หลังจากเสร็จสิ้นการแนะนำตัวและการพูดคุยกับชาวบ้าน เข้มได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกำนันสมชายและภรรยา พวกท่านได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้เขาในบ้านพักข้าราชการเล็กๆ ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเงียบสงบและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ
พราวอาสาเป็นผู้นำทางพาเข้มไปยังบ้านพักระหว่างทาง เธอได้เล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหมู่บ้าน วิถีชีวิตของชาวบ้าน และสถานที่สำคัญต่างๆ ด้วยน้ำเสียงที่สดใสและเป็นกันเอง เข้มรู้สึกประทับใจในความรู้และความรักที่พราวมีต่อบ้านเกิดของเธอ “ที่นี่เงียบสงบดีนะครับ ต่างจากในเมืองมาก” เข้มเอ่ยขึ้นขณะที่เดินเคียงข้างพราวผ่านทุ่งนาที่กำลังต้องลม “ค่ะ ที่นี่อาจจะไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่พวกเราก็อยู่กันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ” พราวตอบด้วยรอยยิ้มละไม “ท่านปลัดเพิ่งเคยมาอยู่ชนบทใช่ไหมคะ?” “ครับ ผมเติบโตในเมืองหลวง เพิ่งจะย้ายมาประจำการที่นี่เป็นครั้งแรก” เข้มยอมรับ “ถ้าท่านปลัดต้องการอะไร หรือไม่เข้าใจอะไร ถามพราวได้เสมอนะคะ พราวพอจะรู้จักคนในหมู่บ้านดี” พราวเสนอความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ “ขอบคุณมากครับคุณพราว ผมคงต้องรบกวนคุณอีกมาก” เข้มกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ สายตาของทั้งสองสบกันแวบหนึ่ง ก่อนที่พราวจะรีบหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อย แต่ในแววตาของเธอกลับฉายประกายความรู้สึกบางอย่างที่เข้มเองก็ไม่อาจละเลยได้ ในขณะเดียวกัน ที่ร้านทองอร่ามเรืองใจ โรสกำลังนั่งเท้าคางมองออกไปนอกร้านด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก ภาพของปลัดหนุ่มที่ยืนพูดคุยกับพราวอย่างสนิทสนมเมื่อช่วงบ่ายยังคงติดตาเธออยู่ “อะไรกันน่ะ ยัยพราวท่าทางซื่อๆ นั่นทำไมถึงได้ใกล้ชิดท่านปลัดนักนะ” โรสพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ในหมู่บ้านมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครที่เธอสนใจแล้วจะหลุดมือไปง่ายๆ “ลูกโรสบ่นอะไรอยู่คนเดียวจ๊ะ?” เสียงทุ้มนุ่มของนายหัวสิงห์ ผู้เป็นบิดาของโรสดังขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อ แค่เห็นว่าท่านปลัดดูจะเข้ากับคนง่ายดี” โรสตอบเสียงสูงเล็กน้อย พยายามซ่อนความไม่พอใจไว้ “ท่านปลัดเป็นคนมีการศึกษา น่าจะช่วยพัฒนาหมู่บ้านเราได้มากทีเดียว” นายหัวสิงห์กล่าวด้วยท่าทีชื่นชม “ลูกก็ให้ความร่วมมือกับท่านปลัดด้วยนะ มีอะไรก็ช่วยเหลือท่านบ้าง” “ค่ะคุณพ่อ” โรสรับคำอย่างเสียไม่ได้ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยแผนการบางอย่าง เธอตั้งใจว่าจะต้องทำให้ปลัดหนุ่มหันมาสนใจเธอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม ตกเย็น เข้มเริ่มสำรวจบ้านพักของตนเอง ภายในห้องพักเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน มีหน้าต่างที่เปิดรับลมเย็นสบาย เขายืนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงตะวันลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพู ภาพของทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตาทำให้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลาย ความคิดถึงบ้านเกิดและความเหงาเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจ แต่แล้วภาพรอยยิ้มสดใสของพราวก็แวบเข้ามาในความคิด เข้มรู้สึกถึงความอบอุ่นและความหวังที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เขาหวังว่าการมาอยู่ที่นี่จะไม่เหงาอย่างที่คิด เช้าวันรุ่งขึ้น เข้มเริ่มต้นภารกิจแรกด้วยการเข้าพบกำนันสมชายเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของชาวบ้าน พราวเองก็มาช่วยงานบิดาอยู่ที่ศาลาประชาคม เมื่อเห็นเข้มเดินเข้ามา ดวงตากลมโตของเธอก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “อรุณสวัสดิ์ครับท่านปลัด” พราวทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย “อรุณสวัสดิ์ครับคุณพราว วันนี้มาช่วยงานท่านกำนันแต่เช้าเลยนะครับ” เข้มทักทายกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ทำให้พราวรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย ระหว่างที่เข้มและกำนันกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โรสก็เดินเข้ามาในศาลาประชาคมด้วยท่าทางมั่นใจ เธอแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีสดใส เครื่องประดับทองคำระยิบระยับ บ่งบอกถึงฐานะอันร่ำรวย “สวัสดีค่ะท่านปลัด