รุ่งเช้าของวัน วันนี้เป็นวันหยุดยาวมิเรย์เลยไม่ได้เข้ามหาลัยแต่ร่างบางกลับสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดึงขึ้น ทำเอาเจ้าของโทรศัพท์หงุดหงิดไม่ใช่น้อยแต่เมื่อมองหน้าจอรู้ว่าเป็นเบอร์ใคร เธอจึงรีบกดรับ
สายเรียกเข้า -Genshi- “ฮัลโล ว่าไงพี่เก็น”มิเรย์กดรับโทรศัพท์พร้อมกับเอ่ยถาม ‘เก็นชิ’ ผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่งเกือบสิบโมง (มิเรย์ว่างไหม วันนี้มีเรียนหรือเปล่า) “อือ ไม่มีเรียนว่าแต่โทรมาแต่เช้าพี่เก็นมีอะไร”มิเรย์ยกแขนเรียวอีกข้างขึ้นบิดขี้เกียจคงจะลืมไปว่าเวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าที่ไทยสองชั่วโมง (วันนี้สี่โมงเย็นลงสนามแข่งรถแทนเพื่อนพี่ที พอดีมันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย) “วะ วะว่าไงนะคะ แข่งรถเลยเหรอพี่เก็น”พอได้ยินเก็นชิพูดจบมิเรย์ก็รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอนปรับมาเป็นท่านั่งอย่างใช้ความคิดจริงอยู่ที่เธอชอบขับรถแข่งตอนอยู่ญี่ปุ่น แต่นี่ก็นานนับปีแล้วที่เธอไม่ได้ลงสนาม “ช่วยพี่หน่อย ถือว่าขอร้อง ให้ค่าขนมเลยอ่ะเอากี่บาท”สิ้นคำพูดหลอกล่อน้องสาวจอมแก่นของเก็นชิ มิเรย์ก็เงียบไปชั่วขณะ ทว่า ข้อเสนอของพี่ก็น่าสนใจดีนะขับรถเล่น ๆ ก็ได้ค่าขนม “ค่าขนม กี่บาท มากพอที่น้องคนนี้จะลงสนามไหม แล้วต้องขับให้ชนะเลยไหมนะ” (สองแสน พร้อมโอนน้องพีชนะอยู่แล้ว) “สองแสน สองแสนเลยเหรอ”มิเรย์ถามย้ำค่าขนมจากพี่ชายเงินสองแสนนี่ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ (ฟังไม่ผิด สองแสนถ้าตกลงพี่โอนให้ตอนนี้) มิเรย์รีบตอบตกลงเก็นชิโดยไม่ลังเล เมื่อได้ยินค่าขนมที่พี่ชายจะจ่ายให้แต่หลังจากยอดเงินเข้าบัญชีเธอจึงรีบวางสายแล้วนอนเก็บแรงต่อเพราะเมื่อคืนเธอเองก็ดื่มหนัก ข้อความจาก -Genshi- Genshi : สนามแข่งXX รถพี่ให้คนจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ไปถึงแสดงบัตรแล้วลงแข่งได้เลย บ่ายสองของวัน มิเรย์ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับสวมชุดที่พี่ชายให้คนจัดส่งมาให้ถึงหน้าคอนโดเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ขับรถมุ่งหน้าไปยันสนามแข่งรถตามที่เก็นชิส่งมาให้ “หวังว่าวันนี้แก๊งนั้นจะยังไม่ตื่นมาดูการแข่งวันนี้นะ”มิเรย์พูดคนเดียวในระหว่างที่กำลังขับรถเข้าจอดลานจอดรถทันทีที่ลัมโบร์กินีของเธอจอดสนิทขาเรียวก็ก้าวลงจากรถอย่างคล่องตัวมือก็พลางหยิบแว่นกันแดดสีดำราคาแพงขึ้นมาสวมใส่ ร่างบางเดินกรุยกรายเข้าไปสนามแข่งรถยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่หน้างานตามที่พี่ชายบอก “คาทาฮาชิ มิเรย์ ถอดแว่นก่อนครับ” เจ้าหน้าที่ตรวจดูบัตรนักแข่งแล้วทวนชื่อ มิเรย์เมื่อได้ยินจึงขานรับสั้น ๆ “ค่ะ” “เชิญครับ”หลังจากที่มิเรย์แสดงบัตรผู้เข้าแข่งขันให้กับเจ้าหน้าที่เสร็จ ร่างบางก็เดินไปขึ้นรถที่เก็นชิเตรียมไว้ให้ตามที่บอกโดยไม่ตรวจเช็คอะไรต่อเพราะพี่ชายส่งคนมาเช็คความเรียบร้อยให้แล้ว คาทาฮาชิ มิเรย์ นี่แหละคือชื่อลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดังในญี่ปุ่นส่งออกอะไหล่รถซิ่งต่าง ๆ ทั้งยังมีไร่องุ่นอยู่ในไทยอีก ด้านฝ่ายแม็กซ์เวลเมื่อตื่นมาก็ตกใจกับข้อความที่ไทเลอร์ส่งมาทางโทรศัพท์หลายข้อความ ข้อความจาก -ไทเลอร์- ไทอเลอร์ : กูตกบันไดแขนหักลงแข่งวันนี้ไม่ได้ ไทเลอร์ : ทำไงดีวะ เครียดตายห่า ไทเลอร์ ไม่เพียงแค่ส่งข้อความมาเท่านั้น ยังโทรมาหาแม็กซ์เวลอีกนับสิบสาย เมื่อแม็กซ์เวลเห็นข้อความเพื่อนแล้วจึงรีบโทรกลับไปหาด้วยความห่วงอีกทั้งแข่งรอบนี้พนันที่ลงไว้ก็เกือบล้านเลยทีเดียว ไหนจะเรื่องของศักดิ์ศรีที่ลูกผู้ชายไม่ยอมให้โดนหยามอีก “เชี่ยเลอร์ มึงเป็นไงบ้างวะ ทำไงให้ตกบันได” (ไอ้เหี้ยแม็กซ์กว่ามึงจะโทรกลับหากูได้ ติดต่อยากหยั่งกับผี) “เออ ๆ โทษที กูหลับลึกไปหวะมึนหัวชิบหาย แล้วมึงเป็นยังไงบ้างเนี่ย” (เจ็บนิดหน่อย ยังไม่ตาย เสียเงินไม่ได้เสียหน้าก็ไม่ได้อีกกู มึงขับรถมารับกูที่คอนโดเลยแล้วไปสนามแข่ง กูให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นหาคนมาลงแข่งแทนแล้วเห็นว่าฝีมือไม่ธรรมดา มึงก็ติดต่อยากจะลง (ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว) สิ้นเสียงของไทเลอร์แม็กซ์เวลก็ไม่รอช้ารีบอาบน้ำแต่งตัวขับลัมโบร์กินีสีเทาไปรับไทเลอร์ที่คอนโดทันที “สภาพอ่ะเนอะ ดีนะกูไม่ได้เข้าบริษัท”ทันทีที่ไทเลอร์เปิดประตูรถแม็กซ์เวลถึงขั้นอุทานออกมา เบนใบหน้าหล่อเหลาทรงผมมูเลทมองแขนซ้ายของไทอเลอร์ที่โดนเข้าเฝือกทั้งแขน “เออสิ แม่งพลาดท่าตกปวดฉิบหาย”ไทเลอร์ซี๊ดปากครวญครางด้วยความเจ็บ แต่กระดูกแขนหักแค่นี้ไม่สามารถห้ามคนใจรักในการแข่งรถอย่างไทเลอร์นั่งลุ้นอยู่คอนโดได้หรอก “แล้วไอ้ริกไอ้คิวท์ ไอ้เจค็อปละหายหัวไปไหน” “ไม่น่าตื่นหรอก