Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่46อัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

Share

ตอนที่46อัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

last update Last Updated: 2025-09-16 12:45:11

ในที่สุดก็เป็นดังที่หลายคนคาดเดาเอาไว้ อวี้จิ้งได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครเสนาบดีกรมพิธีการ อย่างเป็นทางการ

ข่าวประกาศแต่งตั้งแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่า อวี้จิ้งเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยิ่ง ทั้งด้วยคุณงามความดีและสติปัญญาที่แสดงให้เห็นมาตลอดหลายปี

วันประกาศราชโองการ ท้องพระโรงคลาคล่ำด้วยขุนนางผู้ใหญ่ ขณะที่อวี้จิ้งสวมอาภรณ์เต็มยศก้าวออกมาคำนับรับพระราชโองการด้วยท่วงท่าสง่างาม สายตาหลายคู่จับจ้องด้วยความยินดีและความอิจฉา

ขุนนางในราชสำนักต่างก็เริ่มจับตามองบทบาทใหม่ของอวี้จิ้ง ขณะที่บรรดาขุนนางบางกลุ่มที่เคยคิดว่าตระกูลอวี้จะโรยราไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลไป๋ กลับต้องเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่

จากวันนี้ไป ตระกูลอวี้ย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ และชื่อของอวี้จิ้งจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอัครเสนาบดีที่เปี่ยมด้วยบารมีที่สุดแห่งยุค

ราชสำนักที่เคยสงบเงียบพลันเต็มไปด้วยกระแสใต้น้ำที่กำลังปะทุ

เพราะอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนจับตามองมากที่สุด คือคนผู้นี้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งใดในศึกแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท

หากเป็นก่อนหน้านี้ การที่ตำแหน่งอัครเสนาบดีกรมพิธีการตกมาอยู่ในมือของอวี้จิ้ง ขุนนางที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่พ่อตาขององค์ชายห้า ย่อมถือเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อดุลอำนาจในราชสำนักอย่างรุนแรง

แต่ในยามนี้กลับต่างออกไป

เดิมทีตำแหน่งสำคัญนี้ว่างลงจากการที่อัครเสนาบดีคนเก่า ซึ่งดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน เริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง จนในท้ายที่สุดก็มิอาจฝืนภาระหน้าที่อันหนักหน่วง

และคนผู้นั้น คือเสาหลักของฝ่ายสนับสนุนองค์ชายใหญ่ ถือเป็นขุนนางอาวุโสที่ยืนอยู่ข้างองค์ชายใหญ่มาโดยตลอด มีอิทธิพลในหมู่ขุนนางสายอนุรักษนิยมและทหาร เขาพยายามผลักดันคนของตนให้ขึ้นแทนที่มาตลอดหลายปี แต่แล้วเหตุใดจึงยอมถอยให้อวี้จิ้งอย่างง่ายดายเพียงนี้

นั่นไม่ใช่เพราะข่าวลือเรื่องขององค์ชายใหญ่กับบุตรสาวคนรองของเขาที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วอยู่ในขณะนี้หรอกหรือ 

ในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งอัครเสนาบดีคนใหม่ ท่ามกลางเสียงเครื่องสายอ่อนหวานและกลิ่นสุราหอมกรุ่น บรรดาขุนนางและสตรีสูงศักดิ์ต่างลอบส่งสายตาไปยังมุมหนึ่งของงานแทบจะพร้อมกัน

องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงในชุดเต็มยศสีเข้มสง่างาม ยืนเคียงข้างคุณหนูรองอวี้ไม่ห่างแม้เพียงก้าวเดียว

ทุกครั้งที่นางก้าว เขาก็จะก้าวตาม แม้ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาหวานซึ้ง ทว่าสายตาคมกริบที่คอยจดจ้องเพียงเงาร่างบาง กลับมากพอจะทำให้บรรยากาศรอบกายของทั้งคู่คล้ายแยกออกจากงานเลี้ยงโดยสิ้นเชิง

