วันรุ่งขึ้น แพรไหมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับตลอดคืน แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ผ่านหน้าต่างบานสูง เผยให้เห็นรายละเอียดของห้องที่เธอไม่เคยสังเกตมาก่อน แพรไหมเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ เขาหลับตาพริ้ม ใบหน้าคมคายดูสงบนิ่ง แพรไหมอดคิดไม่ได้ว่าภายใต้ความสงบนั้นซ่อนความเย็นชาและดุดันไว้มากมายเพียงใด
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบ พยายามไม่ให้เกิดเสียงรบกวนเขา แพรไหมเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นสวนสวยที่เต็มไปด้วยหมอกจางๆ ยามเช้า เธอยังจำเหตุการณ์เมื่อวานได้ดี การที่เธอถูกดุจากคริสเตียนเพียงเพราะอยากออกไปเดินเล่นในสวน มันตอกย้ำให้เธอรู้ว่าอิสรภาพของเธอในคฤหาสน์แห่งนี้มีอยู่อย่างจำกัดเพียงใด
ขณะที่แพรไหมกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แพรไหมหันไปมองเห็นลีโอยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขายังคงสุภาพเช่นเคยแต่แววตาของเขามีความกังวลเล็กน้อย
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแพรไหม” ลีโอเอ่ยทักเสียงเบา ราวกับกลัวจะรบกวนคนที่ยังหลับอยู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลีโอ” แพรไหมตอบกลับ
ลีโอเหลือบมองคริสเตียนเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แพรไหม “นายสั่งให้ผมนำสิ่งนี้มาให้คุณครับ”
ลีโอยื่นแฟ้มเอกสารสีเข้มให้แพรไหม แพรไหมรับมาเปิดดู ภายในนั้นเป็นเอกสารที่จัดพิมพ์อย่างเป็นระเบียบ หัวข้อเขียนว่า
“กฎระเบียบของคฤหาสน์คาร์ดินัล”
“นายต้องการให้คุณแพรไหมอ่านและทำความเข้าใจกฎระเบียบทั้งหมดโดยละเอียดครับ” ลีโออธิบาย
“และคุณแพรไหมจะต้องปฏิบัติตามกฎเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด”
แพรไหมก้มลงอ่านกฎระเบียบที่อยู่ในแฟ้มทีละข้อๆ ยิ่งอ่าน เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกผูกมัดด้วยพันธนาการที่แน่นหนามากขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบเหล่านั้นครอบคลุมทุกด้านของชีวิตเธอ ตั้งแต่เวลาตื่นนอน การรับประทานอาหาร การแต่งกาย การใช้ชีวิตประจำวัน การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก และแม้กระทั่งการกระทำภายในคฤหาสน์
กฎข้อที่ 1 ห้ามออกจากคฤหาสน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคริสเตียน คาร์ดินัล หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
กฎข้อที่ 2 การแต่งกายจะต้องสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกับสถานะ และเป็นไปตามที่กำหนด
กฎข้อที่ 3 ห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นครอบครัวในกรณีจำเป็น และต้องอยู่ในความดูแลของลีโอ
กฎข้อที่ 4 การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม หรือการพบปะแขกของคริสเตียน จะต้องได้รับคำแนะนำและอนุญาตล่วงหน้า
กฎข้อที่ 5 การพูดคุยกับบุคคลภายนอกเกี่ยวกับเรื่องราวภายในคฤหาสน์ หรือเรื่องส่วนตัวของคริสเตียน ถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาด
กฎข้อที่ 6 ห้ามเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวบางส่วนของคฤหาสน์โดยไม่ได้รับอนุญาต
กฎข้อที่ 7 ทุกการกระทำจะต้องอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของคริสเตียน คาร์ดินัล เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตระกูล
แพรไหมอ่านกฎเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมา หัวใจของเธอหนักอึ้ง เธอรู้สึกเหมือนถูกจองจำในกรงที่มองไม่เห็น มันคือ "กรงทอง" ที่สวยงาม แต่ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขที่บีบรัดอิสรภาพของเธอจนแทบหายใจไม่ออก
“กฎพวกนี้…มันเข้มงวดเกินไปหรือเปล่าคะคุณลีโอ” แพรไหมถามเสียงแผ่ว
