมข้อมือ ชายเสื้อแนบลำตัว ปกปิดรูปร่างโดยสมบูรณ์ ปิดหน้าครึ่งล่างด้วยผ้าคลุมสีดำมิดชิด เส้นผมถูกรวบสูงอย่างคล่องตัว ดวงตาคมเรียบนิ่งกวาดมองตนเองจากศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพอใจ มือหนึ่งเหน็บกริชสั้นไว้แนบเอว อีกมือถือแผนที่เล็กๆ ของจวนอวี้และแผนที่เมืองหลวงที่ฉิงอีวาดขึ้นมา อย่างที่บอกว่าคนของนางแต่ละคนล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดา แม้กระทั่งสตรีฉิงอี บุตรสาวของบัณฑิตที่ถูกปล้นฆ่ายกตระกูลจนเหลือเพียงนางผู้เดียว หญิงสาวผู้รู้หนังสือ วาดแผนที่ได้ดุจช่างหลวง รูปลักษณ์ของนางดูเรียบง่าย ผิวขาวจัด มือเรียวยาวนั้นเต็มไปด้วยรอยหมึกเก่าใหม่ปะปนกัน แม้จะมิใช่ผู้ฝึกวรยุทธ์ แต่ความสามารถของนางกลับทำให้ทุกคนต้องเหลียวมองฉิงอีอ่านออกเขียนได้คล่องแคล่ว ใช้พู่กันอย่างคนที่เคยผ่านตำราไม่ต่ำกว่าร้อยเล่ม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่20กองกำลังของอวี้หลัน

    ศึกภายนอกก็เข้มข้น ศึกภายในก็ดุเดือด อวี้หลันได้แต่นั่งกุมขมับ ถอนหายใจเงียบๆ อย่างคิดไม่ตก เพราะไม่รู้ว่าปัญหาจะหล่นใส่หัวของนางวันไหน รู้ดีว่าตนไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ต่อให้ไม่อยากเล่นเกมนี้ ต่อให้ไม่อยากเกี่ยวข้องกับอำนาจ แต่โลกใบนี้ก็ไม่มีที่ให้สตรีอย่างนางได้ยืนอย่างปลอดภัย โดยไม่ถือดาบอยู่ในมือ อวี้หลันยกถ้วยชาแนบปลายริมฝีปาก รสขมของมันทำให้นางตื่นเต็มตาหากต้องอยู่ในกระดาน ก็จงเป็นผู้ที่ เดินหมาก ไม่ใช่ หมากที่ถูกเดินช่วงนี้แม้ภายในจวนจะดูสงบ เซิ่งซื่อกับอวี้เหมยต่างก็เก็บเนื้อเก็บตัว เก็บหัวเก็บหางเงียบสงบอยู่แต่ในเรือนไม่ออกมาเพ่นพ่าน แต่นั่นแหละที่ทำให้นางยิ่งไม่ไว้ใจยิ่งเงียบ... ยิ่งน่ากลัวเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนใดกันอยู่หรือไม่ นางรู้ดีว่าเซิ่งซื่อไม่มีทางยอมวางมือง่ายๆ แน่ ดังนั้นตอนนี้นางจึงส่ง ฉิงอู่ เด็กหนุ่มที่ช่างสังเกต ปราดเปรียว มีสายตาเฉียบไวและไหวพริบยอดเยี่ยม คอยจับตาความเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นอย่างใกล้ชิด หลังจากรับบ่าวทั้งสิบเข้ามา อวี้หลันก็ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาแต่ละคน ยิ่งได้ฟังเรื่องราวในอดีต ยิ่งทำให้นางประหลาดใจไม่หยุด ใครจะไปคิดว่าแต่ละค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่19องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง

    "พับสีฟ้ากับสีชมพู ใช้ตัดเป็นชุดสตรี ส่วนพับสีน้ำเงินกับสีเขียวนั่น ใช้ตัดเป็นชุดบุรุษก็แล้วกัน"อวี้หลันเอ่ยเสียงเรียบ ขณะใช้สายตากวาดมองผ้าพับที่กางเรียงอยู่ตรงหน้านางกำลังสั่งให้ ฉิงอี ฉิงซื่อ และฉิงลิ่ว ซึ่งเป็นบ่าวที่พึ่งรับเข้ามา ช่วยกันคัดเลือกผ้าเพื่อส่งให้ร้านอาภรณ์ประจำจวน ตัดเย็บให้กับบ่าวทุกคนในเรือนฮวาหงคนละห้าชุดคนที่นางเลือกเข้ามา เป็นบุรุษหกคนและสตรีสี่คน พวกเขาต่างเป็นคนหนุ่มสาวที่ดูปราดเปรียว กระฉับกระเฉง ทั้งหมดล้วนมีสายตาซื่อตรง ไหวพริบดี และมีวินัยในการวางตัว และเพื่อให้เรียกขานได้สะดวก สามารถจดจำได้ง่าย นางจึงมอบชื่อใหม่ให้แก่ทุกคน โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฉิง” ซึ่งหมายถึงความบริสุทธิ์ผ่องใส เช่นเดียวกับฉิงหว่าน ฉิงอี ฉิงเอ้อ ฉิงซาน ฉิงซื่อ ฉิงอู่ ฉิงลิ่ว ฉิงชี ฉิงปา ฉิงจิ่ว และฉิงสือ ชื่อเรียกตามลำดับจากหนึ่งถึงสิบ เป็นชื่อที่ฟังง่าย จดจำง่ายอย่างยิ่ง"คุณหนูน้ำชากับของว่างเจ้าค่ะ"ฉิงจิ่ว เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา น้องน้อยที่สุดในบรรดาบ่าวทั้งหมด ยกถาดน้ำชาและของว่างเข้ามาให้ผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มน่ารักมองๆ ไปเด็กคนนี้ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับฉิงหว่านของนางอยู่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่18คัดเลือกบ่าวเข้าเรือน

    หลังจากเรื่องสินเดิมของมารดาถูกสะสางเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันรุ่งขึ้นอวี้หลันก็มาถึงเรือนหลักตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่บิดาของนางจะออกจากจวน ภายในห้องหนังสือกลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง รองเสนาบดีอวี้จิ้งเพิ่งนั่งลงจิบชาร้อน ยังไม่ทันจะวางจอกชา บ่าวคนสนิทก็เดินเข้ามารายงาน"คุณหนูรองมาขอพบขอรับ"ซูถัวเอ่ยบอกผู้เป็นนายเสียงเรียบอวี้จิ้งเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ในแววตาก็เจือไปด้วยความรู้สึกยินดี ก่อนจะเอ่ยอนุญาตเสียงนุ่ม "ให้นางเข้ามาเถอะ"เมื่อเห็นบุตรีคนรองก้าวเข้ามาพร้อมท่าทีสงบ สุภาพเรียบร้อย ดวงตาของอวี้จิ้งก็เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู"หลันเอ๋อร์ มีเรื่องอะไรหรือ ถึงได้มาหาพ่อแต่เช้า"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ใบหน้าแฝงรอยยิ้มบาง เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นอวี้หลันย่อกายลงทำความเคารพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น"ลูกอยากขออนุญาตท่านพ่อ ออกไปหาซื้อทาสเข้าเรือนเจ้าค่ะ"อวี้จิ้งวางจอกชาลง มองบุตรีด้วยแววตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเมตตา"เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปด้วยตัวเองหรอก ประเดี๋ยวพ่อจะให้ซูถัวติดต่อพ่อค้าทาส แล้วให้พวกเขาพาทาสมาให้เจ้า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่17เศรษฐีผู้หนึ่ง

    หลังจากงานเลี้ยงที่จวนรองเสนาบดีอวี้ผ่านพ้นไป ภายในเมืองหลวงก็ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ คุณหนูรองสกุลอวี้ อวี้หลันหญิงสาวที่เคยเงียบงันและจืดจางในสายตาผู้คน ที่เดิมทีเป็นเพียงบุตรีของภรรยาเอกผู้ล่วงลับของท่านรองเสนาบดี และตระกูลเดิมของมารดาคือตระกูลขุนนางต้องโทษ ไม่มีผู้ใดใส่ใจว่านางหายหน้าหายตาไปตั้งแต่เมื่อใด หรือแม้แต่นึกถึงชื่อของนางด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงชื่อของคุณหนูรองอวี้หลัน กลับกลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในทุกวงสนทนา ตั้งแต่โรงน้ำชา ร้านเครื่องหอม ร้านเครื่องประดับ ไปจนถึงหออาภรณ์ เรื่องราวของนางกลายเป็นหัวข้อโปรดในหมู่สตรีชนชั้นสูง และแม้แต่เหล่าขุนนางฝ่ายในก็ยังเอ่ยถึงโดยเฉพาะเมื่อมีคนขุดคุ้ยเรื่องเก่าเกี่ยวกับการหมั้นหมายในอดีตขององค์ชายห้าขึ้นมากระทั่งกลายเป็นเรื่องเล่าในหมู่ชาวบ้านชาวเมือง ผู้คนเริ่มเล่าเรื่องด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน แรกเริ่มก็พูดกันเพียงเล่นๆ ทว่าพอเล่ากันปากต่อปาก เรื่องราวกลับยิ่งทวีความเข้มข้น แต่งเติมสีสันกันไปคนละทาง จนสุดท้ายมันกลายเป็นตำนานรักสามเส้าระหว่างองค์ชายห้ากับบุตรีตระกูลอวี้ทั้งสองไปๆ มาๆ เรื่องราวเหล่านั้นก็ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status