“ไม่ดีกว่า...เจ้าค่ะ ข้าให้หลินถงไปส่งก็ได้” หากเขาไปด้วย นางก็อดหนีกลับจวนก่อนน่ะสิ
“เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ”
“เจ้าค่ะ” หมิงเจียวซือลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับสาวใช้คนสนิท
ห้องที่ฝูหว่านอิ๋งเลือกเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เมื่อนางออกจากห้องมาคนที่อยู่ภายในห้องก็ไม่มีทางทราบแล้วว่านางเลี้ยวไปทางใด
แต่เมื่อจะถึงทางแยกเลี้ยวไปห้องปลดทุกข์ นางก็เดินเลี้ยวไปที่ทางลงไปด้านล่าง
“คุณหนู...” หลินถงกำลังจะเอ่ยบอกคุณหนูว่าเลี้ยวผิดทาง แต่ถูกคุณหนูยกนิ้วชี้แตะบริเวณปากเป็นเชิงให้เงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทางออก
“หากจะให้นุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวบ่าวคิดว่าน่าจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ เห็นท่านลุงพ่อครัวกล่าวว่ายิ่งเคี่ยวนานน้ำแกงยิ่งหอมหวานเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นข้าจะเก็บเห็ดเอง เจ้าไปต้มกระดูกหมูรอข้า” “จะดีหรือเจ้าคะ” “หรือเจ้าจะให้ข้าที่ก่อไฟยังไม่เป็นไปทำกันเล่า” “คุณหนูแค่ไปแจ้งท่านลุงพ่อครัว” “เจ้าลืมแล้วหรือวันนี้ท่านลุงอู๋ขอออกไปดูมารดาที่ป่วย ใกล้เวลารับสำรับเย็นถึงจะกลับมา” “บ่าวลืมไปเลยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปที่ครัวแล้วต้
6 สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ทันทีที่กลับถึงจวนหยวนลี่หมิงหรือที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาคือคุณชายตระกูลหมิง หมิงเลี่ยงรุ่ยก็ลอบเข้าเรือนของน้องสาวนอกไส้ เนื่องจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาลอบเข้ามาสังเกตนางอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงหาตัวนางได้ไม่ยาก ‘วันนี
“ไม่ดีกว่า...เจ้าค่ะ ข้าให้หลินถงไปส่งก็ได้” หากเขาไปด้วย นางก็อดหนีกลับจวนก่อนน่ะสิ “เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ” “เจ้าค่ะ” หมิงเจียวซือลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับสาวใช้คนสนิท ห้องที่ฝูหว่านอิ๋งเลือกเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เมื่อนางออกจากห้องมาคนที่อยู่ภายในห้องก็ไม่มีทางทราบแล้วว่านางเลี้ยวไปทางใด แต่เมื่อจะถึงทางแยกเลี้ยวไปห้องปลดทุกข์ นางก็เดินเลี้ยวไปที่ทางลงไปด้านล่าง “คุณหนู...” หลินถงกำลังจะเอ่ยบอกคุณหนูว่าเลี้ยวผิดทาง แต่ถูกคุณหนูยกนิ้วชี้แตะบริเวณปากเป็นเชิงให้เงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทางออก
“ขออภัยนะเจ้าคะที่ข้าเสียมารยาทเอ่ยแทรก แต่ตัวข้านั้นที่เป็นน้องสาวของพี่ใหญ่ ฟังจากคุณหนูฝูเล่า ท่านกับพี่ใหญ่ดูเหมือนจะมีวาสนาต่อกันนะเจ้าคะ” นางกล่าวพร้อมกับพยายามดึงรั้งชายอาภรณ์ของตนคืนมา แต่พี่ชายต่างมารดาที่เปลี่ยนเป็นคนเกเรตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังมองนางด้วยสายตาดุอีก “คุณหนูรองหมิงช่างเป็นคนตรงไปตรงมา” คุณหนูตระกูลฝูกล่าวพลางก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายเขินอาย “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้ารีบกลับเรือนไม่ใช่หรือ จะรอช้าอยู่ไย รีบไปกันได้แล้ว” พี่ชายนิสัยแย่กล่าวพร้อมกับกระตุกชายอาภรณ์นางอย่างแรงคล้ายกับส่งสัญญาณให้นางพยักหน้าตอบรับ “ยังเจ้าค่ะ นี่ก็ใกล้ยามอู่ (11.00-12.59) ข้าเริ่มรู้สึกหิวแล้วอยากจะหาอาหารเลิศรสกินก่อนแล้วค่อยกลับ” “เช่นนั
‘เรื่องอันใดข้าจะหยุด’ นางคิดก่อนจะเอื้อมไปจับมือสาวใช้คนสนิทให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งหลินถงก็คล้ายจะเข้าใจจึงทำตามที่คุณหนูต้องการอย่างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจา “คุณหนูรองหมิงเจ้าคะ ได้โปรดหยุดสนทนากับข้าก่อนเจ้าค่ะ” ‘ไม่ ข้าไม่หยุด’ นางไม่สนใจด้วยว่าคนที่ส่งเสียงเรียกจะเป็นใคร “คุณหนูรองหมิงเจียวซือ ท่านได้ยินข้าหรือไม่เจ้าคะ” ‘ไม่ได้ยิน อ๊ะ! นั่นพี่ใหญ่ ข้าทำกรรมอันใดไว้ ข้างหน้าก็เป็นพี่ชายตัวเอง ข้างหลังก็เป็นคนที่กำลังเริ่มจองเวรข้า’ เมื่อรีบเลี้ยวไปอีกทางแต่เห็นพี่ชายต่างมารดายืนอยู่ นางจึงรีบเลี้ยวเข้าตรอกแคบไปแทน “ตรอกนั้นเป็นทางตัน เข้าไปแล้วต้องออกทางเดิม” เสียงทุ้มของบุรุษดั
‘ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนแปลงตน ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน’ หากต่อจากนี้นางทำดีกับเขา เขาก็จะดีตอบแทนนางเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นหยวนลี่หมิงกลับไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเป็นปี เพราะหมิงเจียวซือหายหน้าไปตามที่บอกจริง ๆ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องมองไปนอกโรงเตี๊ยมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งมารอต้อนรับคังอ๋องที่ไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายและได้รับชัยชนะกลับมาและหากนางไม่ได้รับจดหมายทวงสัญญาเป็นการส่วนตัวนางก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก ตอนนั้นที่นัดกันไปจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมปินฉาน คังอ๋องคล้ายอยากให้คุณหนูในชนชั้นสูงทั้งหลายเห็นว่ามากับนาง แน่นอนว่าเย็นวันเดียวกันข่าวลือก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วว่าคังอ๋องนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายงานของนางยังไม่ทันได้เสร็จลุล่วง เขาก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำทัพหล