[คิมหันต์]
“เกวลิน” ผมลองเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กตรงหน้าเบาๆ เพื่อเช็คดูว่าเธอตื่นรึยัง “อืมม~” เสียงละเมอพึมพำที่ดังออกมาของคนตัวเล็กตรงหน้า คงจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าเธอยังหลับอยู่สินะ ความจริงผมตื่นมาได้สักพักแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้ลุกออกไปไหน เพราะกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งมองหน้าเกวลินที่นอนหลับตาพริ้มไม่ได้สติอยู่ข้างๆ “หึ! คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ” เราเพิ่งจะได้นอนกันเมื่อห้าชั่วโมงก่อนเอง เพราะฉะนั้น…ฉันจะอนุญาตให้เธอนอนต่อก็แล้วกันนะเกวลิน ฟึ่บ!! ผมเอื้อมมือไปปัดป่ายเส้นผมที่ปรกหน้าคนตัวเล็กออกไปให้พ้น ผมเพิ่งรู้นะว่าหน้าเกวลินเล็กเท่าฝ่ามือผมเท่านั้นเอง ร่างกายส่วนอื่นก็ขนาดพอดีมือ อุ้มง่ายดี แต่ก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง…ส่วนที่ฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตอนนี้ ที่ดูเหมือนจะใหญ่ล้นมือเกินตัวไปหน่อย หึ! แต่นั่นมันก็เต็มไม้เต็มมือ น่าพอใจมากเลยล่ะ พอได้มองคนตัวเล็กใกล้ๆแบบนี้แล้ว มันทำให้ผมได้เห็นร่องรอยบนตัวเกวลินที่ผมทำไว้เมื่อคืนชัดขึ้นด้วย บนร่างของคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติ มีรอยแดงจ้ำๆตามร่างกายเต็มไปหมด โดยเฉพาะตรงคอขาวระหงของเธอ “นี่ฉัน…ทำแรงไปรึเปล่านะ?” แม้จะดูเป็นแบบนั้น แต่เมื่อคืนเธอเองก็ดูจะชอบมากเลยนะ นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว…ก็ยังให้ความร่วมมือดีมากด้วย แม้จะเป็นครั้งแรกของเกวลิน แต่เธอก็ทำให้ผมพอใจได้มากเชียวล่ะ ทั้งใบหน้าเล็กๆนี่ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้ม และกลิ่นตัวที่หอมอ่อนๆของเธอ มันทำให้ผมคลั่งจนห้ามใจไม่ไหวเลยจริงๆ ตืดๆๆ!! ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการมองหน้าคนตัวเล็กที่หลับสนิทอยู่บนเตียง เสียงมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้นมา ฟุ่บ!! แม้จะไม่ค่อยอยากลุกออกจากเตียงเท่าไร แต่ผมก็ต้องละความสนใจออกจากคนตัวเล็กตรงหน้า แล้วเดินไปหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง?” ผมรับสายจากธนินเลขาของผม พลางเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำในตู้ขึ้นมาสวม แล้วเดินออกไปคุยที่ริมกระจกหน้าต่างในห้อง [“ผมจัดการตามที่คุณคิมหันต์สั่งแล้วนะครับ ดูเหมือนว่าคนจะหันไปให้ความสนใจกับข่าวของบริษัทวีเคตามที่คาดไว้เลยครับ”] “แล้วเรื่องหุ้นล่ะ?” [“เรื่องหุ้นก็เหมือนกันครับ ตอนนี้ราคาหุ้นทั้งของโรงแรมและบริษัทของฝ่ายตรงข้ามร่วงลงไปตามคาดเลยครับ”] เรื่องที่ผมให้ธนินเลขาของผมไปจัดการ ก็คือการปล่อยข่าวที่เป็นความลับของบริษัทวีเค เหมือนอย่างที่ฝั่งนั้นทำกับเรา เพราะบริษัทฝ่ายตรงข้ามลอบกัดฝ่ายเราก่อน ผมเลยใช้วิธีเดียวกันลอบกัดฝ่ายนั้นบ้าง ผมรู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีสักเท่าไร แต่ผมไม่อยากให้สถานการณ์ฝั่งเราทรุดหนักกว่าเดิม เพราะงั้นวิธีนี้น่าจะแสดงผลลัพธ์ได้เร็วที่สุดแล้วล่ะ หึ! แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ อาจจะเกินคาดมากกว่าด้วยซ้ำล่ะมั้ง เพราะความลับที่ผมรู้มาของฝ่ายนั้นน่าสนใจกว่าเรื่องผมตั้งเยอะ “หึ! ดี แล้วตารางงานฉันวันนี้ล่ะ?” [“มีเอกสารของโรงแรมที่คุณคิมหันต์ต้องเซ็นอนุมัติอยู่สองสามโครงการครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”] “ถ้างั้น…เอาเอกสารกลับไปให้ฉันเซ็นที่บ้านแล้วกัน วันนี้ฉันจะกลับแล้ว” [“ได้ครับ! จะให้ผมเรียกคนขับรถมาให้มั้ยครับ?”] “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันขับกลับเอง” [“ได้ครับ! ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะครับ!”] ขวับ!! ในตอนที่ผมกำลังหันหลังกลับมา สายตาดันเหลือบไปเห็นของที่คุ้นตาสิ่งหนึ่งตกอยู่ข้างเตียง มันคือ…เศษซากถุงยางที่ผมมัดปากถุงทิ้งเอาไว้เมื่อคืนนี้ สิ่งๆนั้นทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อน!” [“คุณคิมหันต์มีอะไรจะสั่งอีกรึเปล่าครับ?”] “ฉัันต้องการของอีกอย่างหนึ่ง!” [“อะไรเหรอครับ?”] “ยาคุมฉุกเฉิน!!” [“อะไรนะครับ!!?”] “ถ้านายไม่ได้หูตึงก็คงได้ยินสิ่งที่ฉันขอไปแล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ เตรียมเอาไว้ให้ด้วยล่ะ!” ติ๊ด!! หมดธุระแล้วผมก็กดวางสายใส่เลขาของผมทันที ขวับ!! ผมหันไปมองร่างของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ก็ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่ที่เดิม เพราะเมื่อคืนเกวลินทำให้ผมพอใจมากจนเผลอลืมตัว ไม่ได้ป้องกัน ผมไม่ได้กังวลเรื่องโรคติดต่อ เพราะนั่นเป็นครั้งแรกของเกวลิน ผมเองก็ไม่ใช่คนส่ำส่อนอะไร แต่ผมไม่อยากให้มีปัญหาอย่างอื่นตามมาทีหลังมากกว่า ถ้าพลาดขึ้นมาจริงๆ คงจะมีเรื่องให้น่าปวดหัวมากกว่านี้แน่ๆ[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