นางจึงเล่าเรื่องที่นางหมดสติไปในเกี้ยวของเจ้าสาว เหมือนตัวนางหลุดไปอีกโลก โลกที่มีแต่ความเจริญทั้งด้านการค้า ภาษา และวัฒนธรรม
บุรุษ สตรีล้วนแต่เท่าเทียม เรื่องหย่าร้างมีพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เมื่อสองคนใช้ชีวิตร่วมกันได้ ก็เพียงแต่แยกกันไปเริ่มชีวิตใหม่ การร่ำเรียนก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ปิดกั้นไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี
ตำราก็หาอ่านได้ง่าย เมื่อมีห้องสมุดกลางที่ผู้ใดจะสามารถเข้าไปใช้ก็ได้
“เมื่อลูกตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เกี้ยวเจ้าสาวใกล้ถึงจวนตระกูลซูแล้วเจ้าค่ะ”
คำพูดของซุนเหยาทำให้จ้าวกงหยวนปวดใจยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าเกือบจะเสียบุตรีของตนในวันที่ส่งตัวเจ้าสาวเสียแล้ว
แต่เรื่องราวที่ออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้จ้าวกงหยวนตกตะลึงกับความแปลกใหม่ที่ได้รับ
ไหนจะเป็นห้องตำราส่วนกลาง หรือแม้แต่สิ่งที่นางเรียกว่าธนาคาร เพื่อใช้ฝากเงิน กู้เงิน
“เจ้าพูดเรื่องธนาคารของเจ้าให้กระจ่างเสียหน่อย”
เพราะธนาคารหากจ้าวกงหยวนสร้างขึ้นมาได้จริง จะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเขา เรื่องนี้เขาจึงสนใจเป็นอย่างมาก
ซุนเหยานางก็บอกรายละเอียดทั้งหมดของธนาคาร ทั้งเรื่องรับฝากเงิน เพื่อให้ผู้ฝากได้ดอกเบี้ยเพิ่ม ทางธนาคารยังสามารถนำเงินก้อนที่ฝากระยะยาวมาปล่อยกู้ เพื่อกินดอกเบี้ยอีกต่อหนึ่ง ไหนจะเรื่องจำนำที่ดิน หรือกู้เงินซื้อที่ดินซื้อเรือนเพื่ออยู่อาศัย
ทั้งวันสองพ่อลูกพูดคุยกัน จนซุนเหยานางไม่ได้ไปที่เหลาอาหาร จึงไม่ได้รู้ว่ามีคนมารอพบนางอยู่ที่เหลาอาหาร
หงอี้ วันนี้นางกลับไปแต่งตัวเหมือนตอนที่อยู่ในค่ายทหาร เมื่อมาถึงเหลาอาหารเหม่ยสือ นางก็แจ้งกับหลงจู๊ว่าต้องการพบซุนเหยา
หลงจู๊จึงพานางมานั่งรอที่ห้องรับรอง ทั้งยังยกอาหารเข้ามาให้นางด้วย เพราะเรื่องที่ซุนเหยานางเป็นเจ้าของเหม่ยสือมีคนล่วงรู้น้อยนัก หลงจู๊หมานจึงคิดว่าหงอี้นางเป็นสหายของซุนเหยา
“แล้วท่านจะตามข้ามาทำไม” หงอี้หันไปมองซูเซวียนอย่างไม่สบอารมณ์
ไม่รู้ว่าหากซุนเหยานางรู้ว่าซูเซวียนมาจะยอมมาพบนางหรือไม่
เป็นไปตามคาด เมื่อทั้งสองทานอาหารเสร็จเรียบร้อย หลงจู๊หมานก็เข้ามาแจ้ง
“นายหญิงไม่เข้ามาที่ร้านขอรับวันนี้”
“ข้าว่าแล้ว เพราะท่าน นางจึงไม่ยอมมาพบข้า ข้าไปละ ท่านจ่ายค่าอาหารด้วย”
“ไม่ต้องขอรับ นายหญิงให้แจ้งว่า แม่นางฟู่จะมากินเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ขอรับ”
“ฝากขอบคุณอาเหยาด้วย ไว้ข้าจะมาพบนางใหม่”
หงอี้เดินออกจากร้านไปทันที โดยไม่คิดจะเรียกซูเซวียนให้ออกไปด้วย
"เหตุใดนางถึงไม่ยอมมา" เขาเอ่ยถามหลงจู๊ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่า เขาอยู่ที่เหลาอาหารจึงทำให้นางไม่ยอมออกมาพบหงอี้
“ท่านเสนาบดีจ้าว มาพบนายหญิงที่จวนขอรับ นางจึงไม่สะดวกออกมาพบแม่นางฟู่ที่เหลาอาหาร”
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซูเซวียนก็ผ่อนคลายลง แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ หากซุนเหยานางรู้ว่าเขาอยู่นางก็จะไม่ออกมาพบหงอี้จริงๆ
ซุนเหยาเมื่อส่งบิดากลับไปแล้ว นางก็เข้าไปอยู่ในโกดังเพื่อจัดการเรื่องเครื่องปรุงที่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะอยู่ที่จวนหลังใหม่แล้ว นางจะใช้เวลาอยู่ด้านในนานเท่าใดก็ได้ โดยไม่มีใครว่า
แต่เมื่อถึงตอนเวลาอาหารเย็น เสี่ยวกุ้ยจำต้องไปตามคุณหนูของนางออกมารับมื้อเย็น
เพราะคำสั่งของซุนเหยา ห้ามให้ผู้ใดเข้าไปด้านในโกดังตอนที่นางอยู่เด็ดขาด เสี่ยวกุ้ยจึงได้แต่ร้องเรียกนางอยู่ด้านนอก
“คุณหนูเจ้าค่ะ รับมื้อเย็นได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ตั้งโต๊ะเลย ประเดี๋ยวข้าออกไป” ซุนเหยานางรีบเก็บถุงพลาสติกเข้าไปในช่องเก็บของ ของนางทันที
ก่อนที่จะเดินออกมาจากโกดังเพื่อไปรับมื้อเย็น การเปลี่ยนถ่ายเครื่องปรุงทำให้นางเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะยกตะเกียบในมือขึ้น
ทั้งหมดด้านในเป็นนางที่ต้องจัดการด้วยตนเอง ทั้งยกไห แยกประเภทเครื่องปรุงแต่ละชนิด เพื่อให้บ่าวเคลื่อนย้ายไปที่เหลาอาหารได้สะดวก เมื่ออาบน้ำเสร็จนางก็เข้านอนทันที
ซูเซวียนเมื่อเห็นว่าด้านในห้องดับไฟแล้วเขาก็งัดหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ยิ่งเห็นซุนเหยานางนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจก็คิดอยากจะจับตัวนางขึ้นมาตีก้นเสียทีสองที
เพราะผิดกลับตัวเขาที่นอนไม่หลับสักคืน พอเมื่อหลับตากับคิดถึงแต่คำพูดและแววตาที่โกรธเคืองของซุนเหยาจนต้องมาพบนางที่จวนให้ได้
“ซุนเหยา” ซูเซวียนเอ่ยเรียกนางเสียงเบา เพื่อปลุกให้นางลุกขึ้นมาคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
แต่ซุนเหยานางเพียงขยับตัว แล้วซุกลงไปใต้หมอนของนางเท่านั้น ในตอนแรกซูเซวียนก็กลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ เพราะหมอนที่พวกเขาใช้กันส่วนมากเป็นหมอนที่ทำมาจากหยกทั้งก้อน หรือไม้หอม
แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสไปที่หมอนของซุนเหยาก็พบว่ามันนุ่มนิ่มไม่ต่างจากตัวของนางเลย ซูเซวียนสะกิดเรียกเท่าไหร่ซุนเหยานางก็ไม่คิดจะตื่น เขาจึงทำหน้าหนาขึ้นไปนอนบนเตียงกับนาง
ยิ่งได้สูดดมเส้นผมของนางที่มีกลิ่นหอมประหลาด ซูเซวียนก็ผ่อนคลายกับเรื่องที่พบเจอสองวันที่ผ่านมาทั้งหมด
ซุนเหยาเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นนางก็เผลอตัวซุกเข้าหา ซูเซวียนจังดึงตัวนางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วหลับลง
เขาแทบไม่อยากเชื่อตัวเอง เพียงแค่มีนางนอนอยู่ข้างกาย เขาจะหลับสนิทมากเพียงนี้ ซุนเหยาเมื่อถูกกอดรัดเป็นเวลานานนางก็รู้สึกไม่สบายตัวจึงผลักตัวซูเซวียนออก แต่ซูเซวียนก็ยังพลิกตัวตามไปกอดด้านหลังของนางไม่ยอมปล่อย
เกือบฟ้าสางซูเซวียนก็จำต้องกลับจวนของเขาไปอย่างอาลัยอาวรณ์ “ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกเจ้า แต่เป็นเจ้าที่เสียใจกับงานแต่งงานครั้งนี้” ก่อนที่เขาจะออกไป ยังกระซิบข้างหูของซุนเหยา
ซุนเหยานางคิดว่านางฝันไป เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดของซูเซวียนยังก้องในหูของนาง
“ประสาท จะไปนึกถึงบุรุษเช่นนั้นเพื่ออันใด” ซุนเหยาสลัดเรื่องของซูเซวียนทิ้ง แล้วนางก็จัดการตัวเองเพื่อไปที่เหลาอาหาร
เมื่อหลงจู๊หมานเห็นนางเข้ามาทางประตูหลัง ก็รีบเดินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
“นายหญิงท่านมาเสียที ท่านแม่ทัพมารอท่านตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็มาขอรับ” หลงจู๊ไม่กล้าเอ่ยปากไล่ ห้องรับรองยังมีลูกค้าที่จองไว้ต้องการใช้
นางจึงเล่าเรื่องที่นางหมดสติไปในเกี้ยวของเจ้าสาว เหมือนตัวนางหลุดไปอีกโลก โลกที่มีแต่ความเจริญทั้งด้านการค้า ภาษา และวัฒนธรรมบุรุษ สตรีล้วนแต่เท่าเทียม เรื่องหย่าร้างมีพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เมื่อสองคนใช้ชีวิตร่วมกันได้ ก็เพียงแต่แยกกันไปเริ่มชีวิตใหม่ การร่ำเรียนก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ปิดกั้นไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีตำราก็หาอ่านได้ง่าย เมื่อมีห้องสมุดกลางที่ผู้ใดจะสามารถเข้าไปใช้ก็ได้“เมื่อลูกตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เกี้ยวเจ้าสาวใกล้ถึงจวนตระกูลซูแล้วเจ้าค่ะ”คำพูดของซุนเหยาทำให้จ้าวกงหยวนปวดใจยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าเกือบจะเสียบุตรีของตนในวันที่ส่งตัวเจ้าสาวเสียแล้วแต่เรื่องราวที่ออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้จ้าวกงหยวนตกตะลึงกับความแปลกใหม่ที่ได้รับไหนจะเป็นห้องตำราส่วนกลาง หรือแม้แต่สิ่งที่นางเรียกว่าธนาคาร เพื่อใช้ฝากเงิน กู้เงิน“เจ้าพูดเรื่องธนาคารของเจ้าให้กระจ่างเสียหน่อย”เพราะธนาคารหากจ้าวกงหยวนสร้างขึ้นมาได้จริง จะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเขา เรื่องนี้เขาจึงสนใจเป็นอย่างมากซุนเหยานางก็บอกรายละเอียดทั้งหมดของธนาคาร ทั้งเรื่องรับฝากเงิน เพื่อให้ผู้ฝากได้ดอกเบี้ยเพิ่
เห็นนางเป็นเช่นนี้เขาก็วางใจ เพราะเลี้ยงดูนางมาดั่งไข่มุกในฝ่ามือ กลัวว่านางจะหัวอ่อนถูกรังแกมาตลอด แต่เมื่อเห็นนางเข้มแข็งเช่นนี้ เขาก็หมดห่วง“พี่จะไปดูจวนใหม่ของเจ้าด้วย” หลิงเฮ่อยังไม่วางใจจึงคิดจะไปดูที่จวนหลังใหม่ของซุนเหยา“เจ้าค่ะ” นางยิ้มให้พี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งบิดามารดาขึ้นรถม้ากลับจวน แล้วไปที่จวนหลังใหม่ของซุนเหยาหลิงเฮ่ออดที่จะมองน้องสาวอย่างพิจารณาไม่ได้ เมื่อก่อนนางหัวอ่อนจนเขาคิดว่าจะใช้ชีวิตไม่ได้เสียแล้ว“อาเหยา เจ้าเตรียมการมานานเพียงใดแล้ว”“ตั้งแต่วันแรกที่ข้าแต่งเข้าจวนตระกูลซูเจ้าค่ะ ถึงแม้ท่านแม่สามีจะดูแลข้าอย่างดีราวกับบุตรของนาง