ลีโอถอนหายใจเบาๆ “นายต้องการให้ทุกอย่างเป็นระเบียบและอยู่ในความควบคุมครับ ท่านมีเหตุผลของท่าน”
“แต่ฉันไม่ได้เป็นนักโทษนะคะ” แพรไหมแย้ง ดวงตาของเธอฉายแววไม่พอใจ
“คุณแพรไหมไม่ได้เป็นนักโทษครับ แต่คุณกำลังจะก้าวเข้าสู่โลกที่แตกต่างจากที่คุณเคยรู้จักมากนัก” ลีโอตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โลกที่เต็มไปด้วยอำนาจ อิทธิพล และอันตรายที่ไม่คาดคิด นายเพียงต้องการปกป้องคุณ และปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลครับ”
คำพูดของลีโอทำให้แพรไหมเงียบไป เธอรู้ว่าเขาพูดถูก โลกของคริสเตียนนั้นอันตราย เธอเคยสัมผัสมาแล้วตอนที่เกือบถูกลักพาตัวไป
“นายต้องการให้คุณแพรไหมเริ่มเรียนรู้มารยาททางสังคม การบริหารจัดการคฤหาสน์ และภาษาเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้าครับ” ลีโอแจ้งกำหนดการเพิ่มเติม
“เรียนรู้…อะไรอีกคะ” แพรไหมถามอย่างเหนื่อยหน่าย
“ทุกอย่างที่ภรรยาของคริสเตียน คาร์ดินัล ควรจะเป็นครับ” ลีโอตอบ และนั่นทำให้แพรไหมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นเชิดที่กำลังจะถูกปั้นให้เป็นไปตามความต้องการของเขา
ขณะที่ลีโอกำลังอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ดีมาก ลีโอ” คริสเตียน ลุกขึ้นยืน เขาเดินเข้ามาใกล้แพรไหมและลีโอ ใบหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์ แต่แววตาคมกริบนั้นจ้องมองแพรไหมอย่างกดดัน
“หวังว่าคุณแพรไหมจะทำความเข้าใจกฎของผมได้โดยเร็ว” คริสเตียนพูดเสียงเรียบ
“ผมไม่ชอบคนที่ทำตัวเป็นภาระ และผมไม่ชอบคนที่ขัดคำสั่ง”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำถึงสถานะของเธอ เธอเป็นเพียงภาระที่เขาต้องจัดการ และเธอจะต้องเชื่อฟังเขาเท่านั้น
“ฉันเข้าใจค่ะ” แพรไหมตอบเสียงเบา เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไม่พอใจและความเจ็บปวดไว้ภายใน
“ดี” คริสเตียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งลีโอ
“จัดการเตรียมเอกสารและตารางเรียนทั้งหมดให้พร้อม”
“ครับนาย” ลีโอรับคำอย่างแข็งขัน
คริสเตียนเหลือบมองแพรไหมอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดสำหรับวันนี้ แพรไหมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองแผ่นหลังกว้างของเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกลืนกินเข้าไปในโลกของเขาอย่างช้าๆ
ตลอดทั้งวัน แพรไหมพยายามอ่านและทำความเข้าใจกฎเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอรู้ว่าเธอต้องทำความเข้าใจมันให้ถ่องแท้ เพื่อไม่ให้ตัวเองทำผิดพลาดและต้องเผชิญหน้ากับความดุดันของคริสเตียนอีก
ในช่วงบ่าย ขณะที่แพรไหมกำลังอ่านเอกสารอยู่ในห้อง เธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจากทางเดินด้านนอก เสียงนั้นค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของนิค น้องชายต่างมารดาของคริสเตียน และมีอีกเสียงหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย
“ฉันบอกพี่ชายแล้วว่าให้นายเข้ามาเองเลยดีกว่า” นิคพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“จะได้ไม่ต้องมาทำท่าทางลึกลับแบบนี้”
“ฉันมีเหตุผลของฉันนิค” เสียงทุ้มนุ่มทว่าแฝงอำนาจตอบกลับมา
“ฉันแค่อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าเขาเลือกผู้หญิงแบบไหนเข้ามาในตระกูล”
แพรไหมรีบลุกขึ้นยืนอย่างเงียบเชียบ เธอเดินไปที่ประตูห้องและค่อยๆ แง้มประตูออกเล็กน้อย เธอเห็นนิคยืนอยู่กับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่แต่งกายภูมิฐานและดูสง่างามไม่แพ้คริสเตียน แต่เขามีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า ซึ่งแตกต่างจากคริสเตียนอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มคนนั้นมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอ่อนโยนและรอยยิ้มที่ทำให้เขาน่าเข้าหา เขามีผมสีน้ำตาลเข้มจัดทรงอย่างเป็นระเบียบ และมีบุคลิกที่ดูใจดีกว่าคริสเตียนมากนัก
