ณ เรือนกระจก
ซ่าาา!!! เสียงฝนยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ความเย็นจากน้ำฝนที่ตกลงมากระทบกับร่างฉันมันหนาว…หนาวจนทำฉันสั่นไปทั้งตัว แต่มันก็คงสั่นไม่เท่ากับใจของฉันตอนนี้หรอก ตึกตักๆๆ!! ตอนนี้ใจของฉันมันเต้นรัวขึ้นมาไม่พักเลย ตั้งแต่ได้รับคำขู่ที่น่ากลัวนั่น ใจฉันมันก็สั่นด้วยความกลัวจนแทบจะหายใจไม่ออกอยูแล้ว หลังจากได้รับคำขู่ที่น่ากลัวนั่น ฉันก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อตรงดิ่งไปหาคุณคิมหันต์ทันที ฉันวิ่งตามหาเขาทั่วทั้งบ้าน…แต่ก็ไม่เจอเขาเลย แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ฉันยังไม่ได้ไปเช็คดู และฉันคิดว่าเขา…ต้องอยูที่นี่แน่ๆ ที่ที่ฉันพูดถึงก็คือ…เรือนกระจกหลังบ้านยังไงล่ะ? หมับ!! ฉันยกมือที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ของตัวเองขึ้นมาจับประตูบานใหญ่ของเรือนกระจก…ด้วยใจที่สั่นไหวเพราะความกลัวอย่างสุดขีด ฉัน…ไม่อยากเข้าไปเจอเขาเลย ฉันกลัว! กลัวว่าเข้าไปแล้วฉันจะต้องเจอกับสายตาที่น่ากลัวนั่นของเขาอีก แต่ถ้าไม่เข้าไปหาเขาตามคำสั่ง…มันก็คงจะน่ากลัวไม่ต่างกันเลยสินะ “เฮ้อออ!!” แอ๊ดดด!! ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เพื่อรวบรวมสติของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในเรือนกระจกด้วยใจและร่างที่สั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ แม้วันนี้จะไม่มีแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเข้ามาในเรือนกระจก แต่ก็ยังมีแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่รอบๆเรือนกระจก และแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่นั้นก็ทำให้ฉันมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ดอกกุหลาบสีแดงที่เบ่งบานออกมาอย่างเต็มที่ปรากฎขึ้นต่อหน้าฉัน ดอกกุหลาบพวกนี้ทำให้ฉันหวนนึกถึงความทรงจำอันน่าขนลุกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมันยังคงติดอยู่ในหัวฉันอย่างชัดเจนไม่หายไปไหน ตึกๆๆ!! ทุกครั้งที่ฉันก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปในเรือนกระจก ขาฉันมันก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ผิดกับใจที่เต้นโครมครามด้วยความกลัวจนทำฉันอึดอัดไปหมด กึก!! ขาที่อ่อนแรงของฉันก่อนหน้านี้กลับแข็งตัวจนต้องหยุดชะงักลงทันที เมื่อในที่สุด…ฉันได้มาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุดอยู่ตรงหน้าจนได้ ร่างของชายที่คุ้นเคยในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาครึ่งแขน กำลังนั่งแผ่อยู่บนโซฟาในท่าไขว่ห้าง เขากำลังนั่งจ้องมองตรงมาที่ฉันอย่างไม่ลดละสายตา พร้อมกับคีบมวนบุหรี่ที่ถูกจุดไฟไว้ในมือข้างขวา ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นไปสูบสิ่งที่อยู่ในมือซะเต็มปอด “ฟู่วววว!!!” ควันบุหรี่จำนวนมากถูกพ่นออกมาปากของคนตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาสูบบุหรี่เลยก็ว่าได้ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาสูบบุหรี่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุหรี่รึเปล่านะ? ฉันถึงได้รู้สึกว่าท่าทีของเขาและบรรยากาศรอบๆตัวเขาตอนนี้ถึงได้ดูน่ากลัวมากขึ้นไปหลายเท่าตัวเล “เธอมาสายนะ…เกวลิน” เสียงที่เรียบนิ่งของคุณคิมหันต์ทำฉันตัวแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ไม่กล้าแม้แต่จะพ่นลมหายใจของตัวเองออกมาเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะแววตาเรียบนิ่ง เยือกเย็น ที่กำลังจับจ้องมาที่ฉันอย่างคาดโทษคู่นั้น ยิ่งทำให้ฉันกลัวจนหายใจไม่ออกเลย “…” ฟุ่บ!! เพราะความกลัวฉันเลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ขยับไปไหนไม่ได้เลย จนกระทั่งในที่สุดก็เป็นเขาซะเองที่เป็นฝ่ายลุกขึ้นมาจากโซฟา และก้าวเท้ามุ่งตรงมาหาฉันอย่างเชื่องช้า วินาทีที่เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนว่าใจฉัน…มันเริ่มหดเล็กลงไปเรื่อยๆด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าไปมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเลยจริงๆ แต่ในความเป็นจริงฉันหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้เลย สุดท้ายแล้ว…เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉันจนได้ “ฟู่ววว!!” ควันบุหรี่จำนวนมากถูกพ่นออกมาจากคนตัวสูงที่ยืนอยู่ในระยะประชิดตรงหน้าฉันอีกครั้ง ควันพวกนั้นมันถูกพ่นลงมาเต็มหน้าฉัน กลิ่นของมันที่ฉันเผลอสูดเข้าไปในปอด มันเหม็นและแสบคอจนทำฉันสำลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “แค่กๆๆ!!” หมับ!! ฉันยังไม่หายจากอาการสำลักควันบุหรี่ดีเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วมือหนาของคุณคิมหันต์ก็ยกขึ้นมาบีบคางฉันไว้แน่น ก่อนที่เขาจะบังคับให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของเขาอย่างเอาแต่ใจ "ฉัน...จะทำยังไงกับเธอดีเกวลิน?" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างเรียบนิ่ง บวกกับแววตาที่ก้มลงมามองฉันของเขา...มันทั้งเรียบนิ่ง ทั้งเยือกเย็น ไม่มีแววตาของความอ่อนโยนเลยสักนิด ฉันเกลียดมันจริงๆ ฉันเกลียดสายตาที่น่ากลัวของเขาแบบนี้จริงๆ "ทำไมคะ…ทำไมคุณต้องโกรธเกวด้วย??" ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับจ้องมองกลับเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว "เพราะเธอ...ไม่เชื่อฟังฉันไง…เกวลิน" "..." ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ฉันรู้ว่าเขาโกรธฉันเพราะทิวเขาแน่ๆ แต่ทำไมล่ะ? ทำไมเขาต้องโกรธด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้ว…มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด ตึกๆๆ!! คุณคิมหันต์จ้องมองมาที่ฉันก่อนจะละสายตาออกไป แล้วค่อยๆก้าวเท้าเดินอ้อมไปยืนอยู่ข้างหลังฉันในระยะประชิด ฉันรู้สึกได้ว่าเขายืนอยู่ใกล้ฉันมาก ใกล้มากจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขาที่ดังรดอยู่ใกล้ใบหูอย่างชัดเจน “ฟู่วววว!!” ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาจากข้างหลังของฉันอีกแล้ว กลิ่นของมันยังคงเหม็นและชวนแสบคอจนฉันต้องคอยกลั้นหายใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองสูดเอาควันพวกนี้เข้าไปในปอด ฟึ่บ!! แต่หลังจากที่เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้ว คุณคิมหันต์ก็ทิ้งก้นบุหรี่ที่เหลือลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าของตัวเองเหยียบลงไปซะเต็มแรง “ฉันจะลงโทษเธอยังไงดีเกวลิน?” ฟึ่บ!! สิ้นเสียงพูด ฉันรู้สึกได้ถึงมือหนาทั้งสองข้างของเขากำลังเลื่อนขึ้นมาสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของฉันผ่านเสื้อนักศึกษาที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนของตัวเอง และดูเหมือนว่าตำแหน่งที่มือเขาเลื่อนผ่านมันจะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างของฉัน “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรของคุณน่ะ?!” ฉันร้องลั่นออกมาเสียงดังเมื่อจู่ๆคุณคิมหันต์ก็เอื้อมมือตัวเองลงมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันอย่างว่องไว หมับ!! ความคิดที่ฉันจะผลักมือของเขาออกไปของฉัน สุดท้ายมันก็ช้ากว่าคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังจนได้ เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มดิ้นหนี คุณคิมหันต์ก็รีบเอามือข้างหนึ่งของตัวเองคว้าเอวฉันเข้าหาตัวเขา ก่อนจะกระชับแขนที่กอดเอวฉันไว้ซะแน่นจนฉันแทบจะดิ้นไปไหนไม่ได้เลย “ชู่ววว!! นิ่งๆไว้สิเกวลิน นิ่งเหมือนตอนที่เธอยืนนิ่งๆให้ไอ้เด็กนั่นจูบก่อนหน้านี้ไง!!” เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว เพราะเสียงกระซิบอันแหบพร่าและเยือกเย็นของเขาที่ดังขึ้นมาอยู่ข้างหูฉันในตอนนี้ “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดซะหน่อย!” “ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นมายังไง ฉันรู้แค่ว่าเธอ…จูบกับผู้ชายคนอื่น…ที่หน้าบ้านของฉัน…และต่อหน้าฉัน…” กึด!! เขายังคงพูดความคิดของตัวเองออกมา ในขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงไล่ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้กระดุมเสื้อมันถูกปลดออกไปหมด จนเผยให้เห็นชุดชั้นในที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เสื้อนักศึกษา และบางสิ่งที่มันแทบจะล้นออกมาจากชุดชั้นในก็ปรากฎตัวออกมาซะเด่นหรา ทั้งๆที่มันน่าอายแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ฉันขยับตัวห้ามการกระทำที่ล่วงเกินของเขาไม่ได้เลยสักนิด “ปล่อยเกวนะ!!” “เธอควรจะอ้อนวอนขอให้ฉันยกโทษให้มากกว่านะเกวลิน เหมือนที่เธอทำก่อนหน้านี้ไง” คำพูดของคุณคิมหันต์ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดที่ฉันเคยพูดกับเขาก่อนหน้านี้ คำพูดอ้อนวอนร้องขอไม่ให้เขาโกรธฉัน ตอนนั้นเพราะความกลัวฉันเลยเผลอพูดอะไรที่ไร้เหตุผลแบบนั้นออกไป แต่ตอนนี้ฉันได้สติขึ้นมาแล้วล่ะ ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันไม่ควรพูดคำนั้นออกมาเลย เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย มันไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันต้องขอโทษหรือร้องขอการอภัยอะไรจากเขาเลยสักนิดอ่ะ “แต่เกว…ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!!” ฉันพูดพลางพยายามดิ้นรนให้รอดพ้นจากอ้อมแขนแกร่งของเขา “หึ! ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองทำอะไรผิด…” น้ำเสียงของเขามันฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย มันฟังดูเหมือนคนที่กำลังกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธยังไงยังงั้นเลย เพราะน้ำเสียงที่น่ากลัวนี่รึเปล่านะ? ใจฉันมันถึงได้หวิวๆขึ้นมาราวกับรับรู้ได้ว่ามันกำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นต่อจากนี้เลย “ปล่อยเกวนะคุณคิม!! ฮึกๆ” ฉันพยายามดิ้นให้แรงขึ้นเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่งของเขาสักที แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของฉันมันสูญเปล่าไปหมด แรงอันน้อยนิดของฉัน ทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด และเพราะแบบนั้นน้ำตาที่ฉันพยายามอดกลั้นมาก่อนหน้านี้มันก็ดันไหลพรากออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่อยู่ ตุบ!! สิ่งที่เขาทำกับฉันต่อจากนั้นคือการผลักร่างของฉันลงมาบนโซฟาอย่างแรง จนฉันล้มหน้าคว่ำลงไปกองอยู่บนโซฟา “0_0!!” หมับ!! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งสติดีเลย แต่แล้วฉันกลับต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆคุณคิมหันต์ตามลงมาประชิดตัวฉันอย่างไว ก่อนจะเอื้อมมือตัวเองจากข้างหลังมาจับหน้าฉันไว้ แล้วบังคับให้ฉันหันกลับไปมองเขาที่นั่งประชิดตัวอยู่ข้างหลังไม่ห่าง “เพราะฉัน…ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของฉันไงล่ะ…เกวลิน”[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