“เดินไหวไหม”
เอ่ยถามเธออย่างเบาๆเมื่อใบหน้าของเธอนั้นอยู่ชิดกับหน้าอกของเขาจนไม่ต้องพูดจาให้มีเสียงก็คงได้ยินกัน อีกอย่างเธอคงอายมากพอแล้วเขาก็ไม่อยากจะซ้ำเติม
“ไม่”
ข้อเท้าเธอขยับไม่ได้เลยมันเจ็บไปหมด นี่ถ้าเขาบอกว่ากระดูกเธอหักขึ้นมาจริงๆเธอก็คงเชื่อเพราะมันเจ็บมาก เจ็บเหมือนมีกระดูกโผล่ออกมาเลย
“เกาะไว้ดีๆล่ะ”
อุ้มไปขึ้นลิฟต์แล้วก็พาไปห้องทำงาน ปฐมพยาบาลให้จนพอเดินได้ แล้วถึงพากลับบ้านเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมไปหาหมอ บ่นแต่ว่าอายๆ
“ตายแล้ววววว กะเทยจะเป็นลม ตายๆ เกิดอะไรขึ้นเนี้ย”
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด กล้าหาญที่มายืนรอรับเจ้านายถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเจ้านายอุ้มเมียเดินออกมาจากภายในลิฟต์นั้น
นี่ยัยคนสวยขาอ่อนเดินเองไม่ได้เลยเหรอ สงสัยจะเข้าหอคืนแรกกันไปแล้วแน่ๆ
“ยังไม่ตายหรอก ช่วยไปหาพวกยานวดกล้ามเนื้อมาให้หน่อยก็พอและก็ยาแก้ปวดหรือยาคลายกล้ามเนื้อ”
เสียงหนาออกคำสั่งพร้อมกับสองขาก้าวเดินอย่างหนักแน่น อุ้มคนตัวเล็กเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง ด้วยที่นั่นมีโซฟาตัวยาวพอให้เธอได้นั่งลงอย่างสบายกว่าการไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองในสภาพข้อเท้าเกือบหักแบบนี้
“ครับบอส”
กล้าหาญขานรับคำสั่งเสียงหนักแน่นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ลืมตัวสาวแตกไปหลายคำพูด ก็คิดว่าสองคนนี้เขาเข้าหอกันแล้วก็เลยเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ ไม่คิดว่าจะแค่บาดเจ็บกันมาจนต้องถามหายาแก้ปวด
“เป็นอะไรยัยคนสวย ขาหักเหรอ”
ชายหนุ่มตัวบางท่าทางตุ้งติ๊งหายไปสักพักเพื่อหาของตามคำสั่งของเจ้านายไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของตามสั่งเหล่านั้น และการพุ่งตัวเข้าไปหายัยคนสวยที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องทำงานของเจ้านายอย่างรวดเร็ว เพื่อถามถึงสาเหตุการเดินไม่ได้ก่อนหน้านี้
“แค่ข้อเท้าพลิกตรงหน้าตึก แต่มันเจ็บเหมือนกระดูกหักออกมาเลย”
พอถูกถามคนเจ็บก็ตั้งท่าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีก มันสะเทือนทั้งข้อเท้าและก็จิตใจ
“ก็ใครใช้ให้ใส่ส้นสูงขนาดนั้นกันล่ะ”
เสียงหนาของเจ้าของห้องทำงานเอ่ยดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเชิงดุเล็กน้อยอีกครั้งกับคนตัวเล็กที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ
“ตายแล้ว แกอยากตกตึกลงมาตายหรือไง ถึงได้ซื้อรองเท้าแบบนี้มาใส่”
กล้าหาญก้มลงไปมองรองเท้าส้นสูงที่วางอยู่กับพื้น ก่อนจะแบะปากใส่ยัยคนสวยของเขาอย่างแรง สมควรแล้วล่ะที่ขาพลิกจนเกือบหักแบบนั้น ดันใส่รองเท้าส้นสูงอย่างกับตึกใบหยกเข้าไปได้ ดีแค่ไหนแล้วที่รอดมาถึงตรงนี้ได้
