Início / รักโบราณ / บุปผาเคียงบัลลังก์รบ / บทที่ 5 ราชโองการฟ้าประทาน

Compartilhar

บทที่ 5 ราชโองการฟ้าประทาน

last update Última atualização: 2025-12-07 14:43:27

หลายสัปดาห์ต่อมา...

คลื่นลมที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในเมืองหลวง ในที่สุดก็ได้เดินทางข้ามผ่านหุบเขาและแม่น้ำหลายสาย มาถึงยังเมืองจินไห่ที่สงบสุขแห่งแดนใต้ ดุจพายุร้ายที่เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าแต่แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอันมหาศาล

เช้าวันนั้น ขณะที่ชาวเมืองจินไห่กำลังใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขเช่นทุกวัน พลันมีเสียงฆ้องและกลองดังกระหึ่มขึ้นจากถนนสายหลักที่มุ่งตรงมาจากทิศเหนือ เสียงนั้นดังผิดแผกไปจากเสียงกลองศึกที่พวกเขาคุ้นเคย มันขาดซึ่งความหนักแน่นและทรงพลัง แต่กลับเต็มไปด้วยความโอ้อวดและจังหวะที่น่ารำคาญ สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมาก พวกเขาวางมือจากงานของตน แล้วออกมายืนดูอยู่ริมถนนด้วยความสงสัย

ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาคือขบวนเดินทางอันโอ่อ่าและหรูหราอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทหารในชุดเกราะสีทองอร่ามราวกับเกล็ดมังกรนับร้อยนายเดินนำขบวนมาอย่างองอาจ พวกเขาเชิดหน้าขึ้นสูง ทุกย่างก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงยังกับกำลังเดินอวดบารมี แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ดูหมิ่นชาวเมืองชายแดนเหล่านี้ราวกับเป็นเพียงมดปลวก ธงมังกรสีเหลืองสดปักลายดิ้นทองสะบัดพลิ้วไหวอยู่กลางขบวน ตามมาด้วยรถม้าที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง หลังคาประดับด้วยไข่มุกและอัญมณีล้ำค่า ส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสงอาทิตย์ และปิดท้ายด้วยเหล่าขันทีและนางกำนัลในอาภรณ์หลากสีสันที่เดินเรียงรายกันมาเป็นทิวแถว

ความหรูหราฟู่ฟ่าของขบวนจากเมืองหลวงช่างดูแปลกแยกและไม่เข้ากับบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่แข็งแกร่งของเมืองจินไห่โดยสิ้นเชิง ชาวเมืองมองดูขบวนนั้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไม่มีความตื่นเต้นยินดี มีเพียงความรู้สึกเย็นชาและไม่เป็นมิตร พวกเขาคุ้นเคยกับภาพของทหารพยัคฆ์ทมิฬในชุดเกราะสีดำที่เปื้อนฝุ่นดินจากการฝึกซ้อมและรบราฆ่าฟันเพื่อปกป้องพวกเขา ไม่ใช่ทหารในชุดเกราะสีทองที่ดูเหมือนเครื่องประดับมากกว่าอาวุธเช่นนี้

"ดูท่าทางอวดดีของพวกมันสิ" ชาวบ้านคนหนึ่งพึมพำกับเพื่อน "ชุดเกราะสีทองอร่ามนั่นคงจะหนักจนยกดาบไม่ขึ้นกระมัง คงเป็นพวกคุณชายจากเมืองหลวงที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอก"

"ข้าไม่ชอบสายตาที่พวกมันมองพวกเราเลย" อีกคนตอบ "ราวกับว่าพวกเราต่ำต้อยกว่าพวกมันอย่างนั้นแหละ พวกมันเคยรู้บ้างหรือไม่ว่าที่พวกมันยังนั่งกินนอนหลับสบายอยู่ในเมืองหลวงได้ ก็เพราะมีคนอย่างพวกเราและทหารของท่านแม่ทัพเถี่ยคอยปกป้องชายแดนอยู่"