“นั่นไง…คฤหาสน์ของพี่ชายฉัน” นิคผายมือไปที่ประตูห้องของคริสเตียน
“และนั่นแหละคือห้องนอนของเขา”
ชายหนุ่มคนนั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ คฤหาสน์ด้วยความชื่นชม ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ประตูห้องที่แพรไหมแง้มอยู่เล็กน้อย ดวงตาของเขาดูเหมือนจะสังเกตเห็นเธอ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือประหลาดใจใดๆ
'ใครกันนะ เป็นแขกของคริสเตียนเหรอ' แพรไหมคิดในใจ เธอยังไม่รู้ว่าบุคคลผู้นั้นมีความสำคัญเพียงใด
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องกลับแล้วนะเฮนรี่” นิคพูด
“พี่ชายฉันคงไม่ชอบใจนักถ้าเห็นนายมาด้อมๆ มองๆ แถวนี้”
เฮนรี่… ชื่อนั้นทำให้แพรไหมรู้สึกคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมาก่อน
“ฉันแค่อยากมาดูให้แน่ใจว่าพี่ชายของนายไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ” เฮนรี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ อย่างที่ฉันคิด”
นิคหัวเราะ “แน่นอนอยู่แล้ว พี่ชายฉันไม่เคยทำอะไรโง่ๆ มีแต่คนอื่นนั่นแหละที่จะทำโง่ๆ เอง”
ทั้งสองคนเดินจากไป แพรไหมปิดประตูห้องลงอย่างเงียบเชียบ หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสงสัย 'เฮนรี่คือใคร ทำไมเขาถึงต้องมาแอบดูฉันแบบนี้' เธอรู้สึกถึงความลึกลับที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกในโลกของคริสเตียน
ตกเย็น คริสเตียนกลับมาที่คฤหาสน์ แพรไหมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้องนอน เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง คริสเตียนเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เขาถอดเสื้อสูทออก วางลงบนเก้าอี้ ก่อนจะคลายเนกไทออก
“คุณทำความเข้าใจกฎของผมแล้วใช่ไหม” คริสเตียนถามเสียงเรียบ ขณะที่เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“ค่ะ” แพรไหมตอบสั้นๆ
คริสเตียนหันมามองเธอ “ผมหวังว่าคุณจะจำได้ทุกข้อ”
“ฉันจะพยายามค่ะ” แพรไหมพูด
คริสเตียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินเข้าห้องน้ำไป แพรไหมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ยังไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่คริสเตียนอาบน้ำเสร็จ เขากลับออกมาในชุดคลุมอาบน้ำสีเข้ม เขาเดินตรงมายังเตียงนอน แพรไหมรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะนอนร่วมห้องกันจริงๆ แม้จะเคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันไปแล้ว แต่สถานการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวันกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
คริสเตียนล้มตัวลงนอนบนเตียง แพรไหมพยายามขยับตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย เธอหันหลังให้เขา จ้องมองผนังห้องที่มืดมิด
“คุณกำลังกังวลอะไร” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ทำให้แพรไหมสะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเขาจะยังไม่หลับ
“เปล่าค่ะ” แพรไหมตอบเสียงแผ่ว
คริสเตียนขยับตัวเข้ามาใกล้แพรไหมมากขึ้น แพรไหมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รดต้นคอ
“ผมไม่ชอบการโกหก แพรไหม” คริสเตียนพูดเสียงทุ้มต่ำ “บอกมาว่าคุณกังวลอะไร”
แพรไหมเม้มปากแน่น เธอรู้สึกกดดัน “ฉัน…ฉันแค่รู้สึกไม่คุ้นเคยกับที่นี่ค่ะ”
“คุณจะต้องคุ้นเคย” คริสเตียนพูด “นี่คือบ้านของคุณแล้ว”
คำว่า “บ้าน” ของเขาฟังดูเย็นชาและไร้อารมณ์ ทำให้แพรไหมรู้สึกไม่ต่างจากนักโทษในบ้านของเขา
