ตอนที่
[11] สุขสันต์ในรอบหลายปี เบื้องหน้าของนางคือสตรีสูงอายุที่ใบหน้าเต็มไปร่องรอยของความชรา อายุหากคาดเดาจากสายตาคงจะราว ๆ เกือบเจ็ดสิบปีแล้วกระมัง เพราะร่างกายดูทรุดโทรมมากจริง ๆ เป็นท่านย่าของสองเด็กน้อย ช่วงชีวิตของท่านย่าผู้นี้คงผ่านความลำบากมาไม่น้อย ทว่าใบหน้ากลับคงไว้ซึ่งความใจดีทำให้มองดูแล้วดูสบายใจที่ได้พบเจอ “นี่คงเป็นท่านย่าของอวี๋ซิ่ง อวี๋หรูใช่หรือไม่เจ้าคะ ข้ามีนามว่าเยว่จินเจ้าค่ะ” เยว่จินเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะแนะนำตนเองแล้วรีบเดินเข้าไปทักทายสตรีชราที่ยืนอยู่ไม่ไกล สวีผิงหรือท่านย่าสวีสำหรับสองเด็กน้อยเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปเช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปประชิดมากนักด้วยเห็นว่าเยว่จินนั้นราวกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ไม่อาจพาร่างกายตนเองที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ไปทำให้อีกฝ่ายมัวหมองได้ แม้ว่าก่อนมาที่นี่จะชำระกายมาแล้วหนหนึ่งแล้วก็ตาม ทว่าเยว่จินกลับไม่ได้คิดถือสาอันใด นางตรงเข้าไปจับมืออีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปยังด้านหน้าเรือนนาที่นางทำที่นั่งไม่เล็กไม่ใหญ่เอาไว้ “ท่านย่านั่งลงก่อนเจ้าค่ะ” จากนั้นเยว่จินก็รีบเอาลูกพลับไปเก็บในเรือนนา ท่ามกลางสายตาของเยี่ยนซีที่อยากจะช่วยแต่เกรงว่าตนจะเป็นภาระมากกว่าจึงได้แต่ยืนนิ่งที่หน้าเรือนนา “เดี๋ยวข้าจะไปทำอาหารทุกคนนั่งรอกันสักครู่ก่อนนะเจ้าคะ” เยว่จินเอ่ยขึ้นก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน นางตื่นเต้นจะแย่กับอาหารที่จะทำให้ทุกคนกินในวันนี้ “แม่นางเยว่เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านเอง” นางสวีเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ “ท่านย่าไม่ต้องเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าทำเองได้สบาย วันนี้ท่านย่าเป็นแขกให้ข้าทำเถิด อีกอย่างเรียกข้าว่าเยว่จินเถิดเจ้าค่ะ อย่าเรียกว่าแม่นางอันใดเลย มันดูห่างเหินกันเกินไป เช่นนั้นข้าไปเตรียมอาหารก่อนนะเจ้าคะ” เยว่จินกล่าวรวดเดียวแล้วก็ขยิบตาให้กับนางสวีอย่างขี้เล่น ในยามนั้นเองที่สวีผิงจึงเข้าใจว่าเหตุใดหลานทั้งสองจึงเอาแต่พูดถึงพี่สาวนามว่าเยว่จินผู้นี้อยู่ร่ำ ๆ นอกจากจะงดงามแล้วยังเป็นกันเองอีก แต่ถึงจะกล่าวว่าตนเป็นแขก แต่จะให้อยู่เฉย ๆ นั้นก็ดูจะไม่ดีเป็นอย่างมาก ด้วยสวีผิงนั้นเคยต้องทำงานมาทั้งชีวิต จึงคิดจะไปช่วยเยว่จินหยิบจับอันใดบ้าง ในตอนนั้นเองที่เยว่จินได้แต่ระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะคิดหางานให้กับผู้เฒ่าและหลานทั้งสองของอีกฝ่ายทำ เพราะมิเช่นนั้นคงได้เอาแต่เกรงใจนางอยู่เช่นนั้นเป็นแน่ “เช่นนั้นเอาแบบนี้เจ้าค่ะ ที่จริงแล้วนอกจากลูกพลับสดที่เอาไปขายที่ตลาดได้ ข้าก็มีแผนที่จะทำลูกพลับตากแห้งเอาไว้กินแล้วก็อาจจะเอาไว้ขายด้วย ท่านย่าเคยทำลูกพลับตากแห้งมาก่อนหรือไม่เจ้าคะ” เยว่จินเอ่ยถามนางสวี คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าจากอีกฝ่าย นั่นหมายถึงว่าไม่เคย นางสวีหน้าเสียเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าจะทำให้สตรีงดงามผิดหวัง หากแต่เยว่จินยังคงระบายยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าสอน อีกอย่างจากที่ข้าดูยังมีลูกพลับที่สามารถเก็บมาทำพลับตากแห้งได้อีกมาก และหากให้ข้าทำคนเดียวคงไม่ไหว ไม่รู้ว่าจะเป็นอันใดหรือไม่ หากข้าอยากจะจ้างท่านย่าและซิ่งเออร์ หรูเออร์ มาช่วยทำลูกพลับตากแห้ง” “พวกเรายินดีขอรับ/เจ้าค่ะ” ไม่ทันที่นางสวีจะได้ตอบอันใดหลานทั้งสองก็ชิงตอบไปเสียแล้ว พร้อมกันยังส่งสายตาไปหาท่านย่าของตนให้รีบตกลง “เอ่อ ให้พวกข้าช่วยทำเฉย ๆ ก็ได้ไม่ต้องจ้างอันใดหรอก” นางสวีนั้นเกรงใจตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมอบเซาปิ่ง ไหนจะอาหารที่เลิศรสมาให้แล้ว พลางคิดอยู่ตลอดว่าหากตอบแทนอันใดได้ก็อยากตอบแทน “ช่วยเฉย ๆ ไม่ได้เจ้าค่ะ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็คงจะไม่สบายใจ เช่นนั้นตกลงตามนี้นะเจ้าคะ เดี๋ยววันนี้ข้าจะสอนการทำลูกพลับตากแห้งแบบชุดเล็ก ๆ ก่อน” เยว่จินกล่าวรวบรัดไม่เปิดโอกาสให้ได้ปฏิเสธ ก่อนจะรีบไปเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ วันนี้นางจะทดลองทำตัวอย่างให้ท่านย่าสวีดูก่อนโดยเริ่มจากการปอกเปลือก ต่อไปก็จะคงจะง่ายขึ้น หลังจากที่สามย่าหลานเข้าใจขั้นตอนแรกแล้วก็เริ่มลงมือทำทันที คราแรกอาจจะทุลักทุเลสักหน่อย แต่เมื่อชินกับอุปกรณ์แล้วทุกอย่างก็ไม่ได้ยากถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ปอกลูกพลับที่แม้แต่เด็กก็สามารถใช้งานได้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เยว่จินเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้วจึงได้คิดจะกลับไปเตรียมอาหารต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของใครบางคนมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ “พี่เยี่ยนซีมีอะไรหรือเจ้าคะ” “คือว่า…”ตอนพิเศษที่[3]ทำรากบัวเชื่อมกัน หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีสามีก็เอ่ยว่า อยากจะพานางไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งรับรองว่านางต้องชอบเป็นแน่ นางจึงตกลงไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ สระบัวหรือเจ้าคะ” ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกบัวที่งดงามมากมายมีส่วนที่เป็นสระน้ำและส่วนที่เต็มไปด้วยดอกบัวที่เกิดขึ้นกลางดินนางรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใจก่อนจะหันไปมองหน้าเขา “ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านซินเฉียว พี่ไม่ค่อยได้ช่วยเจ้าทำรากบัวเลย มาวันนี้มีโอกาสและนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวมีที่ดินที่มีสระบัวงดงามอยู่ผืนหนึ่ง จึงคิดอยากจะชวนเจ้ามาทำรากบัวเชื่อมกัน ให้เจ้าช่วยสอนพี่ทำแล้วจากนั้นค่อยเอาไปแจกจ่ายทุกคนดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางก็ไม่ได้ทำรากบัวเชื่อมนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่อยู่ที่ท้ายเรือนนา คิดแล้วก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาของสามีนั้นมีความวาววับบางอย่างนะ มันดูแปลก ๆ แค่ทำรากบัวเชื่อมเหตุใดต้องดูตื่นเต้นถึงเพียงนั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะคิดไปเอง เพราะหลังจากที่ตกลงกัน นางและเขาก็ช่วยกันทำรากบัวกันอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือขุดรากบัว…รากบัวที่นี่มีขนาดหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่หมู่บ้านซินเฉียวเส
ตอนพิเศษที่[2]อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูกับชีวิตที่ไม่คาดฝัน อวี๋ซิ่งและอวี๋หรูหรูนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาคงจะอยู่ได้แค่ในหมู่บ้านซินเฉียวเท่านั้น ด้วยท่านย่าก็แก่ชราแล้วยากที่จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าไปในตลาดตำบลด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนอยู่กับการช่วยท่านย่าหารายได้และขึ้นไปหาของป่าเพื่อประทังชีวิตกัน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับสตรีผู้งดงามและใจดีอย่างพี่เยว่จิน พี่สาวผู้นั้นเป็นราวกับเทพธิดาลงมาโปรด ทำให้พวกเขามีรายได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ได้กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวตลาดในตำบลกับท่านย่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้นั่งรถม้าคันใหญ่โต นอกจากนั้นยังได้ย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตมาก ทั้งชีวิตไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้อยู่ที่นี่แม้ว่าก่อนออกมาจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะท่านย่านั้นต้องบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพี่สาวผู้นั้นที่เป็นผู้รักษาให้พวกเขาจึงคิดเอาไว้ว่านางนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาสองพี่น้องจะต้องรักและตอบแทนนางให้จงได้ แม้ต้องตายแทนก็ยอม…ต่อมาพวกเขาก็ต้องพบเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้งเพราะพี่
ตอนพิเศษที่[1]ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเซี่ยเยว่จิน เยว่จินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางอะไรได้ง่ายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเมื่อหากตอนที่โดนรังแกหรือเมื่อคนที่รักถูกรังแก ไม่ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนางไม่เคยที่จะปล่อยมันไปโดยง่าย จะต้องหาทางระบายเพื่อให้ความคับข้องใจให้หายไปและในคืนนี้ก็เช่นกัน…. หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายเข้าพักในห้องของตนในบ้านหลังใหม่หลังออกจากหมู่บ้านซินเฉียวแล้ว ในช่วงค่ำของคืนนั้นเยว่จินได้เตรียมอำพรางตัว ก่อนที่จะลอบเดินเท้าด้วยรองเท้าพิเศษกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนหลับใหลและไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หญิงสาวยกยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง… เยว่จินแอบหยดบางอย่างลงไปในน้ำของชาวบ้านที่มาหาเรื่องตนและท่านย่าในวันนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหมู่บ้านที่ไร้จริยธรรมและบ้านหานที่ไร้น้ำใจ นอกจากนั้นนางยังเอาฉี่แมวที่ให้ผู้อาวุโสอี้ไปรวบรวมนำมันไปราดที่หน้าบ้านของแต่ละคน เจ้าแก้แค้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผู้อาวุโสอี้ กลิ่นฉี่แมวนั่นกลิ่นแรงฉุนเตะจมูกนัก นางในโลกก่อนก็เคยเลี้ยง จึงได้คิดว่ากลุ่มคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นพวกเขา ก็ต้องได้รับอะไรที่สาสมกันเช่นนี้ เมื่อทุก
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)บุรุษที่อยู่เรือนนาผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงซ่งกั๋วกงและที่เขาเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถูกพิษ บัดนี้ชุนเยว่เกิดความละอายใจไม่น้อย กับความคิดของตนด้วยตนนั้นก็อัปลักษณ์แต่มีสิทธิ์อันใดไปตัดสินและรังเกียจผู้อื่นเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้จักเขาดีเลยสักนิด“พี่เยี่ยนซีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องคิดมาก แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” ล่าสุดที่รู้คืออีกฝ่ายกระโดดน้ำตายไปแล้วยามนั้นชุนเยว่จึงได้นึกเรื่องราวในวันนั้นก่อนจะเล่าออกมา“วันนั้นข้าตั้งใจที่จะกระโดดน้ำให้ตายไป ด้วยเสียใจที่ถูกบังคับและเสียใจที่ท่านพ่อท่านแม่ทำราวกับข้ามิใช่ลูก เพราะว่าข้าเกิดมาเป็นคนอัปลักษณ์ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในขณะที่ร่างของข้าลอยออกไปและกำลังจะหมดลมหายใจ กลับมีคนผู้หนึ่งมาดึงข้าขึ้นจากน้ำ…”“คนผู้นั้นนอกจากจะไม่รังเกียจข้า ยังให้กำลังใจและยอมรับทุกอย่างที่ข้าเป็นอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาพาข้าเดินทางมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง รู้ตัวอีกทีก็มีบุตรกับเขาสองคนเสียแล้ว” ชุนเยว่ลูบท้องของตนไปมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุขยามพูดถึงสามีที่รออยู
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)ปกติหญิงสาวมักจะไม่ปล่อยเรื่องราวพวกนี้ไปโดยง่าย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้เอาแต่ยกยิ้มแปลก ๆ อยู่เช่นนั้น ทว่า“จัดการอยู่เบื้องหลังสนุกกว่าอยู่เบื้องหน้าอีกนะเจ้าคะท่านพี่” เมื่อได้ยินภรรยากล่าวเช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างตาเห็น เมืองหนี่หรู่เป็นเมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะบริจาคสิ่งของ แล้วจากนั้นก็จะได้เดินทางกลับเมืองหลวงเสียที ก่อนที่จะเดินทางกลับจึงเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อน แน่นอนว่าสองสามีภรรยาแห่งจวนตระกูลซ่งนั้นเลือกที่จะไปรำลึกความหลังกันที่บ้านเช่าหลังนั้น… พวกเขาได้ขอเช่าจากเจ้าของบ้านเป็นเวลาสามวันและให้บ่าวรับใช้ไปปัดกวาดเช็ดถูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ “ท่านพี่ อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะน้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนบางประการเมื่อสามีพยายามสัมผัสจุดอ่อนไหวของนาง ซ่งเยี่ยนซีเอาวนอยู่กับร่างกายหอมของภรรยาอย่างไม่รู้เบื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด องค์รัชทายาทที่รู้ว่าสหายและภรรยานั้นหนีไปทำอันใดกันก็ได้แต่เขี่ย
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ) ด้านเถาเจียที่ได้ยินคนพูดถึงชื่อของสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้ยินมานานและไม่ชอบหน้าจนกระทั่งกุข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเพื่อใส่ความอีกฝ่ายจนเกิดการแพร่กระจายออกไปช่วงหนึ่ง ก็ชะงักแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดจากสตรีผู้นี้ไม่ดีนัก ในค่ำคืนนั้นที่สตรีผู้นี้ย้อนกลับมาเล่นงานตน…‘ถ้าไม่อยากหน้าเน่าแล้วก็ปากเน่าก็อย่าเที่ยวเอาปากไปพูดจาสกปรกที่ใดอีก’ คำพูดนี้น่ากลัวนัก จากที่คิดว่าวันนี้จะได้ทำตัวโดดเด่นเพื่อไปเตะตาองค์รัชทายาทและซ่งกั๋วกงให้มากที่สุดก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ได้แต่พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เห็นนาง หากเป็นไปได้นางอยากจะกลับหมู่บ้านไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกลับได้ เพราะต้องรอรับของบริจาคก่อน ทั้งไม่มียานพาหนะกลับไปอีก “สตรีไร้น้ำใจผู้นั้นเหตุใดจึงได้ไปนั่งในรถม้าของผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น” ชาวบ้านหมู่บ้านซินเฉียวผู้หนึ่งยังไม่หายสงสัย ที่จู่ ๆ เห็นเยว่จินมากับผู้สูงศักดิ์จึงพากันเอ่ยความสงสัยของตนออกมา ทว่ามีหนึ่งในชาวบ้านหมู่บ้านที่ได้ยินพวกเขากล่าวไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงได้รีบเอ่ยขึ้น
ตอนที่[35]การจากลา“ข้าขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะนังหนูที่ช่วยเหลือข้า แม้เจ้าจะขี้บ่นและดื้อไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่สิ ดีกว่าที่คาดไว้มาก ข้าต้องขอบคุณจริงๆ”“ก็ท่านชอบกวนอารมณ์ข้านี่เจ้าคะ แถมยังชอบให้ทำอะไรแปลก ๆ ด้วย” เยว่จินกล่าวพร้อมรอยยิ้มทว่าในใจรู้สึกวูบโหวงไม่น้อยที่คนตรงหน้ากำลังจะจากไป “เจ้าดูแลตัวเองด้วย เห็นหรือไม่ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะมีอนาคตที่ดี นี่ก็มีจริง ๆ ข้าไม่ได้ผิดคำพูดนะ” เขาเอ่ยเย้า“ไม่เปลี่ยนใจอยู่ต่อจริง ๆ หรือเจ้าคะ” ทว่าเซี่ยเยว่จินกลับกล่าวอีกเรื่อง“ไม่ได้แล้ว เบื้องบนเรียกตัวข้าแล้ว แต่หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่” “เช่นนั้นข้าขอให้ท่านพบแต่ความสงบสุขนะเจ้าคะ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด” เซี่ยเยว่จินกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังนัยน์ตากลมโตเริ่มแดงเรื่อขึ้น“พูดเช่นนี้ก็เป็นด้วย ข้าแทบน้ำตาไหลแน่ะ” ทว่ากลับถูกเย้าอีกเสียได้“ท่านนี่นะ” เซี่ยเยว่จินส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ “เจ้าหนุ่มเยี่ยนซี ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กและก็คิดว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์และเจ้าก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือหลานชายข้ามาโดยตลอด” “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย
ตอนที่[35]การจากลา อี้ห่าวเมื่อเห็นว่าคนที่เขารอคอยมาถึงเขาก็รีบหมุนตัวกลับไปก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองทันที “พวกเจ้ามาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”เมื่อได้ยินเสียงของผู้ที่จากไปนาน จิ้นกว่างฮ่องเต้ก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที “เสด็จพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง แล้วที่นี่คือที่ใด ท่านอยู่ที่นี่มาตลอดเลยหรือ…” “ข้าสบายดี และใช่ข้าอยู่ที่นี่มาตลอด ยังไม่ได้ไปเกิดที่ใดเลย” “เพราะเหตุใดกันเล่า ทุกปีกระหม่อมจะต้องทำพิธีรำลึกถึงพระองค์ ขอให้พระองค์มีความสุขบนสรวงสวรรค์และที่นี่ใช่สวรรค์หรือไม่” “ไม่ใช่ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ ข้ามันเรียกว่าดินแดนอนันต์ซึ่งนี่เป็นของนังหนูเยว่จิน” จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทั้งสองฟังโดยละเอียด “ข้ารอวันที่เยว่จินมาถึง เพื่อต้องการให้นางได้ช่วยเหลือเยี่ยนซี จากนั้นเขาจึงจะได้ไปช่วยเหลือพวกเจ้าได้” “เหตุใดจึงต้องเป็นเยี่ยนซีหรือเสด็จปู่” องค์ชายสามเอ่ยถามเสด็จปู่ของตนด้วยความไม่เข้าใจ เข้าใจว่าซ่งเยี่ยนซีคือผู้ช่วยคนสำคัญของเขา แต่เขารู้สึกว่ามันมีนัยที่มากกว่านั้น“หากไม่มีเยี่ยนซีพวกเจ้าจะผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปไม่ได้” “เสด็จพ่อกล่าวว่าห
ตอนที่[34]วันมงคลที่รอคอยราวดังฝัน….ไม่นานก็มาถึงวันมงคลของนางกับพี่เยี่ยนซีเสียแล้ว ในตอนที่เข้าหอใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราพร้อมทั้งมองนางด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม และหลังจากที่ดื่มสุรามงคลเขาก็เอาแต่พร่ำบอกรักนางซ้ำไปซ้ำมา“จินเออร์ พี่รักเจ้า รักเจ้ามากที่สุด รักแค่คนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่เคยรังเกียจพี่และดูแลพี่เป็นอย่างดีทั้งชีวิตนี้ คงหาสตรีเช่นเจ้าจากที่ใดไม่ได้อีก” นางถูกอ้อมกอดอันอบอุ่นจนถึงขั้นร้อนของเขาดึงเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่น เยว่จินในตอนแรกคิดว่าอยากจะช่วยเหลือเขาเพื่อให้ได้มีชีวิตดี ๆ ก็เท่านั้น แต่ต่อมาเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนางก็พบว่าตนเองใจเต้นแรงกับบุรุษผู้นี้นับครั้งไม่ถ้วน คิดอีกทีก็อยากอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปเช่นนี้เสียแล้ว “เช่นนั้นต่อไปก็ดูแลข้าให้ดี ๆ นะเจ้าคะ”“ด้วยชีวิตของพี่ พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด และจะมีเจ้าเพียงคนเดียวในชีวิตนี้” กล่าวจบไม่รอช้าชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าลงประกบริมฝีปากของตนลงที่ริมฝีปากงามของเยว่จินด้วยความอ่อนโยน ค่อย ๆ ลิ้มรสความหอมหวานนั้นอย่างใจเย็น ก่อนที่ไม่นานจะแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันด