5
ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2)
หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก
เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่ให้หมิงฮูหยินทราบตามประสงค์ของคุณหนู
“คุณชายใหญ่ทำร้ายคุณหนูเช่นนี้ บ่าวว่าต่อจากนี้อย่าได้ไปยุ่งด้วยอีกเลยเจ้าค่ะ” แม้ในอดีตจะเคยเห็นใจที่ถูกลงโทษเพราะคุณหนูของนาง แต่ยามนี้คุณหนูกลับตัวกลับใจทำดีมากมาย แต่กลับถูกทำร้ายเช่นนี้ สาวใช้เช่นนางย่อมไม่พอใจ
“ขอบคุณเจ้าที่เป็นห่วงข้า แต่อย่าได้กังวล ต่อจากนี้ข้าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว”
“คุณหนูอย่าได้ร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เห็นความดีของคุณหนูเลยเจ้าค่ะ” พูดแล้วก็โมโห เจ้าเพ่ยตงนั่นก็ไม่คิดจะเข้าไปห้ามคุณชายตนบ้าง
‘ข้าหาได้ร้องไห้เพราะเสียใจ ที่น้ำตาข้าไหล เป็นเพราะข้าเจ็บต่างหากเล่า’ แต่ยามนั้นไหน ๆ ก็เจ็บตัวแล้วนางจึงทุ่มเทกับงิ้วฉากนี้ คุกเข่าโขกศีรษะขออภัยอย่างจริงใจ แม้จะเจ็บจนน้ำตาไหลพราก แต่มันก็คุ้มค่า ต่อจากนี้นางก็ไม่ต้องไปพบเจอสายตาเย็นชาของบุรุษผู้นั้นโดยมีข้ออ้างอย่างชอบธรรม
เจ็บตัวครั้งนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริง...
“คุณหนูยังปวดแผลหรือไม่เจ้าคะ”
“ยามนี้ยังไม่ปวด ท่านหมอจัดยาแก้ปวดไว้ให้ด้วยแล้วใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าต้มมาให้ข้าด้วย” นางคงได้แต่นอนตะแคงไปอีกเป็นเดือน
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าจะไปทำอันใดก็ไปทำเถิด ข้าจะนอนสักพัก หากท่านแม่ถามหาบอกว่าข้าขี้เกียจออกจากเรือน จะรับสำรับที่เรือน” นางเคยทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ท่านแม่ไม่สงสัยแน่นอน แม้ท่านแม่จะเห็นแผลแต่นางก็คงจะบอกว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะนางล้มหัวไปกระแทกโต๊ะเอง จะได้ไม่ต้องไปลงมือกับพี่ชายต่างมารดาให้ติดค้างกันอีก
“เจ้าค่ะ บ่าวอยู่รอด้านนอกนะเจ้าคะ คุณหนูมีอันใดส่งเสียงเรียกบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ”
“อืม” กล่าวจบนางก็เอนหลังลงนอนแล้วเลิกสนใจเรื่องพี่ชายต่างมารดาอีก
ขอเพียงไม่โกรธแค้นแล้วฆ่าล้างตระกูลหมิง เขาจะทำอันใดก็เรื่องของเขา นางไม่สนด้วยแล้ว...
ด้านหมิงเลี่ยงรุ่ยหรือแท้จริงคือหยวนลี่หมิง ทายาทตระกูลหยวนสายหลักที่เหลือรอดเพียงคนเดียว มองตามสตรีในอาภรณ์สีเหลืองที่มีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ด้านหลังถูกสาวใช้ประคองออกจากเรือนของเขาไป
“คุณชาย ข้าว่าครั้งนี้ท่านทำเกินไปนะขอรับ” เป็นเพ่ยตงเอ่ยขึ้น มือก็ช่วยเก็บชามน้ำแกงไก่ที่ตกแตกเต็มพื้น
‘ข้ารู้ ข้าไม่ได้ตั้งใจ’ หยวนลี่หมิงกล่าวในใจ
“แต่ข้าว่าคุณชายทำถูกแล้ว สตรีนางนั้นจะได้เลิกเข้ามายุ่มย่ามในเรือนของพวกเรา” ฉงซานกล่าว
“เพ่ยตง เก็บชามแล้วเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะสนทนากับฉงซาน”
“ขอรับคุณชาย” เพ่ยตงเป็นคนซื่อตรง ไม่ค่อยคิดซับซ้อน ใครดีมาก็ดีตอบจึงมักจะทำตามคำสั่งคุณชายอย่างไร้ข้อแม้
หยวนลี่หมิงเอ่ยถามเรื่องบางอย่างกับบ่าวรับใช้คนสนิท ที่เขาเลือกด้วยตนเองด้วยสีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
“เจ้าทราบใช่หรือไม่ว่านายที่แท้จริงของเจ้าเป็นใคร”
“ทราบขอรับ นายของข้าคือคุณชาย”
“ในเมื่อทราบแล้วเหตุใดถึงต้องทำตามคำสั่งผู้อื่นนอกจากข้าอีก” วาจาของผู้เป็นนายทำให้ฉงซานหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าทันที
“คุณชายข้า...”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือกนายของเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าไม่เลือกข้า ก็จงจากไปเสีย ข้าจะไม่ลำเลิกบุญคุณกับเจ้า ที่ผ่านมาก็ให้แล้วกันไป”
“ไม่ขอรับ ข้าขออภัยคุณชาย ท่านมีพระคุณกับข้า ข้าย่อมเลือกท่าน”
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“ขอรับ ข้าจะเลิกติดต่อกับคนผู้นั้นขอรับ”
“ในเมื่อเจ้าเลือกข้า ต่อจากนี้เจ้าจงติดต่อกับคนผู้นั้นตามเดิม แต่สิ่งที่จะเอาไปรายงาน ต้องผ่านข้าทุกเรื่อง และหากอีกฝ่ายซักถามอันใดเจ้า เจ้าจงมารายงานข้าทุกเรื่องเช่นกัน” พบเจอกันแค่ครั้งสองครั้งด้วยความบังเอิญแต่กลับกล้าหลอกใช้คนสนิทของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการตลบหลังเพื่อสืบหาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายเช่นกัน
“ขอรับคุณชาย ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”
“เจ้ารู้สึกเช่นไรกับการได้รับโอกาสจากข้า”
“ข้าย่อมรู้สึกซาบซึ้งที่ท่านมอบโอกาสให้ข้าได้กลับตัวแก้ไข”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงให้โอกาสหมิงเจียวซือด้วย ในเมื่อนางกลับตัวแล้วทำดีต่อข้า เจ้าก็จงอย่าได้เอ่ยวาจาส่อเสียดหรือไม่เคารพนางอีก อย่างไรนางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณของข้า”
“ขอรับ” แม้ใจจริงอยากจะโต้เถียงออกไปแต่เมื่อคิดถึงความผิดของตนที่นำเรื่องของเจ้านายไปบอกให้ผู้อื่นทราบ สิ่งที่คุณหนูรองทำดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้ายแรงน้อยกว่า
หยวนลี่หมิงใช้เวลาสนทนากับบ่าวรับใช้คนสนิทอีกราวครึ่งเค่อก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายกลับไปทำงานของตนเองต่อ
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาแค่อยากปัดมือนางที่กำลังจะแตะลงบนหน้าผากให้ออกห่างโดยไม่ได้ทันออมแรงกลายเป็นใช้พลังยุทธ์ผลักนางให้ออกห่าง “คุณชาย! ข้าขอบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านทราบ ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรก็สุดแล้วแต่ท่านขอรับ” เป็นเพ่ยตงที่เดินกลับเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงไก่ “ว่ามา” “ข้าเพียงอยากจะบอกกล่าวคุณชาย ว่าแท้จริงคนที่ดูแลคุณชายตอนที่เป็นไข้จนหมดสติหาใช่พวกข้าเช่นที่เคยรายงาน แต่เป็นคุณหนูรองหมิงที่ช่วยตามท่านหมอและดูแลคุณชายจนหายตัวร้อน เมื่อพวกข้ากลับมาถึงเรือนก็โดนนางตำหนิที่ปล่อยคุณชายไว้ตามลำพังพร้อมกำชับไม่ให้ข้ากับฉงซานบอกเรื่องนี้กับคุณชาย เพราะคุณหนูร
5 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2) หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่
“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า” “พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ” “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1] “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย “เป็นเจ้าที่จงรักภ
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน ด้านหมิงเจียวซือที่ถูกคังอ๋องลากตัวมาสนทนาด้วย และที่ต้องเรียกว่าลาก ก็เพราะบุรุษสูงศักดิ์ใช้นิ้วดึงรั้งอาภรณ์บริเวณแขนของนางเอาไว้ก่อนจะบังคับให้นางเดินตาม “ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่เพคะ” “ปากก็บอกว่าชื่นชอบข้า พึงใจข้าแต่ดูเจ้าทำสิ แค่อยู่ใกล้ข้ายังไม่อยากทำเลย” “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ผู้คนติฉินนินทาท่านอ๋องในทางเสียหาย” “ใจจริงข้าอยากใ
“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้” “แต่ข้าไม่อยากยุ่ง” “ไปดูให้แม่หน่อยเถิดนะซือเอ๋อร์” หมิงฮูหยินเปลี่ยนมาอ้อนวอนบุตรสาวให้ใจอ่อน “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปดูให้ท่าน แล้วนี่เซียวเหยาจะกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ” เพราะน้องสาวไปอยู่บ้านท่านตาในช่วงเหมันต์ นางจึงไม่ได้เจออีกฝ่ายนานแล้ว “เพิ่งให้ท่านตาส่งจดหมายมาบอกแม่ว่าขออยู่ที่เมืองจิ้นหงอีกหนึ่งเดือน” “เจ้าเด็กคนนี้ ติดใจบ้านท่านตาจนลืมพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง” อาจจะเพราะเป็นห
4 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (1) ผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ที่คุณหนูรองหมิงช่วยเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากพี่ชายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนมากเช่นในตอนแรก เสียงสนทนาที่ดังขึ้นด้านนอกห้อง ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ชายต่างมารดากลับมาแล้ว “หลินถง เรากลับกันเถิด” นางปลุกสาวใช้ที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ “คุณหนู คุณชายใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ” “บ่าวรับใช้ของพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เรากลับเรือนกันเถิด” “เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางลุกขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย พรึ่บ! เมื่อประตูเปิดออกบ่าวรับใช้ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันก็หยุดมือทันทีเพื่อจะเข้ามาหาคุณชายของตน แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นสตรีร้ายกาจเช่นคุณหนูรอง “คุณหนู! ท่านมากลั่นแกล้งคุณชายของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถามพลางมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางระวังตัว “ข้าคิดอย