บทที่ ๔๕ ศึกแห่งลงกา “คิดว่าแน่จริงก็เข้ามา อยากให้ดาบของข้าดื่มเลือดชั่ว ๆ ของเจ้าก็เข้ามา!” น้ำเสียงบ่งชัดถึงความไม่เป็นมิตรพร้อมกับดาบที่ชี้ไปยังฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวจุดชนวนให้นางผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นมาตั้งฉาก พร้อมกับที่มืออีกข้างแสดงท่าทางรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ “ก็เอาสิ! ดาบของข้าก็โหยหาเลือดหัวเจ
อาจารย์หลิวอี้บอกท่าต่อไป กวาดสายตามองทุกคู่ หากคู่ใดไม่ได้มาตรฐานตามที่นางต้องการก็จะช่วยชี้แนะ เมื่อปรับจนดีขึ้นแล้วก็ให้ทำตั้งแต่ท่าแรกให้ดูอีกครั้ง ใบหน้างดงามสมวัยพยักหน้ารับเบา ๆ จนกระทั่งกวาดตามามองเซียงฮวาแล้วเห็นไหล่สั่นจึงเดินเข้ามาถามด้วยความใส่ใจ “เซียงฮวา อาจารย์หลิวมา” เฮยหลงกล่าว
ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังอาจารย์หลิวอี้ที่แนะนำตนเองว่าเป็นอาจารย์สอนศาสตร์แห่งวัฒนธรรมและงานบ้านงานเรือนของสตรี ทำเอาบุรุษที่มาร่วมเรียนด้วยแอบหวั่นใจว่าตนจะได้เรียนงานบ้านงานเรือนด้วยหรือไม่ “ทั้งสี่แคว้นมีธรรมเนียมคารวะที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีเรื่องยิบย่อยที่แตกต่างกันออกไปอีกหลายแขนง อย่างเช่นวันน
บทที่ ๔๔ คนที่สนิทใจที่สุด ศิษย์ปีหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องอาหาร มารยาทบนโต๊ะอาหารที่ทางบ้านอบรมมาว่าเลี่ยงการสนทนาบนโต๊ะอาหารถูกลืมเลือนสิ้นแล้ว เพราะศิษย์ปีหนึ่งทั้งหลายกำลังสนทนาเรื่องภารกิจของเมื่อวาน “ฟ้าผ่าในมิติที่เจ้าอยู่แล้วอย่างไรต่อ” จื่อเจี่ยนเฉิงถามอย่างตื่นเต้น แววตาแฝงความสมใจอย่
ถูหลงเปาเสนอความคิด ทว่าฟู่เหยียนชิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ เผื่อจะมีกลเม็ดใดซ่อนไว้” สิ้นคำเขาก็เดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเสือใช้วิชายุทธ์ปีนป่ายขึ้นไปเนื่องจากรูปปั้นไม่ได้สูงเกินไป เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นไปเหยียบบนหลังเสือได้ก่อนที่จะหงายหลังลงมาในไม่กี่ลมหายใจต่อมาเมื่อเจอล
บทที่ ๔๓ ใครว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก “กรี๊ด” เปรี้ยง! เสียงกรี๊ดของสตรีระงม หนึ่งในนั้นคือเซียงฮวาด้วย มือเรียวปิดหูตัวเองไว้ สีหน้าแตกตื่นเป็นอย่างมาก “เพิ่งเหยียบเท้าลงพื้นก็ทักทายกันด้วยเสียงฟ้าผ่าเลยหรือ แรงไปหรือไม่คุณน้า” “เซียงฮวา เป็นอันใดหรือไม่” เฮยหลงวิ่งเข้ามาหาเซียงฮวาด้วยสีหน้า