หลังจากที่เมเดลีนและไรอันกลับมาจากการพูดคุยกับแขกของครอบครัวโจนส์ เธอก็เห็นว่าเอวากำลังเมาจนหน้าแดงและพึมพำไม่หยุด "แมดดี้ คราวนี้เธอต้องมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขนะ เธอต้องมี..."เมเดลีนรู้ดีว่าเอวาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริงแต่ตอนนี้เมเดลีนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขอให้แดเนียลช่วยพาเพื่อนสาวไปส่งที่บ้านถึงอย่างนั้นแดเนียลเองก็มีอาการเมาเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากช่วยพาเอวาขึ้นแท็กซี่ได้ เขาก็พิงไหล่อีกฝ่ายด้วยอาการง่วง ๆตอนแรกเขาเองก็อยากพาเอวากลับบ้าน แต่จู่ ๆ คนขับก็หยุดรถตรงทางเข้าโรงแรม เขาเปิดประตูรถให้แดเนียลด้วยท่าทางเข้าใจแดเนียลขี้เกียจที่จะชี้แจงความจริง จึงทำได้เพียงช่วยพยุงเอวาออกจากรถเท่านั้นเอวาเมาจนแทบยืนไม่อยู่ ราวกับว่าแขนขาของเธอกลายเป็นเยลลี่ไปแล้ว ขณะเดียวกันเธอก็พิงแดเนียลอย่างอ่อนแรง“คุณโอเคไหมเอวา?” เขาค่อนข้างกังวลและเป็นห่วง"โอเคเหรอ?" เอวาเงยหน้าขึ้นลืมตาที่พร่ามัวของตัวเอง “โอเค… แมดดี้ต้องไม่เป็นไร”หลังจากที่ตอบไม่ตรงคำถาม เธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัวแดเนียลกอดเอวาไว้อย่างรวดเร็ว เขามองไปยังการจราจรอันพลุกพ
เจเรมี่รู้ว่าการมาที่นี่รังแต่จะทำร้ายตัวเขาเองเขาแค่ไม่สามารถปล่อยวาง และไม่สามารถสลัดผู้หญิงที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขาออกไปได้เลยท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก เจเรมี่เห็นไรอันเดินเข้ามาใกล้เมเดลีนผ่านผ้าม่าน เขาเข้าใกล้เธอมากขึ้นและก้มศีรษะลง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจูบเธอเจเรมี่จับพวงมาลัยแน่น แล้วรู้สึกได้ถึงเม็ดฝนนอกกระจกรถที่กระหน่ำเข้ามาในหัวใจของเขาจนรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งเขาไม่สามารถทำแบบนี้ต่อได้อีก สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือไปยังคฤหาสน์วิทแมน ที่ซึ่งเขาจะสามารถไปเยี่ยมลูกสองคนที่หลับใหลได้อย่างเงียบ ๆในห้องนอนไรอันกอดเมเดลีนเบา ๆ ก่อนจะปล่อยเธอ“ผมรู้ว่าคุณยังลืมเจเรมี่ไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ผมรอได้”คำพูดของไรอันทำให้เมเดลีนรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกเธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างเต็มที่ไรอันเข้าใจเธอดีมากเหลือเกิน “เพราะเรารีบแต่งงานกัน มันจึงเป็นธรรมดาที่คุณจะยังปล่อยวางเจเรมี่ไปไม่ได้”“ขอบคุณนะคะ ไรย์”“ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” ไรอันจับไหล่เมเดลีนเบา ๆ “รีบเข้านอนพร้
ลาน่าได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ทว่าเหมือนจะลังเลนี่เป็นครั้งแรกที่เจเรมี่มองผู้หญิงไม่ซื่อสัตย์แบบเธอด้วยแววตาจริงจังเขาไม่อยากให้ลาน่ามีเวลาคิดเรื่องนี้มากเกินไปดังนั้นเขาจึงยืนขึ้น และแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “ในเมื่อเธอไม่เชื่อใจฉัน ก็ช่างเถอะ”เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ลาน่าก็รีบไปหยุดเจเรมี่ทันที “ที่รัก อย่าโกรธเลยนะคะ ทำไมฉันถึงจะไม่เชื่อใจคุณล่ะ” ลาน่าดึงแขนเสื้อง้อเจเรมี่ เธอดูกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้หันมาหาเธอและแสดงท่าทีเย็นชา หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจ“ที่รัก คุณกำลังเสียสละครั้งใหญ่เพื่อให้บริษัทข้ามชาติอย่างวิทแมน คอร์ปอเรชั่น เข้ามาช่วยแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันฟอกเงิน ฉันคงโง่น่าดูถ้าจะไม่เห็นด้วย!”ลาน่ายอมแพ้เจเรมี่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่พอใจเพื่อตบตาอีกฝ่าย “เธอไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจหรอกนะ มันเป็นแค่ข้อเสนอ เธอไม่จำเป็นต้องตกลงเพียงเพื่อเอาใจฉัน”"ฉันเปล่านะคะ! เจเรมี่ ฉันเต็มใจ!" ลาน่ายิ้มและพยายามทำให้เขาพอใจ เธอกังวลว่าเธอจะทำให้เจเรมี่ไม่พอใจ "งั้นเรามาทำตามที่คุณพูดกันเถอะ แต่บัญชีของสเตเจี่ยนจอห์นสันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างว
