Share

บทที่ 8

ซูชิงอวี่ก้มหน้าดู บนกระดาษสีขาวเขียนที่อยู่ของสุสานเอาไว้

หรือว่าน้องสาวของเขาเสียชีวิตแล้ว? แต่การตายของน้องสาวของเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของเธอด้วย? จากที่ซูชิงอวี่รู้เกี่ยวกับซูฉี่ผิง เขาไม่มีทางทำร้ายเด็กสาวคนหนึ่งได้

รู้ว่าทั้งสองไม่มีทางเปิดเผยอะไรมาก ซูชิงอวี่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนลำบากใจต่อไป เธอเงียบสงัดจนถึงคฤหาสน์ตระกูลลี่

ในตอนที่มาถึงสถานที่คุ้นเคยอีกครั้ง ซูชิงอวี่มีความรู้สึกมากมาย

เฉินเฟิงถามอย่างสุภาพ “คุณนายจะลงไปไหมครับ?”

“ไม่แล้วล่ะ ฉันรอเขาอยู่ตรงนี้ดีกว่า”

การเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายของเธอกับเขาเหลือเพียงการหย่าร้าง เธอไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายแทรกซ้อน ยิ่งกว่านั้นทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่แบกรับความทรงจำของทั้งสองคนไว้ เธอยิ่งไม่อยากเกิดความสัมพันธ์กับสถานที่ตรงหน้า

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษผู้ชายคนนั้นที่ประคบประหงมเธอเอาไว้กลัวจะบินหนีไป

ต่อให้ตอนนี้เขาเย็นชามากขึ้นทุกครั้ง เธอก็จดจำแต่ความดีของเขา

ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นคนที่เกลียดเข้ากระดูกดำ แต่เธอกลับเกลียดไม่ลง

รถยังสตาร์ทอยู่ให้แอร์ร้อนกับเธออย่างต่อเนื่อง ในรถเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ซูชิงอวี่รู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมาอีก เธอขดตัวกลม เหมือนกับกุ้งที่กอดเข่า นั่งยองอยู่บนเก้าอี้รอจนฟ้าสาง

ฤดูหนาวฟ้ามือเร็วสว่างช้า อากาศตอนเจ็ดโมงเช้ายังไม่สว่างมาก ท้องฟ้าขุ่นมัว

ใบไม้ของต้นแปะก๊วยในลานบ้านร่วงหมดตั้งนานแล้ว ความคิดของเธอลอยล่องไปยังอดีต

ฤดูกาลที่ผลสีทองสุก เธออยากกินซุปไก่ดำเมล็ดบัวแปะก๊วย เขาก็ปีนขึ้นไปบนต้นแปะก๊วยที่สูงถึงสิบกว่าเมตรแล้วเขย่าผลให้เธอ

ใบไม้สีเขียวที่ตัดกันร่วงโรย เหมือนกับทำฝนสีทองให้กับเธอ

ลี่ถิงเชินในตอนนั้นเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ทำอาหารอร่อย และตามใจเธออย่างมาก

คิดไปคิดมาไม่รู้ว่าเธอเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้นแปะก๊วยยังอยู่ สิ่งของยังเป็นสิ่งเดิมแต่คนเปลี่ยนไปแล้ว

ใบของต้นไม้ร่วงหล่นไปนานแล้ว เหลือเพียงใบไม้ตายเพียงไม่กี่ใบที่จะร่วงมิร่วงแหล่อยู่บนกิ่งไม้ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเธอกับลี่ถิงเชินที่มีความเสี่ยงอยู่ในตอนนี้

ลี่ถิงเชินเดินออกมาจากคฤหาสน์ ก็เห็นภาพนี้

หญิงสาวที่สวมเสื้อสเวตเตอร์บางๆ ยืนเงยหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ ลมหนาวพัดเส้นผมของเธอ

วันนี้สภาพอากาศดีขึ้นกว่าไม่กี่วันก่อนที่สภาพอากาศแย่ แสงแดดแรกในยามเช้าสาดส่องไปยังใบหน้าของเธอ ผิวของเธอขาวจนโปร่งใส เหมือนกับเทพสาวที่กำลังจะหายตัวไป

มือของเธอยังคงพันผ้าพันแผลไว้อยู่ น่าแปลกตรงที่เธอยังสวมชุดของเมื่อวาน สีหน้าก็อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง

“ลี่ถิงเชิน” เธอไม่ได้หันกลับมาแต่กลับรับรู้ถึงการมาถึงของตัวเอง

“อืม”

ซูชิงอวี่หันไปช้าๆ สายตาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มร่างสูง ทั้งๆ ที่สองคนอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาอยู่ใกล้กันแต่กลับรู้สึกห่างไกลกัน

“ฉันอยากทานน้ำซุปไก่ดำเมล็ดบัวแปะก๊วยที่คุณทำอีกสักครั้ง”

ดวงตาดำเข้มของลี่ถิงเชินชะงักงันเล็กน้อย วินาทีต่อมาเขาเอ่ยปากอย่างเย็นชา “ผ่านฤดูกาลผลแปะก๊วยไปแล้ว ซูชิงอวี่ อย่าเสียเวลาเลย”

ซูชิงอวี่ดวงตาแดงก่ำ พูดพึมพำ ”ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำตามคำขอของฉันก่อนหย่ากันก็ไม่ได้เหรอ?”

ไม่เจอกันสามเดือน เหมือนว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก

เขาเบือนหน้ามองไปยังต้นไม้ที่โล้นหมดแล้ว น้ำเสียงลดความเย็นชาลง “แช่ฟรีชเอาไว้ปีที่แล้วไม่สดใหม่แล้ว คุณอยากกินปีหน้าออกผลแล้วค่อยว่ากัน”

ปีหน้า…

นิ้วมือของซูชิงอวี่ลูกเปลือกไม้ที่หยาบกร้าน เธอเกรงว่าจะรอไม่ถึงตอนนั้นแล้ว

“ลี่ถิงเชิน คุณเกลียดฉันมากใช่ไหม?”

“อืม”

เธอหันหน้ามองไปทางเขาแล้วพูดขึ้นเบาๆ “งั้น…ถ้าฉันตายไปคุณจะดีใจใช่ไหม?”

ครืน…

คำพูดของซูชิงอวี่เหมือนกับฟ้าร้องที่กระแทกหัวใจของเขา ลี่ถิงเชินรู้สึกเหมือนในหัวเต็มไปด้วยเสียงดังก้อง ทำให้เขาเหม่อลอยชั่วขณะ

ครู่หนึ่งเขาถึงได้หลุดจากภวังค์แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ก็แค่ตุ๋นซุปเอง เข้ามาสิ”

ซูชิงอวี่มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปแล้วยิ้มมุมปาก

ลี่ถิงเชิน คุณยังกลัวว่าฉันจะตายใช่ไหม?”

ความคิดที่จะแก้แค้นเกิดขึ้นในของเธอ จู่ๆ เธอก็คิดว่าถ้าวันหนึ่งเขารับรู้ข่าวการตายของตัวเอง สีหน้าจะเป็นอย่างไรนะ?

ดีใจหรือเสียใจ?

ในตู้เย็นมีผลแปะก๊วยที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เขาหยิบวัตถุดิบออกมาละลายอย่างช่ำชอง

มองดูเขาที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ข้างใน ซูชิงอวี่เหลือเพียงความเจ็บปวดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด นี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาทำอาหารให้เธอ

ก็ดี

ถือว่าทิ้งความคิดถึงเอาไว้

ซูชิงอวี่เผามันเทศที่หน้าเตาผิง กลิ่นหอมของมันเทศลอยไปทั่วๆ

เมื่อก่อนตอนฤดูหนาวเธอจะนั่งเผามันเทศอยู่ตรงนี้ทุกครั้ง คุณหญิงย่าลี่ได้กลิ่นก็รีบมา คุณหญิงย่าดีกับเธอมาก เห็นเธอเป็นเหมือนหลานสาวแท้ๆ

น่าเสียดายที่เมื่อสองปีก่อนเสียชีวิตไปแล้ว คุณท่านไม่อยากเสียใจซ้ำซากจึงย้ายไปต่างประเทศ

คฤหาสน์ใหญ่ที่อบอุ่นถูกทิ้งร้าง มันเทศยังคงหอมหวาน ไม่มีคุณหญิงย่าแย่งกับเธอ เธอรู้สึกไม่สนุกเลย

กินมันเทศเสร็จดื่มน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง ความเจ็บปวดในกระเพาะลดลง

หลังจากกลิ่นหอมในครัวโชยมา ซูชิงอวี่ลุกขึ้นเดินไป กลับพบว่าลี่ถิงเชินนำน้ำซุปใส่ในกระติกน้ำร้อนแล้วเทใส่ชาม

ไม่ทันไรตัวเองที่เขาเคยเห็นเป็นแก้วตาดวงใจไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป เธอใช้ความดีในอดีตมาบดบังดวงตาไม่อยากยอมรับความจริง

“ซุปตุ๋นเสร็จแล้ว” ลี่ถิงเชินไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ผิดหวังของเธอ

“ขอบคุณนะ”

เธอมองดูซุปที่มีกลิ่นหอมในชาม หน้าตาที่เอร็ดอร่อยเหมือนในอดีต แต่เธอกลับไม่มีความอยากทานสักนิด

“สายแล้ว พวกเราไปอำเภอกันเถอะ”

ใบหน้าหล่อเหลาของลี่ถิงเชินแสดงความโมโหออกมา “คุณไม่กินเหรอ?”

“ไม่อยากกินแล้วล่ะ”

เธอในอดีตเอาแต่ใจมาก ทุกครั้งเขาจะกล่อมเธออย่างใจเย็น

ตอนนี้เขาเพียงแค่จ้องมองเธอ จากนั้นก็เทน้ำซุปในมือลงในซิงค์ล้างจาน สีหน้าเฉยเมยเดินผ่านเธอไป “ไป”

ลี่ถิงเชินนำกระติกเก็บความร้อนยื่นให้เฉินหลิง “ส่งไปให้ที่วิลล่าลู่ไห่จวี”

“ครับ ประธานลี่”

ในตอนนี้ซูชิงอวี่ถึงได้รู้ว่าระหว่างพวกเขาไม่มีทางย้อนกลับตั้งนานแล้ว

ความอดทนในหนึ่งปีนี้ยังคงเป็นเรื่องน่าขำ

เธอเดินอย่างรวดเร็วไปที่รถ ตอนที่เดินผ่านต้นแปะก๊วย ลมหนาวพัดมา สุดท้ายใบไม้ที่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ก็ร่วงหล่นลง

ซูชิงอวี่ยื่นมือออกไปจับใบไม้ที่ตายไปนานแล้ว จากนั้นพูดขึ้นเสียงเบา “ยังฝืนอะไรอยู่?”

เธอโยนทิ้งแล้วเหยียบลงไป ใบไม้ที่อ่อนแอถูกเหยียบแหลก

ประตูรถปิดลง ต่อให้ในรถมีแอร์ร้อน ทั้งสองคนที่นั่งอยู่คนละด้านเหมือนกับวันอวสานโลกจะมาถึง ความรู้สึกหนาวเหน็บแพร่ออกมาจากตัวทั้งสองคน

ทางที่ไปอำเภอราบรื่นมาก ตลอดทางรถไม่ติด แต่ละเส้นถนนเป็นไฟเขียวผ่านทางทั้งหมด เหมือนสวรรค์ก็เปิดทางให้พวกเขาหย่าร้างกัน

แยกหน้ารถเลี้ยวเข้าไปก็ถึงจุดหมายแล้ว โทรศัพท์ของลี่ถิงเชินดังขึ้น เสียงร้อนรนของไป๋หยวนหยวนดังขึ้น “ถิงเชิน ชิงเฉินไข้สูงไม่ลด เดิมทีฉันไม่อยากรบกวนคุณ แต่เมื่อครู่เขาไข้สูงถึง 39 องศา ฉันกลัว คุณรีบมา…”

“ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ลี่ถิงเชินวางสายแล้วสบตากับดวงตาแดงก่ำแต่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง เธอเอ่ยปากขึ้นทีละคำ “เด็กคนนั้นชื่ออะไรนะ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status