“หยุดซ้ำเติมกันได้ไหม”
“คราวหลังทำอะไรคิดให้มันรอบคอบกว่านี้หน่อย”
“ก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ”
“นี่ยาครับบอส ผมขอตัวก่อนนะครับ มีงานต้องทำต่อ”
กล้าหาญเห็นสถานการณ์ดูไม่ค่อยจะดี คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันดูเหมือนจะมีเรื่องให้ต้องคุยกันอีกมาก กะเทยอย่างเขาก็เลยหาทางหนีออกไปก่อนจะดีกว่า เกิดว่ามีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น กะเทยจะได้ไม่โดนลูกหลง
“อืม”
นนท์ธิวรรธน์กล่องปฐมพยาบาลมาจากมือของกล้าหาญแล้วก็นั่งลงข้างๆกับคนตัวเล็ก
“ฉันทำเองได้ แต่รบกวนคุณหันหน้าไปทางอื่นด้วย”
เธอไม่ขอรบกวนเขาไปมากกว่านี้จะดีกว่า แค่เขาอุ้มขึ้นห้องมานี่ก็อายซ้ำอายซ้อนจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ขืนให้เขามานั่งพันข้อเท้าให้ด้วยเธอคงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้วล่ะ เพราะต้องเอาแอบไว้แถวนี้ด้วยความอาย
“เดี๋ยวฉันช่วยทำให้ นั่งเฉยๆก็พอ”
แค่ข้อเท้าพลิกยังบอกว่ากระดูกหักแล้วจะปฐมพยาบาลตัวเองได้ยังไง มิจำขาตัวเองหักเป็นสองท่อนหรอกเหรอ สู้เขาทำให้ไม่ดีกว่าเพราะยังไงเช้านี้เขาก็ยังว่างงานอยู่ ไม่มีประชุมด่วนที่ไหน
“ขอบคุณนะ”
พราวลลิลปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ของเธอทิ้งอีกครั้ง ทั้งเจ็บทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเพราะทำเพื่อประชดประชันเขา แต่สุดท้ายเขาก็ช่วยดูแลเธอเป็นอย่างดี
“ดีขึ้นบ้างหรือยัง ถ้ามันเจ็บมากไปหาหมอไหม”
เขานวดยาให้กับเธอเบาๆก่อนจะพันผ้าประคองข้อเท้าเอาไว้ไม่ให้ขยับได้มากนักเอาไว้ให้ด้วย
ทำทุกอย่างอย่างเบามือเพราะข้อเท้าเธอในมือของเขานั้นเล็กมากๆ กลัวว่าถ้าทำแรงข้อเท้าของยัยลูกแมวจะหักเข้าจริงๆ
“ดีขึ้นแล้ว”
พราวลลิลปาดน้ำตาของเธออีกครั้งเมื่อน้ำตามันไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ เขาดูและเธอเหมือนที่พ่อของเขาดูแลเธอเลย เวลาที่เธอวิ่งเล่นจนหกล้มเป็นแผลตอนเด็กๆพ่อก็มักจะทำแบบนี้กับเธอและคอยถามเธอเสมอเลยว่า เจ็บไหม
“นั่งพักให้หายดีก่อน เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะให้พี่เนตรไปส่งเธอที่บ้าน”
เขาลุกขึ้นไปล้างมือภายในห้องน้ำที่อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวอันแสนกว้างขวางแห่งนี้ ไม่นานก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานพร้อมจะเริ่มงานได้
“ฉันเริ่มดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวรอกลับตอนเย็นพร้อมกับคุณก็ได้”
เธอไม่อยากกลับบ้านไปก่อนเขา เพราะกลัวว่าคุณลุงกับคุณป้าจะเป็นห่วงเมื่อเห็นเธอ เธอแกล้งใจพวกท่าน
ถึงจะยังปวดข้อเท้าอยู่อีกนิดหน่อยแต่เธอก็พอไหวที่จะรอกลับบ้านพร้อมกับเขาในตอนเย็น
“จะเอาแบบนั้นเหรอ”
