แชร์

ตอนที่ 2 นักพรตตาบอด

ผู้เขียน: อาหลานเร่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 21:14:45

ตอนที่ 2

นักพรตตาบอด

ตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้ว

นายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)

ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษร

คุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุด

หลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวันนี้ด้วย

ที่สกุลเฉินนั้นให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเช้าร่วมกันเป็นที่สุด สี่วันต่อสัปดาห์หากนายท่านผู้เฒ่าไม่ได้เข้าวังไปประชุมราชการส่วนใหญ่ทุกเช้าทุกคนก็มักจะร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน

เนื่องด้วยสกุลเฉินนั้นเป็นตระกูลแม่ทัพส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่พร้อมหน้ากันนัก ครั้งออกศึก ฝึกทัพ คุมค่ายทหารล้วนแล้วแต่ต้องจากบ้านไปเป็นเวลานาน เมื่อมีเวลาจึงได้หมายหมั่นจะใช้เวลาร่วมกันให้มากขึ้นสักหน่อยเพื่อที่ลูกหลานในสกุลจะได้ไม่รู้สึกเหินห่างกัน

หลังจากงานมงคลถือเป็นวันดี เฉินฮูหยินจึงอยากจะออกไปนอกเมืองไปไหว้สักการะองค์เทพที่อารามใหญ่นอกเมืองเพื่อขอพรให้บุตรีคนโตที่ออกเรือนไปสักหน่อยให้นางได้อุ่นใจ

ขบวนรถม้าของสกุลเฉินในวันนี้ มีเฉินฟูหมิงบุตรชายคนรองเป็นผู้ขี่ม้านำขบวนด้วยตนเอง ตัวเฉินจินฮวานั้นก็นั่งอยู่ในรถม้าด้วยกันกับมารดา

ตลอดเส้นทางเฉินจินฮวานั้นได้สนทนากับมารดาหลายเรื่องทีเดียว สองแม่ลูกใช้เวลาอยู่ในรถม้าได้อย่างไม่น่าเบื่อไม่นานพวกนางก็มาถึงที่หมายในที่สุด

พี่ชายนางประคองมารดาลงจากรถม้า ก่อนจะกลับมาช่วยประคองนางลงมาเช่นเดียวกัน

อารามโต้วเทียนในวันนี้ดูคึกคักกว่าครั้งใดที่นางเคยมา ผู้คนในวันนี้กะจากสายตาแล้วมากกว่าปกติกว่าสามเท่า

“หมิงเอ๋อร์ เจ้ารองให้คนไปถามดูหน่อยเถอะว่าเหตุใดอารามโต้วเทียนในวันนี้จึงดูคึกคักเป็นพิเศษ” มารดาของนางเอ่ยปากขึ้น

“ข้าจะให้คนไปถามดูเดี๋ยวนี้ขอรับท่านแม่” พี่ชายของนางรับคำมารดาทันที ก่อนจะหันไปสั่งคนสนิทของตนให้รีบเข้าไปสอบถามให้รู้ความ

ไม่นานผู้ติดตามคนสนิทของรองแม่ทัพหนุ่มก็กลับมารายงานเรื่องที่ได้ไปสอบถามมาให้แก่ผู้เป็นนายฟัง

“เมื่อครู่ข้าน้อยได้ไปสอบถามชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเล่าว่าท่านนักพรตลู่อวี้ออกจากการกักตัวสวดภาวนาแล้วอีกทั้งในวันนี้ท่านเมตตาเปิดทำนายชะตาให้ด้วยขอรับ”

“ท่านนักพรตลู่อวี้ที่กักตัวศึกษาพระธรรมนานนับสิบปีนะ หรือ” เฉินฮูหยินได้ฟังก็รีบเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีดีใจ

“ใช่แล้วขอรับฮูหยิน” ผู้ติดตามหนุ่มยืนยัน

“ดี ดียิ่งนัก วันนี้ข้ากู่ฟางซินถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว”

“ท่านแม่ดีใจมากเช่นนี้เลยหรือขอรับ” เขาเอ่ยถามมารดา ซ้ำ ยังไม่ลืมใช้สายตามองอย่างรู้กันกับผู้เป็นน้องสาวด้วย

“แน่นอน นักพรตลู่อวี้ นักพรตตาบอดผู้มีชื่อเสียง เล่าลือกัน ว่าท่านนักพรตสามารถมองย้อนอดีตมองเห็นอนาคตได้เชียวล่ะ”

เฉินฮูหยินไม่รอท่าเอ่ยจบก็เร่งพาบุตรสาวและบุตรชายของ นางเดินขึ้นไปยังอารามในทันที

ก้าวขึ้นบันไดเกือบหนึ่งร้อยขั้นจนกระทั่งขึ้นมาถึงประตูหลักหน้าอารามนั่นทำเอาเฉินฮูหยินอดไม่ได้ที่จะนั่งพักทันทีที่เก้าอี้หินใต้ต้นไม้ใหญ่

“แม่ของพักสักครู่” เฉินฮูหยินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย

“เมื่อครู่พี่รองอาสาจะอุ้มท่านแม่ดินขึ้นมา ท่านก็ไม่ยอม” เฉินจินฮวาพูดขึ้นขณะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางของนางขึ้นมาเช็ดเหงื่อตามไรผมให้มารดา

“เดินขึ้นอารามต้องเดินขึ้นด้วยตัวเอง จะได้ให้พุทธองค์ท่านเห็นถึงความพยายามและความศรัทธาของเรา ท่านจะได้ประทานพรให้เรามาก ๆ”

“ท่านแม่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาอันแรงกล้า ลูกเชื่อว่าพุทธองค์และเหล่าทวยเทพล้วนรับรู้ได้แน่ขอรับ” ยังคงเป็นบุตรชายคนรองผู้เป็นถึงรองแม่ทัพที่เป็นผู้อ่อนโยนและเอาใจมารดาได้ดีอยู่เสมอ

“ยังคงเป็นฟูหมิงที่เข้าใจแม่ที่สุด” นางมองบุตรชายด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยรักลึกซึ้งระหว่างมารดาและบุตร

“ท่านแม่ ข้าต้องขออภัยที่ต้องเอ่ยขัดขึ้นมานะเจ้าค่ะ แต่ดูเหมือนว่าถ้าไม่รีบเข้าอารามไปล่ะก็ ประตูอารามก็จะปิดแล้วเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยพลางชี้ไปที่ทางประตูอารามที่กำลังจะถูกดึงปิด

โชคดีที่ทันทีที่นางเอ่ยขึ้นบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาด้วยก็รีบวิ่งไปห้ามนักพรตทั้งสองที่กำลังจะปิดประตูอารามเอาไว้ได้ทัน กลุ่มของพวกนางจึงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้เข้ามาในอารามก่อนที่ประตูอารามจะถูกปิด

ปกติแล้วหากพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ประตูอารามย่อมต้องเปิดเอาไว้เพื่อให้ชาวบ้านได้แวะเวียนมากราบสักการะเสมอ

เพียงแค่วันนี้เท่านั้นที่พิเศษออกไป นางและพี่รองช่วยกันประคองมารดาเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธองค์รวมไปถึงการจุดธูปบูชาใช้เวลาไม่นานก็เดินตามคำบอกของนักพรตไปรวมกันที่ลานกลางอารามด้านใน ที่ในเวลานี้จากที่มองสำรวจก็จะเห็นว่ามีชาวบ้านมารวมตัวกันไม่ต่ำกว่าห้าสิบคน

ผู้คนเหล่านี้มีทั้งเป็นชาวบ้านธรรมดาจนกระทั่งผู้ที่ดูแล้วมี ฐานะดูภูมิฐานไม่ต่างจากพวกนางดูก็รู้ว่าต้องเป็นคนจากสกุลขุน นางหรือไม่ก็เศรษฐี

“เฉินฮูหยิน ใช่เฉินฮูหฺยินหรือไม่”

