“แฮ่กๆๆ อ้ะ คุณคิมหันต์ อย่า!” แม้ริมฝีปากจะถูกปล่อยออกมาให้เป็นอิสระแล้ว แต่ฉันก็ยังต้องประสบกับความรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อคนตัวสูงเลื่อนริมฝีปากของตัวเองลงมาคลอเคลียอยู่บริเวณซอกคอขาวของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงเขี้ยวแหลมของคนตัวสูงที่ฝังลงไปบนเนินคออย่างแรง ทั้งยังดูดเม้มไปทั่วทั้งซอกคอ
ตึกตักๆๆ! ใจฉันมันเต้นรัวและแรงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของคนตัวสูงที่เอื้อมมารูดซิปเสื้อของฉันจากข้างหลังด้วยมือเพียงข้างเดียว “ไม่ได้นะ อื้อ! คุณคิมหันต์! แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!” ฉันต้องหยุดเขาให้ได้ เพราะถ้ามากกว่านี้สติของฉันคงจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลกว่านี้แน่ๆ ปึก!! ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เขาไม่คิดจะฟังฉันเลยสักนิด แต่กลับซุกไซร้หนักขึ้นกว่าเดิม จากลำคอก็เริ่มไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ และที่ทำให้ฉันต้องใจเต้นรัวหนักกว่าเดิม ก็คงเป็นมือของคนตัวสูงที่เลื่อนขึ้นมาจากซิปเสื้อ แล้วมาปลดตะขอบราของฉันจากข้างหลังอย่างง่ายดาย “อ้ะ! คุณ…คิม อึก!” ความรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวมันเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังรู้สึกมวนท้องราวกับว่ามีผีเสื้อสิบๆตัวกำลังบินวนอยู่ในนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของคนตัวสูง ที่ตอนนี้กำลังบีบเค้นเนินเนื้อตูมผ่านเสื้อผ้าอย่างเมามันส์ พรึ่บ!! ฉัน…ไม่ไหวแล้ว! เหมือนว่าสติของฉันมันจะสลายหายไป…พร้อมกับชุดเดรสที่ตกลงไปบนพื้นไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้…บนร่างของฉันมีแค่เพียงเศษผ้าชิ้นเล็กที่ปกปิดส่วนบนและส่วนล่างของตัวเองไว้เท่านั้น “อื้อ!” หมับ!! ฉันเอื้อมมือของตัวเองลงมาโอบคอของคนตัวสูงเอาไว้เพื่อเป็นที่ยึด เพราะตอนนี้ขาฉันมันอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว “หึ! ถอดเสื้อให้ฉันสิเกวลิน” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังขึ้นที่ข้างหูของคนตัวสูง นอกจากจะทำให้สติฉันยิ่งเตลิดเข้าไปใหญ่ มันยังทำให้ใจฉันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่นะ! ฉันไม่ควรทำตามที่เขาต้องการสิ พรึ่บ!! การกระทำมักจะไวกว่าความคิด แม้สมองฉันจะบอกว่าไม่ แต่ร่างกายฉันมันไม่คิดจะปฏิเสธเขาเลยสักนิด มือของฉันมันดันเอื้อมไปถอดเสื้อของคนตัวสูงออกทันที ตึกตักๆๆ!! ทันทีที่ได้เห็นแผ่นอกหนา และไหล่กว้างของคนตัวสูงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันใกล้ๆ มันยิ่งทำให้ใจฉันเต้นรัว สมองและสติมันเบลอไปหมด เบลอจนไม่สามารถเรียกมันกลับมาได้แล้วจริงๆ “อื้ม! จุ๊บๆ จ๊วบ!!” คนตัวสูงโน้มหน้าลงมาประกบจูบกับฉันอีกครั้ง ครั้งนี้นอกจากฉันจะไม่ปฏิเสธคนตรงหน้าแล้ว ฉันยังให้ความร่วมมือด้วยการรั้งท้าทอยของคนตัวสูงลงมาประกบจูบกันให้แนบชิดมากกว่าเดิม “อ้ะ! คุณคิม!” หมับ!! ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆคนตัวสูงก็อุ้มฉันขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว จนฉันต้องใช้ขาเกี่ยวรอบเอวของคนตัวสูงเอาไว้แน่นเพราะกลัวตก “หึๆ!!” คนตัวสูงยกยิ้มมุมปากขึ้นมาให้ฉัน แต่สิ่งที่แปลกคือ…มันไม่ใช่รอยยิ้มที่น่าขนลุกเหมือนปกติ แต่เป็นรอยยิ้มที่…ดูเหมือนกำลังพอใจในอะไรบางอย่างมากกว่า “อึก อื้อ!” ฉันพยายามกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้ เมื่อถูกคนตัวสูงตรงหน้าก้มลงไปดูดเม้มรอบๆเนินเนื้อ ที่ตอนนี้มันเปลือยเปล่าต่อหน้าคนตัวสูงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตุบ!! คนตัวสูงเดินอุ้มฉันตรงไปที่เตียงนอน