“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้”
“แต่ข้าไม่อยากยุ่ง”
“ไปดูให้แม่หน่อยเถิดนะซือเอ๋อร์” หมิงฮูหยินเปลี่ยนมาอ้อนวอนบุตรสาวให้ใจอ่อน
“ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปดูให้ท่าน แล้วนี่เซียวเหยาจะกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ”
เพราะน้องสาวไปอยู่บ้านท่านตาในช่วงเหมันต์ นางจึงไม่ได้เจออีกฝ่ายนานแล้ว
“เพิ่งให้ท่านตาส่งจดหมายมาบอกแม่ว่าขออยู่ที่เมืองจิ้นหงอีกหนึ่งเดือน”
“เจ้าเด็กคนนี้ ติดใจบ้านท่านตาจนลืมพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง” อาจจะเพราะเป็นหลานสาวที่มีอายุน้อยที่สุดในตระกูลจึงถูกเอาอกเอาใจจากคนรอบข้าง
“ใจจริงแม่ก็ไม่ได้อยากให้อยู่ที่นั่นนานหรอก ป่านนี้คงโดนท่านลุงท่านน้าตามใจจนเสียคนแล้วกระมัง” หมิงฮูหยินกล่าว มุมปากยกยิ้มเมื่อคิดถึงตระกูลที่เต็มไปด้วยความปรองดองและอบอุ่นของตน
“หากถึงเวลาเซียวเหยาไม่ยอมกลับจวน เห็นทีท่านแม่คงต้องไปรับด้วยตนเองแล้วเจ้าค่ะ”
“แม่ของเจ้าก็คิดเช่นนั้น” จะได้ถือโอกาสกลับบ้านเดิมที่ไม่ได้กลับนานถึงสิบปี
“ท่านแม่พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ลูกจะกลับจวนแล้ว”
“อย่าลืมไปสอดส่องที่ท้ายจวนให้แม่ด้วย”
“เจ้าค่ะ” นางก็สู้อุตส่าห์ชวนสนทนาเรื่องอื่น คิดว่าท่านแม่จะลืมแล้วเสียอีก
แต่เอาเถิดกลับเรือนไปสักสองเค่อแล้วค่อยไปสอดส่อง ยามนั้นคังอ๋องคงจะกลับไปแล้ว เพราะนางไม่อยากไปสอดส่องหรืออยากรู้เรื่องของพี่ชายต่างมารดาให้มาก
คนรู้ความลับมากมักตายเร็ว เพราะนางไม่อยากเป็นเช่นนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้พี่ชายต่างมารดาลดความแค้นเคืองในใจ
เพราะมัวแต่เอนหลังเพลินไปเสียหน่อย นางจึงหลับไปราวครึ่งชั่วยาม เมื่อตื่นนางก็รีบสั่งให้หลินถงเตรียมน้ำแกงไก่ที่เคี่ยวไว้ก่อนหน้านี้ หากแต่ยังไม่ได้นำไปให้เพราะคังอ๋องมาเสียก่อน
“คุณหนูรอง” บ่าวรับใช้ทั้งสองคนลุกขึ้นทักทาย ท่าทางคล้ายจะเป็นมิตรมากขึ้น
“พี่ใหญ่เป็นเช่นไรบ้าง ข้าสั่งให้คนต้มน้ำแกงไก่มาให้”
“คุณชายใหญ่ เอ่อ...” เมื่อเห็นท่าลังเลของเพ่ยตงนางก็เข้าใจเอาเองว่าอีกฝ่ายอาจจะยังไม่ไว้ใจน้ำแกงไก่ถ้วยนี้จึงรีบพูดแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อน
“หากพวกเจ้าไม่ไว้ใจ สามารถตรวจสอบก่อนได้ว่าข้าไม่ได้วางยาพิษพี่ใหญ่ในน้ำแกงไก่หม้อนี้”
“ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับคุณหนู...” ฉงซานตั้งใจจะบอกว่าคุณชายกำลังสนทนากับผู้สูงศักดิ์ แต่เจ้าตัวกลับเดินออกมาเสียก่อน
“คุณหนูรองหมิง ไม่ได้เจอหน้ากันนาน สบายดีหรือไม่”
‘ยังไม่กลับไปอีกหรือ’ หมิงเจียวซือสบถในใจ ทั้งที่คิดว่าผู้สูงศักดิ์คงอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วยาม แต่ที่ใดได้ นางหลับไปตั้งนานหากนับตั้งแต่ตอนมาเยือนจนถึงเวลานี้ อ๋องผู้นี้นั่งอยู่ในเรือนพี่ชายต่างมารดานานเกือบสองชั่วยามแล้ว