บรรดาแขกผู้มาร่วมงานล้วนลอบสบตากัน สายตาทุกคู่ต่างยอมรับตรงกันในใจ ว่าจวนอวี้ในตอนนี้หาได้เพียงมีตำแหน่งอัครเสนาบดีไม่ หากแต่ยังมีความเกี่ยวพันอันแนบแน่นกับราชวงศ์ที่ไม่มีผู้ใดสั่นคลอนได้อีกต่อไป

ค่ำคืนนี้ภายในจวนอวี้สว่างไสวด้วยแสงโคมระย้าและคบเพลิงเรียงราย เสียงพิณและขลุ่ยอ่อนหวานประสานกับเสียงหัวเราะของแขกผู้มาเยือน บรรยากาศงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งอัครเสนาบดีของอวี้จิ้งเต็มไปด้วยความสุนทรี ขุนนางผู้ใหญ่และผู้มีบรรดาศักดิ์ต่างทยอยเข้ามาแสดงความยินดี บ้างก็ยกถ้วยสุรากล่าวถ้อยคำสรรเสริญ บ้างก็รีบเข้ามาผูกไมตรีกับเจ้าของจวนที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนัก

ท่ามกลางบรรยากาศอันครึกครื้นนั้น เซิ่งซื่อผู้เป็นฮูหยินของอวี้จิ้งนั่งเคียงข้างสามีด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าแต้มรอยยิ้มที่ยากจะปกปิด นางเชิดหน้าขึ้นสูงเล็กน้อยเมื่อฮูหยินจวนใหญ่หลายคนพากันเข้ามาคารวะ สายตาที่เต็มไปด้วยการยอมรับและเกรงใจทำให้นางรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง 

ในที่สุด…นางก็ได้ตำแหน่งฮูหยินของอัครเสนาบดีมาครอบครอง ตำแหน่งที่แม้แต่ขุนนางผู้ใหญ่ยังต้องก้มหัวให้ 

ความคิดนั้นทำให้ดวงตาของเซิ่งซื่อยิ่งเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจ

และยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์ดีๆ ของนางมิได้มีเพียงเพราะตำแหน่งและเกียรติยศเท่านั้น แต่ยังเพราะแผนการที่วางไว้อย่างรอบคอบในคืนนี้ต่างหาก 

อวี้หลัน…นังเด็กสารเลวผู้นั้น ไม่มีวันหนีเงื้อมมือของนางไปได้

เซิ่งซื่อเหลือบสายตาไปยังมุมหนึ่งของงานเลี้ยง ที่ซึ่งสตรีผู้นั้นนั่งอยู่ ข้างกายมีทั้งองค์ชายใหญ่ผู้สูงศักดิ์และน้องชายฝาแฝดผู้สง่างามคอยขนาบ กางปีกปกป้องราวกับผู้พิทักษ์ ก่อนจะหันไปพยักหน้าน้อยๆ ให้กับคนของพี่ชายที่แฝงตัวปะปนอยู่ในบรรดาคนรับใช้ซึ่งคอยเดินยกอาหารและสุรา

มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ความมั่นใจว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผน ทำให้นางยกถ้วยสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง ราวกับจะฉลองล่วงหน้าต่อชัยชนะที่กำลังจะมาถึง รสขมละมุนบนปลายลิ้นกลับคล้ายจะหวานยิ่งกว่าที่เคย 

เสียงหัวเราะและบทสนทนาภายในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างครึกครื้น อาหารรสเลิศ สุราชั้นดี และชาล้ำค่าราคาแพงลิบถูกนำขึ้นโต๊ะไม่ขาดสาย

ท่ามกลางความวุ่นวายด้านหลังในห้องจัดเตรียมอาหาร กลับมีเงาร่างเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบที่ไม่มีใครทันสังเกต ข้ารับใช้สองคนก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง สบตากันเพียงครู่ก็เริ่มลงมือ คนแรกยื่นถาดน้ำชาให้บ่าวหญิงที่ทำหน้าที่คอยรับใช้ภายในงานเลี้ยง กาน้ำชาถูกสลับอย่างแนบเนียนจนไม่มีผู้ใดทันสังเกต ก่อนถูกส่งต่อไปยังโต๊ะที่เตรียมไว้สำหรับคุณหนูรองอวี้โดยเฉพาะ

กลิ่นหอมของชาชั้นเลิศยังคงเหมือนเดิมทุกประการ หากแต่ภายในนั้นกลับซ่อนยาปลุกกำหนัดชนิดพิเศษไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพียงพอจะทำให้สติเลือนรางและร่างกายอ่อนแรงโดยไร้ร่องรอยผิดปกติ

ขณะเดียวกัน ข้ารับใช้อีกคนก็สลับกาสุราอย่างแนบเนียน สุราชั้นดีในกานั้นถูกผสมพิษที่ผ่านการคำนวณปริมาณอย่างละเอียด พอจะทำให้ผู้ดื่มรู้สึกเจ็บปวดภายในและสูญเสียกำลังชั่วคราว ทว่ามิได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นภัยต่อชีวิต เหมาะสำหรับการสร้างสถานการณ์และความโกลาหลที่ต้องการ มันถูกส่งต่อไปยังโต๊ะของคุณชายใหญ่อวี้เฉิน

บรรยากาศภายในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น อวี้เฉินที่คอยกีดกันบุรุษหน้ามึนผู้อยากเปลี่ยนสถานะจากเจ้านายมาเป็นพี่เขยยกถ้วยสุราขึ้นดื่มหมดถ้วยอย่างปลอดปลง เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะล่อลวงพี่สาวผู้แสนดีของเขาได้สำเร็จ แต่เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น

 สีหน้าที่เคยสง่างามกลับแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ร่างกายรู้สึกปวดหน่วงภายในอย่างรุนแรง คล้ายมีบางสิ่งบีบเคล้นจนท้องปั่นป่วน เขาพยายามฝืนเก็บอาการอยู่ครู่หนึ่ง แต่แรงกดดันภายในกลับถาโถมเสียจนแทบไม่อาจทนได้

"ข้าขอตัวสักครู่" 

น้ำเสียงของอวี้เฉินข่มกลั้น พลางลุกขึ้นยืนจากโต๊ะด้วยท่วงท่าเกือบจะรีบร้อน ก่อนจะก้าวออกจากห้องจัดเลี้ยงไปทางด้านหลัง ท่ามกลางสายตาสงสัยเล็กๆ ของผู้เป็นพี่สาว

"ข้าเตือนเขาแล้วว่าอย่าตะกละนัก"

หลี่เหวินหลงเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะมองตามหลังอีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับมาเอาใจสตรีข้างกาย รินชาให้อย่างเอาใจ

เวลาผ่านไปไม่นาน บ่าวคนสนิทที่ติดตามอวี้เฉินก็รีบเดินลัดผ่านผู้คนเข้ามาหาอวี้จิ้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน เมื่อโน้มตัวลงมากระซิบบางอย่าง เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

แม้คำกระซิบนั้นจะทำให้หัวใจของอวี้จิ้งสั่นสะเทือน แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านการเผชิญหน้ากับการเมืองและสายตานับร้อยในราชสำนัก เขาก็ยังคงฝืนเก็บสีหน้าให้สงบนิ่งไว้

ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มบางตามมารยาท ราวกับเพียงได้รับข่าวเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญ มือใหญ่ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มช้าๆ เพื่อไม่ให้ความเปลี่ยนแปลงในท่าทีดึงดูดสายตาผู้คน ทว่าภายใต้ความสงบนั้น แววตากลับฉายแววเคร่งเครียดที่ซ่อนอยู่ลึกจนแทบมองไม่เห็น

"ทุกท่านตามสบาย ข้าขอตัวสักครู่" 

เสียงทุ้มของเขาเอ่ยอย่างเรียบง่าย ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ก่อนจะลุกจากโต๊ะด้วยก้าวที่มั่นคงไม่รีบร้อน

ผู้คนในงานเลี้ยงเพียงหันมามองชั่วครู่แล้วก็หันกลับไปสนทนากันตามเดิม ไม่มีใครทันสังเกตเลยว่า ความนิ่งเรียบที่อวี้จิ้งแสดงออกอยู่นั้น เป็นเพียงเกราะบางๆ ที่ปกปิดความกังวลอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเขา

เห็นจะมีเพียงเซิ่งซื่อเท่านั้นที่มองตามหลังอีกฝ่ายไปด้วยแววตาพราวระยับ

และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น องครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ก็เข้ามารายงานผู้เป็นนาย ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดที่กดต่ำจนแทบเป็นกระซิบ

"องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าอวี้ส่งคนมาเชิญเสด็จไปยังเรือนของคุณชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ"

หลี่เหวินหลงหยุดการเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ประกายเย็นเยียบฉายวูบในดวงตา ก่อนที่พระองค์จะเหลือบสายตาคมไปยังสตรีที่นั่งอยู่ข้างกาย

"หลันเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับบิดาเจ้าสักครู่"

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเรียบง่าย แต่ยังแฝงความอ่อนโยนในที

อวี้หลันหันไปสบตากับเขา มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง พยักหน้ารับโดยไม่ไต่ถามเพิ่มเติม นางเอื้อมมือหยิบถ้วยชาขึ้นพลางกล่าวเบาๆ

"เพคะ"

รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าหลี่เหวินหลงเช่นกัน ชายหนุ่มก้าวออกไปอย่างมั่นคง ในขณะที่เงาของร่างสูงค่อยๆ ห่างออกไป รอยยิ้มอ่อนหวานของอวี้หลันก็คล้ายจะปรากฏประกายเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวไล้ขอบถ้วยชาเบาๆ ภายใต้ท่วงท่าสงบนิ่งนั้นคล้ายแฝงเค้าลางบางอย่างเอาไว้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

    ภายในห้องคุมขังอับชื้น กลิ่นสนิมของโซ่เหล็กและคราบเลือดคละคลุ้งอยู่โดยรอบ ร่างของเซิ่งซื่อซูบเซียวลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่เคยสมาน แผลที่แผ่นหลังของนางเริ่มเน่าเปื่อย แม้จะมีการทำแผลอย่างลวกๆ แต่พิษไข้ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางนอนซูบซีดบนฟางเก่า เสียงหายใจขาดห้วงราวเปลวเทียนใกล้ดับดวงตาของนางพร่ามัว น้ำตาเอ่อรื้น เมื่อนึกถึงบุตรชายบุตรสาวที่ไม่อาจกอดเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดในกายคล้ายถูกกลืนหายไป เหลือเพียงความขมขื่นที่ตรึงอยู่กลางใจในห้วงสุดท้าย คล้ายถูกดึงวิญญาณไปทีละน้อย สายตาพร่ามัวค่อยๆ จับภาพตรงหน้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวกับฝันไป๋ซูเหยา ฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ ภรรยาคนแรกของอวี้จิ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดผ้าแพรสีอ่อนงดงาม ดวงหน้าสงบหากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเซิ่งซื่อสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน นางพึมพำเสียงแผ่วเหมือนเพ้อ"ไป๋ซูเหยา เจ้า…เจ้าใช่หรือไม่"ภาพตรงหน้านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน ริมฝีปากของไป๋ซูเหยาขยับเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงผู้สิ้นใจด้วยพิษที่นางเป็นคนมอบให้ ค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่50ลงดาบเซิ่งซื่อ

