Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-09 12:00:13

“ไม่ใช่เด็ก แต่เป็น....”

ทันใดนั้นอยู่ ๆ อู๊ดก็ตาเบิกกว้าง มองไปทางระเบียง

“มะ มะ ไม่มีอะไร ไม่พูดแล้ว เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนเรื่องเหอะ”

“อ้าวทำไมอะพี่ ก็เรื่องนี้มันทำให้คนขับรถตู้กังขาอยู่เนี่ย ว่าพี่เอาเด็กขึ้นไปด้วยหรือเปล่า”

“มะ ไม่มี ไม่มีเด็กที่ไหน พี่ไปคนเดียวจะมีเด็กได้ยังไง” อู๊ดโวยวายแล้วทำการเอียงตัวหลบ พยายามไม่มองไปทางระเบียง และพยายามหลบสายตามินเช่นกัน

“อะไรวะเนี่ย เออ เออ ไม่มีก็ไม่มีพี่ แล้วนี่รู้สึกปวดหัว ปวดตัวอะไรบ้างหรือเปล่า ให้ตามหมอมั้ย”

อู๊ดส่ายหัว แต่ก็ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก มินอยากจะถามเพิ่มแต่คุณหมอเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงไม่พูดอะไรต่อ

ไม่กี่อึดใจ พี่โต้งก็เปิดประตูเข้ามาเหมือนกัน

“น้องมิน พี่มาแล้ว เรากลับไปพักมั้ย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” พี่โต้งรีบพูดออกมาเพราะเกรงใจรุ่นน้องคนสนิทของลูกพี่ลูกน้องที่ต้องมาเฝ้า

มินเหลือบตาไปมองพี่อู๊ด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีอะไรปิดบังเธอบางอย่าง แต่ในเมื่อเขาไม่บอกก็เลยไม่อยากไปคาดคั้นอะไรตอนนี้

“ค่ะ งั้นมินกลับก่อนนะคะ ไปแล้วนะพี่อู๊ด เดี๋ยวพรุ่งนี้มินช่วยลางานให้”

อู๊ดมองหน้าน้องสาวคนสนิทก็อยากจะเอ่ยเตือน แต่ก็ไม่กล้า เพราะรู้ถึงสายตาอาฆาตคู่หนึ่งเฝ้ามองเขาอยู่จากทางระเบียงห้องพัก จึงทำได้เพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น

มินกลับถึงบ้านเกือบหกโมงเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินเลยคิดว่างั้นคืนนี้อาบน้ำนอนเร็วหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็หันไปเพื่อเดินขึ้นบันได แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นประตูห้องเก็บของเปิดออกอีกครั้ง

“เฮ้อ ลืมแวะซื้อกุญแจประตูอีกแล้ว เอ แต่ว่าอาทิตย์นี้มีวันหยุดนักขัตฤกษ์สองวันนี้นา งั้นช่วงนั้นค่อยเคลียร์บ้านแล้วกัน”

คิดได้ดังนั้น มินก็หันไปปิดประตูห้องเก็บของเข้าไปอีกครั้งพร้อมทั้งนำกล่องที่มีของใช้ส่วนตัวมาปิดหน้าห้องเพื่อไม่ให้ประตูเปิดออกมาได้อีก จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดไป

แต่ไม่รู้เลยว่า เมื่อหญิงสาวเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ประตูก็เริ่มส่งเสียงกึก ๆ เหมือนกับว่ามีบางอย่างจะอยากจะเปิดประตูออกไป แล้วสักพักสิ่งที่อยู่ข้างในก็ทำสำเร็จ มันสามารถเปิดประตูออกมาได้ทั้ง ๆ ที่มีกล่องขวางอยู่

คืนนี้มินตรานอนหลับเร็วกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึก แล้ววันนี้ก็เหนื่อยกับการเดินทางไปดูพี่อู๊ดก็ได้ ดังนั้นเธอจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาตี 3

ปัง ปัง ปัง ปัง

เสียงเคาะประตูดังลั่นอย่างน่าตกใจ

มินสะดุ้งตัวตื่นทันที หันซ้าย หันขวา มองหาที่มาของเสียงว่ามาจากไหน

ปัง ปัง ปัง ปัง

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มินรีบลงจากเตียงค่อยๆ ย่องไปที่ประตู แนบหูฟังเพื่อให้แน่ใจ

ปัง ปัง ปัง เสียงเคาะประตูกระแทกเข้าหูอย่างจัง มินตกใจถอยหลังเล็กน้อย หันไปคว้าไม้แขวนเสื้อจากราวตากผ้าใกล้ตัว กระชับจับแน่นด้วยมือสั่นเทา

