Share

ตอนที่ 1 คุณหนูสามสกุลเฉิน

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-13 21:14:14

ตอนที่ 1

คุณหนูสามสกุลเฉิน

เสียงนำขบวนรับเจ้าสาวดังมาแต่ไกล ในที่สุดขบวนรับตัวเจ้าสาวที่ขี่ม้านำมาด้วยเจ้าบ่าวที่เป็นถึงรองแม่ทัพก็มาถึง อาจเพราะเป็นเพราะแม่ทัพหนุ่มนั้นมีท่าทีองอาจยิ่ง ทำให้เมื่อสวมใส่อาภรณ์มงคลสีแดงสดแล้วนั้นจึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

สามหนังสือหกพิธีการมาถึงขั้นสุดท้ายในที่สุด เจ้าสาวผู้สวมอาภรณ์มงคลสีแดงสวยซ้ำยังมีผ้าคลุมสีแดงปกปิดใบหน้าก้าวข้ามธรณีประตูจวนสกุลเฉินด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้องชายผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวในวันนี้

เฉินจินฮวาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นพิธีการส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกันจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่สาวที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวไปนั้นรู้สึกอ่อนไหวเพียงใด

เมื่อครู่ยามที่พี่สาวของนางไปเอ่ยลาท่านพ่อกับท่านแม่และท่านตานั้นทุกคนในครอบครัวเราล้วนแล้วแต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

ทั้ง ๆ ที่เป็นวันมงคลยิ่งแต่ก็ต้องอวยพรพร้อมด้วยน้ำตา มีทั้งความสุขและความเสียใจเล็กน้อย

ดีใจที่บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็มิอาจห้ามมิให้เสียใจไม่ได้เมื่อผู้ที่เคยอยู่ร่วมกัน เห็นกันทุกวัน ในภายหน้าไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้อีก 

เฉินจินฮวาขึ้นรถม้ามาด้วยกันกับพี่รองเฉินฟูหมิง

ผู้ที่เมื่อครู่เป็นผู้ส่งพี่ใหญ่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อที่จะตามขบวนรับตัวเจ้าสาวไปร่วมพิธีไหว้ฟ้าดินที่จวนสกุลมู่

หลังจากพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางและพี่ชายอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่จวนสกุลมู่ต่ออีกพักหนึ่งจึงได้ขอตัวกลับจวน

“วันนี้ส่งพี่ใหญ่แต่งไปแล้ว ภายหน้าพี่ก็ต้องส่งเจ้าอีก ช่างเป็นเรื่องที่ต้องกล้ำกลืนอยู่ไม่น้อยจริง ๆ”  ชายหนุ่มเอ่ยออกจากความรู้สึก

“ส่งพี่ใหญ่ไปมีความสุข พี่รองท่านเองก็อย่าได้กล้ำกลืนนักเลย จวนมู่กับจวนเราใกล้กันเพียงเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ ภายหน้าย่อมได้พบกันบ่อยครั้งเป็นแน่” นางเอ่ยปลอบใจพี่ชายตน เนื่องจากรู้ดีว่าพี่รองของนางคนนี้เป็นผู้ที่มีจิตใจรักถนอมพี่สาวน้องสาวเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่นางเองก็ถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็กจนหลายครั้งก็เผลอเสียนิสัยไปในบางครั้งเพราะมักถูกพี่รองให้ท้ายอยู่เสมอ

ก่อนหน้านี้ครั้งที่แม่ทัพมู่มาทาบทามสู่ขอพี่ใหญ่นั้น ก็ใช่ว่าพี่รองของนางจะยอมให้แม่ทัพมู่มาสู่ของ่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ หลังจากดวลต่อยตี ดวลวรยุทธ์กันหลายครั้งจึงได้รับความยินยอมจากพี่รอง ซ้ำพี่เขยมู่ยังถูกข่มขู่ไปอีกมิใช่น้อย

ทั้ง ๆ ที่ ความสัมพันธ์และความรู้สึกของพี่สาวและพี่เขยที่มีต่อกันนั้นประจักษ์มานาน พี่รองเองก็โตมาด้วยกันกับพี่เขยไม่ต่างกันทั้งยังเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา

“ถึงจะอยู่ในเมืองหลวงเช่นเดียวกันก็เถอะ อย่างไรก็ต่างจวนกันแล้ว น้องเล็กเจ้าก็อย่าเพิ่งเร่งออกเรือนไปนักเล่า รออีกสักสองสามปีให้พี่รองของเจ้าได้ทำใจเอาไว้ก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องสาวตนด้วยน้ำเสียงเศร้า

“พี่รองอย่าได้กังวลไปเลย ไม่แน่ว่าอาจไม่มีวันที่ท่านต้องส่งข้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเลยก็เป็นได้ ตัวข้านี้ค่อนข้างรักอิสระมาแต่ไหนแต่ไร พี่รองท่านเองก็รู้ดี” นางเอ่ยตอบพี่ชายของตนด้วยสีหน้าท่าทางสบาย ๆ 

เฉินฟูหมิงเมื่อได้ยินผู้เป็นน้องสาวเอ่ยออกมาเช่นนั้นแม่จะรู้สึกดีใจอยู่มากแต่ก็จำต้องเอ่ยเตือนผู้เป็นน้องสาว 

“ความคิดที่จะไม่แต่งงานของเจ้าทางที่ดีอย่าเอ่ยให้ท่านแม่ได้ยินเลยจะดีกว่า มิเช่นนั้นแล้วท่านแม่คงจะเป็นลมแล้วเป็นลมอีก” เขารู้ดีว่ามารดาตนนั้นเป็นเช่นไร และรู้ดีว่าจินเอ๋อร์ยืนยันท่านแม่อย่างไรก็มิมีทางยอมแน่ เลวร้ายที่สุดคงถึงขั้นจับนางมัดขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวด้วยตนเองแน่

“จินเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะพี่รอง หวังว่าภายหน้าข้ากลายเป็นสาวเทื้อแล้วพี่รองจะไม่ขับไล่ข้าออกจากจวน” นางเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน

“ข้าจะขับไล่น้องเล็กได้อย่างไร น้องสาวคนเดียวข้าผู้เป็นถึงรองแม่ทัพจะไม่มีปัญญาเลยเชี่ยวหรือ” เฉินฟูหมิงตอบกลับอย่างขบขันเช่นกัน

“กลัวว่าภายหน้าพี่รอบแต่งพี่สะใภ้แล้วจะไม่รักน้องสาวผู้นี้เช่นเก่า”

“ย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ ในสายตาพี่ชายแล้วมิมีสตรีใดควรค่าแก่การทะนุถนอมเช่นน้องสาวอีกแล้ว” 

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่นางรับประทานอาหารกับท่านแม่เรียบร้อยแล้ว จึงขันอาสาออกมาสั่งซื้อของว่างชื่อดังในเมืองเพื่อเตรียมเอาไว้ต้อนรับคู่สามีภรรยาคู่ใหม่ในวันกลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาว

ไหน ๆ ก็ออกมาจากจวนแล้ว หลังจากแวะร้านขนมชื่อดังอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเพื่อจัดการธุระที่ท่านแม่มอบหมายให้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงพาอาหลัวสาวใช้คนสนิทก้าวเท้าเข้าสู่โรงเตี้ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เพื่อหมายนั่งพักเหนื่อยจิบชาสักครู่

“คุณหนูเจ้าค่ะ โรงเตี้ยมทั้งเล็กทั้งค่อนข้างแออัด พวกเราเปลี่ยนโรงเตี้ยมกันเถอะเจ้าค่ะ บ่าวเห็นว่าถัดไปอีกนิดก็น่าจะมีโรงเตี้ยมอื่นอีก” ผู้เป็นบ่าวเมื่อเห็นว่าในโรงเตี้ยมเวลานี้คนค่อนข้างเยอะจึงเกรงว่าคุณหนูของตนจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรจึงเอ่ยเสนอ

“พวกเรานั่งที่นี่สักครู่เถอะ ดูแล้วที่คนเยอะเช่นนี้คงจะมีเหตุบางอย่างอยู่ ไม่แน่ว่านักเล่านิทานที่เลื่องลือกันอยู่หลายวันมานี้อาจจะมาที่นี่ก็ได้” นางเอ่ยก่อนจะเดินนำสาวใช้ของตนเข้าไปด้านในของโรงเตี้ยมทันที โดยมีเสี่ยวเอ้อผู้หนึ่งของโรงเตี้ยมเป็นผู้คอยอำนวยความสะดวก

