“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า”
“พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1]
“คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย
“เป็นเจ้าที่จงรักภักดีกับคุณชายอย่างแท้จริง” กล่าวจบนางก็หันไปเบ้ปากใส่บ่าวรับใช้ของพี่ชายต่างมารดาอีกคน
“เจ้า!”
“ฉงซาน!” เขายกมือรั้งสหายที่คล้ายจะมีโทสะต่อคุณหนูรองอย่างอคติเกินไป
หมิงเจียวซือสะบัดหน้าหนีบ่าวรับใช้จอมอคติแล้วยกน้ำแกงเดินไปที่ห้องของพี่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าประตูเปิดอยู่นางจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปทันทีโดยไม่เอ่ยปากขออนุญาต
“พี่ใหญ่ ข้าต้มน้ำแกงไก่มาให้ท่านเจ้าค่ะ” แท้จริงเป็นสาวใช้ของนางต้ม แค่อยากอ้างให้ดูทุ่มเทเอาใจเขาเฉย ๆ จะได้ดูเหมือนนางอยากชดใช้สิ่งที่เคยทำไม่ดีด้วยใจจริง
“เจ้ากับคังอ๋องไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อใด” น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยถามราบเรียบแฝงความเย็นชา
“น่าจะก่อนเข้าเหมันต์เจ้าค่ะ ข้าบังเอิญพบเจอเขาที่ร้านตำรา”
‘ที่แท้บุรุษที่คุณหนูรองพึงใจคือท่านอ๋องหรือนี่’ เพ่ยตงที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังคิด
“คงเป็นร้านตำราที่เจ้าไปเหมาตำรามาสองหีบสินะ”
“พี่ใหญ่ช่างเก่งกาจ ท่านคาดเดาได้ถูกต้องเจ้าค่ะ” นางเยินยอและยิ้มเอาใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เขา
“ท่านอ๋องกลับไปแล้วหรือ”
“สนทนากับข้าเสร็จก็รีบกลับไป คงมีเรื่องต้องทำเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ท่านยังตัวร้อนอยู่หรือไม่” หมิงเจียวซือที่ยืนอยู่ห่างจากพี่ชายเพียงหนึ่งก้าวเอ่ยถาม
วันนี้เข้าใกล้ได้ด้วย สงสัยการทำดีของนางจะช่วยลดความโกรธแค้นในใจของเขาได้จริง ๆ ปกติยืนห่างสิบก้าวก็จ้องนางด้วยสายตาอาฆาตแล้ว
“เรื่องของข้า หาได้เกี่ยวกับเจ้า”
“ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นสิเจ้าคะ อย่างไรท่านก็เป็นพี่ชายร่วมสายเลือดกับข้าครึ่งหนึ่ง ข้าจะไม่ห่วงใยท่านได้อย่างไร” นางกล่าวจบก็ทำท่าจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของพี่ชาย
“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าเคยอ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้าหรือ” หมิงเลี่ยงรุ่ยกล่าวพลางปัดมือนางให้ออกห่างจากตัว แต่เพราะเขาเป็นคนฝึกยุทธ์จึงลืมออมแรงทำให้คุณหนูบอบบางเช่นหมิงเจียวซือที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปกองกับพื้น
ตึง! เสียงหัวของคุณหนูรองกระแทกกับเก้าอี้อย่างแรงท่ามกลางความตกใจของหลินถง และบ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายใหญ่
“คุณหนู! ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทรีบเข้าประคองคุณหนูของตนอย่างรวดเร็ว
“ข้า...” หมิงเลี่ยงรุ่ยที่ไม่ได้ตั้งใจ กำลังจะเข้าไปช่วยเหลือน้องสาวนอกไส้ แต่ก็ต้องรั้งฝีเท้าไว้เมื่อเห็นสาวใช้เข้าช่วยเหลือแล้ว มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นคล้ายระงับอารมณ์
“ขออภัยพี่ใหญ่ที่ข้าทำให้ท่านไม่พอใจ เป็นข้าผิดเองที่อยากทำดีไถ่โทษที่ข้าเคยกลั่นแกล้งและใส่ร้ายทำให้ท่านต้องโดนท่านแม่ลงโทษหลายต่อหลายครั้ง ข้าขอโทษที่การกระทำของข้าทำให้พี่ใหญ่ไม่พอใจ หากการที่ข้าไม่มายุ่งเกี่ยวกับท่านอีก ทำให้พี่ใหญ่สบายใจ ต่อจากนี้ข้าก็จะไม่มาให้ท่านเห็นหน้าอีก หากวันหน้าเกิดเรื่องร้ายแรงกับตระกูลหมิง ข้าหวังว่าพี่ใหญ่จะเมตตาท่านพ่อท่านแม่และเซียวเหยา” สิ้นเสียงสตรีที่ถูกประคองให้ลุกยืนขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าพี่ชายต่างมารดา
ตึง! หมิงเจียวซือโขกหน้าผากกับพื้นอย่างแรงเพื่อแสดงความจริงใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นหยาดน้ำตาก็ไหลรินเป็นทาง บริเวณหน้าผากแดงขึ้นชัดเจน พร้อมกับอาภรณ์สีเหลืองเริ่มเปลี่ยนสี
“เจ้า!” คุณชายหมิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของน้องสาวนอกไส้
“คุณหนูอย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ หัวท่านเลือดออกมากเช่นนี้ รีบกลับเรือนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะให้คนไปตามหมอ”
“ประเดี๋ยวเราก็จะกลับเรือนแล้ว”
“เจ้ารีบกลับเรือนของตนไปเลย” หมิงเลี่ยงรุ่ยเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนแววตาสั่นไหว
“พี่ใหญ่หากท่านจะเกลียดคนตระกูลหมิง ข้าขอให้ท่านนำความเกลียดทั้งหมดมาลงไว้กับข้าเพียงคนเดียว และหากท่านต้องการข้ายินดีชดใช้ให้ท่านด้วยชีวิต ขอเพียงท่านละเว้นท่านพ่อท่านแม่และเซียวเหยาก็พอ ต่อจากนี้รักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ ข้าลาก่อน” กล่าวจบนางพยายามจะลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย รีบกระตุกชายอาภรณ์หลินถงให้ช่วยประคองนางขึ้น
