ฮึ...เขาว่าแล้ว เธอต้องไม่ยอมเปิดปากพูดความจริง ปากแข็งหรือ อยากรู้นักจะแข็งไปได้สักกี่น้ำ ถ้าเป็นผู้ชายเขามีวิธีทรมานแบบไม่เจ็บก็นอนหยอดข้าวต้มไปจนถึงพิการ แต่เมื่อเธอเป็นหญิงหุ่นอวบอัดเต็มไม้เต็มมืออย่างนี้ แถมเนื้อตัวยังหอมกรุ่นราวกับกลิ่นดอกไม้อย่างนี้ มีวิธีให้เขาเริงรื่นในการรีดเอาความลับจนฉ่ำปอดเชียวแหละ
ฝ่ามือร้อนระอุคลึงเคล้นเจ้าก้อนเนื้อนุ่ม พลางปากหนาอุ่นขบกัดผิวเนื้อนุ่มเบาๆ ไล่เลื่อนขึ้นไปตามซอกนวลเนียนหอม ขบกัดติ่งหูสลับกระเซ้าเย้าแหย่ช่องหูนุ่ม “แน่ใจนะว่าจะไม่ยอมบอกฉัน”
“อือ...นะ...แน่ใจ ไม่ใช่นะ คุณถอยออกไปก่อนนะ อยู่แบบนี้ฉันอึดอัด หายใจไม่ออก แล้วคิดอะไรไม่ออกด้วย”
ทาบมือผลักร่างหนาให้ถอยห่างไป แต่ก็เหมือนกับเธอเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เพราะมันไม่แม้แต่จะขยับเคลื่อนด้วยซ้ำ แล้วอีตายักษ์กินคนยังจะแกล้งบดเบียดเรือนกายแนบชิดมากยิ่งขึ้น สายลมร้อนผ่าวทำให้ระบบในเรือนกายทำงานผิดปรกติ ท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีเกลียวสายน้ำถาโถมเข้ามาระรอกแล้วระรอกเล่า ในหัวใจหรือก็หวั่นไหวแบบแปลกๆ อย่างไม่ควรจะเป็น จากไอ้ตัวยักษ์ที่จะเป็นคนทำร้ายเธอ!
“ไม่ล่ะ...ฉันไม่ไว้วางใจ เธอมันพวกฤทธิ์มาก แสบใช่ย่อย ถ้าฉันเผลอ เธออาจร้องตะโกนขอให้พักพวกวิ่งลมมากระหน่ำบาทา รุมสะกรัมฉันก็ได้นี่น่า อีกอย่างอยู่แบบนี้ก็ดี ถ้าเธอออกฤทธิ์ออกเดช ฉันชอบวิธีที่ใช้ปราบ”
ไม่ต้องบอกซ้ำว่าวิธีการของเขาคืออะไร เพราะปากหนาขบเคลื่อนไปทั่ววงหน้านวลนุ่ม คลอเคลียจูบซับแก้มอิ่มหอม มือหรือก็ไม่หยุดนิ่งฟ้อนอกอิ่มสร้างความปั่นป่วนให้คนตัวเล็กกว่าร้องอืออา อย่างไม่รู้จะปล่อยเลยตามเลย หรือขัดขืนห้ามปรามดี
“ยะ...หยุดนะ คุณทำอย่างนี้ไม่ได้ ฉันไม่ใช้ผู้หญิงอย่างที่คุณเคยเจอนะ” เอ่ยห้ามเสียงกระท่อนกระแท่น เบือนหน้าหลบจมูกโด่งและปากอุ่นร้อนที่เคลื่อนไคล้ไปบนแก้มนุ่ม
“แต่ถ้าเธอขืนทำปากกล้าพูดมาก ไม่ตอบในสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันอาจเปลี่ยนใจจากที่แค่จูบเฉยๆ เป็นดันตัวเธอลงนอนบนพื้นทราย ดึงเอาเสื้อผ้าโยนทิ้งไปให้หมด แล้วก็...”
