หลีซื่อสะบัดมือของจากมือของบุตรชาย ก่อนจะมองหาซุนเหยาอีกครั้ง
“เหอะ อาเหยาอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าแล้วหรือยัง”
“แล้วเจ้า เข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” นางชี้มือไปที่หงอี้
“เอ่อ ข้า ข้ามาดูท่านแม่เจ้าค่ะ”
“ผู้ใดแม่เจ้า ข้าบอกแล้วหรือว่าจะรับเจ้าเป็นอนุของบุตรชายข้า”
“ท่านแม่ โปรดคลายโทสะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องรับอี้เออร์เข้าจวนขอรับ”
หงอี้ขนแขนลุกชัน นางเบิกตากว้างจ้องมองซูเซวียนอย่างตื่นตกใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดแสดงงิ้วอีกหรือ
นางอยากจะร้องถามใจแทบขาด และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ แต่สายตาคาดโทษของซูเซวียนที่มองมา หากนางพูดออกไป กลับค่ายไม่แคล้วนางคงโดนเล่นงานเป็นแน่
“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” หลีซื่อลุกขึ้น เพื่อจะวิ่งเอาหัวไปโขกที่เสา แต่ก็ถูกซูเซวียนจับตัวไว้ได้ท่าน
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ขอรับ”
แม่นมที่กลับมาจากไปตามตัวซุนเหยาก็รีบเข้ามาขัดขวางหลีซื่อที่ยังโวยวายไม่เลิก
“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยนางไปทำน้ำแกงโสมมาให้ท่าน ตอนนี้นางกำลังไปล้างตัว ท่านรีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถิดเจ้าค่ะ”
“อาเหยาที่น่าสงสารของข้า เห็นหรือไม่เจ้าลูกเต่า นางถูกเจ้าทำให้ช้ำใจถึงเพียงนี้ ยังคิดเป็นห่วงยายแก่เช่นข้า”
หลีซื่อชอบอาหารที่เป็นฝีมือของซุนเหยานางรีบไปนั่งที่โต๊ะ แล้วตักน้ำแกงโสมกินอย่างรวดเร็ว
ซูเซวียนมองตามมารดาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาคิดว่าซุนเหยานางคงใช้เล่ห์อันใดกับมารดาของตนแน่ มารดาจึงได้เชื่อฟังนางเช่นนั้น
“ฮูหยินน้อยมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบเข้ามาแจ้งด้านใน เมื่อเห็นซุนเหยานางกำลังเดินมาที่เรือนของหลีซื่อ
หลีซื่อรีบยกซดน้ำแกงที่เหลือลงคออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปนอนลงที่เตียงแสร้งทำเจ็บป่วยอยู่เช่นเดิม
หงอี้ยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากเชื่อ นางเห็นการแสดงงิ้วของสตรีมาไม่น้อย แต่หลีซื่อท่านแม่ของท่านแม่ทัพนั้น เหนือชั้นกว่าเห็นๆ
ซูเซวียนได้แต่ส่ายหัวให้กับการแสดงของมารดา ทุกครั้งที่นางต้องการสิ่งใด จากเขาหรือท่านพ่อของเขา นางมักจะทำเช่นนี้
“ท่านแม่ ดีขึ้นแล้วหรือยังเจ้าคะ” ซุนเหยานั่งลงข้างเตียงหลีซื่อ
“แม่ แม่ไม่กล้าสู้หน้าของเจ้าแล้วอาเหยา บุตรชายที่ข้าเลี้ยงดูมา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้”
ซุนเหยาถอนหายใจ เมื่อหลีซื่อนางเริ่มคร่ำครวญอีกครั้งแล้ว
“ท่านแม่อย่าได้กล่าวเช่นนี้เจ้าค่ะ สามีภรรยาที่ไม่มีความรักต่อกัน เพียงแค่หย่าร้างกันไปเริ่มชีวิตใหม่ ถึงข้าจะไม่ใช่ลูกสะใภ้ของตระกูลซูแล้ว ข้าก็ยังนับถือท่านเป็นมารดาอีกคนเจ้าค่ะ”
ซุนเหยาพยายามเกลี้ยกล่อมแม่สามีของนาง เพื่อให้เข้าใจว่านางกับซูเซวียนมิอาจอยู่ด้วยกันได้ ในเมื่อเขามีสตรีที่เขาพึงใจ นางก็เพียงแค่ถอยออกมาก็เท่านั้น
หงอี้มองนางอย่างชื่นชม แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาใบหน้าของนางก็แข็งค้างบิดเบี้ยวไปเลย
“ตอนนี้ก็นับว่าท่านแม่ทัพซูเป็นลูกกตัญญูต่อท่านแล้ว ครั้งนี้เขากลับมายังพาลูกสะใภ้มาให้ท่านด้วยเห็นหรือไม่เล่าเจ้าค่ะ”
“เหอะ จะมีสตรีใดสู้เจ้าได้อีก ทั่วทั้งเมืองยังหาไม่พบ แล้วนี่ไปคว้ามาจากที่ใดข้าก็ไม่รู้” หลีซื่อหรี่ตามองหงอี้อย่างมุ่งร้าย
หงอี้สะกิดซูเซวียนพร้อมทั้งสายตาอ้อนวอนเขา ขอให้พูดความจริงได้แล้ว นางไม่อยากถูกมองเช่นนี้อีกแล้ว
“เช่นนั้นเรื่องของอี้เออร์เอาไว้ก่อนขอรับ จ้าวซุนเหยา หากเจ้ามิใจแคบจนเกินไป ข้าจะพิจารณาเรื่องหย่ากับเจ้าอีกที”
“ไม่ต้องให้ท่านพิจารณาเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าต้องการหย่า” ซุนเหยาปรายตามองซูเซวียนอย่างนึกรังเกียจ
มีสิทธิ์อันใดจะมาตัดสินใจเองเรื่องจะหย่าหรือไม่หย่า ยิ่งนางนึกถึงคำพูดของเขาในวันที่แต่งงาน ก็ยิ่งไม่อยากจะเห็นหน้าของเขา
“ท่านแม่ ท่านได้ยินแล้วหรือไม่ขอรับ เป็นนางที่ต้องการจะหย่าขาดจากข้า”
“อาเหยา” หลีซื่อเอ่ยเรียกซุนเหยาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“เจ้ากลับมาอยู่ที่เมืองหลวงนานเพียงใด” หลีซื่อหันมาถามบุตรชาย
“หนึ่งเดือนขอรับ”
“เช่นนั้นหนึ่งเดือน พวกเจ้าลองใช้ชีวิตด้วยกันเสียก่อน หากอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง แม่จะยอมให้พวกเจ้าหย่า อาเหยาถือว่าเห็นแก่แม่สักครั้งเถิด”
ซุนเหยาก้มหน้าลงซ่อนสายตาที่ไม่ยินยอมของนาง ต่อให้หลบสายตาของหลีซื่อได้ แต่ก็ไม่อาจหลบสายตาที่คมดุจเหยี่ยวของซูเซวียนไปได้
“เจ้าค่ะ” นางจำต้องรับปาก
“ดีดี จัดเรือนให้นางไปอยู่ที่ท้ายจวน ส่วนเจ้าลูกเต่า เจ้าอยู่ที่เรือนเดียวกับอาเหยา อย่าได้คิดไปเหยียบที่เรือนท้ายจวนเป็นอันขาด”
“แต่ว่า” ซุนเหยารีบเอ่ยแย้ง
“เพียงเดือนเดียวเท่านั้นอาเหยา แล้วแม่จะไม่บังคับเจ้าอีกเลย”
หงอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางยอมอยู่ที่เรือนท้ายจวนตลอดทั้งเดือนยังดีกว่าที่จะมาอยู่รวมกับท่านแม่ของท่านแม่ทัพ
“อี้เออร์ ข้าจะไปส่ง” ซูเซวียนไม่อาจขัดใจมารดาได้อีก เพราะกลัวว่านางจะกระอักเลือดอีกครั้ง
เขามีเรื่องที่จะพูดกับหงอี้ให้กระจ่าง จึงต้องไปส่งนางด้วยตนเอง แกลายเป็นว่าการแสดงออกของเขาเช่นนี้ ทำให้หลีซื่อกับซุนเหยาคิดว่าเขาพึงใจต่อหงอี้นางมากนัก
“อาเซวียนเจ้า”
“ท่านแม่ อย่าได้ห้ามท่านแม่ทัพเลยเจ้าค่ะ เท้านี้ท่านแม่ทัพก็ยอมถอยให้ท่านมากแล้วเจ้าค่ะ”
เรื่องนี้นางไม่ได้พูดแก้ต่างให้ซูเซวียนแต่นางเห็นใจหงอี้ ที่เป็นสตรีเช่นเดียวกัน จากสีหน้าที่เดี๋ยวซีดขาว เดี๋ยวแดงก่ำของนาง ก็พอจะรู้แล้วว่านางคงไม่รู้เรื่องที่ซูเซวียนมีฮูหยินอยู่ที่จวนแล้ว จึงได้ติดตามเขากลับมา
“โธ่ อาเหยาของข้า” หลีซื่อบีบมือของซุนเหยาแน่น
เมื่อเห็นทั้งคู่เดินออกจากห้องไปแล้ว ซุนเหยานางจึงได้บอกแม่สามีเรื่องที่นางเตรียมอาหารไว้ให้หลีซื่ออย่างมากมาย
“ท่านแม่ ข้าให้สาวใช้ไปนำอาหารที่เหม่ยสือมาหลายรายการ ท่านจะกินเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ดีดี เช่นนั้นตั้งโต๊ะเถิด แม่หิวแล้ว”
น้ำแกงโสมที่กินไปเมื่อครู่เหมือนยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารของหลีซื่อ นางจึงลืมเรื่องที่โมโหบุตรชายไปเสียสนิท
เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้นเสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ” “หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดังครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้” ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ” ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซ
ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา” ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่นแต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทางในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้านยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้นเสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเข
เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลยเสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เ
