“บอก...ไม่บอก แล้วเรื่องอะไรฉันจะบอกแกล่ะ บอกไปก็ไม่เป็นความลับสิ ไม่บอกหรอกย่ะ” หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา นัยน์ตาใสพร่างพราวระยับ ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ อย่างบอกให้รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดูได้จากแก้มนวลเนียนใสที่สีระเรื่อขึ้นป่องออก
“แกเก่งไม่ใช่เหรอ เดาเอาเองสิ” ความจริงเธอยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร แค่ขู่เอาไว้ก่อนเท่านั้นเองแหละ
“บอกมานะแก ไม่งั้นฉันไม่พาแกกลับนะโว้ย”
กฤติกาหน้ามุ่ยเมื่อผู้เป็นเพื่อนเล่นมุกนี้ จะทำไงได้ก็เธอดันขอติดรถอีตาผิวหมึกนี่มาซะด้วย หญิงสาวกลอกตาไปมากอย่างคนคิดหนัก “อ๊ะ...ฉันบอกแกก็ได้ จะทำอะไร แกเอาหูมาใกล้ๆ สิ จะได้บอกเสียงดังๆ ฟังชัดๆ ” คิดว่าเธอจะแพ้ง่ายๆ งั้นหรือ หึ...คิดผิดเสียแล้วไอ้เพื่อนเกลอ
“แกมีแผนอะไรหรือเปล่ายายลูกเจี๊ยบ” จะไม่ให้เขาถามอยางนี้ได้ยังไง ก็ดวงตายายเพื่อนตัวแสบมันเปล่งประกายพร่างพราวระยับเหลือเกินนี่น่า ต้องหาเรื่องคิดแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ
“เปล๊า” กฤติกาตอบปฏิเสธเสียงสูงลิ่ว สะบัดศีรษะจนเส้นผมกระจาย แถมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดเรียบตัวกันอย่างเป็นระเบียบ หลุบตาเล็กน้อยปิดบังความเจ้าเล่ห์ไม่ให้เพื่อนหนุ่มได้เห็น “แล้วแกจะฟังไหมล่ะ ถ้าฟังก็เข้ามาใกล้ๆ ซะดีๆ ”
แสงกล้าตกหลุมอย่างง่ายดาย ร่างสูงแกร่งเดินเข้าหาเพื่อนสาว ซึ่งโยกมือขึ้นโอบรอบบ่ากว้างให้เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนแม่ลูกไก่ตัวจิ๋วจะจับหูและ...
“ยายลูกเจี๊ยบ” แสงกล้าร้องเสียงดังลั่นหลังจากหายมึน เพราะยายเพื่อนตัวดีดันแกล้งตะโกนใส่หูเขา ก่อนวิ่งไปยืนไกลๆ พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นจนเขาต้องหัวเราะตาม “มาให้ฉันเตะแกซะดีๆ ยายลูกเจี๊ยบตัวแสบ”
“กิ้วๆ แน่จริงแกก็ตามให้ทันสิ” ถ้าเป็นไปได้กฤติกาแทบจะฉีกปาก ลอยหน้าลอยตายั่ว พร้อมหันหลังให้สะบัดสะโพกส่ายไปมาอีกด้วย แต่เพราะไม่ได้อยู่กันในกลุ่มเพื่อนฝูง เลยทำได้แค่เพียงก้าวลิ่วๆ ออกไปจากอาคารสนามบินโดยไม่มองว่าผู้เป็นเพื่อนไม่ได้เดินตามมาด้วย จะด้วยเหตุบังเอิญหรือความเฟอะฟะของสาวเจ้าเลยเกิดมีอุบัติเหตุเล็กๆ ขึ้น!
ปึก!!
“อุ๊ย!!” กฤติการ้องอุทานเบาๆ เพราะตกใจ เมื่อการหยอกล้อของเธอกับเพื่อนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยขาไพล่ไปสะดุดเข้ากับกระเป๋าใบย่อม ที่วางแอบไว้หรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้ร่างเพรียวบางเซถลาไปซนเข้ากับอะไรบางอย่างที่คงไม่ใช่ผนัง เพราะขณะชนแรงปะทะทำให้เธอกระเด็นกระดอนถอยมาด้านหลังนั้นไม่ได้แข็งกระด้าง ก่อนจะมีแขนสอดมาโอบรัดร่างช่วยประคองไม่ให้ล้มหงายไปด้านหลัง ก้นกระแทกพื้นให้อับอายผู้คนที่เดินผ่านไปมา
อื้อฮือ...อีตานี่ท่าจะสำอางใช่เล่น ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นหระหรือ ก็กลิ่นกายที่สะอาดสะอ้านบวกกับกลิ่นโคโลญจ์หอมๆ ที่ลอยมาแตะจมูก หอมจนต้องสูดกลิ่นซ้ำนะสิ
“จะยืนซบอีกนานไหม” คนถามคลายแขนออกเมื่อเห็นว่าคนชนสามารถยืนตั้งหลักได้แล้ว
อารมณ์วาบหวามและจินตนาการที่ลอยบรรเจิดอยู่ถูกสายลมพัดลอยไปไกล ด้วยน้ำเสียงห้าวเข้มและดุกร้าว ราวกับฟ้าผ่าดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท
‘แหม...ขี้เหนียวชะมัด ขอซบหน่อยก็ไม่ได้’ ชิ...จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น แบะกลีบปากอิ่มเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด แล้วถ้าเธอได้ยินความคิดของคนตัวใหญ่ที่เอนอิงตัวซบอยู่ คงจะไม่เพียงแค่หงุดหงิด แต่จะร้อนรุ่มไปทั้งทรวง พ่วงด้วยเพลิงโทสะที่แผ่ซ่านไปทั่วกายเชียวล่ะ
ปกติแล้วการที่มีผู้หญิงวิ่งรี่เข้ามาชนแบบนี้ คิดได้อย่างเดียวเลยว่าเธอให้ท่า อยากให้เขาพาขึ้นเตียง แต่เพราะมาเรื่องงานที่สำคัญมาก จนเขาไม่อยากเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงเสียการเสียงาน แม้ว่าเธอคนนั้นจะมานอนแก้ผ้าหราอยู่บนเตียงก็ตามที แล้วยิ่งกับยายตัวเล็ก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงฟูฟ่องราวกับไม้กวาด และยังพกพาเอาความเฟอะฟะซุ่มซ่ามติดตัวมาด้วย คงได้สะดุดขอบเตียงขาหักก่อนได้ขึ้นสวรรค์เสียมากกว่า
แม้ใบหน้าคมดุจะติดไปทางเรียบเฉยจนเป็นเย็นชา ราวกับมีหน้ากากสวมเอาไว้ แต่ในดวงตากลับบ่งบอกถึงความรำคาญ ‘เมื่อไหร่ยายเบ๊อะซุ่มซ่ามนี่จะถอยออกไปเสียที เบียดอยู่ได้ คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าเป็นผู้หญิงอกใหญ่น่ะ’
กลีบปากอิ่มแบะออก ไล่สายตาราวกับแก้วมองขึ้นไปทีละน้อย แม้ไม่อยากจะคิดอะไร ด้วยว่าเธอเป็นกุลสตรีที่แสนจะเรียบร้อย (ประเภทผ้าที่ขยำๆ ยับๆ ไปหมกไว้ในตู้ผ้า) ไม่ควรคิดอะไรกับผู้ชายที่เพิ่งพบเจอยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่ว่าสายตามันถูกดึงดูดให้หยุดชะงักจากแผงอกกว้างล่ำสัน
ริ้วลมร้อนผ่าวพัดไม่รู้พัดมาจากไหน ได้ไปรวมตัวกันอยู่ที่พวงแก้มใส จนกฤติกาคิดว่ามันคงแดงระเรื่อราวกับผลเชอร์รี่ อากาศที่นี่คงร้อนมาก พ่อคนตัวใหญ่ถึงได้ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีนวลตาออกลงมาเกือบจะครึ่งแผง ทำให้เธอได้เห็นอกกว้างบึกบึน ลอนกล้ามเนื้อแน่นสวยงามอย่างที่เขาเรียกว่ามีซิกแพ็ก
‘โอ๊ย!! เป็นบ้าอะไรไปนี้ อยากซบซุกอกกว้างจนตัวสั่นแล้ว อยากหม่ำผู้ชายหุ่นล่ำเป็นอาหารเที่ยง ใครก็ได้ช่วยลูกที’
“จะให้ฉันยันเธอออกไปหรือว่าเธอจะถอยออกไปเอง” ชายหนุ่มถามพลางส่งเสื้อโค้ตที่พาดไว้บนท่อนแขนไปให้กับลูกน้องที่เดินตามติดมา มือใหญ่จับแขนกลมกลึงของแม่คนซุ่มซ่ามเตรียมจะดันออก
เปรี้ยะๆ...เสียงแก้วในหูแตก เพราะคำพูดที่กฤติกาคิดว่ามันหยาบคายที่สุด ด้วยว่ามันไปทำลายความคิดเพ้อฝันของเธอ จากที่ลอยละลิ่วบนแผ่นฟ้าให้ตกลงมานอนจุกอยู่บนพื้นดินในฉับพลัน แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปอีกนิด...