พวกนางได้ที่นั่งบนชั้นสองของโรงเตี้ยม ซึ่งจากโต๊ะนั่งสามารถมองเห็นเวทีด้านล่างของโรงเตี้ยมได้อย่างชัดเจนพอดีอีกทั้งที่นั่งบนชั้นสองนี้ไม่ได้แออัดเลยสักนิดเดียวนอกจากนางแล้วก็มีลูกค้าคนอื่นอยู่อีกสองโต๊ะเท่านั้น 

“ขอน้ำชาที่ดีที่สุด กับขนมที่ดีที่สุดในร้านเจ้าสักสองอย่าง” เป็นอาหลัวสาวใช้ของนางที่เป็นผู้เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อ พร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่งให้ไปด้วย

“ได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะนำของว่างที่ดีที่สุดในร้านมาให้” เสี่ยวเอ้อผู้นี้เอ่ยอย่างนอบน้อมยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัวทันทีเมื่อได้รับเงิน

“ช้าก่อนเสี่ยวเอ้อข้าจะถามอะไรสักหน่อย” เฉินจินฮวาเอ่ยเรียกคนเอาไว้ก่อน

“เชิญคุณหนูเอ่ยถามมาได้เลยขอรับ”

“วันนี้โรงเตี้ยมของเจ้าดูท่าแล้วจะครึกครื้นมากทีเดียวเพราะเหตุใดกันหรือ”

“ที่แท้คุณหนูยังไม่ทราบหรือขอรับ วันนี้ที่โรงเตี้ยมของเรานั้นได้เชิญตัวนักเล่านิทานที่กำลังเป็นที่เลื่องลือในเมืองหลวงยิ่งมาขอรับ” 

“เป็นเช่นนี้เอง เจ้าไปทำงานต่อเถอะ อาหลัวให้ค่าเสียเวลาเสี่ยวเอ้อเพิ่มสักหน่อย” 

“ขอบคุณขอรับคุณหนู ขอบคุณขอรับแม่นาง” เสี่ยวเอ้อคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างดีใจก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินออกไป

“คุณหนูเจ้าคะ ถือว่าวันนี้เราออกจากจวนมาแล้วจะโชคดีเป็นพิเศษนะเจ้าคะ หลายวันก่อนคุณหนูเปรยว่าอยากฟังเรื่องเล่า วันนี้ก็จะได้ฟังเลย ซ้ำคนเล่ายังเป็นผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้อีกด้วย”

“ประเดี๋ยวเจ้าก็แบ่งถุงเงินเอาไว้สักหน่อยก็แล้วกัน เอาไว้ฝากเสี่ยวเอ้อไปให้นักเล่านิทานหลังฟังจบแล้ว”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

ครึ่งชั่วยามต่อมา นักเล่านิทานก็เล่านิทานจนจบ เฉินจินฮวากับอาหลัวจึงตั้งใจจะกลับจวนสกุลเฉิน แต่ก็เลือกที่จะนั่งรอให้ผู้คนออกจากโรงเตี้ยมออกไปกันก่อน พวกนางจะได้ไม่ต้องไปเบียดกับผู้คนที่หน้าประตูโรงเตี้ยม

มองลงไปจากชั้นบนก็เห็นว่าด้านล่างโรงเตี้ยมแทบไม่เหลือคนอยู่แล้วนางและอาหลัวจึงเตรียมตัวจะออกจากโรงเตี้ยมบ้าง

ครั้นยามที่นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็ถูกร้องเรียกเอาไว้เสียก่อน

“คุณหนูท่านนี้ โปรดหยุดก่อนสักครู่” 

เมื่อเฉินจินฮวาหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับบุรุษผู้หนึ่งที่แต่งตัวหรูหราประหนึ่งคุณชายบ้านเศรษฐี

“คุณชายท่านนี้ ท่านมีธุระอะไรหรือเจ้าคะ”

เป็นอาหลัวสาวใช้ของเฉินจินฮวาที่รีบเดินเข้าไปกั้นกลางระหว่างคุณหนูของนางกับคุณชายผู้หนึ่งที่อยู่ ๆ ก็ก้าวเข้ามาประชิด

“ตัวข้าเพียงอยากทำความรู้จักกับคุณหนูเท่านั้น เมื่อครู่รีบร้อนจนเกินไปจึงได้เสียมารยาท ต้องขออภัยด้วย”