คริสเตียนเลื่อนมือมาโอบเอวของแพรไหม ดึงร่างของเธอเข้ามาใกล้เขามากขึ้น แพรไหมรู้สึกถึงความอบอุ่นและแข็งแกร่งจากแผ่นหลังของเขา หัวใจของเธอเต้นรัวแรง
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น” คริสเตียนกระซิบข้างหูเธอ เสียงของเขาแหบพร่า
“ตราบใดที่คุณเชื่อฟังผม คุณก็จะปลอดภัย”
คำพูดของเขาเป็นเหมือนคำปลอบโยนที่แฝงด้วยคำขู่ แพรไหมรู้สึกสับสนในอารมณ์ เธออยากจะเชื่อเขา แต่ความเย็นชาและความดุดันของเขาก็ทำให้เธอหวาดกลัว
“นอนซะ” คริสเตียนเอ่ยขึ้น แพรไหมสัมผัสได้ถึงจมูกของเขาที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มของเธอ แพรไหมพยายามข่มตาให้หลับในอ้อมแขนของเขา มันเป็นอ้อมแขนที่แข็งแกร่ง แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอไม่รู้ว่าเธอจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตแบบนี้ได้หรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น แพรไหมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ คริสเตียนไม่อยู่บนเตียงแล้ว เธอได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง แพรไหมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ระเบียงห้องที่สามารถมองลงไปเห็นห้องรับแขกด้านล่างได้
เธอเห็นคริสเตียนกำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เธอดูหน้าไม่ชัดเจน แต่บุคลิกดูเป็นทางการ และอีกคนหนึ่งคือ เฮนรี่ ชายหนุ่มที่เธอเห็นเมื่อวานนี้ เขากำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่ เฮนรี่” คริสเตียนถามเสียงเรียบ แต่แฝงความไม่พอใจ
“ก็มาเยี่ยมเพื่อนเก่าไง” เฮนรี่ยิ้มกว้าง
“และมาดูว่าภรรยาคนใหม่ของนายเป็นยังไงบ้าง”
คริสเตียนเหลือบมองขึ้นมาที่ระเบียงห้องนอนของเขา แพรไหมรีบหดตัวกลับเข้ามาในห้องทันที เธอรู้ว่าเขาเห็นเธอแล้ว
“คุณไม่มีธุระอะไรกับภรรยาของผม” คริสเตียนพูดเสียงเย็นชา
“โธ่…คริสเตียน ฉันก็แค่อยากทำความรู้จักกับพี่สะใภ้บ้าง” เฮนรี่ตอบอย่างไม่ยี่หระ “ก็เป็นพี่สะใภ้ของเพื่อนฉันนี่นา”
“เขายังไม่ได้เป็นภรรยาของผมอย่างสมบูรณ์” คริสเตียนตอบ “และคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักเขา”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกเจ็บแปลบอีกครั้ง เขาพูดราวกับว่าเธอเป็นเพียงสิ่งของที่เขายังไม่ได้ใช้ และไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้อง
“นายต้องการให้คุณแพรไหมลงไปรับประทานอาหารเช้าครับ” เสียงของลีโอดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า เธอเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เรียบร้อยที่สุดที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินตามลีโอลงไปด้านล่าง
เมื่อแพรไหมเดินลงมาถึงห้องอาหาร เธอเห็นคริสเตียนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ และมีเฮนรี่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแพรไหม” เฮนรี่เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เชิญนั่งสิครับ”
แพรไหมยิ้มตอบเล็กน้อย เธอเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคริสเตียน ซึ่งอยู่ข้างๆ เฮนรี่
“คุณควรจะเรียนรู้ที่จะทักทายแขกของผมให้ถูกต้อง” คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา
แพรไหมหน้าแดงก่ำด้วยความอาย “ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณแพรไหม” เฮนรี่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ผมเข้าใจว่าคุณคงยังไม่คุ้นเคย”
คริสเตียนตวัดสายตาไปที่เฮนรี่เล็กน้อย ทำให้เฮนรี่หัวเราะเบาๆ
“ดูเหมือนพี่ชายของฉันจะหวงของนะ” เฮนรี่กระซิบกับแพรไหม “ระวังตัวไว้ให้ดี”
แพรไหมยิ้มเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเฮนรี่เป็นคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายในคฤหาสน์แห่งนี้