ลำคอหนาแกร่ง ระหว่างคางบึกบึนและริมฝีปากหนาสีสดนั้นเป็นร่องหลุมอยู่เล็กน้อย ไล่ขึ้นไปเป็นจมูกโด่งขึ้นสัน ก่อนจะรู้สึกเหมือนกับว่าโลกหยุดหมุน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อประสบพบกับนัยน์ตาเทาอมเขียวขี้ม้าที่ทำเอาหัวใจสาวน้อยอายุยี่สามปีหมาด ๆ ไม่เคยมีคู่ใจมาคลอเคลียชิดใกล้อย่างเธอสะดุดจังงัง ราวถูกศรแห่งความพึงพอใจปักอก
‘โอ้...เทพบุตรมาจุติบนโลกมนุษย์หรือไงนะ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ หล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังเสียอีก’
“จะมองอีกนานไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามกระแสเสียงกรุ่นความหงุดหงิดที่ข่มกลั้นเอาไว้ไม่มิด รู้อยู่หรอกน่ะหน้าตาเขามักเรียกความสนใจจากผู้หญิงราวกับเป็นแม่เหล็กดึงดูด แต่ไอ้ประเภทที่ตาโตราวกับไข่ห่าน อ้าปากกว้างอย่างไม่กลัวแมลงวันหัวเขียวจะบินเข้าไปทำรังวางไข่ได้อย่างผู้หญิงตรงหน้านี่เขาไม่เคยเจอ
กฤติกาหุบปากที่อ้ากว้างแทบไม่ทัน “ขอ...ขอโทษค่ะ” คำขอโทษที่เผลอหลุดพูดภาษาไทยออกไปนั้น เบาหวิวจนแทบจะไม่ออกจากปากด้วยซ้ำ ก่อนเธอจะเรียกสติกลับคืนมา และรีบเอ่ยสำทับด้วยภาษาอังกฤษไป เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามิใช่คนไทย
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ใคร...มันเป็นใครกล้ามาอยู่ห้องลูกไก่” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “ทำอย่างนี้ได้ยังไงลูกไก่ ไหนสัญญาแล้วไง เธอจะรอฉันน่ะ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้แม่ลูกไก่น้อยของเขาได้ในระยะห้าเมตร ด้วยเขามีผู้ช่วยมือดีคอยดูแลให้อยู่ ซึ่งถ้าหากเธอรู้ละก็...มีหวังคนส่งข่าวคงกลายเป็นกระสอบทรายไม่แพ้เขานัยน์ตาเข้าสีเทาปนเขียวขี้ม้าเป็นประกายแพรวพราวระยับอย่างน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “เป็นใครแล้วคุณยุ่งอะไรด้วยละ ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างยียวน คอยจับตามองคนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพิรุธมากมาย “อีกอย่างถ้าฉันแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน มันผิดแปลกตรงไหน คนมันสวยนี่น่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูงอันเจโล่เกือบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว นี่คงไม่รู้สิน่าว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลานะ “ไม่จริง ก็ไหน...” แสร้งเอ่ยถามอย่างร้อนรน แต่กลับหลุดบางอย่างออกไปจนคนตัวเล็กจับพิรุธมองมาอย่างจ้องจับผิด“ไหนอะไร” กฤติกายกมือเท้าสะเอว จ้องเข้าไปในดวงตาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด “บอกมานะ ไม่งั้นลูกไก่โกรธจริง ๆ ด้วย” เธอพยายามขู่เสียงเข้มให้อีกฝ่ายกลัว ทว่าแปลกยิ่งนักที่อั
