LOGINบทที่ 5 คนเดิม
ฮึ่ม! ชายหนุ่มถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินเด็กสาววัยละอ่อนพูดออกมาตรงๆ แบบนั้น แต่เมื่อเห็นอาการของเธอก็เข้าใจ จึงก้มตัวลงให้ต่ำกว่าเธอแล้วมองไปยังจุดที่เธอบอกพร้อมกับส่องไฟฉาย
“แค่แมงพลัดน่ะคุณ ไม่มีพิษหรอก ไม่ต้องกลัว”
“เอามันออกไปที ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธอขอร้องทั้งน้ำตาเมื่อเขาไม่ยอมทำอะไรกับมันสักที
คำขอของเธอทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมันเลือกที่เกาะได้เหมาะเจาะแบบนั้น แล้วเสื้อของเธอก็เป็นแบบพอดีตัว ถ้าเขาจับไป.. สุดท้ายเขาจึงใช้ไฟฉายเขี่ยมันให้หนี แต่เพราะขามันเหนียวหรือเพราะมันชีกอก็ไม่รู้ มันจึงไม่ยอมบินหนีไปจากตรงนั้นเลย
“จับมันสิคะ อย่าเขี่ยแบบนั้นเดี๋ยวมันบินใส่ชาร์ม ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธองอตัวลงต่ำยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาสะกิดมันแบบนั้น
ความกลัวของเธอทำให้วิโมกข์ตัดสินใจจับแมลงตัวนั้นด้วยมือของเขา พยายามไม่ให้สัมผัสโดนเธอแต่มันก็ยังมีบ้างแผ่ว ๆ เพราะเธออยู่ไม่นิ่งเลย
“ผมจับมาแล้ว” เขาบอกกับคนที่ยังหลับหูหลับตาร้องไห้
ชาร์มมิ่งค่อย ๆ หยุดร้องแล้วมองไปที่มือของเขา เมื่อเห็นแมลงตัวนั้นถูกจับออกไปแล้วจริง ๆ จึงยืดตัวเต็มความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตร
“ขะ..ขะ..ขอบคุณค่ะ” เสียงของเธอยังมีแววสะอื้นเจืออยู่ “จะไปไหนเหรอคะ”
“ผมจะเอามันไปปล่อย” เพราะเห็นว่าเธอกลัวจึงคิดจะเดินไปปล่อยที่ต้นไม้แทนการโยนออกไป
“อย่าเพิ่งปล่อยนะคะ ให้ชาร์มหาที่ซ่อนตัวได้ก่อนแล้วค่อยปล่อย ชาร์มกลัวมันจะบินกลับมาอีก” เธอขอร้องเขาแล้วรีบวิ่งหาที่ซ่อนที่ห่างออกไปอีกด้านหนึ่ง
วิโมกข์ยิ้มขันกับท่าทางเก้งก้างของเด็กสาว แล้วโยนแมลงทิ้งไปทั้งที่เธอยังหาที่ซ่อนไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องขบฟันกลั้นเสียงหัวเราะสุดกำลัง เมื่อเห็นแมลงตัวนั้นบินไปทางทิศที่เธออยู่
“กรี๊ดดดด...” ชาร์มมิ่ง แอนนาเบล เครน กระโดดเหยงๆ เกร็งนิ้วมือนิ้วเท้าด้วยความขยะแขยงเจ้าตัวที่มาเกาะอยู่บนศีรษะ
วิโมกข์ทั้งขำทั้งสงสาร รีบวิ่งไปเอาแมงพลัดออกจากหัวเธอ ก่อนที่เธอจะช็อกหมดสติไปเสียก่อน
เช้าวันใหม่
ปราณีคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไร้หนวดเครากวนตา ทรงผมที่เคยยุ่งเหยิงถูกแต่งทรงสวย เสื้อผ้า หน้า ผม สรุปแล้วทุกอย่างดูดีไร้ที่ติ กลับมาเป็นวิโมกข์คนเดิม
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่โมก วันนี้พี่โมกหล่อมากค่ะ” วิเวียนทักทายพี่ชายด้วยน้ำเสียงแจ่มใสกว่าทุกวัน พึงพอใจกับรูปลักษณ์ของเขาจนต้องเอ่ยปากชม
“ไอ้หยา! คุณหนูของหวังจริง ๆ หรือคะเนี่ย” เจ๊หวังวางโถข้าว จับชายหนุ่มหมุนซ้ายหมุนขวา แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะด้วยความดีใจ “คุณหนูของหวังจริง ๆ ด้วย คุณหนูคนเดิมของหวังกลับมาแล้ว”
“ผมขอโทษนะครับป้าหวัง ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้ป้าหวังเสียใจอีกแล้ว”
“รับปากหวังแล้วก็ทำให้ได้นะคะ รู้ไหมว่านอกจากหวังแล้วยังมีคุณแม่และน้องสาวของคุณหนูอีกนะคะที่เสียใจ”
“ผมคิดได้แล้วครับป้าหวัง ผมขอโทษนะครับคุณแม่ พี่ขอโทษนะวิเวียนที่ทำให้ต้องเป็นห่วง”
“มากินข้าวเถอะลูก เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซะหมด” ปราณีเรียกลูกชายให้มานั่งโดยไม่พูดอะไร นอกจากมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา
“ครับคุณแม่” วิโมกข์นั่งลงแล้วมองหาใครบางคนที่หายไป “ลูกศิษย์ของแม่ไม่ลงมาทานข้าวเหรอครับ”
“เธอปวดหัวนิดหน่อยจ้ะลูก เมื่อคืนคงโดนน้ำค้างเยอะไปหน่อย”
“กระหม่อมบางแบบนี้ไม่ต้องพาไปหาหมอเหรอครับคุณแม่”
“วิเวียนเพิ่งให้ชาร์มมิ่งเขาทานยาไปค่ะพี่โมก เดี๋ยวก็คงดีขึ้น ปกติชาร์มมิ่งเขาไม่ใช่คนอ่อนแอนะคะ ถึงเขาจะเป็นลูกคุณหนูทุกกระเบียดนิ้วก็เถอะ” นี่คือครั้งแรกในรอบสิบวันตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ ที่พี่ชายของเธอถามถึงแขกผู้มาเยือน
“เธอเป็นลูกคุณหนูจริงๆ นั่นแหละ แค่แมลงตัวเล็กๆ ก็ร้องซะลั่นป่า” บางทีเธออาจจะป่วยเพราะกลัวแมลงพวกนั้นก็ได้ เมื่อคืนเขาก็มัวแต่ตกใจกับอาการของเธอจนลืมเรื่องที่โดนเธอตำหนิไปสนิท คิดๆ แล้วก็น่าโมโหอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็พูดถูกของเธอจนเขาไม่มีหน้าจะไปโต้เถียง
“แต่พี่โมกก็เป็นฮีโร่ช่วยเธอจากแมลงตัวนั้นนี่คะ พี่สร้างความประทับใจให้เธออีกแล้วนะ”
“อีกแล้วเหรอ..” วิโมกข์ข้องใจกับคำว่าอีกแล้ว “หมายความว่าไง”
“พี่จำได้ไหมคะ ตอนที่พี่ไปเรียนอยู่ที่อเมริกา แล้วพี่เคยช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากสุนัขที่กำลังจะกัดเธอแถว ๆ บ้านเรา พี่อุ้มเธอแล้วก็เตะสุนัขจนวิ่งหนีหางจุกตูดไปเลย” วิเวียนเท้าความ ฟื้นฟูความทรงจำของพี่ชาย
“อย่าบอกนะว่าเด็กคนนั้นคือเธอ” วิโมกข์จำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดี เพราะก่อนจากกันเธอยังกอดเขาไว้แน่นพร้อมกับจุ๊บที่แก้มของเขาทั้งซ้ายและขวา แต่เรื่องนี้เธอคงไม่ได้เล่าให้ใครฟัง หึๆๆ ยายเด็กแก่แดดนั่นเองเหรอ
“ค่ะ พอพี่ช่วยเธอเสร็จพี่ก็ไปเรียน ส่วนเธอก็แวะมาหาวิเวียนที่บ้าน เธอเห็นรูปพี่เธอก็เลยเล่าให้เราฟัง แล้วยังบอกว่าพี่เป็นรักแรกของเธอ เธออยากแต่งงานกับพี่”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ววิเวียน ตอนนั้นชาร์มมิ่งเขายังเด็ก เขาก็คิดแบบเด็กๆ แหละลูก อย่าไปถือสาคำพูดเธอเลยนะลูก”
“ผมรู้ครับแม่” วิโมกข์ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม นึกถึงเด็กสาวสูงโย่ง หน้าตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเมื่อคืนนี้ “ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเด็กคนนั้นจะสูงได้ขนาดนี้”
“แม่ก็ไม่คิดเหมือนกัน เมื่อก่อนเธอตัวเล็กกว่าน้องสาวลูกอีก แต่พอขึ้นเกรดหกเท่านั้นตัวเธอก็พุ่งแซงน้องเราไปเลย แม่ว่าเธอน่าจะสูงกว่านี้อีกนะลูกเพราะตอนนี้เธอเพิ่งอายุสิบเจ็ด” ปราณีเล่าถึงลูกศิษย์คนโปรดด้วยความรักและเอ็นดู “พรุ่งนี้พอมีใครว่างบ้างไหมลูก”
“ทำไมเหรอครับคุณแม่”
“แม่อยากให้ขับรถไปส่งที่สนามบินหน่อยจ้ะ”
“คุณแม่จะกลับแล้วเหรอครับ” วิโมกข์ตกใจที่ได้ยินดังนั้น พอเขาเริ่มคิดได้ท่านก็จะกลับทันทีเลยเหรอ
“เปล่าหรอกลูก แม่จะอยู่ต่ออีกสองอาทิตย์ แต่แม่จะส่งชาร์มมิ่งเขาขึ้นเครื่องไปกรุงเทพจ้ะ เธอจะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายของเธอ” ปราณีอธิบายให้ลูกเข้าใจ
“อ๋อ คุณแม่จะไปกี่โมงครับ ผมจะขับรถให้เอง”
“แม่โทรเช็คเที่ยวบินแล้วจะบอกอีกทีนะ”
“ครับคุณแม่” ...
“ผมว่าท่านกลับไปที่ห้องพักก่อนดีกว่านะครับ ขอเราทำใจกับเรื่องนี้กันก่อน ขอบคุณครับ” วิโมกข์ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จับสตรีสูงวัยดันออกไปจากห้อง “ช่วยพาท่านกลับไปก่อนนะครับ” บอกกับคนติดตามของท่านที่รออยู่หน้าห้อง แล้วปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่ใยดีก๊อก ๆ ๆ“ชาร์มมิ่งย่าขอโทษ ย่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หลานเจ็บแบบนั้นเลย ย่าแค่โมโหจนลืมตัวเท่านั้น ยกโทษให้ย่าด้วยนะหลานรัก” เจ็สสิก้าเคาะประตูและยืนพูดอยู่ที่หน้าห้องด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไร้การตอบรับจากคนข้างใน จึงได้แต่เดินคอตกกลับไปที่ห้องพักของตนเอง...วิโมกข์ได้แต่นั่งเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ ๆ คนรักที่เอาแต่กอดเข่าร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไงดี เพราะคนที่ทำร้ายเธอเป็นย่าของเธอเองเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา ชาร์มมิ่งก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ดวงตาแดงระเรื่อและบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก“ชาร์มจะกลับอเมริกาค่ะ พี่โมกไปส่งชาร์มที่สนามบินหน่อยนะคะ” เธอพูดเจือเสียงสะอื้น“ได้สิ แต่ชาร์มจะกลับตอนนี้เลยเหรอ” เขาใช้มือเช็ดน้ำตาที่ป
“จริงเหรอ” เขาแกล้งทำเป็นตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากปากของน้องสาวบ้างแล้ว “เล่าเรื่องครั้งแรกที่เราได้เจอกันให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงอยากแต่งงานกับพี่” เขาหอมที่แก้มนวลเมื่อถามจบ และหวังว่าการชวนเธอคุยเรื่องนี้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องราวครั้งเก่าเมื่อสิบสองปีที่แล้วให้เขาฟังอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยเหลือเธอจากสุนัขที่หลุดออกมาจากบ้านใครสักหลังตัวนั้น จนถึงตอนที่เธอรู้ว่าเขาคือพี่ชายของวิเวียน“ตั้งแต่นั้นชาร์มจึงพยายามใกล้ชิดกับป้าปราณีและวิเวียนมากเป็นพิเศษ เพราะอยากรู้เรื่องราวของพี่โมกผ่านทางพวกเขาค่ะ และก็ตั้งใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้เจอกับพี่โมก และสร้างความประทับใจให้พี่โมกได้บ้าง”เขาจูบเธอเมื่อได้ยินฟังเรื่องราวจากปากของเธอจบ “แล้วเสียใจไหมที่รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”“เสียใจสิคะ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นรักข้างเดียว ชาร์มก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้รับรักตอบจากพี่โมก” เธอผงกศีรษะขึ้น
ชาร์มมิ่งหลับตาข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจอย่างที่สุด ในอดีตท่านก็เคยกีดกันความรักของพ่อแม่เธอ ทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่ออยู่หลายปี แต่เพราะพ่อรักแม่มากจึงไม่ยอมแต่งงาน ใหม่กับผู้หญิงที่คุณย่าเลือกให้ จนในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจความรักของพ่อ ทำให้ท่านได้เจอเธอกับแม่อีกครั้ง และได้กลับมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้เรื่องพวกนี้พ่อเธอเป็นคนเล่าให้ฟังเองจากปาก เธอจึงเชื่อสนิทใจ และตอนนี้ท่านก็กำลังทำแบบเดียวกับที่เคยทำในอดีตอีกใช่ไหม“แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณย่าต้องการ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปพักผ่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะพี่โมก”วิโมกข์พยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะไปเขาก็กวักมือเรียกพนักงานเพื่อให้คิดค่าอาหาร เพราะไม่อยากถูกย่าของเธอดูถูกตามหลังว่าไม่มีปัญญาจ่าย“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองดีกว่านะ” เจ็สสิก้าพูดเพียงสั้น ๆ ใช้สายตามองอาหารบนโต๊ะ และสิ้นสุดที่ขวดไวน์ยี่ห้อดัง“ให้ผมได้เลี้ยงท่านสักมื้อนะครับ ในเมื่อผมเป็นคนเลือกร้านอาหารร้านนี้เอง และไวน์ขวดนั้นผมก็เป็นคนสั่งเองด้วย ความจริงผมสั่งไวน์ที่ท่านชอบดื่มให้แล้วนะครับ แต่บังเอิญว่า
“พี่รักเราพี่ต้องทนเก็บความรู้สึกไว้ด้วยเหรอ พี่จะไม่เก็บอีกต่อไปแล้ว และก็อย่าหวังว่าไอ้ฝรั่งหน้าไหนจะมาแย่งเราไปจากพี่ได้ ไม่ว่ามันจะมีใครหนุนหลังอยู่ก็ตาม” เขามองไปที่โรเจอร์กับย่าของเธอ และกลับมามองเธออีกครั้ง “แล้วเราก็อย่าคิดนอกใจพี่ด้วย ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่”“ชาร์มไม่กล้าหรอกค่ะ” สาวน้อยตอบออกไปด้วยความสัตย์ซื่อ ก็เธอรักเขามากจนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดได้ยังไง เรื่องคิดนอกใจจึงไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยสักนิด “ทุกวันนี้ชาร์มคิดแต่เรื่องที่จะเข้าไปอยู่ในใจพี่โมกมากกว่า”วิเวียนสะกิดคนรักพร้อมกับแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะขัดเขินต่อคำพูดของเพื่อนรักกับพี่ชาย แบบนี้ความหวังของเธอก็คงจะเป็นจริงสินะ แต่มันคงไม่ง่ายนัก เพราะมีตอชิ้นใหญ่อย่างคุณย่าอีกทั้งคน“คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต” บารมีกระซิบบอกแฟนสาว แอบซึ้งใจแทนเพื่อนรักที่มีคนรักเขาด้วยความจริงใจ“พูดอะไรกัน พูดให้ย่าเข้าใจด้วยสิ” เจ็สสิก้าต่อว่าหลานสาว แต่สายตาขุ่นเคืองนั้นกลับส่งไปให้วิโมกข์“เราก็แค่บอกรักกันเท
“สวัสดีครับคุณวิเวียน คุณบารมี” โรเจอร์ทักทายคู่รักทั้งสองอย่างเป็นมิตร แต่กับวิโมกข์เขาจำใจต้องทักเพื่อมารยาท เพราะรู้สึกได้ว่าฝ่ายนั้นก็มีใจให้ชาร์มมิ่งเหมือนกัน “สวัสดีครับ”วิโมกข์สบสายตากับอีกฝ่ายที่ทำเหมือนไม่อยากทักทายตน จึงพยักหน้าตอบรับลวก ๆ ให้ฝ่ายนั้นได้รู้ว่าเขาก็ไม่อยากทักทายมันเหมือนกันการกระทำของชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้ผ่านสายตาของเจ็สสิก้าไปง่าย ๆ นางรู้สึกได้ทันทีว่าสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน หรือว่า.. นางเหลือบไปที่หลานสาวโดยอัตโนมัติ.. ผู้ชายที่เธอพาเข้าห้องเมื่อคืนนี้..“คุณสองคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“เรามาหลายวันแล้วครับ”“แล้วจะกลับกันเมื่อไหร่ล่ะ”“พรุ่งนี้ครับ”“แล้วพักอยู่ที่ไหนกันล่ะ”“พวกเราพักอยู่ที่นี่แหละครับ”“เธอด้วยเหรอวิเวียน”“ค่ะ”“ทำไมเธอต้องพักที่โรงแรมด้วยล่ะ เธอทำงานที่นี่เธอก็น่าจะมีคอนโดหรือบ้านพักส่วนตัวสิ พักในโรงแรมแบบนี้มันแพงไปนะ”คำ
เห็นเธอดูหงอย ๆ ก็รู้เลยว่าต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง จึงรู้สึกเป็นห่วงอย่างลึกซึ้ง“ชาร์ม.. มีเรื่องอะไรก็ระบายให้พี่ฟังได้นะ”เธอมองหน้าคนรักและคลี่ยิ้มกว้าง จะให้เธอเล่าให้เขาฟังได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเขาเอง“ชาร์มเครียดเรื่องเขาคนนี้แหละค่ะ” นิ้วเรียวจิ้มที่อกแกร่ง ก่อนจะโน้มหน้าไปแนบซบ“พี่ก็บอกรักไปแล้วนี่ ทำไมยังเครียดอยู่อีก” หรือเธอคิดว่าตอนนั้นมันไม่โรแมนติก จึงอยากให้เขาพูดใหม่อีกครั้ง “พี่รักเรานะ รักมากจึงหึงและหวงมาก เป็นห่วงด้วย” ได้ยินแบบนี้เธอคงหายเครียด และกลับมาร่าเริงเป็นสาวน้อยคนเดิมของเขาสักที “พี่จริงจังกับเรามากนะ”“ขอบคุณค่ะ ชาร์มปลื้มมากเลยที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของพี่โมกในเวลาแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นก็กลับมาร่าเริงได้แล้ว พี่ไม่ชอบอาการของเราตอนนี้เลย”“ค่ะ” เธอตอบรับด้วยสีหน้าชื่นบานแต่วิโมกข์ก็ยังดูออกว่าเธอเศร้า เพราะแววตาของเธอไม่สดใสตามสีหน้าสักนิด แต่ในเมื่อเธอไม่บอกว่าเพราะอะไรเขาก็จะไม่เซ้