เมื่อเอวาได้ยินเสียงของเขาก็ราวกับว่าเธอถูกไฟช็อตอย่างแรงจนนิ่งงันก๊อกก๊อก ชายหนุ่มเคาะประตูอีกครั้ง “คุณอยู่หรือเปล่าเอวา?” เสียงของแดเนียลเข้ามาในหูของเธออย่างอ่อนโยนหัวใจของเอวาเจ็บแปลบขึ้นมาและรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้นผู้ชายที่เธอรักยืนอยู่นอกประตู แต่เธอ..."เอวา เมื่อคืน..." “แดน เมื่อคืนฉัน… ฉันดื่มมากเกินไป ยังคงเหนื่อยนิดหน่อยแล้วอยากจะนอนน่ะ” เอวาระงับอารมณ์ของเธอและขัดจังหวะแดเนียลทันทีพลางพยายามข่มใจให้ตัวเองสงบข้างนอกประตู แดเนียลใช้เวลานานกว่าจะตอบอีกครั้งโดยน้ำเสียงของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อย "งั้นพักผ่อนเยอะ ๆ นะ"“ขอบคุณนะ แดน” เอวาตอบพลางกอดร่างของตัวเองไว้แน่นขณะที่เธอจ้องมองที่ประตูอย่างว่างเปล่าหลังจากยืนอยู่ครู่หนึ่งเอวาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ประตู เธออยากจะดูแผ่นหลังของแดเนียลอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเจอเขาในวินาทีที่เปิดประตูออกไปเอวาตกตะลึงและไม่ขยับไปไหนเหมือนกับเป็นอัมพาตไปชั่วครู่ ขณะที่เธอจ้องมองชายหนุ่มที่ดูสับสนด้วยความประหลาดใจ“ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ?” แดเนียลมองเธอด้วยสายตาอบอุ่น "ขอเข้าไปได้ไหม""..." เอวาหลุบตาลงและไม่กล้ามองแดเนียลตรง ๆ ดังนั
หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงและโทรหาเมเดลีนทันที หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่าเมื่อคืนเมเดลีนขอให้แดเนียลเป็นคนพาเธอกลับบ้านแต่แทนที่เธอจะตื่นที่บ้าน เธอกลับตื่นขึ้นมาในโรงแรมแทนหญิงสาวจำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นไม่ได้เลย แต่สิ่งเดียวที่เธอจำได้คือตัวเองตื่นขึ้นมาข้างชายคนหนึ่ง เธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง'เป็นไปได้ไหมที่แดนจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น?'เขาจะเห็นผู้ชายคนนั้นกับฉันไหม...'เอวารู้สึกราวกับว่าหัวของเธอกำลังจะระเบิด แต่ทันใดนั้นกริ่งประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งเธอคิดว่าเป็นแดเนียลที่กลับมา แต่เมื่อเปิดประตูไปเธอก็พบคนที่ไม่ต้องการจะเจอ...เมื่อคืนนี้เมเดลีนไม่ได้นอนเลยแม้แต่น้อย เธอตื่นแต่เช้าตรู่ ป้อนนมลูก และเข้าครัวเตรียมอาหารให้ไรอันหลังจากไรอันออกไป เธอก็พาลูกชายไปยังคฤหาสน์วิทแมนลิเลียนยังพูดไม่ได้ แจ็คสันจึงอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวของเขาหลังจากที่เมเดลีนส่งลูกชายคนเล็กและแจ็คสันให้คาเลน เธอก็พาลิเลียนไปยังโรงพยาบาลแม้ว่าเธอจะไปโรงพยาบาลเด็กหลายแห่งและพบกับแพทย์เฉพาะทาง แต่แพทย์ทุกคนที่พบก็ได้แต่ส่ายหัวและบอกว่าพวกเขาไม่พบความผิดปกติอะไรเลยเมเดลีน
เจเรมี่และผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกันได้ยินเสียง ทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกันเมื่อเขาเห็นเมเดลีนนั่งยอง ๆ ที่บันได และกำลังอุ้มลิเลียนที่ร้องไห้อยู่ เจเรมี่ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะต้องการปลอบเด็กหญิงตัวเล็กที่ร้องไห้ แต่ก็ถูกชายคนนั้นรั้งเอาไว้เขาส่ายหัวให้เจเรมี่และส่งสายตาเป็นนัยให้ จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปทางประตูอีกด้าน"อย่าร้องไห้เลยนะ ลิเลียน เจ้าลูกโป่งไม่ดี! แม่ดุให้แล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องไห้นะจ๊ะ ไม่ร้องไห้" เมเดลีนกอดลูกสาวตัวน้อยอย่างเศร้าสร้อยแต่ลิเลียนก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด นอกจากการร้องไห้แล้วลิเลียนก็ไม่ได้ส่งเสียงอื่นใดอีกเจเรมี่มองเจ้าหญิงน้อยที่ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับสายฝน ภายในใจของเขาเจ็บปวดทรมานเมื่อได้เห็นเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเข้าไปหาสองแม่ลูกอย่างเย็นชา“คุณตามผมมาเหรอ เอวลีน?”เมเดลีนซึ่งกำลังปลอบใจลูกสาวอยู่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มนิ่ง“ลิเลียนตกใจกับลูกโป่งที่อยู่ดี ๆ ก็แตก แต่สิ่งแรกที่คุณถามคือ ฉันตามคุณมารึเปล่า แทนที่จะถามว่าลูกเป็นยังไงบ้างงั้นเหรอ?” เมเดลีนยืนขึ้นพลางอุ้มลิเลียนที
เธอต้องการเอามันไปทดสอบในแล็บทันทีที่เจเรมี่ออกจากร้านกาแฟ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลาน่าถามว่าเขาอยู่ที่ไหนเขาบอกว่ากำลังซื้อของขวัญให้เธอ ซึ่งแน่นอนว่าเธอเชื่อเขา20 นาทีต่อมา เจเรมี่ก็กลับมาที่บ้านพักของลาน่าพร้อมกล่องช็อคโกแลตที่เขาซื้อมาจากข้างถนนทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาก็ได้ยินน้ำเสียงถามด้วยความไม่พอใจของโยริค “ฉันบอกให้แกกลับไปที่เมืองเอฟ แล้วทำไมแกยังอยู่ที่นี่?”“โยริค จอห์นสัน ฉันเป็นน้องสาวพี่นะ พี่ทำกับฉันแบบนี้เพราะเอวลีนได้ยังไง?” ลาน่าแค่นหัวเราะอย่างไม่พอใจขณะที่นั่งบนโซฟา เธอจุดบุหรี่และสูบมันเข้าไปเฮือกใหญ่ราวกับเป็นนายหญิงแห่งแก๊งอันธพาลใหญ่ “ฉันก็แค่สงสัยว่าใครกันที่ห้ามไม่ให้พี่ทำร้ายเอวลีน?”ในตอนนี้โยริคไม่สนใจว่าลาน่ากำลังพูดกับเขาอย่างหยาบคายแค่ไหน แม้จะใช้ชื่อเต็มของเขาในการเรียกก็ตาม เขาเพียงแต่เตือนเธออย่างจริงจังว่า "เธอไม่รู้จะดีกว่า รู้ไปมันก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเธอหรอก""ประโยชน์? พี่กำลังพูดถึงอะไร? สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันคือการทำเงินนะ”"แล้วรู้ไหมว่าทำไมแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันถึงสามารถทำเงินได้มากมายและปลอดภัยแบบในช่วงไม่
เมื่อลาน่าได้ยินสิ่งที่เจเรมี่พูด รอยยิ้มของเธอก็หายไปทันที และมีเพียงร่องรอยของความสับสนในแววตา“เจเรมี่?”เจเรมี่เห็นการเปลี่ยนแปลงสีหน้าที่ลุกลี้ลุกลนของลาน่า จากนั้นริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้นด้วยความพึงพอใจเขาใช้เวลาอย่างใจเย็นพลางเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ เปิดไฟล์ และคัดลอกทุกอย่างจนครบลาน่าเดินไปมาอย่างไม่สบายใจ “คุณหมายความว่ายังไง เจเรมี่?”เจเรมี่ตอบโดยไม่หันมามอง "ฉันก็แค่อยากเห็นปฏิกิริยาของเธอก็เท่านั้น"“ปฏิกิริยาของฉัน?”ลาน่าไม่เข้าใจจึงยังคงรอฟังคำอธิบายต่อไปของเจเรมี่ “ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือของเธอแล้ว และเธอก็มอบสิ่งที่สำคัญที่สุดให้ฉันจัดการ ตอนนี้เราทั้งคู่คงจะไม่มีใครรอดถ้าไม่มีกันและกัน จริงไหม?”เมื่อลาน่าได้ยินคำตอบของเขา ความโศกเศร้าของเธอก็แทนที่ด้วยความสุขทันที รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ “เจเรมี่ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเล่นมุขตลกแบบนี้ คุณเกือบทำให้ฉันตกใจที่พูดแบบนั้นนะ”"งั้นเหรอ?"“ใช่น่ะสิคะ” ลาน่าพยักหน้าและพูดกระตุ้นอีกครั้ง "คุณต้องรักษาบัญชีให้ปลอดภัย นี่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสัน ถ้ามันรั่วไหลขึ้นมาแก๊งสเตเจี่ยนจ