ข่าวการมาถึงของ "คณะผู้แทนจากราชสำนัก" แพร่ไปถึงจวนเจ้าเมืองอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง

ณ ศาลาริมสวนในจวนเจ้าเมือง เซี่ย เหยาเหยา และหลิน ซูซิน กำลังนั่งเล่นหมากล้อมกันอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไหว นางดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากหลังจากเก็บตัวอยู่ในจวนมาหลายวัน การได้เพื่อนสนิทมาอยู่เป็นเพื่อนคุย ทำให้ความอึดอัดใจจากการถูก "กักบริเวณ" ลดน้อยลงไปมาก แม้ทุกย่างก้าวของนางจะมีทหารคุ้มกันร่างใหญ่สี่นายติดตามไปราวกับเงาก็ตาม

"ตาเจ้าเดินแล้วเหยาเหยา มัวแต่เหม่ออะไรอยู่" หลิน ซูซินท้วงขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนิ่งไปนาน "หรือว่ากำลังคิดถึงท่านแม่ทัพน้ำแข็งผู้นั้นอยู่กันแน่? ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เขาก็ไม่มาที่จวนอีกเลยนะ"

เซี่ย เหยาเหยาหลุดจากภวังค์ ใบหน้าของนางขึ้นสีระเรื่อ "ข้าจะไปคิดถึงเขาทำไมกันเล่า...ข้าแค่รู้สึกว่าการมีคนคอยเดินตามตลอดเวลามันน่าอึดอัด"

"แหม ทำเป็นพูดไป" หลิน ซูซินยิ้มล้อเลียน "นี่คือการปกป้องจากท่านแม่ทัพเชียวนะ ข้าว่าเขาต้องเป็นห่วงเจ้ามากแน่ๆ ถึงได้ส่งทหารฝีมือดีที่สุดมาดูแลเจ้าถึงสี่คนเช่นนี้ บุรุษที่แสดงออกด้วยการกระทำเช่นนี้น่าชื่นชมกว่าบุรุษที่เอาแต่พูดจาหวานเลี่ยนเป็นไหนๆ"

คำพูดของเพื่อนสนิททำให้นางอดนึกถึงประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับนางในวันนั้นไม่ได้ 'อย่าให้ข้าต้องเป็นห่วง' คำพูดสั้นๆ ที่แผ่วเบา แต่กลับยังคงดังก้องอยู่ในใจของนางจนถึงตอนนี้ นางกำลังจะวางหมากลงบนกระดาน แต่แล้วพ่อบ้านชราก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

"คุณหนู! แย่แล้วขอรับ! มีคณะผู้เชิญราชโองการจากเมืองหลวงเดินทางมาถึง กำลังมุ่งหน้ามาที่จวนของเราขอรับ!"

เคร้ง!

เม็ดหมากล้อมในมือของเซี่ย เหยาเหยาร่วงหล่นลงบนพื้นกระดานจนกระจัดกระจาย นางหน้าซีดเผือดไปในทันที "ราชโองการรึ? มาทำอะไรที่นี่?"

"ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ แต่ดูจากขบวนแล้วคงเป็นเรื่องสำคัญมาก ท่านเจ้าเมืองกำลังไปรอต้อนรับที่โถงใหญ่ และสั่งให้ข้าน้อยมารายงานคุณหนูขอรับ"

"ไปกันเถอะเหยาเหยา!" หลิน ซูซินรีบฉุดแขนเพื่อน "ไปดูกันว่าพวกเมืองหลวงต้องการอะไรกันแน่ ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเลย"

ณ ห้องโถงใหญ่ของจวนเจ้าเมือง...