เสียงหนึ่งเอ่ยทักขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาหาพวกนาง

“ที่แท้เป็นฟางฮูหยินนี่เอง ไม่ได้เจอกันเสียนานเชียว”  

นางและพี่รองทำคารวะฟางฮูหยินทันทีที่แน่ใจว่าเป็นคนที่มารดาของพวกนางรู้จัก ด้านหลังฟางฮูหยินเหมือนว่าจะมีคุณหนูผู้หนึ่งติดตามมาด้วย คุณหนูผู้นี้ก็คารวะท่านแม่ของนางทันทีเช่นกัน  

“ไม่คิดว่าจะเจอเฉินฮูหยินที่ นับว่าพวกเราสองคนมีวาสนายิ่ง มาอารามในวันนี้ที่ท่านนักพรตเฒ่าลู่อวี้จะให้คำทำนายพอดีเลย”

“จะถือว่าเป็นโชคดีที่สุดหากได้รับคำทำนายจากท่านจริง ๆ ผู้คนมากมายเช่นนี้เกรงว่ายากที่จะสมใจได้” นางเอ่ยกับสหายเก่าที่ไม่ได้พบมานานปี

“วันนี้เฉินฮูหยินกับข้าล้วนแล้วแต่สวมอาภรณ์สีแดงมงคลเช่นนี้ อย่างไรโชคดีก็ต้องมาถึงพวกเราเป็นแน่ ท่านวางใจเถิด”

ผู้ใหญ่สองคนเมื่อได้สนทนากันอย่างถูกคอแล้วย่อมลืมผู้คนรอบข้าไปจนหมด เฉินจินฮวาจึงเป็นฝ่ายส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้คุณหนูฟางก่อน แล้วจึงค่อยเอ่ยชวนนางพูดคุย

“ข้าเฉินจินฮวา นี่พี่ชายข้าเฉินฟูหมิง แล้วเจ้าเล่ามีนางว่าอันใดกัน”

“นามของข้าคือ ฟางอันอัน ยินดีที่ได้พบพวกท่าน คุณหนูเฉิน คุณชายเฉิน”   

พี่รองของนางเพียงแค่พยักหน้ารับคำเท่านั้น แล้วก็ถอย ออกไปยืนอยู่ไกล ๆ กับบ่าวรับใช้แทน พี่ชายของนางคงรับรู้ได้   ไม่ต่างจากนางว่าเวลานี้คุณหนูฟางผู้นี้กำลังรู้สึกกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ค่อยถูกจึงได้ตั้งใจถอยออกไป

ฟางอันอันผู้นี้ดูเรียบร้อยอ่อนหวานยิ่ง น้ำเสียงและ ท่าทางของนางนั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน เฉินจินฮวาเห็นแล้วก็นึกเอ็นดูคุณหนูฟางผู้นี้อยู่มาก เพราะนางดูต่างจากคุณหนูคนอื่น ๆ ในเมืองหลวงที่ชอบเสแสร้ง

“ท่านแม่ของข้ากับท่านแม่เจ้าเป็นสหายกัน พวกเราก็คุยกันอย่างสบาย ๆ เถอะนะ ข้าขอเรียกเจ้าว่าอันอันได้หรือไม่” นางรีบลงมือตีสนิททันที

“เจ้าเรียกได้ตามสบาย ข้ายินดี” เจ้าของน้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นพลางยิ้มส่งมาอย่างเป็นมิตร

“เช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่า จินเอ๋อร์เถอะ”

“ได้ จินเอ๋อร์”

คุณหนูทั้งสองเริ่มสนทนากันอย่างสนิทสนมเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น อาจเป็นเพราะต่างก็รู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายเช่นกัน ทำให้คนทั้งคู่แม้จะเพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรกแต่กลับกลายเป็นสหายรู้ใจไปเสียแล้ว เพียงแค่ได้สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น

“ท่านแม่ ท่านนักพรตคงไม่ออกมาแล้วกระมังเจ้าคะ” นางหันไปเอ่ยกับมารดาตนพลางส่งยิ้มไปให้ท่านป้าฟาง เมื่อรู้สึกว่าได้รออยู่เช่นนี้เป็นเวลากว่าสองเค่อได้แล้ว

“ท่านไม่ออกมาอยู่แล้วล่ะ” นางเอ่ยตอบบุตรสาว

“เช่นนั้นแล้วเวลานี้พวกเรากำลังรอสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ” เฉินจินฮวาเอ่ยถามมารดาต่อ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเมื่อทุกคนรู้อยู่แล้วว่าท่านนักพรตจะไม่ออกมาแต่ก็ยังคงรวมตัวรออยู่ที่ลานของอารามไม่ไปไหน

“ที่พวกเราทุกคนกำลังรออยู่ไม่ใช่ท่านนักพรต แต่เป็นคำทำนายของท่านต่างหาก” คราวนี้เป็นฟางฮูหยินที่เป็นผู้ตอบข้อสงสัยของนาง

“ท่านนักพรตไม่ก้าวออกจากอารามด้านในมาเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าวันนี้แม้ท่านจะเมตตาจะมอบคำทำนายให้แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ” กู่ฟางซินอธิบายให้บุตรสาวของนางฟังต่อ

“ท่านไม่ได้ออกมาพบ เช่นนั้นจะทำนายได้อย่างไรเจ้าค่ะ”

“ท่านนักพรตทำนายได้ เพราะท่านเป็นรู้เป็นผู้มองเห็นอดีตและอนาคตได้อย่างไรเล่า ทุกอย่างที่ท่านทำนายหรือบอกกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ท่านเห็น ไม่เท่านี้หากทำนายเป็นเรื่องร้ายท่านนั้นจะให้เห็นเพื่อให้ผู้รับคำทำนายได้มีโอกาสหาทางแก้ไข”

ท่านแม่ของนางและท่านป้าฟางช่วยกันเล่ารายละเอียดให้นางพี่รองและอันอันฟังอย่างตั้งใจ

ท่าทีของท่านแม่และท่านป้าฟางแสดงออกมาให้เห็นถึงความนับถือและศรัทธานักพรตท่านนี้เป็นอย่างมาก

“ข้าเคยได้ยินมาว่า เคยมีนักพรตผู้หนึ่งให้คำทำนายเกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เมืองเหลียว ไม่ทราบว่าใช่ท่านนักพรตท่านนี้ที่ท่านแม่กำลังผู้ถึงเป็นผู้ทำนายด้วยหรือไม่” เฉินฟูหมิงที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ มานานถามขึ้นเมื่ออยู่ ๆ ก็นึกไปถึงเรื่องหนึ่งที่ตนเคยได้ยินมาเมื่อนานมาแล้ว

“ใช่แล้ว เป็นท่านนักพรตลู่อวี้ท่านนี้แหละที่ทำนายภัยพิบัติครั้งใหญ่ของเมืองเหลียวเอาไว้ล่วงหน้า ชาวเมืองเหลียวจึงได้อพยพออกจากพื้นที่ได้ทันก่อนที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น”

“ฟังว่าน้ำท่วมเมืองเหลียวครั้งนั้นไม่มีชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว”

“ถือเป็นโชคดีของชาวเมืองเหลียวจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแคว้น เราคงจะต้องจดจำการสูญเสียครั้งใหญ่ไปอีกนานเชียวล่ะ”

“มิรู้ว่าครั้งนั้นเป็นผู้ใดที่ได้รับคำทำนายไป หลายคนเล่า ว่าเป็นขุนนางผู้หนึ่งบ้างก็ลือว่าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์”

“ผู้ใดได้ไปก็ไม่แน่ชัด แต่ย่อมต้องเป็นผู้มีอำนาจไม่น้อยแน่ ผู้ที่สามารถจัดการอพยพชาวบ้านทั้งเมืองเหลียวได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย (จบ)

    ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 53  เป็นไปตามแผน

    ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 52 กำจัดเสี้ยนหนาม  

    ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 51 เรื่องราวในอดีต

    ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 50 ใจจริงของเจ้า

    ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status