กำนัน” โรสกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงหวานเจื้อยแจ้ว พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเข้มเป็นพิเศษ “วันนี้โรสเอาขนมมาฝากค่ะ เห็นว่าท่านปลัดเพิ่งมาใหม่ น่าจะยังไม่คุ้นเคยกับอาหารแถวนี้” เข้มรับขนมจากโรสด้วยความสุภาพ “ขอบคุณมากครับคุณโรส” พราวมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก ความรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอ โดยที่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร... เรื่องราวความสัมพันธ์ของปลัดหนุ่มกับสองสาวแห่งบ้านทุ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติ และความซับซ้อนของหัวใจมนุษย์...หลายเดือนผ่านไป ชีวิตคู่ของแม็กซ์และมินตราดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุข พวกเขาปรับตัวเข้าหากันและเติมเต็มซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน บ้านของแม็กซ์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความรักของทั้งสองคนมินตรายังคงเป็นแม่ค้าส้มตำรสเด็ดขวัญใจชาวตลาด แต่ก็มีแม็กซ์คอยเป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ ในขณะที่แม็กซ์ก็ยังคงทุ่มเทให้กับการเป็นตำรวจที่ดี ดูแลความสงบสุขของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ โดยมีมินตราเป็นคู่คิดและที่ปรึกษาคนสำคัญความผูกพันของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะให้อภัยและเข้าใจในข้อบกพร่องของกันและกัน ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวานชื่นในตอนแรก แต่เป็นความรักที่เติบโตและหยั่งรากลึกตามกาลเวลาวันหนึ่ง แม็กซ์และมินตราพากันไปเยี่ยมเข้มและพราวที่บ้าน ทั้งสี่คนนั่งคุยกันอย่างอบอุ่นถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต“เมื่อไหร่จะมีหลานให้พวกเราอุ้มเสียทีล่ะน้องแม็กซ์ น้องมิน” พราวเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มแม็กซ์และมินตรามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเขินอาย “พวกเราก็กำลังคิดๆ อยู่เหมือนกันครับพี่พราว” แม็กซ์ตอบ“ถ้ามีหลานเมื่อไหร่ บอกพวกเราคนแรกเลยนะ พวกเราจะช่วยเลี้ยงอย่างดี” เข้มกล่าวเสริมบรรยาก
หลังจากพิธีหมั้นที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก แม็กซ์และมินตราก็เริ่มวางแผนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของแม็กซ์ ซึ่งเข้มและพราวก็ยินดีต้อนรับมินตราเข้าสู่ครอบครัวด้วยความอบอุ่นมินตรายังคงเปิดร้านส้มตำรสเด็ดของเธอที่ตลาด ซึ่งก็ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างเหนียวแน่น แม็กซ์มักจะแวะเวียนมาช่วยเธอที่ร้านในช่วงพักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน ทำให้บรรยากาศที่ร้านเต็มไปด้วยความสุขและความหวานชื่นชาวบ้านในตลาดต่างก็เอ็นดูและชื่นชมคู่รักตำรวจหนุ่มและแม่ค้าส้มตำสาว พวกเขามองเห็นความรักและความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กัน และต่างก็อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีความสุขตลอดไปแม็กซ์ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยให้กับชุมชน เขามักจะได้รับคำแนะนำและความคิดเห็นดีๆ จากมินตรา ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นและเข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างดีความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน แม้ว่าจะมีเรื่องให้ขัดแย้งกันบ้างในบางครั้ง แต่ทั้งสองก็สามารถปรับความเข
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่กระท่อมร้าง แม็กซ์ดูแลและเอาใจใส่มินตราอย่างใกล้ชิด ความรักและความห่วงใยของเขาเป็นเหมือนยาที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอ มินตราค่อยๆ กลับมาสดใสและเข้มแข็งขึ้นได้อีกครั้งแม็กซ์ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ความหวาดกลัวมาครอบงำชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป เขาพามินตราไปพักผ่อนในสถานที่ที่สวยงามและเงียบสงบ เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายและลืมเรื่องราวที่น่ากลัวเหล่านั้นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เดินเล่นริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกดิน และพูดคุยถึงอนาคตที่สดใสที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน“แม็กซ์… ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคง…” มินตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความเศร้าซ่อนอยู่แม็กซ์กุมมือมินตราไว้แน่น “ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วนะครับ ผมจะดูแลคุณตลอดไป”“ฉันรักคุณนะคะ” มินตรากล่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม“ผมก็รักคุณครับ มินตรา” แม็กซ์ตอบพร้อมกับจูบเธออย่างอ่อนโยนเมื่อกลับมาที่อำเภอเล็กๆ แห่งเดิม แม็กซ์ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับมินตราอย่างเป็นทางการ เขาอยากจะสร้างความมั่นคงและความสุขให้กับเธอวันหนึ่ง แม็กซ์พาพราวและเข้มมาที่ร้านส้มตำของมิน
ภาพที่มุขกำลังจี้มีดมินตราไว้ ทำให้แม็กซ์หัวใจแทบหยุดเต้น ความโกรธและความเป็นห่วงถาโถมเข้ามาในใจ เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยมินตราให้ปลอดภัย“มุข ปล่อยมินเถอะ เรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้ว” แม็กซ์พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ยังคงมีความอดทน“ไม่จบ! ตราบใดที่ยัยนี่อยู่ข้างแก ความแค้นของฉันก็ไม่มีวันจบ!” มุขตวาดเสียงดัง มือที่ถือมีดสั่นเทิ้มจ่ออยู่ที่คอของมินตรามินตราพยายามควบคุมความกลัว จ้องมองแม็กซ์ด้วยแววตาที่สื่อถึงความเชื่อมั่นในตัวเขา“แม็กซ์…” มินตราเอ่ยเสียงแผ่วเบา“ไม่ต้องกลัวนะมิน ผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ตอบกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นใจแม็กซ์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มุขอย่างช้าๆ พยายามหาจังหวะที่จะเข้าชาร์จโดยไม่ให้มินตราได้รับอันตราย ตำรวจที่มาด้วยกันก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเมื่อได้รับสัญญาณ“มุข ผมขอร้อง ปล่อยมินเถอะ แล้วผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ยังคงพยายามพูดเกลี้ยกล่อม“แกมันโกหก! แกมันรักแต่ยัยนี่!” มุขตะโกนด้วยความคลุ้มคลั่งมากขึ้น เธอออกแรงกดมีดลงบนคอของมินตราเล็กน้อย ทำให้มินตรานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีนั้นเอง แม็กซ์ตัดสินใจเข้าชา
หลังจากเหตุการณ์ที่สมุนของมุขเข้ามาข่มขู่มินตรา แม็กซ์ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเธอมากขึ้น เขาไม่ยอมให้มินตราคลาดสายตา และพยายามที่จะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของมุขในเรือนจำแม็กซ์ได้รับข่าวกรองจากเพื่อนตำรวจว่ามุขกำลังวางแผนที่จะหลบหนี โดยมีสมุนภายนอกให้ความช่วยเหลือ แผนการนั้นซับซ้อนและอันตราย ทำให้แม็กซ์รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก“มิน… ผมว่าช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งกลับบ้านคนเดียวเลยนะครับ มาพักที่บ้านผมก่อนดีกว่า” แม็กซ์เสนอด้วยความเป็นห่วงมินตราลังเลเล็กน้อย “แต่ว่า…”“ผมไม่อยากให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแล้วนะครับ ผมจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ” แม็กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมินตรายอมพยักหน้า เธอรู้ว่าแม็กซ์หวังดีและต้องการปกป้องเธอ “ขอบคุณนะคะแม็กซ์”ทั้งสองคนไปพักที่บ้านของแม็กซ์ชั่วคราว เข้มและพราวเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกเป็นห่วงน้องชายและมินตรามาก พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ในขณะที่แม็กซ์กำลังวางแผนรับมือกับการหลบหนีของมุข มุขและสมุนก็ดำเนินการตามแผนอย่างลับๆ พวกเขาสามารถหาช่องทางหลบหนีออกจากเรือนจำได้สำเร็จในช่
ความสุขและความรักที่แม็กซ์และมินตรามีให้กันนั้นเบ่งบานขึ้นทุกวัน พวกเขาเริ่มวางแผนถึงอนาคตที่สดใสร่วมกัน แม็กซ์ตั้งใจที่จะขอหมั้นมินตราในเร็ววัน และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้แต่ความสุขนั้นก็ดูเหมือนจะอยู่บนความไม่แน่นอน แม็กซ์ยังคงรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา เขามักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่มุขทำร้ายมินตรา และความกังวลในใจก็ไม่เคยจางหายไปแม็กซ์เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยของมินตรามากขึ้น เขาขอให้เพื่อนตำรวจช่วยกันสอดส่องดูแลบริเวณร้านส้มตำและบ้านของมินตราอย่างใกล้ชิด และเขามักจะไปรับไปส่งมินตราด้วยตัวเองเสมอ“มิน… ช่วงนี้คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ ผมยังไม่ไว้ใจมุข” แม็กซ์กำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขณะที่เขาส่งมินตราที่หน้าบ้านมินตราเข้าใจความหวังดีของแม็กซ์ เธอกอดเขาแน่น “ฉันจะระวังตัวค่ะแม็กซ์ ฉันเชื่อมั่นว่าคุณจะปกป้องฉันได้”ในขณะเดียวกัน มุขที่อยู่ในเรือนจำก็ยังคงติดต่อกับสมุนภายนอกอย่างลับๆ เธอวางแผนที่จะหลบหนีและกลับมาแก้แค้นแม็กซ์และมินตราให้สาสม เธอเชื่อว่าความรักของทั้งสองคนเป็นสิ่งที่เปราะบางและสามารถทำลายได้สมุนของมุขเริ่มเ