เจ้าเมืองเซี่ยนั่งรออยู่บนเก้าอี้ประธานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในใจของเขาสังหรณ์ถึงเรื่องไม่ดีบางอย่าง เมืองจินไห่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักโดยตรงมานานหลายปีแล้ว การส่งคณะผู้แทนมาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเป็นแน่

ไม่นานนัก ร่างของขันทีเฒ่าผู้หนึ่งในอาภรณ์ผ้าไหมสีสดก็เดินนำขบวนเข้ามาในห้องโถง เขาคือ "กงกงหลิว" ขันทีคนสนิทขององค์รัชทายาท ใบหน้าของเขาแม้จะประดับด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและดูแคลน

"คารวะท่านเจ้าเมืองเซี่ย" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง โดยไม่ได้โค้งกายลงแม้แต่น้อย "ข้าน้อยหลิวฝูไห่ รับบัญชาจากองค์ฮ่องเต้ นำราชโองการสวรรค์มาประกาศให้ทราบ"

เจ้าเมืองเซี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทีที่ไม่ให้เกียรติของขันทีผู้นี้ แต่ก็ยังคงตอบกลับไปตามมารยาท "ไม่ทราบว่าราชสำนักมีเรื่องสำคัญอันใด ถึงกับต้องส่งกงกงหลิวมาด้วยตนเอง"

"ฮิฮิ" กงกงหลิวหัวเราะเสียงแหลม "เป็นเรื่องมงคลยิ่งใหญ่แน่นอนท่านเจ้าเมือง เป็นเรื่องที่ตระกูลเซี่ยของท่านจะได้รับเกียรติยศสูงสุดที่แม้แต่บรรพบุรุษของท่านก็ยังไม่เคยได้รับ!"

ในจังหวะนั้นเอง เซี่ย เหยาเหยาและหลิน ซูซินก็เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี

สายตาของกงกงหลิวพลันเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นร่างของเซี่ย เหยาเหยา แม้แต่เขาที่อยู่ในวังหลวงมาทั้งชีวิต ได้พบเห็นสตรีโฉมงามมานับไม่ถ้วน ยังต้องตกตะลึงในความงามอันบริสุทธิ์และเหนือมนุษย์ของนาง "งดงาม...งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ! นางฟ้าแห่งจินไห่...ฮ่าๆๆๆ ไม่เสียแรงที่เดินทางมาไกล!"

คำพูดที่ไร้มารยาทของเขาทำให้เซี่ย เหยาเหยารู้สึกไม่พอใจ นางขมวดคิ้วแล้วเดินไปหลบอยู่ข้างหลังบิดา

"กงกงหลิว โปรดสำรวมด้วย" เจ้าเมืองเซี่ยกล่าวเสียงเข้ม "นี่คือบุตรสาวของข้า"

"ฮิฮิ ข้าน้อยเสียมารยาทไปแล้ว" กงกงหลิวยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ "เอาล่ะๆ ไม่ต้องมากพิธีอีกต่อไป" เขาหันไปพยักหน้าให้ขันทีน้อยที่ติดตามมา ขันทีผู้นั้นรีบประคองม้วนราชโองการสีทองอร่ามออกมาอย่างนอบน้อม

"ท่านเจ้าเมืองเซี่ย และคุณหนูเซี่ย เหยาเหยา! เตรียมคุกเข่ารับราชโองการ!" กงกงหลิวประกาศเสียงดัง

บรรยากาศในห้องโถงพลันเงียบสงัดลงในทันที เจ้าเมืองเซี่ยและเซี่ย เหยาเหยาจำต้องคุกเข่าลงกับพื้นตามธรรมเนียม ในใจของพวกเขายิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมากขึ้นไปอีก

กงกงหลิวคลี่ม้วนราชโองการออกช้าๆ ก่อนจะเริ่มอ่านเนื้อหาด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานไปทั่วทั้งโถง

"ด้วยอาณัติแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการ...แคว้นต้าหลงของเราเผชิญศึกเหนือภัยใต้มาโดยตลอด เจ้าเมืองเซี่ยแห่งจินไห่ ปกป้องชายแดนทางใต้อย่างแข็งขัน มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน บัดนี้องค์รัชทายาททรงเจริญพระชันษา สมควรแก่การมีคู่ครองเพื่อสืบทอดราชวงศ์ต่อไป..."