สภาพเมาหัวราน้ำขนาดนั้น” “กูว่ามึงเมาสุดนะ”แม็กซ์เวลพูดกวนประสาทเพื่อนแต่ก็พูดความจริงทั้งนั้นพูดจบแม็กซ์เวลก็เหยียบคันเร่งรถลัมโบร์กินีมุ่งหน้าไปสนามแข่งรถของตนทันที โดยมีไทเลอร์นั่งอยู่อีกฝั่งข้างกัน “เอาจริงฝีมือการแข่งรถมึงก็เซียน ถ้ามึงรับสายกู กูคงให้มึงลงแข่งแทน” “ไว้สนามหน้า วันนี้ไม่ทันแล้วมาลุ้นกันว่าจะเสียทั้งเงินเสียทั้งหน้ารึเปล่า” “พูดซะกูอยากจะถอดเฝือกลงไปแข่งเองเลยแม่ง!” สองหนุ่มพูดกันหน้าตาเคร่งเครียดในระหว่างขับรถไปสนามแข่ง ถ้าเทียบกับกลุ่มเพื่อนสนิทแม็กซ์เวลกับไทเลอร์น่าจะเป็นคู่ที่รู้ใจกันมากสุด ไทเลอร์รีบลงจากรถทันทีที่รถของแม็กซ์เวลจอดสนิทเพราะอยากจะเห็นหน้าคร่าตานักแข่งที่เพื่อนนักแข่งหามาให้แต่พอถึงสนามนักแข่งก็ลงสนามเตรียมออกตัวกันซะแล้ว จึงทำได้แค่นั่งลุ้นอยู่ห้องวีไอพีกับแม็กซ์เวล “อย่าซีเรียสครับ”แม็กซ์เวลหยิบน้ำแข่งใส่แก้วพร้อมกับหันไปหยิบขวดเหล้าราคาแพงมาเทใส่แก้วเองเนื่องจากวันนี้มาไม่ครบแก๊งจึงไม่ได้จ้างสาวสวยมาบริการ “อย่าไปข่ง อย่าไปเครียด ถุย..!!” “ฮา ๆ เครียดไรว่ะ คิดเยอะ”เมื่อแม็กซ์เวลเห็นไทเลอร์นั่งคิ้วขมวดจ้องแต่รถที่กำลังจะออกตัวในสนามเขาจึงเดินเอาแก้วเครื่องดื่มไปให้ไทเลอร์ดื่มเพื่อผ่อนคลาย ด้านมิเรย์ที่อยู่บนรถก็ไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใดถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงสนามนานนับปีแต่เลือดนักแข่งก็ยังคงอยู่ในสายเลือด “สู้ เพื่อเงินสองแสน มิเรย์ฮึบ” ******************** Next… “เอาว่ะมิเรย์มาถึงขั้นนี้แล้ว ขับให้แจ๋วเหมือนปากสักที” สู้นะสาวมิเรย์ เราเลือดนักสู้อยู่แล้ว..🔥🔥7 ผ่านไป“แม่คะ โตขึ้นมิลินขอเป็นนักแข่งรถเหมือนลุงเก็นได้ไหมคะ”เสียงเด็กหญิงมิลินเอ่ยถามคนแม่อย่างไร้เดียงสา หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนอินเตอร์กับคนเป็นพ่อ ด้านมิเรย์เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยพูดก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามมิลินต่อ“พ่อพาไปสนามแข่งรถมาเหรอคะ”มิลินเมื่อได้ยินมิเรย์เอ่ยถามเช่นนั้นจึงตอบไปตรง ๆ “ใช่ค่ะ คุณพ่อพามิลินกับแพนเตอร์แวะไปสนามแข่งรถมา รถซิ่งมากค่ะคุณแม่ แพนเตอร์ก็ชอบ”สิ้นเสียงไร้เดียงสาของสาวน้อยมิลินมิเรย์จึงไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นศรีอัมพรจึงเดินมารับมิลินไปเล่นด้วยที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านเห็นมิเรย์ตาแข็งใส่ ก็พอจะเดาได้ว่าลูกสาวตัวแสบน่าเล่าเรื่องที่เขาพาตนกับน้องชายไปสนามแข่งรถมาบ้างแล้ว“คิดถึงแม่จัง กอดหน่อย”“นี่แหน่ แม่บอกพ่อแล้วใช่ไหม ว่าอย่างเพิ่งพาลูกเราไปสนามแข่งรถ ลูกเราอายุยังน้อย”มิเรย์พูดตำหนิแม็กซ์เวล ขณะใบหน้าพริ้มเพราก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นกับศรีอัมพรในห้องนั่งเล่น“พอดีพ่อรีบเอาของไปให้ไอ้เลอร์และไอ้เก็นมัน ขอโทษน๊า ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”ไม่เพียงแค่พูดร่างสูงยังกอดอ้อนมิเรย์พร้อมกับหอมแก้มฟอดให
วันเวลาผ่านไปเกือบปีตอนนี้มิเรย์กับแม็กซ์เวลก็ยังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ อย่างมิลินอยู่ด้วยไม่ห่างกาย“พ่อ อาบน้ำให้ลูกยัง”เสียงของมิเรย์เอ่ยถามแม็กซ์เวลในขณะที่กายหนาเดินอุ้มมิลินขึ้นมาบนห้องชั้นสอง“อาบแล้วครับแม่ แต่กว่าจะอาบเสร็จก็นานเลย”เนื่องจากมิลินชอบเล่นน้ำ การอาบน้ำเด็กวัยสิบเอ็ดขวบจึงเป็นเรื่องยาก หากไม่ถูกตามใจก็จะงอแง แต่มิเรย์และแม็กซ์เวลก็จะเลี้ยงแบบมีเหตุไม่ตามใจลูกอะไรมาก เว้นแต่หากมิลินอยู่กับย่าและยายก็จะโดนตามใจมากเป็นพิเศษ“แล้วแม่กลับมานานยัง ทานข้าวยังครับ”“ยังเลย ฝากพ่อดูลูกก่อนนะ เดี๋ยวเค้าอาบน้ำแป๊บนึงแล้วจะมาเปลี่ยน อยู่กับพ่อก่อนนะคะเดี๋ยวแม่มาอุ้มนะมิลินคนสวยของแม่”ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นว่ามิเรย์เข้าไปอาบน้ำ จึงพามิลินนั่งเล่นของเล่นต่อในห้อง เหลือบสายตาคมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่ม จากนั้นแกรก…“แม็กซ์ แม็กซ์ เอามิลินมาให้แม่”“มีอะไรแม่”“เอามา เอามิลินมา มาเลี้ยงเอง”ศรีอัมพรเอ่ยพูดกับลูกชาย ขณะขาก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วหลอกล่อมิลินไปกับเธอ ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นแม่ทำเช่นนั้นก็รู้สึกงงไม่น้อย กระทั่ง..“วันนี้มิลิน
เมื่อมิเรย์เข้าไปในห้องคลอดแม็กซ์เวลก็นั่งเก้าอี้แทบไม่ติด นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างสูงโปร่งก็ต้องยันตัวลุกเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น ขณะใจก็ยังคงห่วงลูกกับมิเรย์ไม่หลุดด้านมิเรย์เมื่อเข้ามาถึงห้องคลอดก็ยิ่งปวดถี่เพิ่มมากขึ้นจนต้องร้องไห้ระบายความเจ็บออกมาโดยไม่อายพี่ ๆ พยาบาลและหมอตาล เมื่อหมอตาลเห็นว่ามิเรย์ปวดมาก จึงประสานงานไปยังวิสัญญีแพทย์มาทำการบล็อกหลังให้มิเรย์คลายความเจ็บปวดเมื่อบล็อคหลังเสร็จเรียบร้อยพยาบาลจึงให้มิเรย์เอาขาขึ้นขาหยั่ง จากนั้นก็ทำการคลุมผ้าปราศจากเชื้อตรงหว่างขามิเรย์อีกคราก่อนจะก้มลงตัดแผลฝีเย็บ จากนั้นหมอตาลก็สั่งให้มิเรย์เบ่ง..“คุณแม่เบ่งค่ะ อื๊ดด~”มิเรย์ออกแรงเร่งสุดกำลังแรง ขณะลมหายใจก็ร้อนพราวหายใจออกมาถี่รัว“เบ่ง อึบ..”“อื๊ด..โอ๊ย หมอตาล”“อีกนิดนึง ๆ”สิ้นเสียงที่หน้าตื่นเต้นของหมอตาล พยาบาลจึงตะโกนขึ้น“คลอดแล้วค่ะ 16:15 น. ทารกเพศหญิง”พูดจบพยาบาลที่พูดขึ้นก็ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงไปในเอกสาร ด้านหมอตาลเมื่อมิลินออกมาลืมตาดูโลกแล้วจึงรีบอุ้มมิลินเข้าไปให้มิเรย์ดู แต่ในระหว่างที่มิเรย์ได้เห็นคนแปลกหน้าที่เธออยากเจอน้ำใส ๆ ก็ไหลออกจากตาสองข้างด้วยควา
หลายวันผ่านไปเกือบเหลืออีกเพียงสามสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ศรีอัมพรเองก็เห่อหลานใช่เล่นกดสั่งของเตรียมคลอดมาไว้เต็มบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งไซมัสเขมมิกาและเก็นชิ ยอมทิ้งงานเพื่อบินกลับมารอรับขวัญหลานสาวที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกเร็ววันด้วยความตื่นเต้นกันถ้วนหน้า“รีบ ๆ เข้ามาจัดเลย ไว ๆ”เสียงของศรีอัมพรออกคำสั่งกับพนักงานราวห้าหกคนเสียงดังให้รีบขนของลงจากรถคันใหญ่เข้าในบ้านหลังโต จนทำให้ร่างบางที่นอนหลับกลางวันสะดุ้งตื่นกับเสียงที่รบกวนมิเรย์เมื่อได้ยินจึงใช้มือขยี้ดวงตาพลางยันตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งงัวเงีย จากนั้นก็ลุกเดินไปแหวกม่านดูว่าเสียงคนกำลังทำอะไร“เฮ่อ ปวดหลังจัง”ร่างบางเอ่ยพูดพร้อมกับใช้มือพยุงท้องโต ๆ ขณะมือที่ว่างอีกข้างก็จับกระดูสันหลังเอนตัวคลายความปวด สักพักก็เดินหมุนตัวกลับมาที่เตียงนอนนุ่มด้านแม็กซ์เวลเมื่อรู้ว่าใกล้กำหนดคลอดของมิเรย์เข้ามาเรื่อย ๆ ก็ไปทำงานแค่เพียงครึ่งวันแล้วกลับบ้าน เนื่องจากกลัวว่ามิเรย์จะคลอดก่อนกำหนด มิเรย์เดินกลับมานั่งที่เตียงไม่นานแม็กซ์เวลก็เปิดประตูห้องเข้ามา“วันนี้แม่อยากให้เธอย้ายลงไปอยู่ชั้นล่าง ท้องโตมากกลัวเดินขึ้นลงลำบาก ไหนจะเท้าบว
“ทำเป็นปากหวานตลอด”ไม่พูดเปล่า มือเรียวบางยังจับคางแม็กซ์เวลส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นมิเรย์ทำเช่นนั้นจึงยิ้มหวานพลางเอ่ยถามน้ำเสียงปกติออกไป“จะอาบน้ำตอนไหน อาบน้ำได้แล้วมั้ง”เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่แปดท้องมิเรย์โตมากจนไม่สามารถทำความสะอาดตัวได้ทั่วถึง แม็กซ์เวลจึงมีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้เพิ่ม เขินก็เขินแต่จะทำไงได้..“อาบเลยก็ได้จะได้เตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็นกัน”เมื่อเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกมิเรย์จึงเอ่ยตอบไปอย่างไม่ขัด พูดจบร่างบางก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพยุงท้องโต ๆ ของเธอเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อถอดชุดเดรสออก“มานี่เดี๋ยวลองทำนี่ให้ดู ไปอ่านเจอมาเขาบอกจะสบาย”ร่างสูงโปร่งเดินดิ่งมาหาร่างบางที่กำลังจะถอดชุดเดรสลงตะกร้า จากนั้นก็โอบเอวมิเรย์จากด้านหลังแล้วพยุงท้องของเธอขึ้น ทว่าร่างบางกลับตกใจ“จะทำอะไร ทำได้เหรอ”“ทำได้ อยู่เฉย ๆ เขาบอกว่าจะชวนให้หายปวดหลังได้ด้วยนะ”ไม่เพียงแค่พูดแม็กซ์เวลยังวางมือหนาลงเบา ๆ พยุงท้องโต ๆ ของมิเรย์ขึ้นต่อ มิเรย์เมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร ขณะดวงตาคู่สวยก็มองว่าแม็กซ์เวลจะทำอะไรต่อแล้วสิ่งที่ทำมันดีจริงไหม ทว่าสิ่งที่แม็กซ์เวลทำมันทำให
ช่วงค่ำของวันของวันหลังจากทั้งคู่เดินลงไปทานข้าวเสร็จ ก็พากันกลับมาห้องนอนมิเรย์เองก็ไม่ลืมที่จะกินยาบำรุงแล้วเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินมานั่งลงเตียงนอนนุ่มเตรียมตัวเข้านอน ทว่าก่อนนอนก็ยังคงต้องเปิดเพลงในตัวจิ๋วฟังพร้อมทั้งเปิดไฟฉายส่องกระตุ้นพัฒนาการ“ฉันขอทำนะ เธอทาออยโลชันไปยัง”“ทาแล้ว”พูดจบแม็กซ์เวลก็หยิบไฟฉายมาส่องที่หน้าท้องกลม ๆ ของมิเรย์เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของเจ้าจิ๋วในครรภ์ ขณะที่เจ้าจิ๋วที่อยู่ในครรภ์เมื่อโดนไฟฉายส่องก็ดิ้นถีบท้องมิเรย์ใหญ่“แรงดีจริง ๆ เธอจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร”“ฉันอยากตั้งชื่อว่ามิลิน นายคิดว่าไง”“มิลิน ที่แปลว่าฉลาด ใช่ไหม”แม็กซ์เวลพูดพร้อมกับแสดงท่าทางใช้ความคิด ขณะมือหนาก็ยังส่องไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการต่อ ทางด้านมิเรย์เมื่อได้ยินแม็กซ์เวลพูดเช่นนั้นจึงพูดต่อ“อือหึ นายรู้ความหมายได้ยังไง”“ก็ฉันฉลาดไง”สิ้นเสียงทะเล้นของแม็กซ์เวล มิเรย์จึงเบ๊ปากมองบนขึ้นด้วยความหมั่นไส้กับความมั่นในครั้งนี้ ก็จริงอย่างที่แม็กซ์เวลพูดนั่นแหละ จากนั้นทั้งคู่ก็เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง“สรุปนายโอเคไหม? ที่ฉันจะตั้งชื่อลูกชื่อมิลิน”“โอเคสิ เธอว่าไงฉันก็ว่างั้น”ริมฝี