บทที่ 6 ทำเพื่อลูก
หลายปีผ่านไป
หลังจากผิดหวังจากความรัก วิโมกข์ก็ทุ่มเทกับการบริหารสวนยางและฟาร์มหอยเป๋าฮื้อของเขาเต็มที่ ภายในระยะเวลาไม่ถึงห้าปี เขาก็สามารถใช้หนี้เงินกู้ธนาคารหลายร้อยล้านได้หมด กลายเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ได้รับการยกย่องจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดความร่ำรวยของตัวเองไว้แค่นั้น ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องออกสู่ตลาดโลก
“ฉันคิดว่าชาตินี้แกจะอยู่แต่ในสวนในไร่ซะอีก” บารมีประชดใส่เพื่อนรักที่มาเยี่ยมถึงหาดใหญ่ สี่ปีที่ผ่านมาเพื่อนของเขาคนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากชายหนุ่มที่ร่าเริง ขี้เล่น พูดจาดี กลายเป็นคนเคร่งขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พูดจาขวานฝ่าซาก กลายเป็นคนหยิ่งๆ ดิบๆ เถื่อนๆ ไปเลย กอปรกับรูปร่างเหมือนนายแบบ และหน้าตาคมเข้มแบบคนใต้แต่ได้ความขาวแบบคนจีน จึงทำให้รูปลักษณ์เขาดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เพียงแต่.. “ถ้านายยิ้มง่ายกว่านี้อีกสักนิด สาวๆ ทั้งสงขลาคงเสร็จนาย”
“หน้าตาไม่มีประโยชน์เท่ากับเงินหรอกไอ้ทศ” วิโมกข์ยิ้มเยาะ หยิบขวดเบียร์กรอกใส่ปาก “ต่อให้มึงขี้เหร่จนหมาเมิน แต่ถ้ามึงมีเงินนางงามยังยอมเป็นเมียน้อยมึงเลย”
“มึงอคติกับชีวิตไปหรือเปล่าไอ้โมก”
“กูไม่ได้อคติกับชีวิต แต่กูอคติกับผู้หญิงหน้าเงินต่างหาก มึงดูสิ ในร้านนี้ไม่มีใครรู้จักกู กูก็เหมือนคนไร้ค่า แต่พอไปเดินอยู่ในงานเลี้ยงที่มีคนรู้จักกูสิ แม่งแทบจะแดกกูด้วยสายตา โดยเฉพาะพวกผู้หญิง”
“มึงเกลียดผู้หญิงเหรอ”
“เปล่า กูชอบผู้หญิงมาก และกูก็ยังอยากจะมีความรัก แต่กูยังหาไม่เจอต่างหาก”
“เพราะมึงเลือกมากไปหรือเปล่า”
“ก็นะ จะให้กูรักใครแบบโง่ๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรอกไอ้ทศ เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว แล้วมึงล่ะไอ้ทศ ว่าแต่กู มึงก็ยังเป็นโสดอยู่ไม่ใช่เหรอ” วิโมกข์ย้อนถามบ้าง
“ที่กูโสดเพราะกูยังไม่อยากแต่งงานต่างหาก แต่กูก็ใช้ผู้หญิงเปลืองนะโว้ย”
“เจ้าชู้อย่างมึงไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นน้องเขยกูหรอก”
“กูไม่เคยหวังอยู่แล้ว” บารมียักคิ้วใส่เพื่อนรักพร้อมกับยิ้มยียวน เมื่อได้ยินเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะยังไม่เคยได้เจอะเจอกับน้องสาวของเขาเลย “ทำไมหลุยส์ถึงมาช้าจังวะโมกข์”
“นั่นสิ เลยเวลานัดมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ นั่นไงมัน เฮ้หลุยส์ เซียะ”
“กำลังพูดถึงฉันอยู่เหรอ ขอโทษที่มาช้านะ มีปัญหานิดหน่อยน่ะ” หลุยส์ทักทายเพื่อนรักทั้งสองแล้วนั่งลง
“สบายดีไหมหลุยส์ ลูกชายนายเป็นอย่างไรบ้าง” บารมีถามไถ่ทุกข์สุขของอีกฝ่าย
“อีริคเขากำลังน่ารักมาก แต่จะดีกว่านี้ถ้า.. ถ้าแม่เขาเอาใจใส่มากขึ้น”
วิโมกข์สบตากับบารมีโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นคนคออ่อนอย่างหลุยส์กระดกเหล้าเพียวๆ ทั้งแก้วเมื่อพูดถึงภรรยา
“นายกำลังมีปัญหากับเมียเหรอ” วิโมกข์ตัดใจถามออกไป ทั้งที่ไม่อยากพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก
หลุยส์พยักหน้ารับแล้วกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง “ครอบครัวฉันบอกให้ฉันเลิกกับเธอซะ”
“ท่านบอกเหตุผลนายหรือเปล่าว่าทำไม”
“เพราะเธอติดการพนันอย่างหนัก นายก็รู้ว่าประเทศฉันไม่ถือเรื่องแบบนี้ แต่ถึงขนาดคนในครอบครัวฉันพูดแบบนี้ นายก็คิดเอาเองละกันว่าเธอติดหนักขนาดไหน”
“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”
“ฉันรักเธอ แต่เธอก็เป็นอย่างที่ครอบครัวฉันว่าจริงๆ ความจริงแล้วครอบครัวฉันไม่ชอบเมียฉันเลยตั้งแต่แรก ตอนที่เราแต่งงานกันพวกท่านก็ไม่เต็มใจ งานแต่งงานของเราถึงได้จัดกันเงียบๆ อย่างที่พวกนายเห็น แรกๆ ที่อยู่ด้วยกันเธอเป็นเมียที่ดีมาก จนพ่อแม่ฉันเริ่มใจอ่อนและยอมรับเธอ แต่พอคลอดลูกได้ไม่ถึงปีเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอเริ่มเข้าบ่อนและเริ่มใช้เงินเกินตัว หนักเข้าก็เริ่มเอาเครื่องประดับที่ฉันซื้อให้ไปขายจนหมด แต่หลังๆ มานี้เธอเล่นถึงขนาดไม่ยอมกลับบ้านไปดูแลลูกบ้างเลย ครอบครัวฉันจึงยื่นคำขาดให้ฉันเลิกกับเธอซะ ถ้าฉันไม่เลิกท่านจะตัดฉันออกจากกองมรดก แม้แต่ลูกชายฉันก็จะไม่ได้อะไรเลยเหมือนกัน ฉันถึงได้กลุ้มใจอยู่แบบนี้ไง”
“แต่เด็กเขาไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ด้วยนะ” บารมีแย้งเสียงเครียด นึกตำหนิการกระทำของครอบครัวหลุยส์ เซียะ อยู่ในใจ
“ท่านบอกว่าท่านไม่ได้มีหลานชายแค่คนเดียว ท่านไม่อาวรณ์อยู่แล้ว แต่ฉันรู้ว่าท่านรักอีริคอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่มากเท่าหลานคนอื่น”
“ท่านคงใช้อีริคมาขู่ให้นายเลิกกับเมียนายมากกว่า” วิโมกข์แสดงความเห็นหลังจากทบทวนดีแล้ว
“แต่เมียฉันไม่ใช่คนโง่ นายคิดว่าเธอจะยอมเลิกกับฉันง่าย ๆ เหรอโมก ทศ ถ้าหย่ากันจริง ๆ เธอต้องเรียกร้องค่าเลี้ยงดูมหาศาล ถ้าฉันยอมให้ไปแล้วเธอเอาเงินไปใช้หมด เธอก็จะกลับมาเกาะอีริคอีกแน่”
“แล้วนายจะจัดการเมียของนายยังไง” วิโมกข์นึกเห็นใจในชะตากรรมของหลุยส์ เซียะ และกำลังคิดว่าตัวเองโชคดีแล้วที่ถูกเธอทิ้งไป
“ถึงแม้ฉันจะรักเธอแต่ฉันก็รักลูกมากกว่า ฉันคิดทบทวนมาอย่างดีแล้วโมก ทศ ถ้าฉันไม่จัดการทุกอย่างตั้งแต่ตอนนี้ ฉันอาจจะไม่เหลืออะไรไว้ให้อีริคเขาเลย”
“ตกลงนายจะเลิกกับเธอใช่ไหม”
“ไม่ใช่หรอกทศ ฉันเลิกกับเธอไม่ได้ เพราะถ้าฉันเลิกกับเธอ ฉันก็ต้องเสียเงินให้เธออยู่ดี”
“แล้วนายจะเอายังไงกันแน่” บารมีเริ่มสับสนกับความคิดของเพื่อน
“ฉันจะยอมโดนตัดออกจากกองมรดกของครอบครัว แต่ก่อนที่ฉันจะทำเรื่องนี้ฉันอยากขอร้องนายสองคนให้ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“ลองบอกมาสิ” วิโมกข์เสนอและตั้งใจฟังแผนการของหลุยส์ เซียะ
“ฉันอยากให้นายสองคนเก็บหุ้นของฉันไว้ให้อีริค”
“ฉันไม่เข้าใจ จะให้พวกเราเก็บยังไง” บารมีทำหน้างงหนักยิ่งกว่าเก่า
“ตอนนี้ฉันมีหุ้นอยู่ในบริษัทรับเบอร์ห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนที่ฉันจะถูกตัดออกจากกองมรดก ฉันจะโอนหุ้นให้พวกนายคนละครึ่ง ให้ช่วยดูแลแทนลูกชายฉันจนเขาอายุครบยี่สิบ และฉันจะบอกกับครอบครัวว่าฉันขายหุ้นให้พวกนายไปแล้ว พวกนายเข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“นายจะบ้าหรือไงหลุยส์ ทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย” บารมีต่อว่าความคิดแผลงๆ ของเพื่อน ที่เหมือนจะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
“นายไว้ใจพวกเรามากกว่าพ่อแม่นายอีกเหรอหลุยส์” วิโมกข์ถาม
หัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ นางถึงตัดสินใจเองไม่ได้แบบนี้ “ใครมาขอเงินอีกเหรอครับป้า” เขาเดาสุ่ม นึกถึงบรรดาเมียเล็กเมียน้อยของบิดาที่ชอบตีหน้าเศร้ามาขอเงินลงทุน “ไม่ใช่หรอกค่ะคุณหนู อีนางพวกนั้นหวังจัดการเองได้ค่ะ แต่คนนี้หวังจัดการยากจริง ๆ ค่ะ คุณหนูไปดูเองเถอะค่ะ รีบ ๆ ไปสิคะ” “ก็ได้ครับ ขึ้นรถสิครับป้า” เขาเรียกนางให้ขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ เขยิบก้นไปข้างหน้าเพื่อให้มีที่ว่างเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย เจ๊หวังไม่ได้อยากจะขึ้นซ้อนท้ายรถเครื่องคันเล็กนี้สักนิด แต่เพราะความเร่งรีบทำให้นางตัดใจก้าวขาขึ้นไปนั่งคร่อมแล้วกอดเอวคุณหนูเอาไว้แน่น “ผมจะไปแล้วนะ กอดแน่น ๆ นะครับ ระวังมอเตอร์ไซค์ทำหล่นนะครับ” เขาแซวแล้วค่อย ๆ บิดคันเร่งขี่ออกไป เพียงแค่เห็นแผ่นหลังของแขกผู้มาเยือน วิโมกข์ก็ถึงกับยืนนิ่งเป็นหินไปชั่วขณะ เพราะจำได้ติดตา ก่อนจะเดินไปนั่งประจันหน้ากับเธอ “ต้องการพบผมเรื่องอะไร” เขาถามเธอ แต่สายตานั้นไปมองอยู่ที่เด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังแทน และเดาได้ทันทีว่
สุดท้ายเขาก็หนีเธอไม่พ้น แต่เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ “ไงมีน เจอกันอีกแล้วนะ” บารมีกล่าวทักทาย ไม่ยอมปล่อยแขนเพื่อนรักเพราะกลัวเขาจะชิ่งหนีไป “สวัสดีโมก” มีนาทักทายอดีตคนรักที่เมินหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ยอมกล่าวแม้คำทักทายกับตน “เราต้องรีบไปประชุม ขอตัวนะมีน” บารมีเอ่ยขึ้นแล้วดันวิโมกข์ให้เดินนำหน้า “แล้วเรื่องหุ้นจะว่ายังไง” มีนาตั้งคำถามตามหลังคนที่พยายามจะเดินหนี บารมีจับแขนเพื่อนรักแล้วหยุดเดิน หันไปทางหญิงสาวด้วยท่าทางใสซื่อ “ทำไมเหรอมีน คุณอยากจะขอซื้อคืนจากเราใช่ไหม” “ทำไมมีนต้องซื้อด้วยล่ะ ในเมื่อหลุยส์เขาไม่ได้ขายให้พวกคุณนี่” มีนาสังเกตท่าทีของชายหนุ่มทั้งสองเมื่อพูดจบ แน่นอนว่าบารมีทำหน้าแปลก ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่กับอดีตคนรักไม่มีแววหวั่นไหวแม้แต่น้อย “โอนหุ้นคืนมาให้มีน มีนรู้นะว่าหลุยส์แค่โอนหุ้นให้พวกคุณสองคนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เขาดันมาตายเสียก่อน พวกคุณก็เลยจะฮุบมันเอาไว้เอง” สามีที่ทุ่มเทกับบริษัทมีหรือที่จะยอมลาออกอย่างง่ายดาย เขาต้องดีดลูกคิดลูกรางเอาไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะทำแบบนั้น “ทำไมถึงมาก
และก็เป็นจริงอย่างที่วิโมกข์กังวล เขาและบารมีต้องบินไปและกลับระหว่างประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์เป็นว่าเล่นในช่วงสองเดือนแรกหลังจากงานศพหลุยส์ เพื่อชี้แจงเรื่องหุ้นที่ได้รับโอนจากคนตายและวันนี้พวกเขากลับมาเพื่อเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้น ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ท่ามกลางสายตากังขาของทุกคน “ทำไมเขามองเราแบบนั้นวะ” บารมีกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน “ก็อยู่ดี ๆ มึงกับกูกลายเป็นผู้ถือหุ้นคนสำคัญขึ้นมาน่ะสิ” วิโมกข์คุยภาษาไทยโทนเสียงปกติห้านาทีต่อมาการประชุมก็เริ่มต้นขึ้น แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นที่หน้าประตู และมันก็ถูกเปิดออกด้วยมือของผู้ที่บุกรุกเข้ามา “อะไรกันนี่ เธอเข้ามาได้อย่างไร ที่นี่ห้องประชุมนะ ไม่ใช่บ่อนที่เธอจะเดินเข้าออกได้ตามใจ” บิดาของหลุยส์ เซียะ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นลูกสะใภ้นอกคอกบุกเข้ามา “นึกว่าหนูอยากจะมานักเหรอคะคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยอมตกลงกับหนูดี ๆ ตั้งแต่แรก หนูคงไม่ทำถึงขนาดนี้หรอกค่ะ” “ฉันไม่มีอะไรต้องตกลงกับเธอ กลับไปซะ” “แต่หนูมี ถ้าวันนี้หนูไ
บทที่ 7 ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้โกรธนายหรอก“ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” หลุยส์ตอบทันที มองเพื่อนทั้งสองคนด้วยสายตาจริงจัง “ครอบครัวของฉันเป็นตระกูลใหญ่ที่คอยแต่ชิงดีชิงเด่นกันเอง ถึงฉันจะไว้ใจพ่อแม่แต่ฉันก็เชื่อใจพวกท่านไม่ได้ เพราะท่านยังมีลูกและหลานอีกหลายคน ถ้าท่านไม่ยอมแบ่งผลประโยชน์ให้ลูกชายฉันอย่างที่ท่านพูดจริงๆ ล่ะ ลูกฉันก็คงไม่ต่างไปจากขอทาน ฉันคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้วโมก ทศ อย่างน้อยลูกฉันก็ยังได้เงินปันผลทุกปี พวกนายช่วยฉันด้วยนะ ฉันเชื่อว่านายสองคนจะไม่โกงลูกฉันหรอก”“ถ้านายไว้ใจฉัน ฉันก็จะยอมช่วยนาย” วิโมกข์รับปากเป็นคนแรกเพราะเห็นแก่เด็กและอยากแก้แค้นอดีตคนรักอยู่ในที“ถ้าโมกมันรับปากฉันก็เอาด้วยคน” บารมีรับปากอย่างกลัดกลุ้ม นึกสงสัยว่าคนรวยมากๆ นี่เขาสุขหรือทุกข์กันแน่ “แล้วพ่อกับแม่นายจะไม่เคืองฉันสองคนเหรอ”“เขาคงจะโกรธฉันจนไม่อยากมองหน้าเลย ลูกชายคนโตของครอบครัวขายหุ้นให้เพื่อนเพื่อแก้แค้นที่ถูกตัดออกจากกองมรดก” หลุยส์ เซียะ กล่าวอย่างขมขื่นในโชคชะตาของตัวเอง “ฉันขอบใจนายสองคนมากนะ ฉันจะรีบไปจัดการเรื่องเอกสารแล้วเราจะนัดเจอกันที่นี่อีกที”หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ทุกคนก็กลับมา
บทที่ 6 ทำเพื่อลูกหลายปีผ่านไปหลังจากผิดหวังจากความรัก วิโมกข์ก็ทุ่มเทกับการบริหารสวนยางและฟาร์มหอยเป๋าฮื้อของเขาเต็มที่ ภายในระยะเวลาไม่ถึงห้าปี เขาก็สามารถใช้หนี้เงินกู้ธนาคารหลายร้อยล้านได้หมด กลายเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ได้รับการยกย่องจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดความร่ำรวยของตัวเองไว้แค่นั้น ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างต่อเนื่องออกสู่ตลาดโลก“ฉันคิดว่าชาตินี้แกจะอยู่แต่ในสวนในไร่ซะอีก” บารมีประชดใส่เพื่อนรักที่มาเยี่ยมถึงหาดใหญ่ สี่ปีที่ผ่านมาเพื่อนของเขาคนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากชายหนุ่มที่ร่าเริง ขี้เล่น พูดจาดี กลายเป็นคนเคร่งขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พูดจาขวานฝ่าซาก กลายเป็นคนหยิ่งๆ ดิบๆ เถื่อนๆ ไปเลย กอปรกับรูปร่างเหมือนนายแบบ และหน้าตาคมเข้มแบบคนใต้แต่ได้ความขาวแบบคนจีน จึงทำให้รูปลักษณ์เขาดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เพียงแต่.. “ถ้านายยิ้มง่ายกว่านี้อีกสักนิด สาวๆ ทั้งสงขลาคงเสร็จนาย”“หน้าตาไม่มีประโยชน์เท่ากับเงินหรอกไอ้ทศ” วิโมกข์ยิ้มเยาะ หยิบขวดเบียร์กรอกใส่ปาก “ต่อให้มึงขี้เหร่จนหมาเมิน แต่ถ้ามึงมีเงินนางงามยังยอมเป็นเมียน้อยมึงเลย”“มึงอคติกับชีวิตไ
บทที่ 5 คนเดิมฮึ่ม! ชายหนุ่มถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อได้ยินเด็กสาววัยละอ่อนพูดออกมาตรงๆ แบบนั้น แต่เมื่อเห็นอาการของเธอก็เข้าใจ จึงก้มตัวลงให้ต่ำกว่าเธอแล้วมองไปยังจุดที่เธอบอกพร้อมกับส่องไฟฉาย“แค่แมงพลัดน่ะคุณ ไม่มีพิษหรอก ไม่ต้องกลัว”“เอามันออกไปที ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธอขอร้องทั้งน้ำตาเมื่อเขาไม่ยอมทำอะไรกับมันสักทีคำขอของเธอทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมันเลือกที่เกาะได้เหมาะเจาะแบบนั้น แล้วเสื้อของเธอก็เป็นแบบพอดีตัว ถ้าเขาจับไป.. สุดท้ายเขาจึงใช้ไฟฉายเขี่ยมันให้หนี แต่เพราะขามันเหนียวหรือเพราะมันชีกอก็ไม่รู้ มันจึงไม่ยอมบินหนีไปจากตรงนั้นเลย“จับมันสิคะ อย่าเขี่ยแบบนั้นเดี๋ยวมันบินใส่ชาร์ม ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธองอตัวลงต่ำยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาสะกิดมันแบบนั้นความกลัวของเธอทำให้วิโมกข์ตัดสินใจจับแมลงตัวนั้นด้วยมือของเขา พยายามไม่ให้สัมผัสโดนเธอแต่มันก็ยังมีบ้างแผ่ว ๆ เพราะเธออยู่ไม่นิ่งเลย“ผมจับมาแล้ว” เขาบอกกับคนที่ยังหลับหูหลับตาร้องไห้ชาร์มมิ่งค่อย ๆ หยุดร้องแล้วมองไปที่มือของเขา เมื่อเห็นแมลงตัวนั้นถูกจับออกไปแล้วจริง ๆ จึงยืดตั