“คารวะท่านอ๋องเพคะ”
“ข้าคิดว่าตนเองก็รูปงามไม่น้อย แต่เหตุใดยามเห็นหน้าข้า คุณหนูรองหมิงถึงได้ทำสีหน้าคล้ายเห็นผี” มิใช่เคยบอกว่าพึงใจเขาหรือ
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันแค่ดีใจมากเกินไปหน่อยที่ได้พบพระพักตร์ของท่านอ๋อง”
“หากเจ้าดีใจยามพบหน้าข้าเช่นนี้ ต่อจากนี้ก็หวังว่าเราจะได้นัดพบเจอกันเช่นเมื่อก่อน มิใช่พยายามหนีหน้าข้าจนผ่านพ้นไปหนึ่งฤดูกาลเช่นนี้” เซี่ยอี้หานที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าคล้ายยินดีเข้าไปยืนในระยะห่างเพียงหนึ่งก้าวก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูนางในประโยคท้าย
ปากก็บอกว่าพึงใจเขา พอเขามาสนทนาด้วยกลับทำหน้าคล้ายเห็นผี ช่างโป้ปดได้ไม่แนบเนียนยิ่ง
“มิคิดเลยว่าท่านอ๋องจะรู้จักกับน้องสาวของกระหม่อม” เสียงทุ้มของคนที่เดินออกมาจากด้านในทำให้นางรีบก้าวเท้าถอยห่างผู้สูงศักดิ์
‘บรรยากาศน่าอึดอัดมาอีกแล้ว’ หมิงเจียวซือคิดว่าตนควรหาข้ออ้างออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้
“พบเจอกันที่ตลาดหลายครั้ง จึงได้สนทนาจนสนิทสนมกัน”
“เช่นนั้นข่าวลือที่ว่าท่านอ๋องกำลังคบหาดูใจกับคุณหนูฝูก็ไม่ใช่เรื่องจริงสินะพ่ะย่ะค่ะ”
‘เขากำลังโกรธแทนสตรีในดวงใจหรืออย่างไร’ หมิงเจียวซือคิดก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตาไม่ใคร่เป็นมิตรของพี่ชายต่างมารดา
“ระหว่างคุณหนูฝูกับคุณหนูรองหมิง หากนับว่าข้าได้สนทนากับใครมากกว่ากัน เห็นจะเป็นคุณหนูรองหมิงเสียมากกว่าที่ได้พบเจอและสนทนากันบ่อยครั้ง” กล่าวจบก็หันมายิ้มหวานจนน่าขนลุกให้นาง
‘คือ...ตอนนี้ท่านอ๋องกับพี่ใหญ่กำลังชอบพอคุณหนูฝูเหมือนกัน จึงเอาข้ามาเป็นธนูเพื่อยิงอีกฝ่ายระบายโทสะใช่หรือไม่’
“พี่ใหญ่กับท่านอ๋องคงมีเรื่องสนทนากันมากมาย เช่นนี้ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ท่านอ๋องหม่อมฉันทูลลา” นางกำลังส่งสายตาบอกหลินถงให้รีบกลับเรือน แต่นางเดินได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกถึงแรงรั้งจากด้านหลัง
“จะรีบไปที่ใดหรือคุณหนูรองหมิง เจ้ายังไม่ได้สนทนากับข้าเรื่องที่รับปากจะช่วยเหลือข้าเลย” ประโยคท้ายเซี่ยอี้หานรั้งตัวนางเข้าใกล้แล้วกระซิบเสียงเบาที่ข้างหู
“ท่านอ๋อง ทำเช่นนั้นกับสตรีไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ” หมิงเลี่ยงรุ่ยเอ่ยเตือน
“เจ้าเพิ่งหายป่วยหายไข้ รีบกลับเข้าห้องไปพักผ่อนเถิด วันนี้ข้าไม่รบกวนแล้ว คุณหนูรองหมิงเชิญไปสนทนากับข้าในฐานะเจ้าของจวนได้หรือไม่”
‘แง ๆ ข้าจะร้องไห้แล้วนะ แม้ข้าจะเป็นสตรีร้ายกาจทำแต่เรื่องชั่วช้า แต่ข้าก็หวาดกลัวไอสังหารของพวกท่านที่แผ่ใส่กันนะเจ้าคะ’ ไม่นับสีหน้าที่พร้อมเอาดาบฟันลงบนคอนางของพี่ใหญ่ เขาต้องไม่พอใจแน่ ๆ ที่นางมารบกวนแขกของเขา
‘พี่ใหญ่หากท่านเบิกตามองดี ๆ ท่านก็จะได้เห็นว่าคนที่กำลังรบกวนเป็นคังอ๋องหาใช่ข้า’
เซี่ยอี้หานไม่รอคุณชายใหญ่หมิงตอบรับ เขารั้งอาภรณ์คุณหนูรองให้เดินตามทันทีโดยมีสาวใช้คนสนิทของนางรีบสาวเท้าเดินตาม
“คุณชายปล่อยคุณหนูรองไปกับท่านอ๋องเช่นนั้นจะดีหรือขอรับ” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถาม ในช่วงหลังคุณหนูดีกับคุณชายของพวกตนไม่น้อย จึงรู้สึกเป็นห่วงนาง เพราะรู้อยู่แล้วว่าความสุภาพอ่อนโยนของคังอ๋องเป็นเพียงฉากหน้า
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน
เสียงกรีดร้องโวยวายของอนุฯ ฝูห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไป คังอ๋องจึงหันไปสั่งขันทีอาวุโสให้ไปตามชายารองเมิ่งที่เขามอบหมายให้ดูแลตำหนักแห่งนี้ ผ่านไปไม่กี่อึดใจชายารองเมิ่งก็รีบมาพบพระสวามีที่รออยู่ ก่อนจะแสดงความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ยามนี้อนุฯ ฝูถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างเจ้าให้คนที่เชี่ยวชาญการแพทย์และเป็นวรยุทธ์สักเล็กน้อยไปคอยดูแลนางด้วย” “เพคะ” ชายารองเมิ่งคิดในใจว่า ท่านอ๋องช่างโปรดปรานสตรีเสแสร้งอย่างฝูหว่านอิ๋งจริง ๆ แม้จะโดนลงโทษก็ยังกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งนางก็คงจะคิดเช่นนั้นหากไม่ได้ยินประโยคต่อมาของผู้สูงศักดิ์ “หากพวกเจ้าอยากหยอกเย้าหรือเล่นกับนางก็สามารถไปเยือนที่เรือนร้างได้ข้าอนุญาต แต่อย่าลงมือหนักเกินไป ประเด
“มันเป็นใครหรือเพคะ คนที่ลงมือกับตระกูลฝูอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น” ฝูหว่านอิ๋งเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่าจะต้องทำท่าทางให้น่าสงสารหวังให้สวามีมาปลอบขวัญ คังอ๋องเซี่ยอี้หานอยากจะยิ้มเยาะออกมาเสียจริง ๆ สมควรแล้วที่ตระกูลฝูถูกฆ่าล้างตระกูล สิ่งที่ฝูซื่อทำไว้ แค่ร้อยชีวิตของตระกูลฝูไม่อาจชดเชยได้ เพราะสิบสองปีที่ผ่านมาฝูซื่อเลี้ยงกลุ่มโจรเอาไว้แล้วสั่งให้บุกสังหารหลายตระกูล ทั้งที่ขัดผลประโยชน์หรือที่ร่ำรวยมีทรัพย์ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมาเลี้ยงดูกลุ่มโจรและกองกำลังลับที่องค์ชายรองจะใช้ก่อกบฏ “เจ้าอยากทราบจริง ๆ หรือ” เขาเอ่ยถามพลางย่อตัวลงก่อนจะใช้มือเชยคางของนางขึ้นเพื่อให้เงยหน้ามองเขา “เพคะ พระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” 
ตอนพิเศษ เพื่อคนที่รักทั้งสอง เสียงกรีดร้องโวยวายที่หน้าห้องหนังสือทำให้คังอ๋องที่กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเก็บตำราแล้วลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวด้านนอก ตั้งแต่รับปากหยวนลี่หมิง ชีวิตของเขาไม่เคยได้สงบสุขเลย เรือนหลังตำหนักมีเ