เขาหยุดไปชั่วครู่ สบตากับเจ้าเมืองเซี่ยด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก ก่อนจะอ่านต่อ

"...ฮ่องเต้ทรงเล็งเห็นว่า คุณหนูเซี่ย เหยาเหยา บุตรีแห่งเจ้าเมืองเซี่ย มีรูปโฉมงดงาม เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและกิริยามารยาทอันดีงาม คู่ควรอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาท จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานสมรสระหว่างองค์รัชทายาท กับคุณหนูเซี่ย เหยาเหยา! ให้จัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า และให้คุณหนูเซี่ย เหยาเหยา เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อเตรียมตัวโดยเร็วที่สุด! ผู้ใดขัดขืน ถือเป็นกบฏต่อราชสำนัก! จบราชโองการ!"

สิ้นเสียงประกาศิตจากสวรรค์ โลกทั้งใบของเซี่ย เหยาเหยาก็พลันพังทลายลงมาในทันที!

นางรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ หูของนางอื้ออึงไปหมด ในหัวมีแต่เสียงราชโองการดังก้องซ้ำไปซ้ำมา...นางต้องแต่งงานกับองค์รัชทายาท...บุรุษที่กิตติศัพท์ความเสเพล โหดร้าย และวิปริตเลื่องลือไปทั่วทั้งแผ่นดินงั้นหรือ? ได้ยินว่าเขามีสนมชายาอยู่แล้วนับสิบ และแต่ละคนก็มีจุดจบที่น่าอนาถ!

นี่ไม่ใช่การสมรส! แต่มันคือการส่งนางเข้าไปในขุมนรกที่ถูกประดับประดาด้วยทองคำอย่างสวยหรู!

ร่างของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง ใบหน้าขาวราวกับกระดาษ ดวงตาที่เคยสดใสของนางบัดนี้ว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

"เหยาเหยา!" หลิน ซูซินที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคองเพื่อนรักด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

ส่วนเจ้าเมืองเซี่ยนั้น ร่างกายของเขาแข็งทื่อไปแล้ว เข่าของเขาแทบจะทรุดลงกับพื้น เขารู้ดีว่านี่คือแผนการทางการเมือง! ราชสำนักไม่ได้ต้องการบุตรสาวของเขา แต่ต้องการใช้การแต่งงานครั้งนี้เป็นโซ่ตรวนเพื่อผูกมัดเมืองจินไห่เอาไว้! พวกมันกำลังจะส่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเขาไปตาย!

"ท่านเจ้าเมืองเซี่ย...เหตุใดยังไม่ขานรับราชโองการอีกเล่า?" กงกงหลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "นี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแล้วนะ ท่านควรจะดีใจจนน้ำตาไหลเสียด้วยซ้ำไป"

เจ้าเมืองเซี่ยกำหมัดแน่นจนสั่นเทา เขาเงยหน้าขึ้นมองขันทีเฒ่าด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความอับจนหนทาง...เขาจะทำอะไรได้? เขาเป็นเพียงเจ้าเมืองชายแดน จะมีปัญญาไปต่อต้านอำนาจสวรรค์ได้อย่างไร? หากเขาปฏิเสธ ไม่เพียงแต่ตัวเขาและบุตรสาวที่จะต้องตาย แต่ประชาชนทั้งเมืองจินไห่ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและต้องเดือดร้อนไปด้วย!

"ข้า..." เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงของเขากลับแหบแห้งและสั่นเครือ

"เร็วเข้าสิ ท่านเจ้าเมือง! อย่าให้ข้าต้องรอนานนัก!" กงกงหลิวเร่งเร้า

เจ้าเมืองเซี่ยหลับตาลงอย่างเจ็บปวด เขากำลังจะก้มศีรษะลงเพื่อขานรับราชโองการที่เปรียบเสมือนคำตัดสินประหารบุตรสาวของตนเอง...

