ตอนที่
[10] ใช้เด็กกดดัน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย เยว่จินก็ไปจัดการทำอาหารเช้าต่อ อากาศเย็น ๆ เช่นนี้ทำแกงจืดซี่โครงหมู หมูทอดกระเทียม กินกับข้าวสวยร้อน ๆ น่าจะอร่อยไม่น้อย คิดแล้วมือบางก็รีบจัดการลงมือทำอาหารอย่างรวดเร็ว เยี่ยนซีหลังจากจัดการล้างหน้าล้างตาตนเองด้วยวิธีการของนางแล้วก็มาแอบดูหญิงสาวทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน ไม่คาดคิดว่าสตรีที่ราวกับคุณหนูในห้องหอจะทำอาหารเก่งเช่นนี้ แต่แล้วก็ต้องรีบผละกายออกไป เพราะได้ยินเสียงของสองเด็กน้อยที่มาที่นี่ทุกเช้าราวกับเป็นกิจวัตรตลอดหนึ่งปีไปแล้วที่ด้านหลัง “พี่ชาย พวกเราเอาข้าวต้มผักป่ามาให้เจ้าค่ะ” และทันทีที่เยี่ยนซีหันหลังกลับไปก็พบเด็กทั้งสองยืนถือถ้วยข้าวต้มที่น้ำมากกว่าข้าวทั้งยังใส่ผักป่ามากมายยื่นมาให้ พร้อมกันนั้นสองพี่น้องบ้านอวี๋ยังทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นหอมบางอย่างที่พวกเขามั่นใจว่าไม่ได้มาจากข้าวต้มที่นำมาแน่ จากนั้นจึงรีบนำถ้วยข้าวต้มไปวางบนโต๊ะอาหารในเรือนนาก่อนจะวิ่งออกมา “หอมมากกกกกกก” ไม่พอยังพยายามมองหากลิ่นหอมนั้นอีก และเมื่อพบว่ากลิ่นนั้นมันมาจากด้านข้างเรือนนา ก็รีบเข้าไปหาความจริงทันที ก่อนจะพบพี่สาวคนงามกำลังทำอาหารที่น่าอร่อยอยู่ด้วยความตั้งใจ “พี่เยว่จิน!” ทั้งสองเรียกเยว่จินด้วยความตื่นเต้น “ซิ่งเออร์ หรูเออร์ มาแล้วหรือ” “มาแล้ว ๆ พี่เยว่จินกำลังทำอะไรหรือหอมมากกกกก” อวี๋ซิ่งร้องถาม เยว่จินที่เห็นท่าทางนั้นก็เผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “ข้ากำลังทำแกงจืดซี่โครงหมู หมูทอดกระเทียมกินกับข้าวขาวร้อน ๆ วันนี้พวกเจ้าก็อยู่กินด้วยกันเถิด” “พวกเรากินด้วยได้หรือเจ้าคะ” อวี๋หรูเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่นานก็เศร้าสลดลง “เจ้าเป็นอะไรหรือ หรูเออร์ ไม่อยากกินหรือ” “มิใช่เจ้าค่ะ แต่ท่านย่าบอกว่า เราควรมีความเกรงใจ พี่เยว่จินไปขายของมาเหนื่อย ๆ กว่าจะได้เงินมาซื้อของเพื่อทำอาหาร พวกเราไม่ควรมาแย่งกิน” อวี๋ซิ่งเมื่อได้ยินน้องสาววัยหกหนาวกล่าวเช่นนั้น จิตใจที่ตื่นเต้นเมื่อครู่กลับพลันห่อเหี่ยวลง ขนาดน้องสาวยังคิดเรื่องนี้ได้ เขาก็ควรที่จะคิดได้เช่นกัน พลางคิดว่าจะรีบพาน้องสาวกลับบ้าน ไม่ควรอยู่รบกวนพี่สาวนาน เยว่จินเผยรอยยิ้มที่แสดงความเอ็นดูต่อเหล่าเด็กน้อยมากขึ้นไปอีก “ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้เอง” “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเผาที่ข้าได้กินจากพวกเจ้าวันนั้นมันมีค่าสำหรับข้ามากเพียงใด ข้าคิดเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปจะหาอาหารดี ๆ มาให้พี่ชาย แล้วก็พวกเจ้ากินอย่างไม่ต้องอดอยากอีก” “จริงหรือ!!” เด็กน้อยทั้งสองน้ำตาคลอเมื่อได้ยินเช่นนั้น เยว่จินเห็นเช่นนั้นจึงได้กางแขนออก ส่งผลให้ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดพี่สาวคนงามทันที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเนื้อตัวของตนไม่ค่อยสะอาดเกรงว่าจะทำอาภรณ์ของพี่สาวเปรอะเปื้อนจึงคิดจะผละอ้อมกอดออกมา หากแต่เยว่จินกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของเยี่ยนซี ดวงตาที่มักจะแสดงความดุดันเผยความอ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว “พี่เยว่จินเป็นหมอ!!” หลังจากที่อวี๋ซิ่งเพิ่งตั้งสติได้จากการได้กินอาหารที่แสนอร่อยที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้กินเนื้อสัตว์แบบเต็ม ๆ คำแบบนี้ เอ่ยถามขึ้นเพราะได้ยินเรื่องราวที่น่าตกใจถึงสองเรื่อง นั่นคือ ความทรงจำของเยว่จินกลับมาแล้วบางส่วน กับ แท้จริงแล้ว พี่สาวคนงามเป็นถึงหมอรักษาคน ทั้งยังเอ่ยว่าจะรักษาพี่ชายด้วย “น่าตกใจมากหรือ” เยว่จินเอ่ยขึ้นอย่างขบขันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อย “น่าตกใจมาก เช่นนี้พี่เยว่จินจะออกไปรักษาคนหรือไม่เจ้าคะ” ครานี้เป็นอวี๋หรูร้องถาม หากรักษาคนได้ ต้องหาเงินได้มากแน่ “เรื่องนั้นข้ายังไม่ได้คิดแต่เรื่องที่คิดแล้วยังไม่ได้รับคำตอบเห็นทีว่าจะเป็นเรื่องรักษาพี่ชายของพวกเจ้า” ว่าพลางส่งสายตา “เอ๋ พี่ชายไม่อยากรักษาหรือเจ้าคะ” อวี๋หรูรีบหันไปเอ่ยถามเยี่ยนซีด้วยความไม่เข้าใจ นางคิดมาตลอดว่านางจะหาเงินให้ได้มาก ๆ จนสามารถไปเชิญท่านหมอมารักษาพี่ชายให้จงได้ แต่ยามนี้หมอก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุใดพี่ชายจึงไม่อยากรักษาเล่า เยี่ยนซีรับรู้ถึงสายตาคาดหวังและกดดันจากอวี๋หรูก็ได้แต่หันไปมองตัวต้นเรื่อง หากแต่รายนั้นกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าก็อยากรักษา แต่….” “เช่นนั้นก็รักษาเถิด ข้ายินดีมาก” เยว่จินไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป รีบเอ่ยขัดทั้งที่เขายังเอ่ยไม่จบ เมื่อคืนแม้ว่านางจะนอนอยู่ในดินแดนอนันต์แต่หูของนางก็ยังได้ยินเสียงร้องโอดโอยของเขา เขาต้องเจ็บปวดร่างกายมากเป็นแน่ “ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทำร้ายท่าน ท่านเชื่อใจข้าสักครั้งเถิด” คราแรกยังมีรอยยิ้ม แต่ไม่นานก็เผยสีหน้าจริงจัง เยี่ยนซีมองใบหน้างามของเยว่จินสลับกับใบหน้าของสองเด็กน้อยไปมาอยู่ครู่หนึ่งไม่นานก็ตัดสินใจได้ “ตกลง ข้าจะให้เจ้ารักษา” เพียงเท่านั้นก็เรียกรอยยิ้มจากทั้งสามได้อย่างง่ายดาย “ดี เช่นนั้นวันนี้เรามีฉลองกัน ซิ่งเออร์ หรูเออร์ วันนี้พี่สาวจะไปขายลูกพลับอีก ตอนเย็นเจ้าพาท่านย่ามากินอาหารฉลองกันที่นี่ด้วยนะ” “ได้ขอรับ / เจ้าค่ะ” “แล้วนั่นแกงจืดซี่โครงนั่นข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้าเอาไปกินตอนเที่ยงกับท่านย่าแล้ว อย่าลืมเอากลับไปด้วยล่ะ” สองพี่น้องดีใจเป็นอย่างยิ่ง หากท่านย่าได้กินอาหารฝีมือพี่สาวจะต้องมีความสุขเฉกเช่นพวกเขาเป็นแน่ คิดแล้วหลังจากคำนับให้พี่ชายพี่สาวพวกเขาก็รีบไปคว้าเอาอาหารที่เยว่จินเตรียมไว้แล้วกลับไปบ้านทันที “เจ้าจะมือเติบเกินไปหรือไม่” หลังจากที่เด็กน้อยลับสายตาไปแล้วเยี่ยนซีจึงได้พูดขึ้น นางเพิ่งหาเงินได้ ก็เอาเงินมาใช้สิ้นเปลืองถึงเพียงนี้ มิใช่ว่าเขาจะอยากไปเจ้ากี้เจ้าการในเงินของผู้อื่น แต่เขาอยากให้นางคิดเผื่อตนเองมากกว่า “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ เงินน่ะ ข้าหาได้เสมอ ขอแค่ทุกคนมีความสุขก็พอ ข้าก็จะมีความสุขด้วย” ใบหน้างามเผยรอยยิ้มกว้างกับคนหน้านิ่ง ในยามที่แสงยามเช้าตกกระทบลงมา ทำให้เยว่จินราวกับเทพธิดาในภาพวาดก็ไม่ปาน เยี่ยนซีถอยกายของตนเองออกมาอย่างไม่รู้ตัว ราวกับไม่ปรารถนาพาร่างกายตนเองยืนใกล้ทำให้นางต้องมัวหมอง เยว่จินที่ไม่รู้อันใด หลังจากจัดการล้างถ้วยชามแล้ว ก็จัดการเอาลูกพลับหวานที่ยังคงเหลืออีกมาก นำใส่ตะกร้าไปขายให้มากที่สุด โดยมีเยี่ยนซีคอยหยิบจับช่วยด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ จวบจนได้ที่ต้องการแล้ว หญิงสาวจึงได้แบกตะกร้าออกไปท่ามกลางสายตาไม่สบายใจของชายหนุ่ม นางต้องแบกของหนัก ๆ เดินทางไกลเช่นนี้ ไหนจะต้องเดินทางคนเดียวอีก นี่ช่างทำให้คนไม่สบายใจโดยแท้ “ไว้เจอกันนะเจ้าคะ” แต่ไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ร่างงดงามที่มีหมวกสานปิดบังใบหน้าก็โบกมือจากไปเสียแล้ว หลังจากที่เข้าป่าหันซ้ายหันขวาแล้วพบว่าไม่มีผู้ใดแล้วเยว่จินก็นำตะกร้าลูกพลับเข้าไปในดินแดนอนันต์ ไม่เพียงแต่ลูกพลับนางก็เข้าไปเช่นกัน ถามว่ามีธุระอันใดน่ะหรือ ก็เข้าไปจัดการคนบางคนที่ล้อเลียนนางเมื่อคืนอย่างไรเล่า นางไม่ลืมหรอกนะ ทำให้คนงดงามและจิตใจดีเช่นนางกลายเป็นคนทำดีหวังผลได้อย่างไร เมื่อไปลับฝีปากพอประมาณแล้วนางก็ต้องรีบออกมา เพราะผู้อาวุโสผู้นั้นขู่ว่าจะให้นางไปเกิดเป็นหมู!! นั่นจะได้อย่างไร โหดร้ายต่อสตรีตัวเล็ก ๆ เกินไปหรือไม่ นางเลยต้องยอมรามือ โอกาสยังมีเสมอ ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นโดยแท้ ผู้อาวุโสอี้ วันนี้เรียกได้ว่าตลาดแตกอย่างแท้จริง เมื่อมีคนรอซื้อลูกพลับจากนางอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จนเกิดความวุ่นวายขึ้นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการความเรียบร้อย วันนี้นางได้เงินเต็มกระเป๋ากลับบ้านอีกแล้ว พร้อมทั้งบอกว่าพรุ่งนี้นางจะมาใหม่ เพียงเท่านั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นางจึงรีบหาทางปลีกตัวออกมา เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะเอาแต่จะแย่งชิงสั่งลูกพลับล่วงหน้ากับนาง หลังจากปลีกตัวออกมาได้สำเร็จ เยว่จินก็จัดการซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์อีกมากมายเพื่อกลับไปฉลองที่เรือนนาในเย็นนี้ หากแต่เมื่อเดินทางกลับไปที่เรือนนาก็เป็นเวลายามอู๋เท่านั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจทำอาหารง่าย ๆ กินกับเยี่ยนซี ก่อนจะที่จะแบกตะกร้าเข้าไปในป่า เพื่อไปเก็บลูกพลับมาเพิ่มอีก กะจากสายตา น่าจะสามารถเก็บไปขายได้อีกหลายครั้ง กว่าจะหมดแล้ว หลังจากหมดแล้วจากนั้นนางก็คิดทำการค้าอีกนิดหน่อย ไม่นานการรักษาเยี่ยนซีก็คงจะหายดีแล้วเช่นกัน วันนี้ที่เข้าไปในดินแดนอนันต์นางมิได้ไปโต้เถียงกับผู้อาวุโสเพียงอย่างเดียว แต่ไปถามถึงระยะเวลาการรักษาด้วย ผู้อาวุโสอี้บอกว่าหากรักษาตามขั้นตอนและให้เขากินยาตามที่กำหนดไว้ ไม่เกินสามเดือนเขาต้องหายดีเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดจะทำการค้าอันใดจริงจังเพราะผู้อาวุโสยังบอกอีกว่า ที่นี่มิใช่ที่ของเยี่ยนซี เขามีที่ที่จะต้องกลับไป และนางอาจจะต้องกลับไปด้วย ได้ยินเช่นนั้น นางถึงได้เห็นเค้าลางของหนทางสุขสบายที่เขาพูดถึง ตอนนี้นางคิดไปแล้วว่าเยี่ยนซีต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ต้นยามเซินเยว่จินก็แบกตะกร้าใส่ลูกพลับจนเต็มออกมาจากป่า ที่จริงมันมิได้ใช้เวลาเก็บมากมายถึงเพียงนั้น แต่ว่าหลังจากที่ใช้เวลาเก็บแล้ว นางก็เข้าไปแอบนอนเล่นในดินแดนอนันต์ ไม่คาดคิดว่านอนเล่น ๆ จะกลายเป็นหลับจริง ๆ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปเกือบสองชั่วยามแล้ว ทั้งนางไม่ได้ตั้งเวลาข้างในให้แตกต่างจากข้างนอกเอาไว้ รู้เช่นนั้นจึงได้รีบกลับเรือนนาโดยทันที เมื่อไปถึงเรือนนาก็พบกับสองใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นคือ อวี๋ซิ่ง อวี๋หรู