ตอนที่ 39 การแก้แค้นครั้งใหญ่

ตอนที่ 39

การแก้แค้นครั้งใหญ่

ท่ามกลางความสุขที่กำลังเบ่งบานของคริสเตียนและแพรไหม ที่คิดว่าชีวิตกำลังจะดำเนินไปอย่างสงบสุข แต่กลับเป็นเพียงความสงบชั่วคราว ก่อนที่พายุลูกใหญ่ที่สุดจะโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง ศัตรูเก่าที่แท้จริง ซึ่งเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังความเจ็บปวดทั้งหมดของคริสเตียน ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อทวงคืนความแค้นอย่างเต็มรูปแบบ นี่คือ สงครามครั้งสุดท้าย ที่จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง

หลังจากที่คริสเตียนเริ่มปรับเปลี่ยนธุรกิจของตระกูลคาร์ดินัลให้ถูกกฎหมายอย่างจริงจัง บรรยากาศภายในคฤหาสน์ก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก คริสเตียนใช้เวลาอยู่กับแพรไหมมากขึ้น และดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ภายใต้ความสงบสุขนั้น เงาแห่งอันตราย ก็เริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความผิดปกติเกิดขึ้นในเครือข่ายธุรกิจของตระกูลคาร์ดินัล แม้ว่าคริสเตียนจะตัดขาดจากโลกใต้ดินไปมากแล้ว แต่ยังมีธุรกิจบางส่วนที่ยังคงเชื่อมโยงกับเครือข่ายเดิมอยู่บ้าง และสิ่งเหล่านั้นก็กำลังถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ไม่ใช่การโจมตีแบบมาเฟียทั่วไป แต่เป็นการโจมตีอย่างเป็นระบบและฉลาดหลักแหลม

หุ้นของบริษัทในเครือตระกูลคาร์ดินัลร่วงดิ่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ ข้อมูลทางการเงินรั่วไหลคู่ค้าคนสำคัญเริ่มยกเลิกสัญญา ลูกน้องบางคนถูกลอบทำร้ายและบางคนก็หายตัวไปอย่างลึกลับ คริสเตียนสั่งให้ เดฟ และทีมงานตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน

“นายท่านครับ มีคนกำลังเล่นงานเราอย่างหนักครับ” เดฟ รายงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่ไม่ใช่ฝีมือของพวกมาเฟียทั่วไปครับ มันดูซับซ้อนกว่านั้นมาก”

คริสเตียนนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองข้อมูลที่แสดงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง มันไม่ใช่แค่การแข่งขันทางธุรกิจ แต่มันเป็นการ “จงใจทำลาย” และผู้ที่ทำเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลส่วนตัวบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลคาร์ดินัล

แพรไหมสังเกตเห็นความเครียดที่กลับมาสู่ใบหน้าของคริสเตียนอีกครั้ง เธอพยายามปลอบโยนและให้กำลังใจเขา

“คุณโอเคไหมคะคริสเตียน” แพรไหมถามอย่างเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรแพรไหม” คริสเตียนตอบ พยายามปั้นรอยยิ้ม “แค่มีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย”

แต่แพรไหมรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ “นิดหน่อย” สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาบ่งบอกทุกสิ่ง

ในที่สุด ผู้บงการที่แท้จริง ก็เปิดเผยตัว มันเกิดขึ้นในคืนหนึ่งขณะที่คริสเตียนกำลังประชุมกับผู้บริหารระดับสูงผ่านวิดีโอคอล จู่ๆ ภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าของชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นมีรอยยิ้มเยือกเย็น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้น และรอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดผ่านใบหน้าด้านขวา

“คริสเตียน…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากลำโพง ทำให้คริสเตียนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

“ยูริ!” คริสเตียนสบถชื่อนั้นออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

ยูริ ชายผู้ที่คริสเตียนเชื่อว่าตายไปแล้วในเหตุการณ์ระเบิดเมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์ที่ทำให้คริสเตียนต้องสูญเสียน้องชายและบิดา และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความแค้นของเขา ยูริคือศัตรูเก่าของตระกูลคาร์ดินัล และเป็นคนที่คริสเตียนเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมเหล่านั้น

“แปลกใจล่ะสิ” ยูริหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แกคงคิดว่าฉันตายไปแล้วสินะ แต่เปล่าเลย…ฉันกลับมาแล้ว และฉันกลับมาเพื่อ ทวงคืนทุกสิ่ง ที่แกเคยทำกับฉันและครอบครัวของฉัน”

ยูริเล่าว่าเขาไม่ได้ตายในเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนั้น แต่ถูกไฟคลอกเกือบเสียชีวิต และต้องใช้เวลาหลายปีในการรักษาตัวและซ่อนเร้น เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดในการวางแผน การแก้แค้น การแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คริสเตียนจะจินตนาการได้ เขาอยู่เบื้องหลังการโจมตีธุรกิจของคริสเตียนทั้งหมด และเขาตั้งใจที่จะทำลายคริสเตียนให้ย่อยยับยิ่งกว่าที่คริสเตียนเคยทำกับเขา

“แกทำลายชีวิตฉัน…ทำลายครอบครัวฉัน…ตอนนี้ถึงตาแกแล้วคริสเตียน แกจะต้องเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่แกมี…รวมถึงผู้หญิงที่แกรัก!” ยูริกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นและความบ้าคลั่ง

คำพูดของยูริทำให้คริสเตียนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก เขาไม่สนใจเรื่องธุรกิจที่เสียหาย แต่คำขู่ที่จะทำร้ายแพรไหมทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน

“แกกล้าดียังไงมายุ่งกับแพรไหม!” คริสเตียนคำราม

“แกจะได้รู้เองว่าฉันกล้าแค่ไหน” ยูริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “สงครามเพิ่งเริ่มต้นขึ้นคริสเตียน…และแกจะต้องเป็นผู้แพ้ในครั้งนี้!”

หลังจากนั้น ภาพบนหน้าจอก็ดับลง เหลือไว้เพียงความเงียบงันและความตึงเครียดที่ปกคลุมไปทั่วห้องประชุม

คริสเตียนสั่งให้ เดฟ และทีมงานเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินทันที เขารู้ว่ายูริไม่ใช่แค่ศัตรูธรรมดา แต่เป็น ปีศาจที่ถูกหล่อหลอมด้วยความแค้น และพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายล้าง คริสเตียนระดมกำลังพลทั้งหมดที่มี เสริมกำลังรักษาความปลอดภัยรอบคฤหาสน์ให้แน่นหนาขึ้นเป็นสิบเท่า

เขาเรียกประชุมลูกน้องคนสนิททุกคน รวมถึง เดฟ และผู้บริหารระดับสูง เขาอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด และสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามครั้งสุดท้าย

“ยูริไม่ใช่แค่ศัตรูทางธุรกิจ แต่เขาคือภัยคุกคามต่อชีวิตของเราทุกคน โดยเฉพาะแพรไหม” คริสเตียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและหนักแน่น “เราจะไม่มีทางปล่อยให้มันทำอะไรคนที่ผมรักได้เด็ดขาด!”

แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างๆ คริสเตียน รับฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความตกใจและหวาดกลัว แต่เธอก็รวบรวมสติและยืนหยัดอยู่ข้างเขา เธอจะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีกแล้ว

“ฉันจะอยู่ข้างคุณค่ะคริสเตียน” แพรไหมกระซิบจับมือของเขาแน่น “เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”

คริสเตียนบีบมือเธอแน่น เขาหันไปสั่งการลูกน้องให้ทำงานอย่างรวดเร็วและรอบคอบ

แผนการของคริสเตียน คือการตั้งรับอย่างแข็งแกร่ง และหาโอกาสที่จะโจมตีกลับอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด เขาไม่ต้องการที่จะยืดเยื้อสงครามนี้ไปนานๆ เพราะยิ่งนานเท่าไหร่ แพรไหมก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

เดฟ และทีมงานทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยูริและเครือข่ายของเขา และเสริมกำลังป้องกันให้แน่นหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้

การโจมตีของยูริเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่ใช่แค่การโจมตีทางธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นการโจมตีโดยตรงที่มุ่งเป้าไปที่คฤหาสน์คาร์ดินัลและเครือข่ายความปลอดภัยของคริสเตียน

กลุ่มมือสังหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พยายามลอบเข้ามาในคฤหาสน์หลายครั้ง แต่ก็ถูกสกัดกั้นไว้โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยของคริสเตียนที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะป้องกันไว้ได้ แต่คริสเตียนก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงการหยั่งเชิง ยูริต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของเขา

ยูริยังคงใช้วิธี โจมตีทางจิตวิทยา เขาส่งข้อความ รูปภาพ และวิดีโอที่แสดงถึงความรุนแรงในอดีตของเขามายังคริสเตียนและแพรไหม เพื่อพยายามบั่นทอนจิตใจและสร้างความหวาดกลัว

“แกจะไม่มีวันสงบสุขคริสเตียน” ข้อความหนึ่งจากยูริกล่าว “ทุกวันของแกจะเต็มไปด้วยความกลัว…จนกว่าแกจะสูญเสียทุกสิ่งเหมือนที่ฉันเคยสูญเสีย!”