แต่แล้ว...

"เดี๋ยวก่อน!"

พลันมีเสียงทุ้มต่ำและเย็นเยียบดุจน้ำแข็งดังขึ้นจากหน้าประตูห้องโถง ทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง!

ร่างสูงสง่าในชุดลำลองสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าวของเขากลับหนักแน่นและเต็มไปด้วยพลังกดดันอันมหาศาล ราวกับพญามัจจุราชที่กำลังเดินเหยียบย่างเข้ามาในยมโลก!

...เถี่ย อ้าวเทียน!

Continue a ler este livro gratuitamente
Escaneie o código para baixar o App

Último capítulo

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 4 ยุคสมัยแห่งสันติภาพ

    ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้เคลื่อนผ่านไปดุจสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินต้าหลงอย่างช้าๆ แต่มั่นคง รัชศก "่เถี่ยหลง" ปีที่แปด ได้ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองอย่างแท้จริงเมืองหลวงต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามกลางเมือง บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นมหานครที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในแผ่นดิน ถนนหนทางที่เคยว่างเปล่าและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บัดนี้กลับกว้างขวางและปูด้วยหินอย่างดี สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้าที่เปิดกิจการอย่างคึกคัก พ่อค้าจากแดนไกลนำขบวนคาราวานอูฐบรรทุกเครื่องเทศและอัญมณีเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงต่อรองราคา เสียงหัวเราะของเด็กๆ และเสียงดนตรีจากโรงน้ำชาดังผสมผสานกันเป็นบทเพลงแห่งสันติภาพ ผู้คนจากมณฑลอันเป่ยเดินทางเข้ามาค้าขายและตั้งรกราก แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้ากับชาวต้าหลงอย่างกลมเกลียว กำแพงที่เคยกั้นพรมแดนได้ทลายลงและกำแพงในใจของผู้คนก็ได้ทลายลงตามไปด้วยภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง แผ่นดินได้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งสันติภาพอย่างแท้จริง พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่น่าเกรงขามในท้องพระโรง แต่ก็ทรงเป็นบิดาแห่งแผ่นดิ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 3 เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต

    กาลเวลาผ่านไปสามปี...ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง และฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา แผ่นดินต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามได้ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งดุจผืนดินที่แห้งแล้งได้รับสายฝนแห่งวสันตฤดู นโยบายลดหย่อนภาษีได้สิ้นสุดลงตามกำหนด แต่ราษฎรกลับไม่รู้สึกเดือดร้อน เพราะบัดนี้พวกเขามีพืชผลเต็มยุ้งฉาง มีสินค้าเต็มร้านค้า และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า กรมบูรณะแผ่นดินภายใต้การนำของเสนาบดีเหวิน จ้าว ได้ทำงานอย่างแข็งขัน ถนนหนทางที่เคยพังทลายได้รับการซ่อมแซมจนเรียบสนิท สะพานใหม่ที่แข็งแรงทอดข้ามแม่น้ำสายสำคัญ กำแพงเมืองที่เคยเป็นแผลเป็นจากสงครามได้รับการบูรณะจนกลับมาสง่างามยิ่งกว่าเดิมบัณฑิตหน้าใหม่ที่ผ่านการสอบคัดเลือกอย่างโปร่งใสได้เข้ารับตำแหน่งขุนนางตามหัวเมืองต่างๆ พวกเขานำความรู้และความกระตือรือร้นเข้าไปปฏิรูประบบราชการที่เคยเฉื่อยชาและเต็มไปด้วยการทุจริตให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง มณฑลอันเป่ยที่เคยเป็นดินแดนของศัตรู บัดนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินอย่างสมบูรณ์ เส้นทางการค้าสายใหม่ที่ตัดขึ้นได้นำพาความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ดินแดนทางเหนืออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่างดำเ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 2 รุ่งอรุณแห่งราชวงศ์ใหม่