    "ไม่ใช่ว่าท่านมีจุดประสงค์อื่นหรอกหรือ"เสียงของอวี้หลันเอ่ยดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ ทุกถ้อยคำหนักแน่นดุจคมดาบ นางก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดวงตาคมกริบฉายแววกร้าว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเรียบเย็น"สิ่งที่ท่านทำไปทั้งหมด ก็เพื่อเปิดทางให้หลานชายของท่านย่ำยีข้า... คงไม่ต้องให้ข้าบอกกระมังว่าเพื่อสิ่งใด"สิ้นถ้อยคำนั้น บรรยากาศพลันเงียบงัน หนักหน่วงจนผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างหน้าถอดสี ร่างสั่นระริก บางคนถึงกับหายใจติดขัดราวอกจะระเบิดดวงตาคมกริบของอวี้หลันสบกับผู้เป็นบิดา ก่อนจะตวัดไปยังร่างไร้สติของเซิ่งกงซุนที่ถูกองครักษ์คุมตัวลากเข้ามา ร่างนั้นนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงบนพื้น ดูน่าสังเวชยิ่งนัก"นี่... นี่มันหมายความเช่นไร"อวี้จิ้งใบหน้าดำคล้ำ ตวัดสายตามองใบหน้าซีดเผือดของเซิ่งซื่ออย่างดุดันคำพูดนั้นของบุตรสาวที่ดังก้องกังวานในห้องหนังสือ ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจอวี้จิ้ง เขาคล้ายจะมองเห็นความผิดหวังวูบหนึ่งในดวงตาของนาง ใช่ เขาเกือบจะใจอ่อนเพียงคำพูดไม่กี่คำของเซิ่งซื่อดวงตาคมวาววับของอวี้จิ้งจ้องมองภรรยาที่เขาเคยไว้ใจมานาน ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำ ยาม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่49เซิ่งซื่อจนมุม

    เซิ่งซื่อก้าวออกมาส่งแขกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ยังคงรักษาท่วงท่าอันงดงามและคำพูดนอบน้อมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นางเอ่ยขอบคุณเสียงนุ่ม เสมือนว่าเหตุการณ์ที่เจ้าของงานและบุตรทั้งสองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แขกหลายคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจที่งานเลี้ยงถูกยุติลงเร็วกว่ากำหนด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กล่าวคำอำลาเจ้าของงานด้วยซ้ำ"วันนี้ท่านอัครเสนาบดีมีธุระด่วนกะทันหัน จึงต้องขออภัยทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ"เซิ่งซื่อยิ้มกล่าวเสียงนุ่มนวล มือขาวเรียวผสานคำนับทุกผู้คนอย่างสง่างามแขกหลายคนแม้จะรู้สึกฉงน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคำถามให้เป็นเรื่องใหญ่ จะมีก็เพียงการลอบสบตากันและการกระซิบกระซาบเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันกลับไป แต่ละคนเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงเท่านั้นเมื่อประตูใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ความเงียบอึมครึมก็เข้าปกคลุมทั่วโถงเรือนรับรองทันที รอยยิ้มที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าเซิ่งซื่อพลันเลือนหาย นางยกพัดในมือขึ้นโบกเบาๆ แววตาฉายประกายเย่อหยิ่งและพึงพอใจในสายตาของนาง เหตุการณ์ในคืนนี้หาใช่ความน่าอับอายไม่ หากแต่เป็นหลักฐานว่าแผนการที่วางเอาไว้กำลังเดินหน้าไปตามครรลอง ทุกสิ่งทุกอย่า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่48กำจัดเซิ่งซื่อ

    แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในเรือนด้านทิศตะวันออกอย่างเงียบสงัด แสงเงินบางเบานั้นทอดลงบนร่างของอวี้เฉินที่นอนขดอยู่บนตั่งไม้ ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด ดวงหน้าซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผากและขมับ มือหนึ่งกุมท้องแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น เขาขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียง แต่สุดท้ายก็ยังเล็ดลอดเสียงครางต่ำออกมาอย่างน่าเวทนาเสียงนั้นแม้จะแผ่วเบา หากแต่กลับบาดลึกเข้าไปในอกของอวี้จิ้งผู้เป็นบิดา เขายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของบุตรชายไม่ห่าง สายตาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใบหน้าที่เคยสุขุมมั่นคงในยามว่าราชการ บัดนี้กลับฉายชัดถึงความทุกข์ระทมอย่างไม่อาจปิดบัง มือใหญ่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ราวกับพยายามกักเก็บความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามิให้ปะทุออกมาหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเห็นบุตรชายนอนทุรนทุราย เหงื่อเม็ดเล็กไหลชุ่มเต็มแผ่นอกและหน้าผาก แต่ในขณะเดียวกันความคิดอีกด้านกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด เมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดไปยังภรรยาของตนความรู้สึกมากมายถาโถมกดทับอยู่ในอกของอวี้จิ้ง ราวกับมีหินหนักทับทวีอยู่ไม่สิ้นสุด ดวงตาที่ทอดมองบุตรชายบนเตียงเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ลึกลงไปในนั้นกลับแฝงด้วยคว

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่47ตลบหลัง

    หลังจากหลี่เหวินหลงก้าวออกจากงานเลี้ยงได้ไม่นาน อวี้หลันที่เพิ่งจิบชาหมดถ้วยก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ความวิงเวียนแล่นเข้ามาอย่างฉับพลัน จนภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไฟซ่อนอยู่ใต้ผิว นางขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามฝืนเก็บสีหน้าให้ดูปกติ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฉิงหว่านเสียงแผ่ว"หวานหว่าน…พาข้ากลับเรือนที"ฉิงหว่านหน้าถอดสีเล็กน้อย รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างระมัดระวัง เสียงเครื่องสายและเสียงพูดคุยของผู้คนในห้องโถงจัดเลี้ยงค่อยๆ เลือนหายไปตามทางเดินยาว จนถึงเรือนนอนของคุณหนูรองของจวนทันทีที่ประตูเลื่อนปิดลง อวี้หลันก็พิงกายกับเสาไม้ หอบหายใจแผ่วๆ ความร้อนผ่าวแล่นไปทั่วทั้งร่างจนแทบทนไม่ไหว เสียงของนางสั่นเล็กน้อยยามออกคำสั่ง "เตรียมน้ำให้ข้าอาบที ข้ารู้สึกร้อนไปหมดแล้ว""เจ้าค่ะคุณหนู"ฉิงหว่านรีบโค้งตัวรับคำ ก่อนจะหมุนตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้อวี้หลันทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงไม้แกะสลัก ปลายนิ้วเรียวจิกกับผ้าปูสีอ่อน ความรู้สึกแปลกประหลาดในร่างกายยิ่งชัดเจนขึ้นทุกทีอวี้หลันรอคอยด้วยใจจดจ่อ เวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไร้เสียงฝีเท้าของฉิงหว่านกลับมา ความเงีย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่46อัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

    ในที่สุดก็เป็นดังที่หลายคนคาดเดาเอาไว้ อวี้จิ้งได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครเสนาบดีกรมพิธีการ อย่างเป็นทางการข่าวประกาศแต่งตั้งแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่า อวี้จิ้งเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยิ่ง ทั้งด้วยคุณงามความดีและสติปัญญาที่แสดงให้เห็นมาตลอดหลายปีวันประกาศราชโองการ ท้องพระโรงคลาคล่ำด้วยขุนนางผู้ใหญ่ ขณะที่อวี้จิ้งสวมอาภรณ์เต็มยศก้าวออกมาคำนับรับพระราชโองการด้วยท่วงท่าสง่างาม สายตาหลายคู่จับจ้องด้วยความยินดีและความอิจฉาขุนนางในราชสำนักต่างก็เริ่มจับตามองบทบาทใหม่ของอวี้จิ้ง ขณะที่บรรดาขุนนางบางกลุ่มที่เคยคิดว่าตระกูลอวี้จะโรยราไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลไป๋ กลับต้องเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่จากวันนี้ไป ตระกูลอวี้ย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ และชื่อของอวี้จิ้งจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอัครเสนาบดีที่เปี่ยมด้วยบารมีที่สุดแห่งยุคราชสำนักที่เคยสงบเงียบพลันเต็มไปด้วยกระแสใต้น้ำที่กำลังปะทุเพราะอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนจับตามองมากที่สุด คือคนผู้นี้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งใดในศึกแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทหากเป็นก่อนหน้านี้ การที

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status