[คิมหันต์]
ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็น กรุ๊ป ก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของผมดังขึ้น “เข้ามา!!” “ผู้จัดการครับ ท่านประธานเรียกผู้จัดการไปพบด่วนเลยครับ” เสียงของธนินเลขาของผมพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เดี๋ยวฉันออกไป” “ครับ” “เฮ้อออ” ฟุ่บ!! ทันทีที่ธนินเดินออกไปจากห้อง ผมก็ถอนหายใจพลางทิ้งตัวเอนหลังไปบนเก้าอี้เพื่อพักสายตา ตั้งแต่เข้าบริษัทมาวันนี้ทั้งวันก็มีเรื่องให้ปวดหัวเต็มไปหมด ผมต้องมานั่งคอยแก้ปัญหาให้กับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยซ้ำ ส่วนไอ้คนที่ก่อเรื่องก็ดันหายหัวเงียบไปเลย แล้วที่ท่านประธานเรียกผมไปคุยด้วย ก็คงไม่พ้นเรื่องนี้แน่ๆ เฮ้อออ!! น่ารำคาญชะมัด!! ณ ห้องท่านประธาน ก๊อกๆๆ!! ถึงจะไม่อยากมา แต่สุดท้ายผมก็มายืนอยู่หน้าห้องท่านประธานจนได้ “เข้ามา!!” แอ๊ดดด!! ได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้าของห้องแล้ว ผมก็เปิดประตูเข้ามาข้างในทันที “ว่าไงไอ้น้องรัก! ไม่เจอกันตั้งนานยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงที่น่ารำคาญของพี่ชายต่างแม่ของผมทักขึ้นมาทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง นี่แหละตัวปัญหาที่น่ารำคาญที่สุดในชีวิตผม “แล้วพี่ล่ะเป็นไงบ้าง? กลับมาได้แค่วันเดียวก็ก่อเรื่องให้คนอื่นปวดหัวอีกตามเคยเลยนะครับ ไอ้นิสัยที่ชอบทำตัวมีปัญหาเนี่ย ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” ฟึ่บ!! ผมพูดพลางเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับพี่ชายของผม คนๆนี้เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่ถูกพ่อส่งตัวไปดูงานที่สาขาต่างประเทศเมื่อเจ็ดปีก่อน หึ! แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากที่นู้นเลยสินะ เพราะวันแรกที่กลับมาก็ก่อเรื่องใหญ่โตให้บริษัทและคนอื่นเสียหายซะแล้ว “เหมันต์ อัศวนันทร์ ลูกชายคนโตของ เอ.เอส.เอ็น กรุ๊ป พาเยาวชนเข้าโรงแรม แถมยังเป็นโรงแรมของพ่อตัวเองด้วย หึ! นี่พี่เห็นข่าวของตัวเองแล้วใช่มั้ยครับ?” ผมหยิบแท็บเล็ตที่เปิดข่าวค้างไว้ตรงหน้าขึ้นมาอ่านให้เจ้าตัวฟังชัดๆ จะได้รู้ว่าวันนี้ทั้งวันคนอื่นต้องเดือนร้อนเพราะไอ้คนไร้ความรับผิดชอบนี่ขนาดไหน “ไอ้คิมหันต์!” คนตรงหน้าขมวดคิ้วตะคอกออกมาอย่างโกรธเคือง พร้อมกับทำท่าทางเตรียมพร้อมจะลุกขึ้นมากระโจนใส่ผมอยู่ตลอดเวลา “พอได้แล้ว!!” ดีนะที่ท่านประธาน ผู้เป็นพ่อของเราสองคนร้องห้ามขึ้นมาซะก่อน ไม่งั้น…ผมอาจจะโดนหมัดของพี่ชายต่างแม่ซัดเข้าที่หน้าไปแล้วก็ได้ “ท่านประธานมีอะไรก็ว่ามาเร็วๆเถอะครับ วันนี้ผมนั่งแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อมาทั้งวัน อยากกลับไปพักเต็มทีแล้ว” ผมพูดพลางมองหน้าตัวปัญหาตรงหน้าไม่กระพริบ หึ! สีหน้าท่าทางที่ดูไม่พอใจของคนเป็นพี่ชายต่างแม่ตอนนี้ มันทำให้ผมพอใจจนต้องยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เชียวล่ะ “ฉันเรียกแกทั้งสองคนมาก็เพราะเรื่องนี้เนี่ยแหละ” สีหน้าที่จริงจังของท่านประธานทำเอาคนตรงหน้าผมถึงกับหน้าเจื่อนขึ้นมาทันที “พ่อครับ! พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เรื่องข่าวเดี๋ยวผมจัดการให้คนปิดข่าวไปซะก็สิ้นเรื่องแล้ว” “ฮ่าๆๆ! นั่นสินะ เรื่องปิดข่าวน่ะงานถนัดของพ่อกับพี่เลยนี่ อุบัติเหตุเมื่อเจ็ดปีก่อน ก็ใช้วิธีเดียวกันปิดข่าวซะเงียบเลยใช่มั้ยครับ?” “แกหุบปากไปเลยไอ้คิมหันต์!” “พอกันทั้งคู่นั่นแหละ คิมหันต์ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกพูดถึงเรื่องนั้นได้แล้ว โดยเฉพาะแกเหมันต์!! รู้ตัวมั้ยว่าเรื่องที่แกก่อมันทำบริษัทเดือดร้อนไปมากขนาดไหนฮ่ะ!? ปิดข่าวงั้นเหรอ? แกคิดว่าแค่ปิดข่าวแล้วเรื่องมันจะจบง่ายๆรึไง? ไหนจะหุ้นโรงแรม ไหนจะความน่าเชื่อถือของลูกค้า ทุกอย่างมันเสียหายไปเพราะแกคนเดียว!!” “แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง? ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนถ่ายรูปผมไปลงข่าวแบบนี้อ่ะ?” “เพราะงั้นแกถึงไม่ควรทำเรื่องระยำแบบนั้นตั้งแต่แรกไง!!” ฟุ่บ!! ผมนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงทะเลาะโวยวายของสองพ่อลูก มันน่ารำคาญจนผมชักจะทนอยู่ไม่ไหวแล้วล่ะ “ถ้าจะเรียกผมมานั่งฟังคนทะเลาะกันล่ะก็ ผมขอตัวก่อนนะครับ” “เดี๋ยว!!” ผมกำลังจะเดินออกไปอยู่แล้วเชียว แต่ก็ต้องหยุดชะงักขึ้นมาเพราะท่านประธาน “เฮ้ออ! เหมันต์ เดิมทีฉันเรียกแกกลับมาที่นี่เพราะตั้งใจจะให้แกกลับบริหารโรงแรมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่พร้อมรับตำแหน่งประธานบริหารโรงแรมจริงๆ” “นี่…พ่อหมายความว่าไง?” “คิมหันต์! ฉันจะให้แกรับตำแหน่งประธานบริหารโรงแรมแทนเหมันต์!” สิ่งที่ได้ยินจากปากของท่านประธานทำผมแปลกใจนิดหน่อย “ไม่ได้นะครับ! ไหนพ่อบอกว่าจะยกตำแหน่งนั้นให้ผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจไปให้ไอ้คิมมันได้ล่ะ?” พี่ชายต่างแม่ร้องเถียงออกไปด้วยท่าทีร้อนรนใจ “แกคิดว่าฉันจะยอมยกตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้คนไม่เอาไหนอย่างแกได้รึไง? ฉันอุตส่าห์ส่งแกไปเรียนรู้งานที่ต่างประเทศมาตั้งนาน แต่แกกลับเอาแต่เที่ยวเตร่ กลับมาแล้วก็ยังไม่วายสร้างเรื่องให้บริษัทเสียหายอีก!! รู้มั้ยว่าวันนี้ทั้งวันคิมหันต์มันต้องคอยตามแก้ปัญหาให้แกขนาดไหน ในขณะที่แกเพิ่งจะโผล่หัวมาตอนนี้เนี่ยนะ แล้วแบบนี้ฉันจะไว้ใจยกตำแหน่งนั้นให้แกได้ยังไง!?” หึ! วันนี้พ่อพูดถูกใจผมมากเลยแฮะ “แต่พ่อจะยกตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้ลูกเมียน้อยอย่างมันไม่ได้! คนที่ควรได้ตำแหน่งนั้นต้องเป็นผมมากกว่าสิ” อ่า…ผมชักจะไม่พอใจสิ่งที่คนเป็นพี่ชายพูดขึ้นมาซะแล้วสิ เดิมทีก็ว่าจะปฏิเสธตำแหน่งที่ท่านประธานยื่นให้อยู่แล้ว แต่…มันคงไม่มีอะไรสนุกเท่าการได้เห็นพี่ชายตัวเองร้อนรนใจขนาดนี้แล้วล่ะ “ขอบคุณท่านประธานที่มอบตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้ผมนะครับ ผมจะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเลยครับ…พ่อ” พูดจบผมก็หันไปยกยิ้มมุมปากให้พี่ชายตัวเอง หึ! สีหน้าจะเป็นจะตายแบบนั้นแหละ ที่ผมอยากเห็น “ไอ้คิมหันต์! แกไม่มีสิทธิ์!!” “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมขอตัวก่อนนะครับ” บอกลงเสร็จแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องทันที โดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปดูเลยว่ามีอีกคนหนึ่งเดินตามออกมาจากห้องด้วย พลั่ก!! คนที่เดินตามมาจากในห้อง เดินมากระชากไหล่ผมซะแรง เฮ้อออ! ทำไมถึงชอบสร้างความรำคาญไม่เลิกสักทีนะ “ไอ้คิมหันต์! แกอย่าคิดนะว่าฉันจะยอมยกตำแหน่งนั้นให้แกไปง่ายๆ ลูกเมียน้อยอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาแย่งอะไรไปจากฉันทั้งนั้น! อยู่ในที่ของแกเงียบๆ เหมือนที่แม่แกทำมาตลอดซะ!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนคำพูดของคนๆนี้คงจะทำให้ผมโกรธจนต้องเผลอซัดหน้ามันไปแน่ๆ แต่ตอนนี้…ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว “หึ! ผมว่าพี่คงต้องทำความเข้าใจซะใหม่แล้วล่ะครับ ตอนนี้…ที่ตรงนี้มันกลายเป็นที่ของผมไปแล้วนะ คนที่ควรจะอยู่เงียบๆไม่ใช่ผม แต่เป็นพี่มากกว่า” ตึก! ตึก! ตึก! ผมเดินเข้าไปใกล้พี่ชายลงไปกระซิบใกล้ๆหูของเขา “ตำแหน่งของผมน่ะ มันอยู่เหนือกว่าพี่มาตั้งนานแล้วล่ะครับ!” อย่างที่บอกไป…คนๆนี้อาจจะคิดว่าผมอยู่ต่ำกว่าเขามาตลอด แต่มันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ผมกับเขาเราอยู่ในตำแหน่งเดียวกันตั้งแต่เริ่ม แต่ตอนนี้…คนที่เหนือกว่าคือผมต่างหากล่ะ ไม่ใช่เขา!![คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