“นายต้องการให้คุณแพรไหมทำอะไรบ้างในวันนี้ครับ” ลีโอถามคริสเตียน
คริสเตียนวางช้อนลงบนจาน
“วันนี้ผมจะพาคุณแพรไหมไปดูพื้นที่บางส่วนในคฤหาสน์ และอธิบายถึงกฎระเบียบเพิ่มเติมบางอย่าง”
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า เธอรู้ว่าวันนี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความดุดันของคริสเตียนอีกครั้ง และอาจจะต้องเรียนรู้กฎเหล็กของเขาเพิ่มเติมอีกมากมาย
หลังอาหารเช้า คริสเตียนลุกขึ้นยืน “ตามผมมา”
แพรไหมเดินตามคริสเตียนออกไปจากห้องอาหาร โดยมีลีโอเดินตามหลังมาติดๆ เฮนรี่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ จิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ มองดูทั้งสามคนเดินจากไป
“โชคดีนะพี่สะใภ้” เฮนรี่กระซิบ แต่แพรไหมก็ไม่ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว
คริสเตียนพาแพรไหมเดินไปตามทางเดินต่างๆ ภายในคฤหาสน์ เขาชี้ให้ดูห้องต่างๆ เช่น ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย ห้องรับรองแขก และห้องเก็บไวน์ ทุกห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราและมีราคาแพง
“ห้องเหล่านี้ คุณสามารถเข้าถึงได้ แต่คุณจะต้องอยู่ในความดูแลของลีโอเสมอ” คริสเตียนอธิบายเสียงเรียบ “แต่มีบางห้องที่คุณไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต”
คริสเตียนเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ทำจากเหล็กกล้าสีดำสนิท ประตูบานนั้นดูทึบและน่ากลัว
“นี่คือห้องเก็บเอกสารสำคัญ และอาวุธ” คริสเตียนพูด
“คุณห้ามเข้าใกล้ห้องนี้เด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น”
แพรไหมพยักหน้ารับ เธอรู้ว่าห้องนั้นคงเป็นที่เก็บความลับและอันตรายมากมายของคริสเตียน
“และอีกที่หนึ่ง” คริสเตียนพาแพรไหมเดินไปยังอีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ ซึ่งดูเงียบสงบและเป็นส่วนตัวกว่า
เขาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ทำจากไม้เนื้อดีสีเข้ม “นี่คือห้องทำงานส่วนตัวของผม”
แพรไหมเหลือบมองประตูห้อง เธอรู้ว่าห้องนี้เป็นที่ที่คริสเตียนใช้ในการจัดการธุรกิจมืดของเขา
“คุณห้ามเข้าห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมเด็ดขาด” คริสเตียนพูดเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม”
แพรไหมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เธอรู้ว่าเขาไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ความลับของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเธอ
คริสเตียนพาแพรไหมเดินกลับมาที่โถงทางเข้าหลักของคฤหาสน์ เขาหันกลับมามองเธอ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง
“คุณเข้าใจกฎทั้งหมดที่ผมบอกไปแล้วใช่ไหม” คริสเตียนถาม
“เข้าใจค่ะ” แพรไหมตอบ
“ดี” คริสเตียนพยักหน้าเล็กน้อย “และอีกเรื่องหนึ่ง”
แพรไหมรอฟังด้วยความตื่นเต้น
“คุณจะต้องเริ่มเรียนรู้การจัดการคฤหาสน์และธุรกิจของผมในอีกสองสามวันข้างหน้า” คริสเตียนพูด “คุณต้องพร้อมที่จะเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกกดดันอย่างหนัก เธอรู้ว่าเขาต้องการให้เธอเก่งกาจและมีความสามารถพอที่จะเป็นคู่หูของเขาได้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะทำได้ดีพอหรือไม่
“ฉันจะพยายามค่ะ” แพรไหมตอบเสียงแผ่วเบา
คริสเตียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดไป ทิ้งให้แพรไหมยืนอยู่เพียงลำพังในโถงทางเข้าขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกขังอยู่ในกรงทองที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ และเธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกของมาเฟียผู้เย็นชาคนนี้
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่