แต่กับซูเซวียนข้าใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้จริงๆ”ซุนเหยายิ่งนึกถึงใบหน้าและคำพูดที่ออกมาจากปากของซูเซวียนนางก็หงุดหงิดในใจ วาจาเชือดเฉือนยังพอปล่อยผ่านไปได้ แต่การที่เขาเห็นนางเป็นคนโง่ถึงขั้นหลอกลวงเรื่องอนุภรรยามันทำให้ความอดทนของซุนเหยาหมดลงอย่าว่าจะต้องอยู่กับเขาให้ได้หนึ่งเดือนเลย เพียงอยู่ต่ออีกเค่อเดียวนางก็ไม่อาจทนอยู่ได้เมื่อถึงจวนหลังใหม่ที่ซุนเหยานางซื้อไว้ หลิงเฮ่อก็เดินสำรวจรอบจวน เพื่อดูว่าหากน้องสาวอาศัยอยู่ผู้เดียว
เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้นเสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ” “หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดังครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้” ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ” ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซ
ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา” ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่นแต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทางในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้านยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้นเสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเข
เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลยเสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เ
ซุนเหยานางช่วยประคองหลีซื่อไปที่ห้องโถง เพื่อรับอาหารมื้อเย็น ทั้งยังบอกให้คนไปตามซูเซวียนกับหงอี้มารับอาหารด้วยกันอีกด้วย“เจ้าจะให้บ่าวไปตามนางมาด้วยเรื่องอันใด”“ท่านแม่ หงอี้ นางอาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่านางน่าสงสารหรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้ใดว่าข้าใจแคบ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้นางกินด้วย”“เหอะ ผู้ใดจะกล้าว่าเจ้า” หลีซื่อเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์สาวใช้เมื่อเห็นว่าหลีซื่อไม่ได้ห้ามเรื่องให้ไปตามซูเซวียน นางจึงรีบเดินออกไปตามทันทีหงอี้ เมื่อไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วยแล้ว นางก็เริ่มต่อว่าซูเซวียนที่ทำให้นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังทำให้ข้าเป็นนางมารต่อหน้ามารดากับฮูหยินของท่าน”“ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะพูดยากถึงเพียงนี้” ซูเซวียนคิดว่า เพียงแค่เขาเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องหย่า ก็คงเป็นตามที่มารดาพูดไว้ หากเขากลับมาเมื่อใดก็หย่าได้ทันทีเจ้าทนอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อกลับชายแดน ข้าจะให้เจ้าหยุดฝึกสามเดือนดีหรือไม่”“ท่านพูดแล้วนะเจ้าคะ”ทั้งคู่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในเรือนท้ายจวนก็มีสาวใช้เข้ามาขอพบ“คุณชายเจ้า