    เสียงระฆังยามเช้าดังกังวานไปทั่วทั้งพระราชวังเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นวันใหม่ หลังจากที่ได้รับสมเด็จพระพันปีหลวงองค์ใหม่ ผู้ซึ่งบัดนี้ได้ประทับอยู่ในตำหนักฉือหนิงที่ได้รับการบูรณะอย่างงดงามที่สุด สมพระเกียรติแห่งมารดาแห่งแผ่นดินภายในห้องบรรทมที่โอ่อ่าและกว้างขวาง ฮ่องเต้หนุ่มเพิ่งจะตื่นจากบรรทม แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอาบไล้ร่างเปลือยเปล่าของฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา ที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์อย่างสงบ พระองค์ใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งทอดพระเนตรมองใบหน้าอันเป็นที่รักยิ่ง ภาระหนักอึ้งที่รอคอยอยู่ภายนอกห้องนี้ดูเหมือนจะเบาบางลงเสมอเมื่อมีนางอยู่เคียงข้าง พระองค์จุมพิตหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเหล่านางกำนัลและขันทีเข้ามาช่วยพระองค์สวมฉลองพระองค์มังกรเต็มยศอย่างคล่องแคล่วและเงียบกริบ ทุกขั้นตอนล้วนเป็นไปตามแบบแผนที่สืบทอดกันมานับร้อยปี แต่สำหรับเถี่ย อ้าวเทียนแล้ว ความรู้สึกกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำหนักของผ้าไหมปักดิ้นทองลายมังกรห้าเล็บนี้ ให้ความรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าชุดเกราะเหล็กกล้าท

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 1 รอยอดีต

    ยี่สิบกว่าปีก่อน...ค่ำคืนนั้น...เมืองหลวงต้าหลงไม่ได้สว่างไสวไปด้วยแสงโคมไฟเช่นทุกคืน แต่กลับถูกบดบังด้วยเงามืดแห่งการทรยศและความตาย สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับหยาดน้ำตาของสวรรค์ ชะล้างคราบเลือดที่เริ่มไหลนองไปตามพื้นศิลาของพระราชวังต้องห้ามภายในตำหนักบูรพาที่เคยโอ่อ่าและเปี่ยมด้วยเกียรติยศ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้องที่ถูกกลบด้วยเสียงลมพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ภายนอก“พระชายา! พวกมันบุกเข้ามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองครักษ์ผู้ภักดีนายหนึ่งในสภาพที่โชกเลือด วิ่งเข้ามารายงานพระชายาเอกแห่งองค์รัชทายาทหลงหยวน สตรีผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนยังคงเป็นที่เคารพสูงสุดในตำหนักบูรพา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษที่รอวันถูกประหาร“แม่ทัพเถี่ยจง...สิ้นแล้ว” เขากล่าวเสียงสั่น น้ำตาไหลปะปนกับเลือดบนใบหน้า “เขาและทหารองครักษ์ที่เหลือยอมสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้พวกเรา ได้โปรด...ได้โปรดพาองค์ชายน้อยหนีไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”พระชายาเอกสตรีผู้มีแซ่เดิมว่า ‘เถี่ย’ นางยืนนิ่งราวกับรูปสลักหิน น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มงามอย่างเงียบงัน นางไม่ได้ร่ำไห้ให้แก่ชะตากรรมของตนเอง แต่ร่ำไห้ให้แก่บุรุ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 43 เริ่มต้นราชวงศ์ใหม่ ( End )

