ตอนที่
[3] คนผู้นี้โหดยิ่งนัก เยี่ยนซีหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา สตรีผู้นั้นถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงกับการต้องมาอยู่กับเขาเช่นนั้นหรือ “แล้วพบศพหรือไม่” ริมฝีปากได้รูปเอ่ยถามขึ้น “ไม่พบ แต่เห็นรองเท้า แต่บ้านจ้งก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นของพี่ชุนเยว่ขอรับ” อวี๋ซิ่งเป็นผู้ตอบ จินกะพริบตาปริบ ๆ มองคนนั้นทีคนนี้ทีเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน รู้เพียงแค่ว่ามีคนฆ่าตัวตายเมื่อวานนี้ “เจ้าจะเอาอย่างไรต่อไป” ครานี้จินถูกยิงคำถามมาอย่างกะทันหันจึงได้รีบหันไปมองบุรุษที่ไม่เป็นมิตรท่าทางเลิ่กลั่ก “ฉันไม่รู้ ฉันขออยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ยคะ” “ไม่ได้! ไปที่ไหนก็ไป” ทว่าไม่ทันได้อ้อนวอนอะไรก็ถูกปฏิเสธกลับมาแล้ว คนใจร้าย “แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ จำใครก็ไม่ได้ บ้านก็ไม่รู้อยู่ไหน” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง ไม่พอยังพยายามบีบน้ำตาอีก ไม่เห็นใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว “ข้าไม่….” “พี่ชาย…...” ชายหนุ่มเตรียมที่จะปฏิเสธแต่ก็ถูกเด็กน้อยทั้งสองดึงชายเสื้อไว้คนละด้านพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน ที่จริงแล้วเด็กน้อยทั้งสองก็อยากให้พี่สาวคนงามไปอยู่ที่บ้านพวกเขา แต่กระนั้นบ้านพวกเขาทั้งเล็กและแคบ ไหนจะมีท่านย่าอยู่ด้วยอีก แต่ที่นี่พี่ชายอยู่คนเดียว เยี่ยนซีพ่นลมหายใจออกมา เขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด จู่ ๆ จะให้คนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยนี่นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิสมัยนัก และสตรีผู้นี้ก็ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด ไว้ใจได้หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ หากแต่เห็นแก่ที่เด็กน้อยทั้งสองขอร้อง รวมถึงมีอะไรบางอย่างที่บอกให้เขาช่วยเหลือสตรีผู้นี้ แม้ในใจจะอยากอยู่ลำพังแต่สุดท้ายก็รับปาก “ข้าให้เจ้าอยู่ด้วยก็ได้” “เย่” “แต่…” “…..” มือของจินค้างอยู่เช่นนั้น “หากข้ารู้ว่าเจ้าโกหกและคิดไม่ดีอะไรอยู่ ก็อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน” ส่งสายตาข่มขู่เสร็จแล้วก็หยิบไม้ค้ำของตนเองแล้วพยายามจะเดินไปด้านข้างเรือนนาก่อนที่จะหายไป ในตอนนี้เองที่จินเห็นว่าขาของเขานั้นมีปัญหา เดินเหินไม่สะดวก แม้จะมีไม้ค้ำแต่ก็ยังเคลื่อนไหวเชื่องช้าอยู่ดี เธอควรต้องไปช่วยเขาหรือเปล่านะ จินคิด “พี่สาว พวกเราดีใจด้วยนะ” แต่เสียงของเด็กน้อยทั้งสองก็ดึงให้จินออกจากภวังค์ สายตาของหญิงสาวกวาดมองเด็กน้อยทั้งสองด้วยความเป็นมิตรพลางสังเกต อืม มอมแมมมาก แต่ก็น่ารักไม่น้อย และดวงตาไร้เดียงสานั่น ช่างทำให้น่าเอ็นดูเหลือเกิน “พี่สาวข้ามีนามว่าอวี๋ซิ่งอายุแปดหนาว ส่วนนี่น้องสาวข้า อวี๋หรูอายุหกหนาว พี่สาวเล่าชื่ออันใด จำได้หรือไม่” พวกเขายิ้มกว้างก่อนที่จะรีบแนะนำตนเอง ก่อนจะยิงคำถามกลับมา ซึ่งเป็นคำถามง่าย ๆ แต่ช่างทำให้คุณหมอสาวคิดหนักเหลือเกิน ดูเหมือนว่าชื่อของพวกเขาจะออกไปทางประเทศซีที่เธอเคยเดินทางไปท่องเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน ไหนจะการพูดจาที่ราวกับได้ย้อนอดีตไปในยุคโบราณนั่นอีก ดังนั้น สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้อาจจะเป็นประเทศซีในยุคอดีตหรือประเทศโลกคู่ขนานกับประเทศซีก็ได้ ทั้งชื่อและการแต่งกายน่าจะเป็นอย่างนั้น “ฉันชื่อ เยว่จิน ใช่ เยว่จิน” จินบอกเด็กน้อยทั้งสองพลางพยักหน้าไปด้วย