ทว่าข้างกันกับพวกเขานั้นคือคนที่นางเคยแอบมองจากที่ไกล ๆ อยู่หนหนึ่ง “แม่นางเยว่” ใบหน้าและน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความใจดีเอ่ยเรียกและเผยรอยยิ้มบางเบาให้นางอยู่ไม่ไกลตอนพิเศษที่[3]ทำรากบัวเชื่อมกัน หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีสามีก็เอ่ยว่า อยากจะพานางไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งรับรองว่านางต้องชอบเป็นแน่ นางจึงตกลงไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ สระบัวหรือเจ้าคะ” ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกบัวที่งดงามมากมายมีส่วนที่เป็นสระน้ำและส่วนที่เต็มไปด้วยดอกบัวที่เกิดขึ้นกลางดินนางรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใจก่อนจะหันไปมองหน้าเขา “ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านซินเฉียว พี่ไม่ค่อยได้ช่วยเจ้าทำรากบัวเลย มาวันนี้มีโอกาสและนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวมีที่ดินที่มีสระบัวงดงามอยู่ผืนหนึ่ง จึงคิดอยากจะชวนเจ้ามาทำรากบัวเชื่อมกัน ให้เจ้าช่วยสอนพี่ทำแล้วจากนั้นค่อยเอาไปแจกจ่ายทุกคนดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางก็ไม่ได้ทำรากบัวเชื่อมนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่อยู่ที่ท้ายเรือนนา คิดแล้วก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาของสามีนั้นมีความวาววับบางอย่างนะ มันดูแปลก ๆ แค่ทำรากบัวเชื่อมเหตุใดต้องดูตื่นเต้นถึงเพียงนั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะคิดไปเอง เพราะหลังจากที่ตกลงกัน นางและเขาก็ช่วยกันทำรากบัวกันอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือขุดรากบัว…รากบัวที่นี่มีขนาดหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่หมู่บ้านซินเฉียวเส
ตอนพิเศษที่[2]อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูกับชีวิตที่ไม่คาดฝัน อวี๋ซิ่งและอวี๋หรูหรูนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาคงจะอยู่ได้แค่ในหมู่บ้านซินเฉียวเท่านั้น ด้วยท่านย่าก็แก่ชราแล้วยากที่จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าไปในตลาดตำบลด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนอยู่กับการช่วยท่านย่าหารายได้และขึ้นไปหาของป่าเพื่อประทังชีวิตกัน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับสตรีผู้งดงามและใจดีอย่างพี่เยว่จิน พี่สาวผู้นั้นเป็นราวกับเทพธิดาลงมาโปรด ทำให้พวกเขามีรายได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ได้กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวตลาดในตำบลกับท่านย่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้นั่งรถม้าคันใหญ่โต นอกจากนั้นยังได้ย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตมาก ทั้งชีวิตไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้อยู่ที่นี่แม้ว่าก่อนออกมาจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะท่านย่านั้นต้องบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพี่สาวผู้นั้นที่เป็นผู้รักษาให้พวกเขาจึงคิดเอาไว้ว่านางนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาสองพี่น้องจะต้องรักและตอบแทนนางให้จงได้ แม้ต้องตายแทนก็ยอม…ต่อมาพวกเขาก็ต้องพบเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้งเพราะพี่