คนที่นั่งตัดพ้อต่อว่าตนเองว่าโง่เขลาดูเหมือนจะเป็นบุรุษเพราะเขานั่งก้มหน้านางจึงยังมองไม่เห็นหน้า รู้เพียงแค่ว่าคนผู้นี้น่าจะจมอยู่ในความทุกข์ในเป็นเวลานาน ผมเพ้าขาวโพลนไปทั้งหัวขัดแย้งกับมือและเสียงที่ไม่ได้ใกล้เคียงผู้อาวุโสเลย นอกจากผมที่ขาวโพลนจะรกรุงรังไร้การรวบเก็บที่เรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยังสกปรกมีรอยขาดวิ่นคล้ายไม่ใส่ใจดูแลตน “ท่านน้าข้าขอโทษที่โง่เขลาหลงเชื่อวาจาเพียงไม่กี่คำของคนชั่วช้า เนรคุณต่อผู้มีพระคุณเช่นท่าน ทั้งยังก่อบาปมากมาย ยามนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คนผิดได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนก่อ แต่ข้ากลับสูญเสียคนที่หยิบยื่นความเมตตาให้ข้าโดยไร้ข้อแม้เช่นท่านไปด้วยมือของข้าเอง ท่านน้า ท่านคงโกรธเคืองข้ามากใช่หรือไม่ ข้ายินดีให้ท่านสาปแช่งข้า ยามนี้ข้าสำนึกให้สิ่งที่ทำไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษท่านและครอบครัวของพวกท่าน” 
“อ๊า ๆ” นางได้แต่ร้องครวญครางอ่อนระทวยพร้อมคล้อยตามในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อเรือนร่างเย้ายวนเริ่มแข็งเกร็งเขาก็ยิ่งเร่งการขยับลิ้นให้รัวเร็ว ก่อนที่นางจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานเอ่อล้นออกมา เป็นเช่นที่บอกว่าคืนเข้าหอมีค่าดังทองพันชั่งคุณชายหยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาชันตัวขึ้นก่อนจะกดแท่งหยกเข้าโพรงนุ่มที่แม้จะมีน้ำหวานเอ่อล้นแต่ภายในยังคับแน่น “เจ้ารัดพี่แน่นเช่นนี้ พี่คงทนได้ไม่นาน” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อนางปรับตัวได้ เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังสลับกับเสียงครางแว่วหวานทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาป่วนห้องหอ “เจียวซือ พี่รักเจ้ายิ่งน
“ย่อมไม่ปฏิเสธ” กล่าวจบเขาก็เชยคางมนให้เงยขึ้น โดยเขาซึ่งยืนนวดไหล่ให้ทางด้านหลัง ก้มใบหน้าเข้าใกล้นางก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันหวังปลุกเร้าความปรารถนาเพื่อค่ำคืนเข้าหอที่สุขสม เขาลิ้มชิมความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจุมพิตออกมาด้วยกลัวว่านางจะเมื่อยคอ “รีบปลดอาภรณ์แล้วเข้ามาแช่น้ำร้อนด้วยกัน...” นางกล่าวชวนอีกครั้งยังไม่ได้จบ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แท่งหยกที่ควรจะอยู่สงบกลับแข็งขึงพร้อมมอบความสุขให้นาง “ในถังนี้คับแคบยิ่งนัก เจ้านั่งบนตักข้าดีกว่าจะได้ไม่อึดอัดมาก” กล่าวจบเขาก็ช้อนตัวนางยกขึ้นมานั่งบนตักของตน ส่วนแท่งหยกที่แข็งขึงถูไถอยู่บริเวณสะโพกของนาง “ลี่หมิง ของท่านโดนก้นข้า”&nbs