แพรไหมพยายามเข้มแข็ง เธอจะไม่ยอมให้ยูริทำลายความสุขของเธอและคริสเตียนได้ เธออยู่เคียงข้างคริสเตียนเสมอ ให้กำลังใจเขาในทุกย่างก้าว และช่วยเขาคิดหาวิธีแก้ปัญหา

คริสเตียนรู้ดีว่าเขาไม่สามารถรอให้ยูริโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวได้ เขาจะต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง เขาใช้ข้อมูลที่ เดฟ และทีมงานรวบรวมมาได้ ในการวางแผน การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย กับยูริ

เขาพบว่ายูริกำลังซ่อนตัวอยู่ในฐานทัพลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคลังสินค้าเก่าที่ถูกดัดแปลงให้เป็นฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่ คริสเตียนตัดสินใจที่จะบุกเข้าไปที่นั่นพร้อมกับลูกน้องคนสนิท เพื่อยุติสงครามนี้ให้เร็วที่สุด

“ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” คริสเตียนกล่าวกับ เดฟ “คุณเตรียมทีมที่ดีที่สุดไว้ให้ผม”

“นายท่านครับ มันอันตรายเกินไปนะครับ” เดฟ คัดค้าน “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ”

“ไม่” คริสเตียนปฏิเสธ “คุณต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลความปลอดภัยของแพรไหม”

“แต่…” เดฟ พยายามจะพูดต่อ

“นี่คือคำสั่ง เดฟ!” คริสเตียนกล่าวเสียงเด็ดขาด “ผมต้องไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อปกป้องแพรไหม และยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้”

แพรไหมยืนฟังบทสนทนาของทั้งคู่ เธอรู้ว่าเธอไม่อาจห้ามคริสเตียนได้ เธอจึงเดินเข้าไปหาเขา จับมือของเขาแน่น

“ระวังตัวด้วยนะคะคริสเตียน” แพรไหมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ฉันจะรอคุณกลับมา”

คริสเตียนกอดเธอแน่น เขาจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “ผมจะกลับมาหาคุณแน่นอนแพรไหม…ผมสัญญา”

ในคืนนั้น คริสเตียนนำทีมลูกน้องที่คัดเลือกมาอย่างดีที่สุด บุกเข้าไปยังฐานทัพลับของยูริ การบุกครั้งนี้เป็นไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว พวกเขาจัดการกับลูกน้องของยูริที่เฝ้าประตูได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเข้าไปข้างใน คริสเตียนก็พบว่าฐานทัพนั้นเต็มไปด้วยกับดักและกับระเบิด เขาใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานในการหลบหลีกและนำทีมบุกทะลวงเข้าไปข้างใน

เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งคลังสินค้า การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด คริสเตียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด จัดการกับศัตรูด้วยความแม่นยำและไร้ความปราณี เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อความแค้นอีกต่อไปแล้ว แต่เขาต่อสู้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก และเพื่ออนาคตที่สงบสุข

ในที่สุด คริสเตียนก็มาถึงห้องควบคุมหลัก และที่นั่น เขาก็พบกับยูริ

ยูริยืนอยู่กลางห้อง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น แววตาที่เต็มไปด้วยความแค้นจ้องมองมาที่คริสเตียน

“ในที่สุดแกก็มาถึงคริสเตียน” ยูริกล่าว “ฉันรอแกมานานแล้ว”

“แกหยุดเรื่องบ้าๆ นี่ซะยูริ” คริสเตียนกล่าว “มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

“ไม่มีอะไรดีขึ้นงั้นเหรอ!” ยูริคำราม “แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกมีความสุขงั้นเหรอ หลังจากที่แกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน!”

ยูริชักปืนออกมา และพุ่งเข้าใส่คริสเตียนทันที การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น

เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรง คริสเตียนและยูริต่างงัดเอาทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่มีออกมาใช้ พวกเขาแลกหมัด แลกเตะกันอย่างไม่ยั้ง ยูริแข็งแกร่งและคลั่งแค้น แต่คริสเตียนก็แข็งแกร่งและเด็ดขาดไม่แพ้กัน

ยูริพยายามจะโจมตีจุดอ่อนของคริสเตียน repeatedly แต่คริสเตียนหลบหลีกได้ทั้งหมด เขาใช้ความฉลาดและไหวพริบในการรับมือกับความบ้าคลั่งของยูริ

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป คริสเตียนก็พยายามหาโอกาสที่จะพูดคุยกับยูริ เพื่อยุติความแค้นนี้ลง

“แกเข้าใจผิดยูริ” คริสเตียนกล่าว “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำลายครอบครัวแก…มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

“โกหก!” ยูริคำราม “แกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน! และฉันจะทำลายแกให้สิ้นซาก!”

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน ทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ คริสเตียนรู้ว่าเขาต้องจบเรื่องนี้ให้ได้ เขาจะต้องไม่ให้ยูริไปทำร้ายแพรไหมได้เด็ดขาด

ในจังหวะที่ยูริเสียหลัก คริสเตียนก็เข้าประชิดตัว เขาจับยูริกดลงกับพื้น และพยายามยึดปืนออกจากมือของเขา

“หยุดซะยูริ!” คริสเตียนคำราม “แกแพ้แล้ว!”

ยูริไม่ยอมแพ้ เขาดิ้นรนอย่างสุดกำลัง พยายามจะเอาปืนขึ้นมาให้ได้ แต่คริสเตียนแข็งแกร่งเกินไป ในที่สุด คริสเตียนก็สามารถยึดปืนจากมือของยูริได้สำเร็จ

คริสเตียนจ่อปืนไปที่ยูริ ใบหน้าของเขามีแววลังเล แต่เขาก็รู้ว่าเขาต้องตัดสินใจครั้งสุดท้ายนี้อย่างเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของแพรไหม และเพื่อยุติสงครามนี้อย่างถาวร

“ผมไม่ต้องการฆ่าแกยูริ” คริสเตียนกล่าว “แต่แกก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

ยูริหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “แกคิดว่าแกจะชนะงั้นเหรอคริสเตียน…แกไม่มีทางชนะฉันได้หรอก!”

คริสเตียนตัดสินใจ เขาไม่ยิงยูริ เขาใช้ปืนตีกระบอกปืนของยูริจนแตกหัก ก่อนจะใช้ด้ามปืนฟาดลงไปที่ขมับของยูริอย่างแรง ทำให้ยูริสลบไป

คริสเตียนสั่งลูกน้องให้จับยูริไปคุมขัง และจัดการกับเครือข่ายที่เหลือของยูริทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายแพรไหมได้อีก

คริสเตียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้ แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมากที่สงครามครั้งนี้ได้จบลงแล้ว

เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ แพรไหมก็วิ่งเข้ามากอดเขาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความโล่งใจและเป็นห่วง

“คุณปลอดภัยแล้วนะคะคริสเตียน…คุณปลอดภัยแล้ว” แพรไหมกระซิบ

คริสเตียนกอดเธอแน่น “ผมไม่เป็นไรแพรไหม…ผมกลับมาแล้ว”

คืนนั้น คริสเตียนและแพรไหมนอนกอดกันแน่นบนเตียง คริสเตียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แพรไหมฟัง รวมถึงการตัดสินใจของเขาที่จะไม่ฆ่ายูริ แต่จะส่งตัวเขาให้ทางการรับโทษตามกฎหมาย เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องที่สุด

แพรไหมภูมิใจในตัวคริสเตียนมาก เธอรู้ว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง

สงครามครั้งนี้จบลงแล้ว ความแค้นที่ยาวนานหลายปีได้ถูกยุติลง และคริสเตียนก็ได้พบกับ สันติสุขที่แท้จริง ในที่สุด

จากนี้ไป ชีวิตของคริสเตียนและแพรไหมจะเต็มไปด้วยความรัก ความสุข และความสงบสุขที่พวกเขาเฝ้ารอคอยมานาน พวกเขาพร้อมที่จะสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกัน โดยที่ไม่มีเงาของอดีตคอยหลอกหลอนอีกต่อไป