“คะ คะ ใคร ขโมยเหรอ ออกไปเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นว่าประตูยังลงกลอนไว้อยู่ก็พอใจชื้น

หลังจากที่มินถามออกไป มีเสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และทุกสิ่งก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็มีเสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดังขึ้นมาตรงหน้าประตู

“ชะ ชะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยครับ ให้ผมเข้าไปหน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัว”

มินตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงนั่น เธออยู่คนเดียว แล้วเด็กคนนี้มาจากไหน ใช่ขโมยมั้ย หรือเป็นเรื่องผี

สะบัดหัวไล่ความคิดเหลวไหลออกจากตัวเอง ผีไม่มีในโลก

“เจ้าหนู ถ้าจะเข้ามาขโมย เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ พี่สาวจะไม่แจ้งตำรวจรีบกลับไปหาพ่อกับแม่เถอะ”

มินพยายามพูดเสียงดังเพื่อให้อีกฝ่ายที่เป็นเด็กตกใจ แล้วรีบหายไป แต่กลับได้ยินเสียงสะอื้นแทน

“ฮือ ฮือ ฮือ กลัว กลัวเหลือเกิน ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย”

เสียงร้องไห้ สะอึกสะอื้น ค่อยดังลอดประตูเข้ามา สร้างความหนาวสะท้านเกิดขึ้นกับตัวของมินอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจแต่ทำให้หญิงสาวอยากเปิดประตูออกไป ในขณะที่เสียงเด็กชายยังดังอยู่อย่างนั้น

“ฮือ ฮือ ฮือ กลัว กลัวเหลือเกิน ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย”

หญิงสาวพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เปิดประตูออกไป แม้เหมือนจะมีอำนาจบางอย่างมาบังคับให้มือข้างหนึ่งของเธอจับไปที่ลูกบิดประตู แต่อีกข้างหนึ่งกลับพยายามที่จะห้ามมัน

ทันใดนั้น อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ตึก แอ๊ด ตึก แอ๊ด ตึก แอ๊ด

เสียงคนเดิน ที่มีมากกว่าสองคนกำลังเดินขี้นบันไดมา สักพักก็ได้ยินเสียงที่ตื่นตระหนกของเด็กชายดังขึ้น พร้อมกับเสียงทุบประตูดังขึ้น

ปัง ปัง ปัง

“เปิด เปิด เปิดเถอะครับ ช่วยผมด้วย พวกเขากำลังมาเอาตัวผมแล้ว กำลังจะมาทำร้ายผมแล้ว”

มินได้ยินดังนั้น ถึงแม้จะกลัวและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีคนมากมายมาอยู่ในบ้านของเธอ

ปัง ปัง ปัง

“ได้โปรดเถอะ ให้ผมเข้าไปในห้องเถอะครับ” เสียงอ้อนวอนของเด็กน้อยนั่นเริ่มแผ่วเบา และดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

มินรู้สึกร้อนใจ ถึงแม้จะกลัวเพราะเสียงฝีเท้านั้นดังใกล้เข้ามามากแล้ว

มินรีบเปิดประตูออกไป ก็พบเด็กชายอายุประมาณ 7-8 ขวบยืนหันหลังให้กับเธออยู่พร้อมกับมองไปที่บันได

มินมองตามไปทางบันได ขณะที่พยายามเพ่งเล็งในความมืด กลับมองเห็นเพียงเงาคนสองคนค่อยๆ ขึ้นบันไดมา

ตึก ตึก ตึก

เสียงหัวใจของมินเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่รู้ว่าสองคนที่จะขึ้นเป็นใคร แต่ตอนนี้เธอกลัวมาก ถ้าหากเป็นคนร้ายละ แล้วเด็กตรงหน้าคือใคร

“ทะ ทะ ทำยังไงดี เราควรทำยังไงดี” เสียงหญิงสาวสั่นเทา

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้น เด็กชายหันหน้ามา มินเพิ่งได้เห็นหน้าของเด็กชายตรงหน้าเป็นครั้งแรก เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักมาก ตาโต ปากนิด จมูกโด่ง หน้าคม โตขึ้นต้องหล่ออย่างแน่นอน แต่ในตาของเด็กกลับมีความเศร้าฉายออกมาอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เด็กน้อยดูน่าสงสาร และน่าทะนุถนอมมาก มินรู้สึกว่าเธออยากปกป้องเด็กคนนี้เหลือเกิน

ก่อนที่มินจะได้คิดที่จะทำอะไร ทันใดนั้น เงาสองคนที่อยู่ตรงบันไดก็พุ่งเข้ามาทำการลากเด็กผู้ชายคนนั้นลงไปในทันที เด็กผู้ชายตรงหน้าพยายามเอื้อมมือมาหามินที่ยืนช็อกอยู่ตรงหน้าประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย” เสียงเด็กชายดังขึ้นเข้าโสตประสาททำให้มินตื่นออกมาจากอาการช็อกตรงหน้ารีบยื่นมือออกไป แต่ก็ไม่ทัน เด็กชายโดนดึงลงไปข้างล่างทันที หญิงสาวเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกใจอย่างมาก

“ไม่นะ ม่ายยยยย”

ทันใดนั้น มินก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เหงื่อแตกพลั่ก หันซ้ายหันขวา พยายามมองว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่

เมื่อเห็นว่าตัวเองนั่งอยู่ที่เตียงก็รู้สึกโล่งใจขึ้น

“ฝะ ฝันไปเหรอ ทำไมฝันน่ากลัวจัง แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า”

มินบ่นพึมพำในใจ พร้อมกับหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงบ่งบอกเวลาตีสามสิบสามนาที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้ชายลอยมา พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำของคนผู้หญิง และผู้ชายหลายคน แต่เสียงนั้นแผ่วเบามาก จนฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อเงี่ยหูฟังแล้วกลับเหมือนกับเสียงลมพัดผ่านเท่านั้น

หลังจากนั้นกว่ามินจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นเช้าต่อมามินจึงตื่นสายกว่าปกติ ดังนั้นจึงรีบแต่งตัวแล้วรีบลงมาข้างล่างเพื่อเดินทางไปทำงาน แต่เมื่อลงมาข้างล่างก็ต้องตกใจเมื่อเห็นประตูห้องเก็บของเปิดออก

“เฮ้ย เปิดออกอีกแล้วเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 3

    “ฉันเลือก....”คำพูดของภูมิขาดหายไปเมื่อเขาตระหนักว่าการเลือกไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ ถ้าหากเขาเลือกเป็นตัวตายตัวแทนของซัน คนอื่นก็อาจจะรอดไปได้ แต่เขาเองจะติดอยู่ในวงจรอาถรรพ์นี้ต่อไป และหากเขาเลือกจะเป็นเพื่อนซัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคำสาปนี้จะจบลงมีทางเลือกอื่นไหม? ทางที่จะทำลายคำสาปนี้ให้หมดสิ้นไปซันหายไปแล้วราวกับว่าต้องการให้ภูมิได้มีเวลาคิดถึงทางเลือกของตัวเองภูมินิ่งคิดสักพักใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องนอนเพื่อค้นเอกสารเก่าที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ หากคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง มันต้องมีร่องรอยหรือวิธีแก้ไขอยู่ในบันทึกเหล่านั้นพลิกกระดาษเก่า ๆ ไปทีละหน้า เขาสะดุดตากับข้อความหนึ่งในรายงานของตำรวจที่ระบุถึง “วัตถุปริศนา” ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของของบ้าน เป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายที่ดูคล้ายกับซันอย่างไม่น่าเชื่อ และมีข่าวลือว่ามันเคยถูกทำลาย แต่กลับฟื้นคืนมาในสภาพเดิมอย่างไม่มีร่องรอยความเสียหาย‘หลวงพี่โต้งเคยพูดถึงรูปปั้นนี้... มีคนเคยทำลายมัน แต่เพราะทำลายผิดวิธี มันจึงกลับมาได้’ห

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 2

    ภูมิถอนหายใจยาวหลังจากวางสายกับแฟนของประภาพิมพ์ ดูเหมือนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเลขที่ 13 จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ายังมีบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้แต่คำถามสำคัญคือ... ทำไม?คืนนั้น เขากลับมาที่บ้านเลขที่ 13 อีกครั้งด้วยความรู้สึกกดดันแปลก ๆ คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างที่ยังคงคลุมเครืออยู่ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำ เขาสังเกตเห็นป้าอุษาแอบมองจากหน้าต่างร้านของตัวเอง แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเขาใช้กุญแจไขประตูเข้าไปข้างใน บรรยากาศในบ้านเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของตัวเขาเองที่สะท้อนในความว่างเปล่าเขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คราวนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องสุดท้ายของบ้านภายในห้องนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ วอลเปเปอร์บนกำแพงเริ่มลอกออก โต๊ะเขียนหนังสือเก่าถูกตั้งไว้ริมหน้าต่าง มีรูปถ่ายที่ซีดจางวางอยู่บนโต๊ะมือของภูมิเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปของครอบครัวหนึ่ง—พ่อ แม่ และเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายในรูป... หน้าตาเหมือนเ

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 1

    เสียงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมครูดกับพื้นซีเมนต์ดังลั่นเมื่อภูมิเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านเลขที่ 13 บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนผิดปกติ มีเพียงเสียงลมพัดไหวผ่านต้นไม้แห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วเท่านั้นเขาหยิบกุญแจที่ป้าอุษาให้มา แล้วไขประตูเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีเพียงแสงจากดวงไฟถนนด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีม่านขาดรุ่งริ่ง ภูมิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม“เริ่มงานเลยดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตกับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า เขาวางข้าวของไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกแล้วเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ บ้านภูมิได้รับหน้าที่ทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับบ้านร้างที่มีอาถรรพ์มากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านหลังนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบด้วย ภูมิจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือฝุ่นที่เกาะหนาเตอะตามเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เป็นไปได้ว่าบ้านหลังนี้อาจไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่ที่แปลกคือไม่มีร่องรอยของสัตว์รบกวน เช่นหนูหรือแมลงสาบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีบางอย่างทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาภูมิก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ปร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 22 (ตอนจบ)

    มินยืนตัวแข็งทื่อ ร่างของเธอราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น ความกลัวพุ่งเข้าจู่โจมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาของเด็กชายที่ชื่อซันนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างกาย"พี่มิน... จะทำยังไงหรือฮะ?" เสียงเย็นเยียบของเด็กชายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาดที่เริ่มฉีกกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ควรจะทำได้มินพยายามถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับตามที่ต้องการ หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซัน... เธอเป็นใครกันแน่!" มินตะโกนออกไปสุดเสียง ความหวังที่ว่าเด็กชายตรงหน้าจะตอบคำถามเธอด้วยความเมตตานั้นไม่มีอยู่จริงซันหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในห้องเก็บของแคบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้"พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฮะ... แค่รู้ไว้ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่... อยู่กับผม... ตลอดไป!"ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง แรงมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าโถมใส่มิน ร่างของเธอลอยหวือกระแทกกับผนังด้านหลังจนรู้สึกได้ถึงแรงกระแท

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 21

    มินจ้องมองที่กำแพงด้วยความหวาดกลัว ชื่อของเธอกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัวอักษร เหมือนมีมือล่องหนกำลังเขียนมันลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกวินาที ความกลัวที่เคยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของเธอ ตอนนี้ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง“ไม่... นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง...” มินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธได้เธอรีบคว้าจดหมายฉบับอื่นๆ ในกล่องขึ้นมาอ่าน ทุกฉบับล้วนแต่เป็นจดหมายที่เขียนโดยผู้เช่าบ้านคนก่อนๆ ที่ต่างก็พยายามยกเลิกสัญญาเช่า แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ จดหมายแต่ละฉบับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง บางฉบับถึงกับเขียนถึงการพบเจอสิ่งลึกลับในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกับที่เธอกำลังประสบอยู่มินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในความลึกลับที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เธอต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ซัน... ซันช่วยพี่หน่อย...” มินร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบ

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 20

    “หา เด็กผู้ชาย ใช่ ซันหรือเปล่า” มินพึมพำกับตัวเอง รีบเปิดวันต่อไปเพื่ออ่านต่อเมื่อคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ หญิงสาวก็เริ่มมีความหวาดหวั่น เหมือนทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอเดินตามรอยของหญิงสาวคนนี้ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเผชิญกับความลึกลับที่เธอกำลังประสบอยู่ เธอพลิกหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อ“วันที่ 11 วันนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในบ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนกลางคืน ทั้งที่ฉันอยู่คนเดียว เสียงนั่นเหมือนกับเด็กวิ่งไปมาบนพื้นไม้ แต่เมื่อฉันเปิดไฟดู ก็ไม่มีอะไร ฉันพยายามบอกตัวเองว่ามันอาจเป็นแค่เสียงบ้านเก่าแต่ใจฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วันที่ 12 ฉันเห็นเขาแล้ว... เด็กชายคนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมห้อง มองมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฉันพยายามตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็หายไปในความมืด ฉันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจวันที่ 13 ฉันพบรอยขีดเขียนบนกำแพงห้องเก็บของ มันเป็นรายชื่อของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านนี้ พร้อมกับวันที่เสียชีวิต ฉันเห็นชื่อของตัวเองถูกเขียน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status