ตอนพิเศษที่[1]ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเซี่ยเยว่จิน เยว่จินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางอะไรได้ง่ายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเมื่อหากตอนที่โดนรังแกหรือเมื่อคนที่รักถูกรังแก ไม่ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนางไม่เคยที่จะปล่อยมันไปโดยง่าย จะต้องหาทางระบายเพื่อให้ความคับข้องใจให้หายไปและในคืนนี้ก็เช่นกัน…. หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายเข้าพักในห้องของตนในบ้านหลังใหม่หลังออกจากหมู่บ้านซินเฉียวแล้ว ในช่วงค่ำของคืนนั้นเยว่จินได้เตรียมอำพรางตัว ก่อนที่จะลอบเดินเท้าด้วยรองเท้าพิเศษกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนหลับใหลและไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หญิงสาวยกยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง… เยว่จินแอบหยดบางอย่างลงไปในน้ำของชาวบ้านที่มาหาเรื่องตนและท่านย่าในวันนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหมู่บ้านที่ไร้จริยธรรมและบ้านหานที่ไร้น้ำใจ นอกจากนั้นนางยังเอาฉี่แมวที่ให้ผู้อาวุโสอี้ไปรวบรวมนำมันไปราดที่หน้าบ้านของแต่ละคน เจ้าแก้แค้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผู้อาวุโสอี้ กลิ่นฉี่แมวนั่นกลิ่นแรงฉุนเตะจมูกนัก นางในโลกก่อนก็เคยเลี้ยง จึงได้คิดว่ากลุ่มคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นพวกเขา ก็ต้องได้รับอะไรที่สาสมกันเช่นนี้ เมื่อทุก
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)บุรุษที่อยู่เรือนนาผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงซ่งกั๋วกงและที่เขาเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถูกพิษ บัดนี้ชุนเยว่เกิดความละอายใจไม่น้อย กับความคิดของตนด้วยตนนั้นก็อัปลักษณ์แต่มีสิทธิ์อันใดไปตัดสินและรังเกียจผู้อื่นเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้จักเขาดีเลยสักนิด“พี่เยี่ยนซีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องคิดมาก แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” ล่าสุดที่รู้คืออีกฝ่ายกระโดดน้ำตายไปแล้วยามนั้นชุนเยว่จึงได้นึกเรื่องราวในวันนั้นก่อนจะเล่าออกมา“วันนั้นข้าตั้งใจที่จะกระโดดน้ำให้ตายไป ด้วยเสียใจที่ถูกบังคับและเสียใจที่ท่านพ่อท่านแม่ทำราวกับข้ามิใช่ลูก เพราะว่าข้าเกิดมาเป็นคนอัปลักษณ์ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในขณะที่ร่างของข้าลอยออกไปและกำลังจะหมดลมหายใจ กลับมีคนผู้หนึ่งมาดึงข้าขึ้นจากน้ำ…”“คนผู้นั้นนอกจากจะไม่รังเกียจข้า ยังให้กำลังใจและยอมรับทุกอย่างที่ข้าเป็นอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาพาข้าเดินทางมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง รู้ตัวอีกทีก็มีบุตรกับเขาสองคนเสียแล้ว” ชุนเยว่ลูบท้องของตนไปมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุขยามพูดถึงสามีที่รออยู
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)ปกติหญิงสาวมักจะไม่ปล่อยเรื่องราวพวกนี้ไปโดยง่าย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้เอาแต่ยกยิ้มแปลก ๆ อยู่เช่นนั้น ทว่า“จัดการอยู่เบื้องหลังสนุกกว่าอยู่เบื้องหน้าอีกนะเจ้าคะท่านพี่” เมื่อได้ยินภรรยากล่าวเช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างตาเห็น เมืองหนี่หรู่เป็นเมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะบริจาคสิ่งของ แล้วจากนั้นก็จะได้เดินทางกลับเมืองหลวงเสียที ก่อนที่จะเดินทางกลับจึงเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อน แน่นอนว่าสองสามีภรรยาแห่งจวนตระกูลซ่งนั้นเลือกที่จะไปรำลึกความหลังกันที่บ้านเช่าหลังนั้น… พวกเขาได้ขอเช่าจากเจ้าของบ้านเป็นเวลาสามวันและให้บ่าวรับใช้ไปปัดกวาดเช็ดถูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ “ท่านพี่ อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะน้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนบางประการเมื่อสามีพยายามสัมผัสจุดอ่อนไหวของนาง ซ่งเยี่ยนซีเอาวนอยู่กับร่างกายหอมของภรรยาอย่างไม่รู้เบื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด องค์รัชทายาทที่รู้ว่าสหายและภรรยานั้นหนีไปทำอันใดกันก็ได้แต่เขี่ย
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ) ด้านเถาเจียที่ได้ยินคนพูดถึงชื่อของสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้ยินมานานและไม่ชอบหน้าจนกระทั่งกุข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเพื่อใส่ความอีกฝ่ายจนเกิดการแพร่กระจายออกไปช่วงหนึ่ง ก็ชะงักแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดจากสตรีผู้นี้ไม่ดีนัก ในค่ำคืนนั้นที่สตรีผู้นี้ย้อนกลับมาเล่นงานตน…‘ถ้าไม่อยากหน้าเน่าแล้วก็ปากเน่าก็อย่าเที่ยวเอาปากไปพูดจาสกปรกที่ใดอีก’ คำพูดนี้น่ากลัวนัก จากที่คิดว่าวันนี้จะได้ทำตัวโดดเด่นเพื่อไปเตะตาองค์รัชทายาทและซ่งกั๋วกงให้มากที่สุดก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ได้แต่พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เห็นนาง หากเป็นไปได้นางอยากจะกลับหมู่บ้านไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกลับได้ เพราะต้องรอรับของบริจาคก่อน ทั้งไม่มียานพาหนะกลับไปอีก “สตรีไร้น้ำใจผู้นั้นเหตุใดจึงได้ไปนั่งในรถม้าของผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น” ชาวบ้านหมู่บ้านซินเฉียวผู้หนึ่งยังไม่หายสงสัย ที่จู่ ๆ เห็นเยว่จินมากับผู้สูงศักดิ์จึงพากันเอ่ยความสงสัยของตนออกมา ทว่ามีหนึ่งในชาวบ้านหมู่บ้านที่ได้ยินพวกเขากล่าวไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงได้รีบเอ่ยขึ้น
ตอนที่[35]การจากลา“ข้าขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะนังหนูที่ช่วยเหลือข้า แม้เจ้าจะขี้บ่นและดื้อไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่สิ ดีกว่าที่คาดไว้มาก ข้าต้องขอบคุณจริงๆ”“ก็ท่านชอบกวนอารมณ์ข้านี่เจ้าคะ แถมยังชอบให้ทำอะไรแปลก ๆ ด้วย” เยว่จินกล่าวพร้อมรอยยิ้มทว่าในใจรู้สึกวูบโหวงไม่น้อยที่คนตรงหน้ากำลังจะจากไป “เจ้าดูแลตัวเองด้วย เห็นหรือไม่ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะมีอนาคตที่ดี นี่ก็มีจริง ๆ ข้าไม่ได้ผิดคำพูดนะ” เขาเอ่ยเย้า“ไม่เปลี่ยนใจอยู่ต่อจริง ๆ หรือเจ้าคะ” ทว่าเซี่ยเยว่จินกลับกล่าวอีกเรื่อง“ไม่ได้แล้ว เบื้องบนเรียกตัวข้าแล้ว แต่หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่” “เช่นนั้นข้าขอให้ท่านพบแต่ความสงบสุขนะเจ้าคะ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด” เซี่ยเยว่จินกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังนัยน์ตากลมโตเริ่มแดงเรื่อขึ้น“พูดเช่นนี้ก็เป็นด้วย ข้าแทบน้ำตาไหลแน่ะ” ทว่ากลับถูกเย้าอีกเสียได้“ท่านนี่นะ” เซี่ยเยว่จินส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ “เจ้าหนุ่มเยี่ยนซี ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กและก็คิดว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์และเจ้าก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือหลานชายข้ามาโดยตลอด” “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย
ตอนที่[35]การจากลา อี้ห่าวเมื่อเห็นว่าคนที่เขารอคอยมาถึงเขาก็รีบหมุนตัวกลับไปก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองทันที “พวกเจ้ามาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”เมื่อได้ยินเสียงของผู้ที่จากไปนาน จิ้นกว่างฮ่องเต้ก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที “เสด็จพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง แล้วที่นี่คือที่ใด ท่านอยู่ที่นี่มาตลอดเลยหรือ…” “ข้าสบายดี และใช่ข้าอยู่ที่นี่มาตลอด ยังไม่ได้ไปเกิดที่ใดเลย” “เพราะเหตุใดกันเล่า ทุกปีกระหม่อมจะต้องทำพิธีรำลึกถึงพระองค์ ขอให้พระองค์มีความสุขบนสรวงสวรรค์และที่นี่ใช่สวรรค์หรือไม่” “ไม่ใช่ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ ข้ามันเรียกว่าดินแดนอนันต์ซึ่งนี่เป็นของนังหนูเยว่จิน” จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทั้งสองฟังโดยละเอียด “ข้ารอวันที่เยว่จินมาถึง เพื่อต้องการให้นางได้ช่วยเหลือเยี่ยนซี จากนั้นเขาจึงจะได้ไปช่วยเหลือพวกเจ้าได้” “เหตุใดจึงต้องเป็นเยี่ยนซีหรือเสด็จปู่” องค์ชายสามเอ่ยถามเสด็จปู่ของตนด้วยความไม่เข้าใจ เข้าใจว่าซ่งเยี่ยนซีคือผู้ช่วยคนสำคัญของเขา แต่เขารู้สึกว่ามันมีนัยที่มากกว่านั้น“หากไม่มีเยี่ยนซีพวกเจ้าจะผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปไม่ได้” “เสด็จพ่อกล่าวว่าห
ตอนที่[34]วันมงคลที่รอคอยราวดังฝัน….ไม่นานก็มาถึงวันมงคลของนางกับพี่เยี่ยนซีเสียแล้ว ในตอนที่เข้าหอใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราพร้อมทั้งมองนางด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม และหลังจากที่ดื่มสุรามงคลเขาก็เอาแต่พร่ำบอกรักนางซ้ำไปซ้ำมา“จินเออร์ พี่รักเจ้า รักเจ้ามากที่สุด รักแค่คนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่เคยรังเกียจพี่และดูแลพี่เป็นอย่างดีทั้งชีวิตนี้ คงหาสตรีเช่นเจ้าจากที่ใดไม่ได้อีก” นางถูกอ้อมกอดอันอบอุ่นจนถึงขั้นร้อนของเขาดึงเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่น เยว่จินในตอนแรกคิดว่าอยากจะช่วยเหลือเขาเพื่อให้ได้มีชีวิตดี ๆ ก็เท่านั้น แต่ต่อมาเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนางก็พบว่าตนเองใจเต้นแรงกับบุรุษผู้นี้นับครั้งไม่ถ้วน คิดอีกทีก็อยากอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปเช่นนี้เสียแล้ว “เช่นนั้นต่อไปก็ดูแลข้าให้ดี ๆ นะเจ้าคะ”“ด้วยชีวิตของพี่ พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด และจะมีเจ้าเพียงคนเดียวในชีวิตนี้” กล่าวจบไม่รอช้าชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าลงประกบริมฝีปากของตนลงที่ริมฝีปากงามของเยว่จินด้วยความอ่อนโยน ค่อย ๆ ลิ้มรสความหอมหวานนั้นอย่างใจเย็น ก่อนที่ไม่นานจะแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันด