LOGINในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและฟื้นฟูร่างกายอย่างลับๆ การไม่มีทางลัดสำหรับการเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนเปลี้ยของร่างใหม่ มีแต่ต้องอาศัยเวลา และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น แม้ตอนนี้พลังปราณภายในจะฟื้นมาเพียงน้อยนิด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายที่คืนกลับมาก็เพียงพอให้นางสามารถจัดการกับคนธรรมดาได้แล้ว
ในเมื่อตอนนี้นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งนอนเป็นผักให้ใครมารังแกง่ายๆ อีกต่อไป
ได้เวลาที่คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นหนิงโหวจะมีสติ และลุกขึ้นมาแล้ว
เช้าวันหนึ่ง หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและแสดงสีหน้าเหม่อลอย รอคอยให้เหยาซานกับเหยาซื่อ สาวใช้ผู้ประพฤติเลินเล่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นเคย
“เช้านี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเหยาซื่อ หากคุณหนูสี่ฉี่รดที่นอนอีกรอบ ข้าจะโยนผ้าทั้งหมดให้เจ้าซักคนเดียว” เหยาซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ข้าก็ระวังแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเขลาไร้สติจะปัสสาวะเมื่อไหร่กันล่ะ” เหยาซื่อตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นางหยิบชามโจ๊กข้าวต้มจืดชืดเข้ามา พร้อมกับช้อนทองเหลืองที่ใช้สำหรับป้อน วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจสอบฟูกนอน พลางพูดว่า “เมื่อคืนนังเหยาปิงบอกว่าคุณหนูนั่งกระโถนก่อนนอนแล้ว หวังว่าจะไม่เลอะเทอะนะ”
โชคดีที่ฟูกนอนนั้นแห้งสนิท ไม่มีสิ่งโสโครกใดๆ แต่ถึงอย่างนั้น การกระทำของพวกนางยังคงเป็นไปอย่างหยาบคายและรวดเร็ว เหยาซื่อพยุงร่างอันบอบบางของเหยาหลิงเจินขึ้นมาอย่างไม่นุ่มนวลนัก ส่วนเหยาซานยืนกอดอกดูอยู่ห่างๆ ราวกับกลัวว่าจะติดเชื้อโรค
“อ้าปากสิคุณหนู” เหยาซื่อสั่งเสียงเย็น ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากนางอย่างรวดเร็ว
หลิวรุ่ยหลินรับโจ๊กเข้าไปในปากอย่างว่าง่าย นางไม่ได้กลืนมันลงไป แต่ใช้ลิ้นดันโจ๊กไว้ในกระพุ้งแก้ม ความรู้สึกขยะแขยงที่ได้สัมผัสถึงความไร้รสชาติและจืดชืดของมัน ไม่ได้รุนแรงเท่าความโกรธแค้นที่ได้เห็นสาวใช้สองคนนี้ปฏิบัติกับร่างกายที่เคยอ่อนแอของเหยาหลิงเจินอย่างไร้ความเมตตา
พวกเจ้าสองคนต้องโดนดีเสียบ้าง ข้าจะล้างแค้นให้เหยาหลิงเจินเอง
เมื่อเหยาซื่อพยายามตักโจ๊กคำที่สองเข้าปากนาง หลิวรุ่ยหลินก็ตัดสินใจทันที นางแสร้งทำตาโตราวกับตกใจ ก่อนจะพ่นโจ๊กที่อยู่ในปากใส่หน้าเหยาซื่ออย่างจงใจและแม่นยำที่สุด
พรวด!
โจ๊กสีขาวเหลวไหลอาบไปทั่วใบหน้าของเหยาซื่อ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเศษโจ๊กและน้ำลาย เหยาซื่อกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและความขยะแขยงอย่างรุนแรง
“ว้าย! นังบ้านี่ เจ้ากล้าดียังไง” เหยาซื่อตวาดใส่คุณหนูของตนอย่างเกรี้ยวกราด พลางใช้มือลูบใบหน้าด้วยความรังเกียจ
เหยาซานซึ่งยืนอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางรีบวิ่งเข้ามาใกล้ทันที
“นี่เจ้ากำลังทำบ้าอะไรเนี่ย เจ้าพ่นของสกปรกใส่หน้าเหยาซื่อก็แล้วไปเถอะ แต่ทำที่นอนเลอะอีกแล้วนะ นังตัวภาระ นังเด็กปัญญาอ่อน” เหยาซานตะโกนด่าทออย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าคนตรงหน้าว่าเป็นเจ้านายของตนเอง
ในห้วงแห่งความโกรธและการขาดสติของสาวใช้ทั้งสอง หลิวรุ่ยหลินก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น
ด้วยพลังที่เพิ่งฟื้นฟูมาเพียงน้อยนิดและแรงขับเคลื่อนจากความโกรธแค้น นางยันกายลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงทันที
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เหยาหลิงเจินไม่เคยทำได้มาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา
เหยาซานและเหยาซื่อหยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นคุณหนูสี่ที่ควรจะอ่อนแอและทำอะไรไม่ได้ ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงด้วยสายตาที่ไม่ได้เหม่อลอยอีกต่อไป
ดวงตาของหลิวรุ่ยหลินเต็มไปด้วยประกายของความเย็นชาและอำมหิต นางจ้องมองสาวใช้ทั้งสองอย่างสมเพช ก่อนจะเดินไปหากระโถนทองเหลืองที่ตั้งอยู่ข้างเตียงอย่างช้าๆ
เหยาซานและเหยาซื่อที่เพิ่งตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหยกอย่างที่สุด แต่พวกนางทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ทำปากพะงาบๆ เหมือนปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ
ทันใดนั้นเอง หลิวรุ่ยหลินหยิบกระโถนทองเหลืองที่เต็มไปด้วยปัสสาวะที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมา นางไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ซ่า!
นางยกกระโถนนั้นขึ้นราดใส่สาวใช้ทั้งสองคนอย่างจัง
ของเหลวสีเหลืองเหม็นเปรี้ยวไหลอาบร่างของเหยาซานและเหยาซื่อตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า กลิ่นเหม็นเน่าเปรี้ยวฉุนที่รุนแรงกว่ากลิ่นปัสสาวะเก่าในห้องเมื่อเช้า พุ่งกระจายไปทั่วทุกซอกมุมของห้องนอน
เรือนของคุณหนูสี่ที่เงียบเหงามานานพลันเกิดความโกลาหล
เหยาซานและเหยาซื่อกรีดร้องสุดเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกนางไม่ใช่แค่ตกใจ แต่ถูกเหยียดหยามจนถึงขีดสุด ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความโสโครกและกลิ่นอันน่าขยะแขยง
แต่จู่ๆ คนที่เอาแต่เหม่อลอยไปวันๆ กลับลุกขึ้นมาอาละวาดใส่พวกนางเช่นนี้ หากไม่ได้แสร้งเป็นบ้าแต่แรก ก็ต้องถูกปีศาจควบคุมเป็นแน่
“ผีสิง! คุณหนูสี่ถูกผีสิงแล้ว” เหยาซื่อร้องลั่นราวกับคนเสียสติ “คุณหนูไม่ได้สติ คุณหนูถูกปีศาจเข้าสิงไปแล้วแน่ๆ”
“นางลุกขึ้นยืนได้! ดูตานางที่มองพวกเราสิ น่ากลัวเหลือเกิน นางไม่ใช่คุณหนูสี่ นางต้องเป็นผีร้าย” เหยาซานหวาดกลัวจนสติแตก พลางวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างไร้ทิศทาง โดยไม่สนใจสภาพร่างกายที่เปียกโชกและส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา
เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื
ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋
หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและฟื้นฟูร่างกายอย่างลับๆ การไม่มีทางลัดสำหรับการเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนเปลี้ยของร่างใหม่ มีแต่ต้องอาศัยเวลา และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น แม้ตอนนี้พลังปราณภายในจะฟื้นมาเพียงน้อยนิด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายที่คืนกลับมาก็เพียงพอให้นางสามารถจัดการกับคนธรรมดาได้แล้วในเมื่อตอนนี้นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งนอนเป็นผักให้ใครมารังแกง่ายๆ อีกต่อไปได้เวลาที่คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นหนิงโหวจะมีสติ และลุกขึ้นมาแล้วเช้าวันหนึ่ง หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและแสดงสีหน้าเหม่อลอย รอคอยให้เหยาซานกับเหยาซื่อ สาวใช้ผู้ประพฤติเลินเล่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นเคย“เช้านี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเหยาซื่อ หากคุณหนูสี่ฉี่รดที่นอนอีกรอบ ข้าจะโยนผ้าทั้งหมดให้เจ้าซักคนเดียว” เหยาซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย“ข้าก็ระวังแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเขลาไร้สติจะปัสสาวะเมื่อไหร่กันล่ะ” เหยาซื่อตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นางหยิบชามโจ๊กข้าวต้มจืดชืดเข้ามา พร้อมกับช้อนทองเหลืองท
ขณะที่เหยาซานและเหยาซื่อกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พลันมีร่างของสาวใช้อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา นางมีรูปร่างสมส่วน ท่าทางกระฉับกระเฉง และดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลคนผู้นั้นคือ เหยาปิงเหยาปิงหยุดนิ่งทันทีเมื่อสายตาของนางกวาดไปเห็นผ้าห่มและสภาพเตียงนอนที่ดูไม่เรียบร้อย กลิ่นเหม็นอับที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับสาวใช้ทั้งสองด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด“เหยาซาน เหยาซื่อ พวกเจ้ากล้าดียังไง” เหยาปิงตวาดเสียงดัง “ข้าบอกให้พวกเจ้าเปลี่ยนที่ผ้าปูที่นอน และรอทำความสะอาดร่างกายของคุณหนูสี่ให้ดีก่อน ไม่ใช่ทำแค่ถูไถไปวัน ๆ แล้วปล่อยให้คุณหนูนอนจมสิ่งโสโครกของตนเองแบบนี้”เหยาซานเบ้ปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหยาปิง วันนี้เจ้าใจกล้าขึ้นนี่ พวกเราก็ทำตามหน้าที่แล้วไงเล่า คุณหนูสี่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เห็นจะต่างอะไรกัน”เหยาซื่อเองก็หัวเราะเยาะ “ใช่แล้ว คุณหนูสี่ไม่ได้รับรู้อะไรหรอก ไม่ต้องทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมนักก็ได้ เจ้านายที่ไร้อนาคตแบบนี้ดูแลไปก็ไม่มีทางได้ดี”เหยาปิงเดินเข้าไปหาเตียงด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางมองดูสภาพของเหยาหลิงเจินด้วยความสงสาร ก่อนจะหันกลับไปมองเหยาซานและเหยาซื่อด้วยควา