แม้ว่าสายตาเขาจะไม่ได้จ้องมองทางอยู่ แต่เขากลับพาฉันมานอนลงบนเตียงได้อย่างปลอดภัย ราวกับว่ามีตาทิพย์งั้นแหละ ตรงกันข้ามกับฉัน ที่แม้จะมองเห็นทาง แต่สมองมันก็เบลอเกินกว่าจะชี้แนะอะไรคนตัวสูงได้ “จุ๊บๆ จ๊วบ!!” ทันทีที่วางฉันลงบนเตียงแล้ว คนตัวสูงก็ไม่รอช้าที่จะก้าวขึ้นมาคร่อมร่างฉันไว้ พร้อมทั้งจู่โจมเข้ามามอบรสจูบที่เร่าร้อนให้ฉันอีกครั้ง เรียวลิ้นที่เข้ามาเกี่ยวตระหวัดกันในปาก มันทำฉันร้อนผ่าวไปทั้งหน้าทั้งตัว อีกทั้งความรู้สึกมวนท้องมันก็มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ฝ่ามือหนาของคนตัวสูงเองก็ไม่เคยที่จะอยู่นิ่ง เพราะเขาเอาแต่ใช้มือตัวเองสัมผัสไปตามเรือนร่างของฉันไปทั่ว เริ่มจากหน้าท้องแบนราบ รอบๆเอว แผ่นหลังเรียว ขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้อตูมทั้งสองข้างที่เปลือยเปล่าไร้ปราการใดๆปกปิด “อึก! อื้อ” ฉันพยายามกลั้นเสียงร้องที่เกิดจากความรู้สึกซาบซ่าน ทุกครั้งที่ถูกคนตัวสูงบีบและเค้นคลึงเนินเนื้ออย่างเมามันส์ ฉัน…รู้สึกแปลกชะมัด! “อย่ากลั้นเสียงสิเกวลิน ฉันอยากฟังเสียงเธอนะ” “อ้าาา! อ้ะ ฮึก!” ฉันไม่สามารถกลั้นเสียงร้องของตัวเองได้อีกต่อไป แต่กลับร้องครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อฝ่ามือที่คลอเคลียอยู่กับเนินเนื้อของฉัน ในตอนแรก ถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากของเขาแทน “อ้ะ อ้าาา!!” ฉันสะดุ้งขึ้นมาทุกครั้งที่สัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นของคนตัวสูงที่กำลังดูดเม้มและคลอเคลียหยอกล้อกันเนินเนื้อของฉัน โดยเฉพาะบริเวณนั้น ส่วนที่มันเต่งตึงขึ้นมาบนยอดเนินอก มันทำให้ฉันดิ้นจนแทบจะบ้าตายทุกครั้งที่เรียวลิ้นของคนตัวสูงแตะไปโดนส่วนนั้น กริ้ก!! คนตัวสูงผละออกจากร่างของฉัน เพื่อลุกขึ้นไปปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเองอย่างรีบร้อน ตึกตักๆๆ!! ภาพตอนที่เห็นคนตัวสูงกำลังปลดเข็มขัดของตัวเอง จากมุมนี้…มันทำให้ใจฉันเต้นรัวขึ้นมาอีกแล้ว ท่อนบนที่เปลือยเปล่า เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามกล้ามเนื้อหน้าท้องมัดใหญ่ของเขา มันน่ามองชะมัด มันอาจจะเป็นความคิดที่บ้ามาก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้…เขาเซ็กซี่มากๆเลยล่ะ! พรึ่บ!! ใช้เวลาไม่นานคนตัวสูงก็ปลดเข็มขัดของตัวเองออกไปได้สำเร็จ แต่แล้วฉันก็เกิดอาการหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เมื่อจู่ๆคนตัวสูงตรงหน้าก็ปลดกางเกงตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว จนปรากฏท่อนล่างที่เปลือยเปล่าออกมาให้เห็นแก่สายตา จนฉันหันหน้าหนีเกือบไม่ทันซะแล้ว ^///^ แต่…เมื่อกี้ฉันแอบเห็นไปแล้วด้วยอ่ะ “หันมามองฉันได้มั้ย? เกวลิน!” ตึกตักๆๆ!! ฉันใจเต้นรัวขึ้นมาอีกแล้ว เพราะคำพูดของคนตัวสูงที่พูดออกมาเมื่อกี้ ปกติเขาจะเอาแต่พูดออกคำสั่งกับฉันอย่าง…มองฉันสิ! แต่เมื่อกี้…มันฟังดูเหมือนคำพูดร้องขอ หรือขออนุญาติมากกว่า เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาพูดกับฉันแบบนี้ ขวับ!! ไม่รู้ทำไมแต่เพราะคำพูดของเขา ทำให้ฉันยอมหันหน้ากลับไปมองเขาอย่างว่าง่าย ฉันคิดไปเองรึเปล่านะ? ทำไมสายตาของเขาตอนนี้มัน…ดูอ่อนโยนต่างจากปกติมากเลย เขาไม่ได้มองฉันด้วยสายตาที่แข็งกร้าว หรือเยือกเย็นอย่างปกติ แต่มันดู…อ่อนโยน อ่อนโยนจนใจฉันหวิวขึ้นมาซะได้ “เธอ…อยากให้ฉันทำต่อมั้ย?” มาถามคำถามนี้กับฉันตอนนี้เนี่ยนะ…มันไม่ขี้โกงเกินไปหน่อยเหรอ? “^///^ ฉัน…ฉันไม่รู้!” “งั้นฉันหยุดดีมั้ย?” เฮอะ! มาถึงขนาดนี้แล้วจะหยุดได้ยังไงล่ะ? “ไม่ค่ะ! ฉันมะ…อุบ!!”[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