“อืม คุณจะได้ไม่เปลืองน้ำมัน”
“ที่คราวนั้นทำให้ฉันน้ำมันหมดถัง ไม่เห็นพูดแบบนี้หนิ่”
นนท์ธิวรรธน์ก้มหน้าบ่นกับตัวเองเมื่อในหัวกำลังนึกถึงเรื่องวันที่เธอเมาแล้วทำเขานอนหลับไม่ได้นั้น คืนนั้นเขาขับรถวนไปทั่วจนน้ำมันหมดถัง ยังไม่ได้ทวงค่าน้ำมันกับเธอเลย
“บ่นอะไรเหรอ หรือว่าฉันนั่งในห้องนี้แล้วรบกวนคุณทำงาน”
“เชิญนั่งตามสบายเถอะ ยังไงตรงนี้ก็สะดวกกว่าข้างนอก อย่าลืมว่าเธอยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำไป”
“เหอะๆ ถ้างั้นฉันไม่พูดแล้วนะ”
“อืม”
“คุณทำอะไร”
พราวลลิลนั่งเงียบไปได้สักพักก็รู้สึกเบื่อๆ หันหน้าไปหาคนทำงานก็เห็นว่าเขาก้มหน้าทำอย่างตั้งอกตั้งใจ
ปากเธอก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่าเขานั้นกำลังทำอะไร เพราะเธอไม่เคยเห็นเขาทำงานมาก่อน ส่วนมากก็แค่เข้ามาเสนองานในห้องนี้แล้วก็ออกไป
“อ่านรายงานการประชุม”
เขาชูเอกสารปึกใหญ่ให้เธอได้เห็น ก่อนจะก้มหน้าอ่านมันต่อเพราะยังเหลืออีกมากกว่าจะอ่านรายงานพวกนี้จบ และเขาก็ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะอ่านให้จบก่อนมื้อเที่ยง เพราะช่วงบ่ายเขามีงานอย่างอื่นต้องทำต่อและเอกสารที่ต้องเซ็นอีกมากมาย
“ต้องอ่านเองหมดเลยเหรอ”
“อืม มันเป็นพวกการประชุมที่ฉันไม่มีเวลาว่างเข้าไปนั่งประชุมด้วย”
“เรื่องแค่นี้ คุณต้องทำด้วยเหรอทำไมไม่เห็นหัวหน้าแต่ละแผนกเขาจัดการไปล่ะ”
“ฉันก็ให้เขาจัดการนั่นแหละ แต่ว่า ฉันก็ต้องรู้ทุกอย่างด้วยตัวฉันเองด้วย เพราะถ้ามันเกิดปัญหาอะไรที่ใหญ่โตขึ้นมา ฉันจะได้ควบคุมมันได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น”
“คุณดูขยันจังเลยเนาะ”
“ไม่หรอก แค่ทำทุกวันจนเคยชินแค่นั้นเอง”
“อืม วันนี้ฉันว่างๆ ฉันช่วยอ่านให้ฟังเอาไหม คุณจะได้เซ็นเอกสารไปด้วยฟังไปด้วย งานจะได้เสร็จเร็วขึ้น”
คนตัวเล็กเสนอตัวช่วยงานแก้เบื่อให้กับตัวเอง เพราะถ้าจะให้เธอเดินออกไปนั่งที่โต๊ะตัวเองแล้วทำงานก็คงไม่ได้ด้วยตอนนี้ขาของเธอเดินไม่ได้ แต่เธอทำงานจากตรงนี้จะได้มีอะไรทำฆ่าเวลาไปจนกว่าจะเลิกงาน
“เธอไหวแน่นะ”
“ฉันดีขึ้นแล้วจริงๆ ไม่ร้องไห้แล้วไม่เห็นเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะ”
เขาเห็นว่างานก็ไม่ได้หนักหนาอะไรก็เลยเดินเอาเอกสารปึกใหญ่มาให้เธอได้อ่านให้ฟัง ส่วนเขานั้นก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานต่อแล้วก็เริ่มเซ็นเอกสารต่างๆ
น้ำเสียงหวานของเธอฟังแล้วลื่นหูดีมาก รายงานต่างๆที่ถูกอ่านออกมาก็ฟังได้และเข้าหูดีมาก ทำเอาท่านประธานอย่างเขาถึงกับทำงานได้อย่างลื่นไหนจนเซ็นเอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะเสร็จในเวลาไม่นาน และทำให้เขามีเวลานั่งฟังแต่เสียงหวานๆนั้นอย่างเพลิดเพลิน
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้