“ยิ้มนะลูกไก่ ให้กำลังใจฉันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอาชนะพวกมารและจะได้รีบกลับมาหาเธอ” บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาตั้งใจเอ่ยคำนี้หรือเปล่า แต่เอ่ยออกไปแล้วก็ไม่ได้เสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของแม่เนื้อนุ่มหวาน“คุณเจ” หัวใจถึงกับโป่งพองราวลูกโป่งอัดแก๊ส จนลอยลิ่วไปบนฟากฟ้าสีครามสดใส ก่อนดวงหน้าผ่องพรรณจะหมองหม่นลงเมื่อเสียงประกาศเตือนดังมาอีกครั้ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจทำอย่างแสงกล้าพูด...เอ่ยบอกเขาให้รู้ความจริงในใจ ดีกว่าเก็บเอาไว้ในอกพร้อมความเจ็บช้ำ ได้บอกรักแม้ต้องผิดหวัง ยังดีกว่าไม่ได้บอกให้เขารู้กฤติกาจับมือใหญ่ มองเข้าไปในแววตาเข้ม “ลูกไก่มาเพราะมีเรื่องสำคัญอยากบอกคุณเจค่ะ...” สูดลมหายใจเข้าปอด รวมรวมความกล้า“ลูกไก่...รักคุณเจค่ะ” กฤติกาเอ่ยเสียงเข้มและหนักแน่นอันเจโล่เต็มตื้นกับคำรักที่ได้ยินจนหัวใจคล้ายลูกโป่งที่ถูกสูบแก็สอัดไปจนเต็มลอยพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าในทันควัน “ลูกไก่!” สมควรเป็นเขาที่ต้องเอ่ยบอกคำนี้ออกไปก่อน แต่นี่คนตัวเล็กกลับ...เขายอมแพ้ใจเธอจริงๆ แขนกำยำสอดรวบกอดร่างเล็กแนบอก“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงมีแค่คำนี้...ขอบใจนะลูกไก่ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างฉัน” คำเล็ก ๆ ที่มีอาน
อันเจโล่ผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา แม้อยากยืดเวลาออกไปแม้แค่เสียววินาที เพื่อให้ตัวเองได้เฝ้ารอด้วยความหวังอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องยอมรับความจริง กฤติกาไม่มาร่างหนาผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งด้วยเท้าที่หนักอึ้งจนแทบเดินต่อไม่ไหว ในหัวใจราวกับถูกเศษแก้วแตกที่ฝังอยู่ในก้อนเนื้อบาดเฉือนทุกการหายใจ เหมือนโลกที่ยืนอยู่แปรปรวน แผ่นดินไหวโยกทำให้เขายืนทรงตัวไม่อยู่ จนต้องเฝ้าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง เป็นอะไรไป?“นายครับ”“มีอะไร”“จะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะครับ” กลับไปคราวนี้ศึกหนักหนาสาหัสรอนายอยู่ แล้วก็ไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงสามารถเคลียร์เรื่องราวให้มันจบลงไปด้วยดี เขาอยากให้นายได้มีเวลาอยู่กับกฤติกาอีกหน่อย ได้เก็บช่วงเวลานี้ไว้เป็นกำลังใจยามที่ต้องต่อสู้กับเรื่องร้าย“ฉันไม่เป็นไร” อาการเขาคงหนักมากจริงๆ แม้กระทั่งลูกน้องยังสังเกตเห็นได้“จะให้คุณ...”“อย่าเลย” รู้ว่าเดโก้จะเสนออะไร เขาเองก็เคยคิดแวบ ๆ แต่คิดแล้วคิดอีกหลายตลบอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของกฤติกา แต่อีกส่วนก็มาจากตัวเองที่ดันปากหนักเองช่วยไม่ได้ ถ้าเอ่ยปากชวนแม่เนื้อนุ่มไปด้วยนะ ป่านนี้ก็มีเธอข้างกายเรียบร้
“ลูกไก่” เอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า ฝ่ามือหนาไล้ลูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับจุมพิตไต่เลื่อนเคลื่อนไปบนผิวกายเนียนนุ่มลื่นราวกับแพรไหมอย่างเชื่องช้า“ขา...” กฤติกาขานรับ เพียงแค่มองสบนัยน์ตากับอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเขาต้องการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเอ่ยด้วยคำพูดอีกแล้ว... “เมื่อไหร่คะคุณเจ” เธออยากรู้ มีเวลานานเท่าไหร่ในอ้อมแขนแกร่งนี้“พรุ่งนี้” ตอบกลับเสียงพร่าแหบราวกับในอกถูกก้อนหินไร้น้ำหนักกดทับอยู่“เร็วจังเลยนะคะ” เปรยเสียงแหบแห้ง อยากขอเขาว่าอย่างเพิ่งไปได้ไหม อยู่กับเธออีกสักวันได้ไหม แต่กฤติกาก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย คงทำได้แค่...ใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าที่สุด เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำในวันต้องจากร้างห่างลากัน“ฉัน...” ถ้าเธอพูดอะไรนอกจากนี้สักคำ เขาคงรู้สึกดีกว่าการได้รับรอยยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาหวานเศร้าอมโศกอย่างนี้นิ้วยาวเล็กยื่นไปทาบบนปากหนา “ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไก่รู้ว่าคุณเจจำเป็น แค่...คืนนี้ เรา...” ปวดร้าวไปหมดทั้งทรวงจนพูดไม่ออก“ฉันรู้...คืนนี้ จนถึงเวลานั้น” ไม่อยากพูดถึงเวลาจำต้องลาจาก “เราจะมีกันและกันใช่ไหมลูกไก่”“ค่ะ...เราจะมีกันและกัน” กฤติกา
“ว่าไงอันเจโล่ จะบอก หรือจะให้ลูกไก่เจ็บมากกว่านี้”“อย่านะคุณเจ อย่า...‘บอก’” กลายเป็นเสียงกรีดร้องแทน เมื่อบาดแผลถูกกดเปิดออกจนเลือดไหลซึมออกมา“ลูกไก่!” กัดฟันกรอด อยากลุกขึ้นไปช่วยแม่หวานใจจนตัวสั่น แต่เพราะถูกจับเอาไว้เลยต้องทนเห็นแม่เนื้อนุ่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด จะไม่สัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีโอกาสพาตัวเองหลุดรอดไปเมื่อไหร่ ริวาโก้ต้องรับผิดชอบในความเจ็บของลูกไก่น้อย แน่นอน!“ว่าไงอันเจโล่ หรือจะให้ฉัน...” ไม่ได้ยินดีกับความเจ็บปวดของใคร แต่มันจำเป็น“ได้” กัดฟันกรอดขณะตอบอีกฝ่าย “ฉันยอมบอก แต่แกห้ามทำร้ายลูกไก่”“ไม่นะคุณเจ! ยะ...อย่า...” กฤติการ้องห้ามก่อนเสียงจะขาดหายไป ด้วยเจ็บและหน้ามืด พ่วงด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีเหงื่อผุดไหลข้างขมับและแผ่นหลัง“อย่าคิดตุกติกนะอันเจโล่ แกทำเมื่อไหร่ เตรียมตัวเห็นลูกไก่กลายเป็นคนที่มีร่างที่ไร้วิญญาณแน่นอน” ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว เอาจริงทุกคำพูดด้วย เขายอมทำทุกอย่างทุกทางเพื่อให้อันเจโล่และครอบครัวประสบกับความหายนะ แก้แค้นให้กับตัวเองและทุกๆ คนที่ถูกกระทำจากครอบครัวนี้ให้สาสม!อันเจโล่มองดวงหน้าผุดผาดขาวซีด