ซุนเหยานางช่วยประคองหลีซื่อไปที่ห้องโถง เพื่อรับอาหารมื้อเย็น ทั้งยังบอกให้คนไปตามซูเซวียนกับหงอี้มารับอาหารด้วยกันอีกด้วย“เจ้าจะให้บ่าวไปตามนางมาด้วยเรื่องอันใด”“ท่านแม่ หงอี้ นางอาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่านางน่าสงสารหรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้ใดว่าข้าใจแคบ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้นางกินด้วย”“เหอะ ผู้ใดจะกล้าว่าเจ้า” หลีซื่อเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์สาวใช้เมื่อเห็นว่าหลีซื่อไม่ได้ห้ามเรื่องให้ไปตามซูเซวียน นางจึงรีบเดินออกไปตามทันทีหงอี้ เมื่อไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วยแล้ว นางก็เริ่มต่อว่าซูเซวียนที่ทำให้นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังทำให้ข้าเป็นนางมารต่อหน้ามารดากับฮูหยินของท่าน”“ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะพูดยากถึงเพียงนี้” ซูเซวียนคิดว่า เพียงแค่เขาเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องหย่า ก็คงเป็นตามที่มารดาพูดไว้ หากเขากลับมาเมื่อใดก็หย่าได้ทันทีเจ้าทนอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อกลับชายแดน ข้าจะให้เจ้าหยุดฝึกสามเดือนดีหรือไม่”“ท่านพูดแล้วนะเจ้าคะ”ทั้งคู่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในเรือนท้ายจวนก็มีสาวใช้เข้ามาขอพบ“คุณชายเจ้า
หลีซื่อสะบัดมือของจากมือของบุตรชาย ก่อนจะมองหาซุนเหยาอีกครั้ง“เหอะ อาเหยาอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าแล้วหรือยัง” “แล้วเจ้า เข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” นางชี้มือไปที่หงอี้“เอ่อ ข้า ข้ามาดูท่านแม่เจ้าค่ะ”“ผู้ใดแม่เจ้า ข้าบอกแล้วหรือว่าจะรับเจ้าเป็นอนุของบุตรชายข้า”“ท่านแม่ โปรดคลายโทสะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องรับอี้เออร์เข้าจวนขอรับ”หงอี้ขนแขนลุกชัน นางเบิกตากว้างจ้องมองซูเซวียนอย่างตื่นตกใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดแสดงงิ้วอีกหรือนางอยากจะร้องถามใจแทบขาด และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ แต่สายตาคาดโทษของซูเซวียนที่มองมา หากนางพูดออกไป กลับค่ายไม่แคล้วนางคงโดนเล่นงานเป็นแน่“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” หลีซื่อลุกขึ้น เพื่อจะวิ่งเอาหัวไปโขกที่เสา แต่ก็ถูกซูเซวียนจับตัวไว้ได้ท่าน“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ขอรับ”แม่นมที่กลับมาจากไปตามตัวซุนเหยาก็รีบเข้ามาขัดขวางหลีซื่อที่ยังโวยวายไม่เลิก“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยนางไปทำน้ำแกงโสมมาให้ท่าน ตอนนี้นางกำลังไปล้างตัว ท่านรีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถิดเจ้าค่ะ”“อาเหยาที่น่าสงสารของข้า เห็นห
ทั้งหมดในห้องโถงยังไม่ได้รับรู้ของผู้มาเยือนที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูจวน เพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องเงิน มีเพียงพ่อบ้านซูที่ยืนมองอย่างร้อนรน“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าไม่เล่นด้วยแล้วค่ะ” ซุนเหยายื่นปากอย่างไม่พอใจ“ได้ ได้ แม่ยอมแล้ว เอาไป” หลีซื่อได้ยินว่าซุนเหยานางจะไม่ยอมเล่นด้วยอีกก็รีบยัดถุงเงินใส่มือของนางอย่างไวซูเซวียนใบหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเขามาถึงแล้วคนด้านในยังไม่สนใจเขา หงอี้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางคิดว่าฮูหยินที่ท่านแม่ทัพซูอยากจะหย่าคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังนิสัยร้ายกาจแต่ที่นางเห็น หากบอกว่าซุนเหยานางอัปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่มีสตรีใดที่งดงามอีกแล้ว ทั้งยังไพ่บนโต๊ะที่แปลกตา หงอี้นึกอย่างจะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยใจแทบขาด“ท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”สิ้นเสียงของซูเซวียนทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วหันมามองทางเขา หลีซื่อใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่าบุตรชายพาสตรีกลับมาด้วยซุนเหยาเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับ ทั้งนางยังเก็บเงินที่ได้มาลงหีบของนางอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขากลับมา ต่อให้มาเพียงลำพังก็คงต้องมาด้วยเรื่องหย่ากับนางเป็นแน่“นางเป็นผู้ใดกัน” หลีซื่อชี้นิ้วที่สั่นเ