เธอจำได้ว่าตอนไปประเทศซีตอนที่อยู่บนรถบัส นักท่องเที่ยวได้เสนอให้ไกด์ตั้งชื่อให้ลูกทัวร์ทุกคนเพื่อที่จะได้กลมกลืนกับคนที่นี่และจะได้อินกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มากขึ้น และไกด์ตั้งให้เธอว่าเยว่จิน ซึ่งเป็นการนำคำว่า เยว่ ที่แปลว่าคำว่า พระจันทร์ ซึ่งถอดมาจากชื่อจริงของเธอนั้นก็คือ พราวจันทร์ รวมกับชื่อเล่นที่ชื่อว่า จิน มารวมกัน กลายเป็นเยว่จินนั่นเอง แต่ก่อนที่จะคิดไปเองเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เห็นทีต้องลองถามเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ดูว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ไม่ก็ต้องถามคนไม่เป็นมิตรคนนั้น หลังจากที่เขาหายไปครู่ใหญ่ ไม่นานเขาก็กลับมา ดูเหมือนว่าจะไปล้างหน้าล้างตามา เมื่อครู่ที่ถามเด็กทั้งสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ก็แน่ละ ยังเด็กกันอยู่เลย “ซิ่งเออร์ หรูเออร์ รีบกลับบ้าน ท่านย่าจะรอ” “เอ๋ พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ” จินเผลอถามออกไปอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ได้รับสายตาที่ไม่พอใจตอบกลับมา ดุจริง ๆ “พี่สาว พวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกขอรับ บ้านพวกเราอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่เดี๋ยวพวกเราจะมาใหม่ พี่ชายนี่พวกเราเอามันเผามาด้วย ท่านแบ่งกันกินกับพี่สาวเถิด” ประโยคแรกเอ่ยกับพี่สาวแปลกหน้า ประโยคถัดมากล่าวกับพี่ชายคนสนิท หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็ยิ้มหวานก่อนจะกลับไป บรรยากาศอันอึดอัดกลับมาสู่จินอีกครั้ง “เอ่อ….” “รีบไปล้างหน้าล้างตา เรามีเรื่องต้องพูดคุยกัน” ไม่รอให้ได้พูดอันใดร่างสูงก็รีบพาตนเองเดินเข้าเรือนนาไป จินไม่รอช้ารีบเดินไปด้านหลังเรือนนาเพราะคิดว่าห้องน้ำน่าจะอยู่ที่นั่น ทว่าภาพตรงหน้าทำให้จินอ้าปากค้างตอนพิเศษที่[3]ทำรากบัวเชื่อมกัน หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีสามีก็เอ่ยว่า อยากจะพานางไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งรับรองว่านางต้องชอบเป็นแน่ นางจึงตกลงไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ สระบัวหรือเจ้าคะ” ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกบัวที่งดงามมากมายมีส่วนที่เป็นสระน้ำและส่วนที่เต็มไปด้วยดอกบัวที่เกิดขึ้นกลางดินนางรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใจก่อนจะหันไปมองหน้าเขา “ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านซินเฉียว พี่ไม่ค่อยได้ช่วยเจ้าทำรากบัวเลย มาวันนี้มีโอกาสและนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวมีที่ดินที่มีสระบัวงดงามอยู่ผืนหนึ่ง จึงคิดอยากจะชวนเจ้ามาทำรากบัวเชื่อมกัน ให้เจ้าช่วยสอนพี่ทำแล้วจากนั้นค่อยเอาไปแจกจ่ายทุกคนดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางก็ไม่ได้ทำรากบัวเชื่อมนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่อยู่ที่ท้ายเรือนนา คิดแล้วก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาของสามีนั้นมีความวาววับบางอย่างนะ มันดูแปลก ๆ แค่ทำรากบัวเชื่อมเหตุใดต้องดูตื่นเต้นถึงเพียงนั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะคิดไปเอง เพราะหลังจากที่ตกลงกัน นางและเขาก็ช่วยกันทำรากบัวกันอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือขุดรากบัว…รากบัวที่นี่มีขนาดหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่หมู่บ้านซินเฉียวเส
ตอนพิเศษที่[2]อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูกับชีวิตที่ไม่คาดฝัน อวี๋ซิ่งและอวี๋หรูหรูนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาคงจะอยู่ได้แค่ในหมู่บ้านซินเฉียวเท่านั้น ด้วยท่านย่าก็แก่ชราแล้วยากที่จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าไปในตลาดตำบลด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนอยู่กับการช่วยท่านย่าหารายได้และขึ้นไปหาของป่าเพื่อประทังชีวิตกัน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับสตรีผู้งดงามและใจดีอย่างพี่เยว่จิน พี่สาวผู้นั้นเป็นราวกับเทพธิดาลงมาโปรด ทำให้พวกเขามีรายได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ได้กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวตลาดในตำบลกับท่านย่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้นั่งรถม้าคันใหญ่โต นอกจากนั้นยังได้ย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตมาก ทั้งชีวิตไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้อยู่ที่นี่แม้ว่าก่อนออกมาจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะท่านย่านั้นต้องบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพี่สาวผู้นั้นที่เป็นผู้รักษาให้พวกเขาจึงคิดเอาไว้ว่านางนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาสองพี่น้องจะต้องรักและตอบแทนนางให้จงได้ แม้ต้องตายแทนก็ยอม…ต่อมาพวกเขาก็ต้องพบเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้งเพราะพี่
ตอนพิเศษที่[1]ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเซี่ยเยว่จิน เยว่จินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางอะไรได้ง่ายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเมื่อหากตอนที่โดนรังแกหรือเมื่อคนที่รักถูกรังแก ไม่ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนางไม่เคยที่จะปล่อยมันไปโดยง่าย จะต้องหาทางระบายเพื่อให้ความคับข้องใจให้หายไปและในคืนนี้ก็เช่นกัน…. หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายเข้าพักในห้องของตนในบ้านหลังใหม่หลังออกจากหมู่บ้านซินเฉียวแล้ว ในช่วงค่ำของคืนนั้นเยว่จินได้เตรียมอำพรางตัว ก่อนที่จะลอบเดินเท้าด้วยรองเท้าพิเศษกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนหลับใหลและไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หญิงสาวยกยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง… เยว่จินแอบหยดบางอย่างลงไปในน้ำของชาวบ้านที่มาหาเรื่องตนและท่านย่าในวันนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหมู่บ้านที่ไร้จริยธรรมและบ้านหานที่ไร้น้ำใจ นอกจากนั้นนางยังเอาฉี่แมวที่ให้ผู้อาวุโสอี้ไปรวบรวมนำมันไปราดที่หน้าบ้านของแต่ละคน เจ้าแก้แค้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผู้อาวุโสอี้ กลิ่นฉี่แมวนั่นกลิ่นแรงฉุนเตะจมูกนัก นางในโลกก่อนก็เคยเลี้ยง จึงได้คิดว่ากลุ่มคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นพวกเขา ก็ต้องได้รับอะไรที่สาสมกันเช่นนี้ เมื่อทุก
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)บุรุษที่อยู่เรือนนาผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงซ่งกั๋วกงและที่เขาเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถูกพิษ บัดนี้ชุนเยว่เกิดความละอายใจไม่น้อย กับความคิดของตนด้วยตนนั้นก็อัปลักษณ์แต่มีสิทธิ์อันใดไปตัดสินและรังเกียจผู้อื่นเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้จักเขาดีเลยสักนิด“พี่เยี่ยนซีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องคิดมาก แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” ล่าสุดที่รู้คืออีกฝ่ายกระโดดน้ำตายไปแล้วยามนั้นชุนเยว่จึงได้นึกเรื่องราวในวันนั้นก่อนจะเล่าออกมา“วันนั้นข้าตั้งใจที่จะกระโดดน้ำให้ตายไป ด้วยเสียใจที่ถูกบังคับและเสียใจที่ท่านพ่อท่านแม่ทำราวกับข้ามิใช่ลูก เพราะว่าข้าเกิดมาเป็นคนอัปลักษณ์ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในขณะที่ร่างของข้าลอยออกไปและกำลังจะหมดลมหายใจ กลับมีคนผู้หนึ่งมาดึงข้าขึ้นจากน้ำ…”“คนผู้นั้นนอกจากจะไม่รังเกียจข้า ยังให้กำลังใจและยอมรับทุกอย่างที่ข้าเป็นอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาพาข้าเดินทางมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง รู้ตัวอีกทีก็มีบุตรกับเขาสองคนเสียแล้ว” ชุนเยว่ลูบท้องของตนไปมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุขยามพูดถึงสามีที่รออยู
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)ปกติหญิงสาวมักจะไม่ปล่อยเรื่องราวพวกนี้ไปโดยง่าย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้เอาแต่ยกยิ้มแปลก ๆ อยู่เช่นนั้น ทว่า“จัดการอยู่เบื้องหลังสนุกกว่าอยู่เบื้องหน้าอีกนะเจ้าคะท่านพี่” เมื่อได้ยินภรรยากล่าวเช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างตาเห็น เมืองหนี่หรู่เป็นเมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะบริจาคสิ่งของ แล้วจากนั้นก็จะได้เดินทางกลับเมืองหลวงเสียที ก่อนที่จะเดินทางกลับจึงเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อน แน่นอนว่าสองสามีภรรยาแห่งจวนตระกูลซ่งนั้นเลือกที่จะไปรำลึกความหลังกันที่บ้านเช่าหลังนั้น… พวกเขาได้ขอเช่าจากเจ้าของบ้านเป็นเวลาสามวันและให้บ่าวรับใช้ไปปัดกวาดเช็ดถูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ “ท่านพี่ อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะน้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนบางประการเมื่อสามีพยายามสัมผัสจุดอ่อนไหวของนาง ซ่งเยี่ยนซีเอาวนอยู่กับร่างกายหอมของภรรยาอย่างไม่รู้เบื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด องค์รัชทายาทที่รู้ว่าสหายและภรรยานั้นหนีไปทำอันใดกันก็ได้แต่เขี่ย
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ) ด้านเถาเจียที่ได้ยินคนพูดถึงชื่อของสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้ยินมานานและไม่ชอบหน้าจนกระทั่งกุข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเพื่อใส่ความอีกฝ่ายจนเกิดการแพร่กระจายออกไปช่วงหนึ่ง ก็ชะงักแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดจากสตรีผู้นี้ไม่ดีนัก ในค่ำคืนนั้นที่สตรีผู้นี้ย้อนกลับมาเล่นงานตน…‘ถ้าไม่อยากหน้าเน่าแล้วก็ปากเน่าก็อย่าเที่ยวเอาปากไปพูดจาสกปรกที่ใดอีก’ คำพูดนี้น่ากลัวนัก จากที่คิดว่าวันนี้จะได้ทำตัวโดดเด่นเพื่อไปเตะตาองค์รัชทายาทและซ่งกั๋วกงให้มากที่สุดก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ได้แต่พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เห็นนาง หากเป็นไปได้นางอยากจะกลับหมู่บ้านไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกลับได้ เพราะต้องรอรับของบริจาคก่อน ทั้งไม่มียานพาหนะกลับไปอีก “สตรีไร้น้ำใจผู้นั้นเหตุใดจึงได้ไปนั่งในรถม้าของผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น” ชาวบ้านหมู่บ้านซินเฉียวผู้หนึ่งยังไม่หายสงสัย ที่จู่ ๆ เห็นเยว่จินมากับผู้สูงศักดิ์จึงพากันเอ่ยความสงสัยของตนออกมา ทว่ามีหนึ่งในชาวบ้านหมู่บ้านที่ได้ยินพวกเขากล่าวไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงได้รีบเอ่ยขึ้น