“คุณหนูรอง ให้ข้าไปส่งท่านดีหรือไม่” แม้ที่ผ่านมาคุณหนูรองจะร้ายกาจ แต่ยามนี้บ่าวรับใช้ที่เคยเลือกทางผิดพลาดมาก่อนเช่นเขารู้สึกสงสารนางยิ่งนัก
ก่อนที่จะมาเป็นผู้ติดตามคุณชาย บ่าวเช่นเขาก็เคยเป็นนักฆ่ามาก่อน เขาที่เคยเป็นทายาทสำนักคุ้มภัย ถูกมือมืดฆ่าล้างตระกูลเขาที่หนีรอดมาได้เพียงคนเดียวจากการปกป้องจนตัวตายของบิดาจึงผันตัวเป็นนักฆ่าหาเงินเลี้ยงชีพ ทั้งยังได้ฝึกฝนด้วยความหวังว่าวันหนึ่งจะได้แก้แค้นแทนคนในตระกูล จนได้เจอคุณชายเขาจึงกลับเนื้อกลับตัวและเฝ้ารอที่จะได้แก้แค้นเพียงเท่านั้น
“ขอบคุณ แต่เจ้าดูแลคุณชายของตนเถิด” นางกล่าวก่อนจะปล่อยให้สาวใช้ประคองตนเดินผ่านฉงซานบ่าวรับใช้อีกคนที่มองนางด้วยสายตาซับซ้อน
[1] การเสียสละชีวิตเพื่อสตรีนับเป็นสิ่งคุ้มค่า
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาแค่อยากปัดมือนางที่กำลังจะแตะลงบนหน้าผากให้ออกห่างโดยไม่ได้ทันออมแรงกลายเป็นใช้พลังยุทธ์ผลักนางให้ออกห่าง “คุณชาย! ข้าขอบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านทราบ ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรก็สุดแล้วแต่ท่านขอรับ” เป็นเพ่ยตงที่เดินกลับเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงไก่ “ว่ามา” “ข้าเพียงอยากจะบอกกล่าวคุณชาย ว่าแท้จริงคนที่ดูแลคุณชายตอนที่เป็นไข้จนหมดสติหาใช่พวกข้าเช่นที่เคยรายงาน แต่เป็นคุณหนูรองหมิงที่ช่วยตามท่านหมอและดูแลคุณชายจนหายตัวร้อน เมื่อพวกข้ากลับมาถึงเรือนก็โดนนางตำหนิที่ปล่อยคุณชายไว้ตามลำพังพร้อมกำชับไม่ให้ข้ากับฉงซานบอกเรื่องนี้กับคุณชาย เพราะคุณหนูร
5 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2) หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่
“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า” “พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ” “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1] “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย “เป็นเจ้าที่จงรักภ
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน ด้านหมิงเจียวซือที่ถูกคังอ๋องลากตัวมาสนทนาด้วย และที่ต้องเรียกว่าลาก ก็เพราะบุรุษสูงศักดิ์ใช้นิ้วดึงรั้งอาภรณ์บริเวณแขนของนางเอาไว้ก่อนจะบังคับให้นางเดินตาม “ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่เพคะ” “ปากก็บอกว่าชื่นชอบข้า พึงใจข้าแต่ดูเจ้าทำสิ แค่อยู่ใกล้ข้ายังไม่อยากทำเลย” “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ผู้คนติฉินนินทาท่านอ๋องในทางเสียหาย” “ใจจริงข้าอยากใ
“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้” “แต่ข้าไม่อยากยุ่ง” “ไปดูให้แม่หน่อยเถิดนะซือเอ๋อร์” หมิงฮูหยินเปลี่ยนมาอ้อนวอนบุตรสาวให้ใจอ่อน “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปดูให้ท่าน แล้วนี่เซียวเหยาจะกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ” เพราะน้องสาวไปอยู่บ้านท่านตาในช่วงเหมันต์ นางจึงไม่ได้เจออีกฝ่ายนานแล้ว “เพิ่งให้ท่านตาส่งจดหมายมาบอกแม่ว่าขออยู่ที่เมืองจิ้นหงอีกหนึ่งเดือน” “เจ้าเด็กคนนี้ ติดใจบ้านท่านตาจนลืมพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง” อาจจะเพราะเป็นห
4 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (1) ผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ที่คุณหนูรองหมิงช่วยเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากพี่ชายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนมากเช่นในตอนแรก เสียงสนทนาที่ดังขึ้นด้านนอกห้อง ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ชายต่างมารดากลับมาแล้ว “หลินถง เรากลับกันเถิด” นางปลุกสาวใช้ที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ “คุณหนู คุณชายใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ” “บ่าวรับใช้ของพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เรากลับเรือนกันเถิด” “เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางลุกขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย พรึ่บ! เมื่อประตูเปิดออกบ่าวรับใช้ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันก็หยุดมือทันทีเพื่อจะเข้ามาหาคุณชายของตน แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นสตรีร้ายกาจเช่นคุณหนูรอง “คุณหนู! ท่านมากลั่นแกล้งคุณชายของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถามพลางมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางระวังตัว “ข้าคิดอย