แชร์

chapter 9

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 14:24:22

“ที่เจ้าทำอยู่ คงมิได้คิดจะบ่ายเบี่ยงมิยอมไปรักษานายของข้าหรอกนะ”

ถามอย่างกับว่าเขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างนั้นแหละ ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...เขากับท่านแม่อยากจะหนีไปตั้งแต่ได้เห็นประตูทางเข้าที่นี่แล้ว ตอนที่ถูกบังคับให้มาด้วย ก็คิดอยู่แล้วล่ะ ผู้ที่เก้าเทียนรุ่ยต้องมาดูแลและปรุงอาหารให้ จะต้องเป็นคนสำคัญมาก หากใครจะคิดเล่าว่าคนผู้นั้นจะเป็นถึง...

พลาดแล้ว...เขาพลาดไปแล้ว หากชวนท่านแม่หนีไปตั้งแต่เจอกับบุรุษชุดขาวนั่นตั้งแต่อยู่ในป่า ตอนนี้เขาก็คงมิต้องลำบากใจระคนขลาดกลัวเช่นนี้หรอก

ขอห้องให้ท่านแม่ได้พักผ่อน...ความจริงคือพาท่านให้ห่างไกลจากความวิตกกังวลและหวาดกลัวหลังจากที่ได้รู้ว่าเขาต้องทำการดูแลปรุงอาหารให้ใครนั่นแหละ ส่วนตัวเขาเองก็ได้อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ให้สะอาดขึ้น ยามเมื่อเข้าไปหาคนผู้นั้น จะได้มิต้องกังวลว่าตนเองจะมีกลิ่นมิพึงประสงค์และเชื้อโรคติดไป

“ท่านจะเอาอันใดกับข้า...ตอนที่ข้าอาบน้ำ ท่านก็คอยให้คนไปจับตามองแทบจะทุกหนึ่งจิบชา[1] กลัวข้าจะหนี...คิดว่าข้าทำได้หรือไง ทุกที่...มีแต่คนของท่านเต็มไปหมด แค่มดก็ยังแทบจะหลุดรอดสายตาไปไม่ได้ นี่ข้าเป็นคนนะ จะหลุดรอดสายตาคนของท่านไปได้ยังไง ยามนี้ข้าขอกินข้าวให้มันอร่อย ๆ ก่อนมิได้หรืออย่างไรกัน”

ถึงจะกลัวแค่ไหน หากอาหารบนโต๊ะนี่ก็อร่อยไปเสียหมด จะให้กินทิ้งกินขว้างได้อย่างไรกัน นึกถึงคนที่เขายากจน มิมีข้าวให้กินบ้างสิ

“ท่านอย่าลืมนะว่า คนที่ท่านให้ข้าไปปรุงอาหารให้เป็นผู้ใด คนผู้นั้นเป็นเจ้านายของท่านเลยนะ แค่ตัวท่าน ข้าก็กลัวจนหัวหดอยู่แล้ว เจอนายของท่าน ข้ามิฉี่ราดหรืออย่างไรกัน”

รองแม่ทัพเลิกคิ้วขึ้นสูง “ทำไมเจ้าถึงยังเรียกตนเองว่าผู้ปรุงอาหารอยู่อีก”

“ก็ข้ามิเคยเรียนรู้วิชาแพทย์จากอาจารย์ท่านใดในใต้หล้านี้เลย ทำสิ่งใดก็แล้วแต่มาจากความรู้สึกที่อยู่ภายใน มิได้ทำตามหลักเกณฑ์ใด ๆ ที่อาจารย์ควรจะสั่งสอนศิษย์ ทุกครั้งที่ช่วยผู้อื่น ก็ล้วนแล้วแต่ให้กินยาอะไรก็ไม่รู้กับผักที่ข้าเป็นคนปลูกเอง หากใครมีอาการหนักสักหน่อย ข้าก็ลงมือปรุงอาหารเอง...แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่ารักษาคนได้อย่างไรกันล่ะ” เป็นหมอหรือ...เขามิยอมรับหรอก นั่นมันยิ่งใหญ่เกินตัวเขาจะรับได้

“อีกทั้ง...ท่านน่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีมิใช่หรืออย่างไรกัน เหตุใดข้าถึงได้แทนตนเองเช่นนี้”

เขายอมรับว่าตนเองมิใช่คนฉลาดอันใดเลย หากก็มิได้โง่จนมองมิออกว่าสิ่งที่ท่านรองแม่ทัพแสดงออกมาทั้งทางใบหน้าและสายตานั้นบ่งบอกว่ามิได้เชื่อเลยว่าเก้าเทียนรุ่ยผู้นี้จะทำการรักษาผู้เป็นนายของตนเองได้ หากที่จำใจต้องมาเชิญแกมบังคับให้มาด้วยก็เพราะมิมีทางเลือกอันใดแล้วต่างหากล่ะ มันเหมือนเป็นการพยายามบอกกับผู้อื่นว่า ได้ค้นหาผู้มีความรู้ความสามารถมาทำการรักษาแล้ว หากเขาผู้นี้ก็ยังมิเก่งพอที่จะรักษาผู้เป็นนายของตนได้...มันก็เท่านั้นเอง

“หากเจ้าเป็นข้าและรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ย่อมจะมิกล่าวออกมาเช่นนี้แน่”

“หากมิต้องการให้ข้าเข้าใจผิด เหตุใดท่านถึงมิยอมบอกกล่าวเสียทีล่ะ เกิดเรื่องอันใดกับคนผู้นั้น ป่วยไข้หรือบาดเจ็บที่ใดและเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว”

“เห็นแล้วเจ้าก็จะรู้เองแหละ”

เก้าเทียนรุ่ยทำเสียงขลุกขลักกลั้วคอด้วยความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายยังคงเล่นแง่มิยอมบอกเรื่องราวให้รู้

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามอีกข้อ...นับตั้งแต่นายของท่านป่วย มิใช่ๆ ข้าต้องถามว่า มีหมอมาทำการรักษาไปกี่คนแล้ว อาการมิดีขึ้นบ้างเลยหรือ” ดีนะที่เขามิหลุดปากถามออกไปว่าแล้วมิหายหรือ เพราะหากหาย...จะมาเชิญแกมบังคับให้มาด้วยทำไม

หากรองแม่ทัพหน้าตายกลับมองด้วยสายตาที่ทำให้รู้ว่ากำลังรำคาญ...มาก เห็นแล้วหางตาเขานี่กระตุกยิก ๆ เลย

ทำไมกัน...เขามิมีสิทธิ์ถาม มิมีสิทธิ์รู้เลยหรืออย่างไร

“ในเมื่อเจ้ากินเสร็จแล้ว ก็รีบตามข้ามา”

เก้าเทียนรุ่ยได้แต่เดินตามไปด้วยความขุ่นเคืองใจ ถือว่ามีอำนาจอยู่ในมือ ทำอย่างไรก็ได้ใช่ไหม คอยดูนะ วันหนึ่งเขาจะต้องเอาคืนรองแม่ทัพหน้าตายนี่ให้ได้!

กลิ่นอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงได้แปลกเช่นนี้ จะว่าหอมก็มิใช่ หากจะกล่าวว่าเหม็น ก็มิใกล้เคียง แต่ได้กลิ่นแล้วมันแปลก ๆ ชวนให้รู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้ ยิ่งเดินตามรองแม่ทัพไปกลิ่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

อึดอัดจัง!

“เดี๋ยวก่อนท่านรองแม่ทัพ”

“อะไร”

“ข้าขอเตรียมตัวเตรียมใจก่อน คิดว่านายของท่านอาการจะต้องหนักหนามากเลยนะ...กลิ่นถึงได้มิดีเช่นนี้”

“กลิ่น” คิ้วหนาเลิกขึ้นขณะมองคนพูดด้วยอย่างแปลกใจ

“ก็กลิ่นแปลก ๆ ที่มัน...ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถอะ” คิดว่าหากคนที่นี่คงจะมิได้กลิ่นเช่นที่เขากล่าวถึง หรือไม่ก็คงจะชินกับกลิ่นที่เกิดขึ้น มันยิ่งตอกย้ำความคิดของเก้าเทียนรุ่ยที่ว่า...นายของท่านรองแม่ทัพอาการจะต้องหนักมาก

ชักจะมิแน่ใจแล้วสิ เขาจะรักษาได้หรือเปล่า หากว่ารักษามิได้...

“ท่านรองแม่ทัพ...หากข้ารักษานายของท่านมิหาย ข้าจะมีโทษไหม” เขานี่มันช่าง...น่าตีปากเสียจริง ถามอย่างกับจะมิรู้อย่างนั้นแหละ

รองแม่ทัพหน้าตายมิยอมตอบกลับเร่งรีบเดินนำเก้าเทียนรุ่ยไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องเขาสัมผัสได้ถึงความกดดันอันรุนแรง ราวกับเขาได้ล่วงล้ำเข้าไปยังอาณาจักรแห่งหนึ่งที่ตอนนี้กำลังจะมีการประลองหาผู้นำของฝูง สัตว์ทุกตัวล้วนแล้วแต่พร้อมที่จะถาโถมโจมตีศัตรูเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ในความแข็งแกร่งกลับมีจิตหนึ่งที่บางเบา เงียบเหงา อ้างว้าง แวบหนึ่งทำให้นึกไปถึงลูกนกแรกออกจากไข่ที่รอแม่กลับมาป้อนอาหาร

แม้ในหัวของเขาจะบอกว่า...อย่าเข้าไปนะ อย่าเข้าไป แต่สิ่งที่ทำได้คือ ร่างเล็กบางหยุดยืนพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง ก่อนจะเดินตามรองแม่ทัพเข้าไปในห้องด้วยร่างกายที่สั่นเทาและอึดอัดราวกับทรวงอกถูกกดทับ...

[1] 1 จิบชา = 5 นาที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 124 - จบ

    “แล้วเด็กสองคนนั้น” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยถามเพราะหนานชวนส่งข่าวให้รู้บ้างแล้ว“ดูเป็นเด็กดีอยู่ขอรับ” นับตั้งแต่ที่เขาอยู่กับเสวียนลิ่วหลางมา มิเพียงแค่ร่างกายที่เปลี่ยนไป หากรับรู้ว่าภายในกายเริ่มมีพลังลมปราณมากพอที่จะสัมผัสได้ว่าใครมีวรยุทธ์และพอจะมองออกว่าผู้ใดมาดีหรือร้าย ทำให้มองออกว่าเด็กน้อยสองคนเป็นเด็กดีจริง ๆ จึงยินดีเป็นอย่างมากที่มารดามีคนดี ๆ มาคอยดูแล“แล้วท่านพี่ละขอรับ พบเจอเรื่องใดหรือไม่”หากเสวียนลิ่วหลางมิทันจะได้บอกกล่าวเรื่องที่ได้ไปตรวจสอบมา...มิได้มีสิ่งใดร้ายแรง ก็เป็นพวกมารปลายแถวกับเผ่าปีศาจที่มิชอบหน้ากันมาทะเลาะกัน แล้วกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นใหม่เขาอยากแสดงว่าตนมีฝีมือเท่านั้น ก็มีบางคนเดินเข้ามา“มาทำไม” เสวียนลิ่วหลางเอ่ยเสียงเข้มดุ หากเด็กน้อยตรงหน้ากลับมิสนใจแล้วยังจะส่งยิ้มให้กับเก้าเทียนรุ่ยเพื่อยั่วโทสะยักษ์ใหญ่ตรงหน้าอีกด้วย“มิได้มาหาเจ้าเสียหน่อย มาหานั่น...” ปากเล็กสีแดงสดบุ้ยใบ้ไปทางเก้าเทียนรุ่ย “ต่างหากล่ะ...คิดถึงมากเลย”“ที่นี่เรือนข้า...ไปคิดถึงไกล ๆ หากมิอยากถูกจับโยนออกไป”“กล้ารึ...ข้าพี่ชายสองนะ เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายเมียเจ้ารึ”“ฮึ! พี่ชายที่นอก

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 123

    “อึก...อ้ายฉี!” ชิงชวนร้องเรียกด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะยังมิทันได้เตรียมกายรับอ้ายฉีก็แทรกแท่งใหญ่ร้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังจะหัวเราะร่าพร้อมกับกลั่นแกล้งเขาด้วยการขยับกายออกแล้วเคลื่อนกลับเข้าไปใหม่จนสุด“ไอ้เจ้าบ้าอ้ายฉี!”“อา...ข้ามันคนบ้านี่น่า เขาว่าคนบ้าทำอะไรก็มิผิด” ว่าแล้วอ้ายฉีก็เร่งเคลื่อนกายจู่โจมเข้าในพื้นที่เร้นลับของชิงชวนอย่างหนักหน่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จากนุ่มนวลกลับเป็นรุนแรงเมื่อถูกผนังอ่อนนุ่มบีบรัด“เจ้าว่า...ข้าจะบ้าได้มากกว่านี้ไหมอาชวน”“หยุดทำอย่างที่เจ้าคิดเลยนะอ้ายฉี” ชิงชวนห้ามปรามเมื่อพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำการสิ่งใด เขามิอยากเดินออกจากห้องพักอย่างอับอายเพราะถูกอีกฝ่ายจับกดจนเตียงพังอย่างเช่นโรงเตี้ยมที่ก่อนหน้าอ้ายฉีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะกล่าวออกไป “ข้ายังมิได้คิดอะไรสักหน่อย”“ฮึ! เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะมิล่วงรู้ ข้าอยู่กับเจ้ามานานเท่าใดแล้ว ยามนี้หากมิใช่เพราะคิดว่าเดินทางกันพอแล้วกับในยุทธภพมีเรื่องมากมายชวนปวดหัว คิดว่าเจ้ากับข้าจะคิดกลับไปหาท่านแม่ทัพ...นายท่านกับคุณชายหรือไงกัน”“ครั้งนี้ข้ายอมก็ได้” หากมิใช่เพราะจะทำให้ชิงชวนอับอาย แต่เขาสัมผัสได้ว

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 122

    “ใบหน้าเมียข้ายามนี้ช่างงดงามเหลือเกิน เร่งอีกหน่อยสิท่านพี่ ข้าอยากได้ยินเสียงร้องของอาเหว่ย” จวินต้าเกอเอ่ยยามทอดสายตามองใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขสมยามถูกกระแทกด้วยความต้องการ“ได้สิน้องข้า” เฮยต้าเกอตอบรับ ผนังอ่อนนุ่มช่างบีบรัดเสียจนเขาถึงหายใจหอบแรงทำให้เขาขยับโยกกายด้วยความหนักหน่วงรุนแรงตามความต้องการที่มันเพิ่มมากขึ้น...และมากขึ้นจางเหว่ยสัมผัสได้ถึงกระแสความร้อนที่ไหลพุ่งเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับเสียงครางของเฮยต้าเกอ ก่อนคลื่นความร้อนครั้งใหม่จะถาโถมเข้าหา“ข้าถูกพี่ใหญ่กลั่นแกล้ง แล้วยังจะต้องพาหมูป่ากลับมา ระหว่างทางก็ยังจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำด้วย กว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อยมิใช่น้อย เมียข้าช่วยปลอบโยนข้าหน่อยนะ” จวินต้าเกอเอ่ยขณะสองมือใหญ่ลูบคลำไปทั่วร่างกายพร้อมกับใช้แท่งใหญ่ยักษ์ของตนเองกดรุกล้ำเข้าไปในร่องทางด้านหลังของจางเหว่ยยามถูกผนังอบอุ่นห่อหุ้มและรัด ความต้องการของจวินต้าเกอก็เพิ่มมากขึ้น เขาขยับกายตัวราวกับพายุฝนที่กำลังกระหน่ำสาดซัดอย่างรุนแรง“หากเมียข้ายังจะทำสีหน้าเช่นนั้น...วันนี้เราคงจะมิได้ไปหานายท่านกับคุณชายเป็นแน่” เฮยต้าเกอกล่าวขณะวางมือลูบไล้บนอกเมียรัก“ข้า

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 121

    “ท่าน...ท่านพี่” จางเหว่ยเอ่ยทักสองบุรุษที่เดินเข้ามาในบ้านเสียงแผ่วเบา ด้วยอย่างไรเขาก็ยังมิชินกับการเป็นฟูเหรินของบุรุษด้วยกัน แต่มิใช่เพราะเขาจำต้องผูกพันธสัญญาหรือมิเต็มใจอยู่กับกระทิงสองพี่น้องหรอกนะ แต่เพราะใจของเขาก็รู้สึกดีกับทั้งสองคนอยู่มิน้อย ยิ่งเมื่อผ่านพ้นค่ำคืนผูกพันธสัญญาไปแล้ว เฮยต้าเกอและจวินต้าเกอก็ดูแลเขาอย่างดี“มิสบายหรือเมียข้า” เฮยต้าเกอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ข้ามิได้เป็นอะไร หากแต่ท่านพี่กับท่านพี่จวิน เหตุใดถึงได้กลับมาเรือนเร็วเช่นนี้ ยังมิทันจะเที่ยงเลย ท่านมิสบาย...บาดเจ็บใช่หรือไม่” จางเหว่ยเอ่ยถามพลางมองดูว่าบุรุษตรงหน้ามีบาดแผลที่ส่วนใดของร่างกายบ้าง“มิได้เป็นเช่นนั้น วันนี้โชคดี ได้หมูป่าตัวใหญ่มา เลยคิดกันว่ารีบกลับบ้านจะดีกว่า หมูป่าตัวใหญ่เช่นนี้ถ้าได้นั่งล้อมวงกินกันหลาย ๆ คนคงจะดีมิใช่น้อย อาเหว่ยอยากพามันไปกินกับนายท่านกับคุณชายหรือไม่” เฮยต้าเกอกล่าวถึงเสวียนลิ่วหลางกับเก้าเทียนรุ่ย“แต่กว่าท่านพี่จะจับมันได้...มิง่ายเลยนะขอรับ” แม้จะดีใจที่กระทิงสองพี่น้องยังคิดถึงความรู้สึกของเขา“สัตว์มีอยู่เต็มป่า จะจับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นายที่ดีอย่างนายท่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 120

    “อ่า...รอค่ำคืนนี้ก่อนนะเมียรักของข้า รุ่งสางแล้วเราต้องเร่งทำเวลา” ยามนี้จวนแม่ทัพยังมีงานให้เขาทำอยู่ อีกทั้งยังบางคนที่มิอยากให้เขาออกไปใช้ชีวิตที่อื่นก็มาคอยอ้อนวอนขอร้อง“อื้อ...” เก้าเทียนรุ่ยรับคำก่อนจะยกตนเองขึ้นเพื่อตอบรับเจ้ายักษ์ใหญ่ที่ค่อย ๆ สอดดันเข้ามาในร่างก่อนจะถอนออกอย่างเชื่องช้า แล้วย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งจะลึกขึ้นเรื่อย ๆร่างเล็กบางไหวโยกตามแรงเคลื่อนไหว ผนังด้านในรับรู้สึกแท่งร้อนที่บุกรุกเข้ามาในกายครั้งแล้วครั้งเล่า บ้างก็เชื่องช้า บ้างก็รวดเร็ว“ท่านพี่”ใบหน้าแดงระเรื่อของเก้าเทียนรุ่ย ดวงตากลมใสที่ยามนี้ฉายแววปรารถนาอย่างชัดเจนทำให้เสวียนลิ่วหลางยิ่งถาโถมแท่งร้อนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามด้วยความปรารถนาที่รุนแรง เสียงสะท้อนของร่างกายที่กระทบกันดังทั่วห้องเช่นเดียวกับเสียงหอบของสองคนที่ดำดิ่งกับความใกล้ชิดเสวียนลิ่วหลางพลิกกายบางให้ลงนอนคว่ำ ใบหน้าเก้าเทียนรุ่ยแนบกับหมอนหนุน แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็กขณะกดสะโพกพาแท่งเหล็กร้อนให้ดำดิ่งสอดแทรกไปในช่องทางที่อ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนเสียงคำรามจะแผดดังขึ้นพร้อมกระแสความร้อนไหลพุ่งเข้าสู่

  • ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ   chapter 119

    “เอาเป็นข้า...” เด็กน้อยเคลื่อนไหวกายเพียงเล็กน้อยแต่กลับรวดเร็วเสียจนแทบจะมองมิทัน เพียงแค่มิถึงหนึ่งจิบชาดูเหมือนว่าทุกคนที่ยังคงอ่อนแรงยกเว้นเสวียนลิ่วหลางก็ดีขึ้น“ข้าช่วยพวกเจ้าได้เพียงแค่นี้ ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าเองแล้ว”“เดี๋ยว!” เก้าเทียนรุ่ยร้องเรียกเด็กน้อยตรงหน้าที่หันกายจะจากไป“มีอะไรอีก ข้ามิได้คิดร้ายกับพวกเจ้านะ”“เปล่า ข้ามิได้คิดเช่นนั้น แต่...” เก้าเทียนรุ่ยขบเม้มปากเข้าหากัน มิรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกของเขาเองหรือเปล่าที่รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กน้อยตรงหน้าประมาณหนึ่ง จนมันอดที่จะคิดมิได้“หากเจ้ามิพูดอะไร ข้าจะไปแล้วนะ”“เจ้า...คุณเป็นหนึ่ง” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา“หือ...” คิ้วของเด็กน้อยเลิกขึ้น“ใช่หรือไม่”เด็กน้อยคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “จะใช่หรือมิใช่ จะมีสิ่งใดแตกต่างไปล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว เจ้านั่นแหละ...ได้โอกาสแล้วก็ใช้ชีวิตนับจากนี้ไปให้มีความสุขเถอะ” กล่าวจบเด็กน้อยที่มิบอกกล่าวให้ทุกคนรู้เป็นผู้ใดจากไปพร้อมกับร่างของเสวียนลิ่วหลางที่ทรุดล้มลงศีรษะแนบชิดกับลำคอเก้าเทียนรุ่ย“ท่านพี่!”“ท่านแม่ทัพ!”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status