    หลายวันผ่านไปนับจากค่ำคืนแห่งการหลอมรวมอันเร่าร้อนแม้เปลวไฟสงครามจะมอดดับลงแล้ว แต่ภายในเมืองหลวงต้าหลง บรรยากาศกลับคุกรุ่นไปด้วยความตึงเครียดทางการเมืองที่มองไม่เห็น แผ่นดินที่บัดนี้แผ่ไพศาลจากการรวมดินแดนเป่ยหมันเข้ามาเป็นมณฑลใหม่ ไม่ต่างอะไรจากพญามังกรไร้เศียร แม้จะมีอำนาจอันน่าเกรงขาม แต่ก็ไร้ทิศทางและขาดผู้บัญชาการที่แท้จริงข่าวการตัดสินใจอันเปี่ยมด้วยเมตตาของเถี่ย อ้าวเทียน ที่มอบสถานะพลเมืองให้แก่ชาวเป่ยหมันได้แพร่กระจายไปทั่วหล้า มันได้ซื้อใจผู้คนในดินแดนใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้สร้างความกังวลให้แก่เหล่าขุนนางเก่าแก่ในเมืองหลวง การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกินไปจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่เด็ดขาดและมีอำนาจเบ็ดเสร็จมาควบคุมสถานการณ์ณ ท้องพระโรงที่กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เหวิน จ้าว กำลังยืนตรวจดูความคืบหน้าของการก่อสร้างบัลลังก์องค์ใหม่ บัลลังก์เก่าที่ผุพังและเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ก่อนได้ถูกทำลายไปแล้ว บัลลังก์ที่กำลังจะมาแทนที่นั่นยิ่งใหญ่และสง่างามกว่าเดิมหลายเท่าตัว มันถูกแกะสลักขึ้นจากไม้จันทน์ทองคำอันเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หา

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 42 การกลับมาของพญามังกร NC

    กาลเวลาผ่านไปนานกว่าสองเดือนสองเดือนที่เปลวไฟแห่งสงครามได้มอดดับลงอย่างสมบูรณ์ สองเดือนที่แผ่นดินต้าหลงได้เริ่มต้นการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ และสองเดือน.ที่หัวใจของสตรีนางหนึ่งเฝ้ารอคอยการกลับมาของบุรุษอันเป็นที่รักบนเส้นทางหลวงที่ทอดยาวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เงาทะมึนของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า มันคือภาพที่น่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยเกียรติยศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกองทัพต้าหลงกำลังเดินทางกลับบ้านเถี่ย อ้าวเทียน ในชุดเกราะเต็มยศสีนิลกาฬ ควบม้าสงครามสีดำทมิฬนำอยู่หน้าสุดของกองทัพ ธงมังกรสีดำขลิบทองโบกสะบัดอย่างทระนงอยู่เบื้องหลังเขา แววตาที่เคยเย็นชาและเต็มไปด้วยไอสังหาร บัดนี้กลับฉายแววแห่งความเหนื่อยล้าแต่ก็เปี่ยมด้วยความสงบนิ่งและอำนาจของราชันย์ผู้แท้จริงเบื้องหลังเขาคือเหล่าทหารหาญนับแสนที่เดินทัพกลับมาในฐานะวีรบุรุษ และเชลยศึกราชวงศ์เป่ยหมันที่เดินตามมาในฐานะทาสที่จะต้องมาชดใช้กรรมด้วยแรงงานของตนเองเมื่อกองทัพเดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองหลวงเสียงโห่ร้องที่ดังราวกับแผ่นดินจะถล่มก็ได้ดังขึ้นประชาชนนับล้านออกมายืนรอต้อนรับพวกเขาสองข้างทางพวกเขาโยนดอกไม้โปรยปรายกระดาษสี และตะโก

Mais capítulos
Explore e leia bons romances gratuitamente
Acesso gratuito a um vasto número de bons romances no app GoodNovel. Baixe os livros que você gosta e leia em qualquer lugar e a qualquer hora.
Leia livros gratuitamente no app
ESCANEIE O CÓDIGO PARA LER NO APP
DMCA.com Protection Status