“คุณชายรู้ว่าเสียมารยาท ทั้งยังรู้ว่าควรขออภัยคุณหนูของข้าย่อมไม่ใจร้ายจะถือโทษคุณชายแน่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี ดีเป็นอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี สายตานั้นพยายามมองผ่านสาวใช้ไปยังหญิงงามที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่ย่อท้อ

อาหลัวเองก็ไม่ย่อท้อเช่นเดียวกัน คุณชายผู้นี้ขยับขวานางก็ขยับขวาเช่นกัน เรียกได้ว่าป้องกันได้ทุกฝีก้าวซ้ำนางยังฝีมือดีเป็นอย่างยิ่ง คิดจะมองคุณหนูของนางตรง ๆ เต็ม ๆ ตาน่ะหรือ จงอย่าได้ฝันไปเลย

“คุณหนูของข้า ออกมาเดินเล่นนานแล้ว สมควรที่จะเร่งกลับจวนเต็มที ไม่เช่นนั้นคนทั้งจวนเฉินไท่เว่ยคงจะพากันออกมาตามหาแน่ ๆ หากเป็นเช่นนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา หวังว่าคุณชายจะเข้าใจนะเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยยกจวนเฉินไท่เว่ยผู้มีอำนาจขึ้นมาหมายจะข่มขู่คุณชายผู้นี้ให้เลิกหวังในสิ่งที่คิด

“ที่แท้เป็นคุณหนูเฉิน ตัวข้าทราบแล้วไม่รบกวนคุณหนูเฉินกลับจวนแน่ ไม่ทราบว่าคุณหนูเฉินจะมาที่นี่อีกเมื่อใดกันสามารถเอ่ยบอกข้าได้หรือไม่”

ชายหนุ่มแม้จะเอ่ยเหมือนเข้าใจแต่กลับยังคงไล่ซักไซ้ไม่หยุดจนเฉินจินฮวาที่ยืนมองเหตุการณ์นิ่ง ๆ อยู่นานจนเวลานี้รู้สึกรำคาญเต็มทีจึงสะกิดสาวใช้ของนางให้หันมาหาก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เพียงประโยคหนึ่งสั้น ๆ แล้วจึงล่วงหน้าลงบันไดไปในทันทีด้วยการใช้วิชาตัวเบา

“ข้าลงไปรอที่รถม้าก่อน คุณชายผู้นี้หากพูดมิรู้ความก็ซัดเขาไปสักฝ่ามือหนึ่งเถิด”

หญิงงามจากไปแล้ว หลงเหลือคนสองคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่เพียงเท่านั้น

อาหลัวมองใบหน้าคุณชายตรงหน้าด้วยแววตาโหดเหี้ยมที่สุดที่นางพอจะพยายามได้ 

ใครจะไปคิดเหล่าว่าคุณชายผู้นี้กลับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหงายหลังเป็นลมล้มตึงไป ลำบากนางต้องเรียกเสี่ยวเอ้อขึ้นมาให้คุณชายผู้นี้อีก

“เสี่ยวเอ้อ!!! รีบขึ้นมาดูเร็ว เหมือนว่าจะมีคนตายแล้ว!!!”

หลังจากร้องเรียกคนเป็นมารยาทเรียบร้อยแล้ว อาหลัวจึงค่อย ๆ ก้าวลงบันไดไปอย่างระมัดระวัง 

ในใจนึกขบขันเล็ก ๆ 

นางเป็นเพียงสาวใช้ ธรรมดาเท่านั้น วรยุทธ์อะไรล้วนไม่เคยเรียนรู้สักอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายคนเมื่อครู่จะหลงเชื่อตามคำพูดของคุณหนูของนางจริง ๆ 

“คุณชาย ท่านคิดจะเกี้ยวพาคุณหนูของข้านั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดนะเจ้าคะ”

กลับไปถึงจวนแล้วเห็นทีนางควรจะไปเรียนให้ฮูหยินเฉินทราบเอาไว้ก่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อที่หากในวันพรุ่งนี้เกิดเรื่องหรือข่าวลืออะไรขึ้นฮูหยินเฉินจะได้หาทางจัดการได้อย่างทันท่วงที

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย (จบ)

    ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 53  เป็นไปตามแผน

    ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 52 กำจัดเสี้ยนหนาม  

    ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 51 เรื่องราวในอดีต

    ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 50 ใจจริงของเจ้า

    ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status