‘อี๊...ไอ้...’ ไม่รู้ว่าจะด่าอีกฝ่ายว่ายังไงดี เห็นเธอเป็นผู้หญิงแถมตัวก็เล็กกว่า รังแกได้รังแกเอาใช่ไหม อย่าให้หลุดออกไปแล้วกัน แม่จะแพ่นกะบานให้เลือดอาบเชียว
“อือ...ยะยอมแล้ว ยอมแล้ว คุณจะถามอะไรก็ถามมา ฉันตอบได้จะตอบให้หมดทุกข้อ” อยู่แบบนี้ยังไงๆ เธอก็เสียเปรียบวันยังค่ำ ยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนานผ่านไป ไอ้อาการไหววูบแปลก ๆ นี่ก็ดูท่าจะเพิ่มมากขึ้น ไม่ดีต่อตัวและหัวใจอย่างรุนแรง
“เธอทำงานให้ใคร อ๊ะ...อย่าบอกว่าไม่รู้นะ” ดึงกายนุ่มนิ่มห่างออกมาจากผนังปูนเล็กน้อย ก่อนสอดมือหนาไปลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียน ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณตะขอเสื้อชั้นใน
ก็เธอไม่รู้เรื่องที่เขาถามจริง ๆ นี่น่า แล้วจะให้ตอบไปว่าไงละ คิดสิ...ลูกไก่ แกไม่ถึงกับเก่งมากมาย แต่ก็ไม่ได้โง่นะเว้ย คิดสิ...คิดให้ออก “ตอนนี้ฉันมีตั้งหลายงาน คุณก็ต้องบอกมาก่อน งานที่ถามนี่เป็นงานอะไร ฉันจะได้ตอบให้ตรงกับที่คุณต้องการไง” หวังว่าคำตอบนี้จะสามารถยืดเวลาออกไปเล็กน้อย พอให้เธอคิดหาหนทางหนีได้
หือ...อันเจโล่ครางในลำคอ ทำไมเรื่องมันง่ายกว่าที่คิดนะ พวกนกต่อนี่จะต้องเป็นพวกปากแข็งสิ ไม่ว่าจะรีดเค้นอย่างไรก็ต้องไม่ยอมเปิดปากบอกความจริงง่าย ๆ แม่ตัวเล็กนี่คิดจะทำอะไรหรือเปล่า
บรรยากาศยามนี้ไม่ได้เงียบงัน เพราะสายลมและคลื่นน้ำทะเลที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง เสียงเพลงหวานแว่วแผ่วเบาสลับคึกคักครื้นเครงดังตามสายลมมาเป็นระยะ สอดแทรกเสียงบางซึ่งกฤติกาไม่น่าจะได้ยินด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันแตะที่ช่องหูของเธอแล้ว มันกลับดังก้องสะท้อนในช่องหูจนไม่อาจสลัดออกไปได้
แต่...เอาไงดีละ ถ้าจะให้ทำอย่างที่ได้ยินเมื่อครู่ “ที่รักขา...อุ๊ย อย่าทำอย่างนี้สิคะ อื้อ...ไม่เอาคะ อย่าจับตรงนั้นสิคะ ฉัน...” ก่อนตามติดมาด้วยเสียงของฝ่ายชายที่เธอฟังไม่ถนัดหรอกว่าพูดอะไร เพราะมันช่างเบาหวิวซะเหลือเกิน แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีไฟร้อนผ่าววิ่งไหลวนจากไหนก็ไม่รู้ มารวมตัวกันที่พวงแก้มนุ่มกับเสียงที่ดังตามติดมาต่างหากล่ะ เสียงที่บ่งบอกว่าเธอคนนั้นกำลังลอยละล่องไปบนท้องนภากว้าง ที่ทำให้มีคำถามผุดเข้ามา เธอจะกล้าทำอย่างนั้นได้หรือ
“ถ้าเธอผิดคำพูดล่ะ จะให้ฉันทำยังไง”
“แหม...คุณจะกลัวอะไร ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ยังไงฉันก็สู้แรงผู้ชายตัวใหญ่หุ่นล่ำอย่างคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
‘ใจกล้า ๆ หน่อยสิยายลูกไก่ ถ้าแกทำได้ รอดนะโว้ย’ กฤติกาพยายามเรียกความกล้าในกายออกมา แต่มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
“ใครจะไปรู้ละ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างกับลูกไก่ อาจเป็นพวกลูกไก่สารพัดพิษ ที่ไม่ถึงที่สุดก็ไม่ยอมคายความลับน่ะ” ผู้ชายว่าร้ายแล้ว แต่ผู้หญิงทั้งร้ายและน่ากลัวที่สุด เขาบอกว่าจิตใจผู้หญิงยากแท้หยั่งถึง เห็นเธอหงิมๆ บอบบางอย่างนี้ สามารถฆ่าผู้ชายได้ทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มแย้มอยู่ก็เป็นไปได้ ดังนั้น...ไม่ควรเชื่อใจใครยกเว้นตัวเอง
“แหม...คุณนี่ คิดไปได้ยังไงกัน อย่างฉันนี่หรือคะ จะกล้าทำอย่างที่คุณว่า ฉันน่ะกลัวคุณจนตัวสั่นแล้ว ต้องอ้อนวอนคุณเสียด้วยซ้ำ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้องนะคะ...” ท้ายสุดกฤติกาทอดเสียงหวานนุ่ม ทำใจหาญกล้าลากไล้นิ้วเย็นยะเยือกราวกับมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่บนอกกว้างเบา ๆ เมื่อเห็นคนตัวใหญ่ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน หัวใจที่เต้นอ่อนไหวหวาดหวั่นเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา...เล็กน้อย!
“ไม่คิดว่าคนปากเสียอย่างเธอก็ปากหวานเป็นด้วย แถมหวานใช่เล่นเสียด้วยสิ แต่แปลกที่ฉันดันไม่เชื่อ” ก็เขาเคยเจอในลุกที่เธอนั้นจำแลงแปลงกายเป็นนางยักษ์ขมูขีมาแล้วนี่น่า มาทำปากหวานแสบไส้อย่างนี้ เชื่อเถอะ ได้เป็นอันลงมือทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงแน่นอน
“กลัวความหวานเคลือบยาพิษ กินแล้วติดคอตายก่อนได้ขึ้นสวรรค์”
‘โอ๊ย!! จะฉลาดมากไปแล้วนะ เออ...แล้วไงยะ เดี๋ยวฉันจะทำให้ผู้ชายหน้าไม่อาย ชอบรังแกผู้หญิงอย่างนายน่ะ รู้ไว้ว่า อย่าแหยมมายุ่งกับผู้หญิงเล็กพริกขี้หนูอย่างเธอ’ กฤติกากัดฟันกรอด ๆ อยากมีอะไรอยู่ในมือ จะได้ฟาดเปรี้ยงไปบนหัวคนตัวใหญ่ให้เบะออก เลือดไหลเหมือนกับแตงโมงที่ผลัดตกลงบนถนนเสียจริง
“แหม...ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคุณนี่น่ะหรือคะ จะกลัวผู้หญิงตัวเท่ามด (คันไฟ) อย่างฉัน รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นนะคะ” ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายติดพันอยู่กับการต่อปากต่อคำด้วย ยอมเสี่ยงกับอารมณ์แปลกๆ ที่ไม่เคยรู้จัก บดเบียดกายอรชรกับกายแกร่ง เพื่อทำให้เท้าถึงพื้นดินให้จงได้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันหรือเปล่า เพราะเธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเต็มชัด ๆ ก้องทั้งสองหูเลย
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด