“ป๊า !!”
คะนิ้งร้องตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อร่างของอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามากอดจูบเธออย่างคนคลั่ง เธอไม่ได้รังเกียจเขา แต่ทว่าเธอกลับกำลังเกิดกลัวขึ้นมา! มือเรียวสองข้างดันเขาออกห่างแต่ไม่เป็นผล คนตัวโตกว่ายังใช้กำลังเข้ารั้งตัวเธอไว้ พร้อมกับเอาแต่ใจตัวเองขั้นสุด!
“ป๊าปล่อยหนูนะ!”
“นิ้ง อย่ามาสั่งป๊า”
“อื้อ!”
สิ้นเสียงตะคอกจากคนที่ปากเคยพร่ำบอกแค่คำว่ารัก และมักจะพูดจาอ่อนหวานอ่อนโยนกับเธอเสมอ มาบัดนี้ราวกับเป็นคนละคน ทั้งดุร้ายและรุนแรงอย่างไร้เหตุผล ไม่สิ! เหตุผลของเขาก็คือเขานั้นเครียด
แต่เครียดขนาดไหนก็ไม่ควรมาลงกับเธอไม่ใช่หรือไง!
“อื้อ อ่อย~~”
เสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้จนแทบฟังไม่ออก แต่ความหมายล้วนบอกให้เขานั้นปล่อยเธอ ตอนนี้ภูผาเมาหนักจนถึงขั้นขาดสติ เขาใช้แรงมากกว่าทุกครั้ง ทั้งบีบเคล้นนวดคลึงจนเธอปวดระบมไปหมด หน้าอกก็โดนเขาบีบแรงมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยสักนิด
“อื้ม~”
ริมฝีปากหนายังคงสอดแทรกสำรวจโพลงปากนุ่มพร้อม
“!!!”คะนิ้งยืนตะลึงค้าง จู่ ๆ เธอก็โดนชี้หน้าพร้อมกับถูกพ่นคำด่าจนหน้าชา!“หน้าตาก็ดีแต่ไม่มีสมอง!”“นี่คุณ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” หญิงสาวกำหมัดแน่น พยายามข่มกลั้นอารมณ์สุดชีวิต แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนเลยสักนิด ยังคงพูดต่อไม่ยอมหยุด“มันไม่มากเกินไปสำหรับยัยเด็กใจแตกชอบแย่งผัวชาวบ้านแบบเธอหรอกนะ”เธอคนนั้นยังคงยืนด่าเธอฉอด ๆ ต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาเดินตลาด คะนิ้งถึงกับยืนนิ่งหน้าชา เมื่อจู่ ๆ ก็โดนตราหน้าว่าไปแย่งผัวชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่เธอมีแฟนแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่ดูแลเธออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยบอกเธอเลยว่ามีภรรยาอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่เคยสงสัยมาก่อน จนกระทั่งวันนี้“นะ หนูเปล่านะ หนูไม่เคยแย่งผัวใคร”หญิงสาวที่ใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา เธอยืนกำหมัดไม่คลาย สายตาก็มองรอบตัว ที่เวลานี้มีคนมามุงดูอย่างคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน ตอนนี้เธอทั้งอายทั้งเสียใจ เธอก็อยู่ของเธอดี ๆ แต่กลับต้องมาโดนด่าเช่นนี้“เหอะ ตอแหล ถ้าแกไม่แย่งมาพี่ภูผาเขาไม่มีทางเลิกกับฉันมาเ
“อื้อ~~”เสียงดังอู้อี้ในลำคอเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น แม้ร่างกายจะระบมซ้ำยังเหนื่อยล้าจนแทบไม่อยากตื่น แต่ก็ต้องฝืนร่างกายตนเองลุกให้ไหว สาเหตุล้วนมาจากเมื่อคืนทั้งนั้น เพราะการกระทำรุนแรงป่าเถื่อนของคนที่เธอรัก ซึ่งบัดนี้ข้างกายไร้วี่แวว เขาหายไปแล้ว…“ฮึก~”เสียงสะอื้นถูกกลืนลงอก ยิ่งพอเธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยิ่งปวดหนึบในใจ น้ำตาพลันไหลอยู่รอมร่อ เธอที่เคยถูกรักถูกทะนุถนอมมาดุจเจ้าหญิง แต่ทว่าเพียงชั่วข้ามวันข้ามคืนเขากลับปฏิบัติกับเธอเหมือนวัตถุระบายอารมณ์วัตถุทางเพศ?ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เธอไม่สมควรถูกกระทำแบบนี้ด้วยซ้ำหายไปอีกแล้ว...คะนิ้งพาร่างเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำ มองหาเขาคนนั้นก็หาไม่เจออีก เธอได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับยกมือเรียวขึ้นปาดน้ำตาที่ห้ามไม่อยู่ ยิ่งพอในกระจกปรากฏร่างขาวเนียนที่มีทั้งรอยเเดงรอยช้ำเด่นชัด ยิ่งเธอผิวขาวยิ่งทำให้รอยนั่นชัดเจนและตอกย้ำว่าเธอโดนกระทำอย่างไรแถมครั้งนี้ยังไร้ซึ่งคำขอโทษ ไร้ทั้งเงาคน......&ldqu
“ป๊า !!”คะนิ้งร้องตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อร่างของอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามากอดจูบเธออย่างคนคลั่ง เธอไม่ได้รังเกียจเขา แต่ทว่าเธอกลับกำลังเกิดกลัวขึ้นมา! มือเรียวสองข้างดันเขาออกห่างแต่ไม่เป็นผล คนตัวโตกว่ายังใช้กำลังเข้ารั้งตัวเธอไว้ พร้อมกับเอาแต่ใจตัวเองขั้นสุด!“ป๊าปล่อยหนูนะ!”“นิ้ง อย่ามาสั่งป๊า”“อื้อ!”สิ้นเสียงตะคอกจากคนที่ปากเคยพร่ำบอกแค่คำว่ารัก และมักจะพูดจาอ่อนหวานอ่อนโยนกับเธอเสมอ มาบัดนี้ราวกับเป็นคนละคน ทั้งดุร้ายและรุนแรงอย่างไร้เหตุผล ไม่สิ! เหตุผลของเขาก็คือเขานั้นเครียดแต่เครียดขนาดไหนก็ไม่ควรมาลงกับเธอไม่ใช่หรือไง!“อื้อ อ่อย~~”เสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้จนแทบฟังไม่ออก แต่ความหมายล้วนบอกให้เขานั้นปล่อยเธอ ตอนนี้ภูผาเมาหนักจนถึงขั้นขาดสติ เขาใช้แรงมากกว่าทุกครั้ง ทั้งบีบเคล้นนวดคลึงจนเธอปวดระบมไปหมด หน้าอกก็โดนเขาบีบแรงมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยสักนิด“อื้ม~”ริมฝีปากหนายังคงสอดแทรกสำรวจโพลงปากนุ่มพร้อม
“หนูไปเรียนแล้วนะคะ”“…”“ป๊าคะ”“ครับ ครับ”เพราะเขานั้นง่วนอยู่แต่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ตื่นมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์บ้างพิมพ์แชท เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งจะออกไปเรียน อีกฝ่ายก็ยังวุ่นอยู่แต่กับโทรศัพท์เช่นเดิมเขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอทีหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าสนใจอย่างอื่นต่อ วันนี้เธอคงต้องขับรถไปเรียนเองสินะ“เอ๊ะ”คะนิ้งรู้สึกเอะใจเล็กน้อย เธอเดินลงมายังหน้าบ้านเตรียมเปิดประตูรถเก๋งคันมินิคู่ใจ แต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจดจ้องมาที่เธอ เธอรับรู้ได้แบบนั้นจริง ๆพอหันไปยังหน้าบ้านก็มองเห็นเพียงแค่อะไรแว่บ ๆ ผ่านถนนหน้าบ้านไปเท่านั้น หรืออาจจะคิดมากไป ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะจนอ๋องไปหมดแล้ว คงแค่คนเดินผ่านหน้าบ้านหรือไม่ก็เพื่อนบ้านปั่นจักรยานไปซื้อของเท่านั้นล่ะมั้ง“หลอนไปหมดแล้ว”คะนิ้งเปิดประตูเข้าไปในรถ เธอมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดใจขับรถออกไปเรียนด้วยตัวเอง ในระหว่างทางก็คิดอะไรไ
หลังจากทำผมเสร็จคะนิ้งก็ต้องมาเอางานกับโมเดลที่บ้าน ปล่อยให้คนแก่รออยู่บ้านคนเดียวเกือบชั่วโมง ถึงเวลาจึงบอกลาเพื่อนก่อนกลับ“งั้นฉันกลับแล้วนะเดล”“โอเค เออคะนิ้ง แกได้บอกป๊าเรื่องนั้นยัง”จู่ ๆ โมเดลก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่คะนิ้งเกือบโดนลากไปปู้ยี่ปู้ยำนั่นเอง“ไม่อ่ะ ยังไม่อยากให้ป๊าไม่สบายใจ”หากเขารู้เขาอาจจะไม่สบายใจ หนักกว่านั้นก็คงรู้สึกผิดและเครียดเป็นแน่ เธออยากให้เขาเครียดแค่เรื่องงานก็พอ จึงได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นให้เขาได้ฟัง“งั้นก็เอาที่แกสบายใจแล้วกัน” คะนิ้งพยักหน้ารับ เธอเก็บใบงานรวมกันก่อนที่จะเดินออกมาจากบ้านของโมเดลวันนี้เป็นวันหยุดสบาย ๆ เธอสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เดินกลับเข้าบ้านในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ในบ้านเปิดไฟจนสว่าง ทำให้เธอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของคนที่อยู่บนชั้นสองของบ้านได้นิดหน่อยคะนิ้งรีบเข้าบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอตั้งใจว่าตนจะเข้าไปจุ๊บแก้มคนแก่สักฟอด ก่อนที่จ
หลังจากที่โมเดลกลับไปในช่วงสาย คะนิ้งจึงยอมลุกจากเตียงนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เมื่อคืนเธอนอนคิดหลายเรื่องจนนอนไม่หลับ ตื่นมาร่างกายจึงไม่สดชื่นเท่าไรเธอไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง รวมทั้งโมเดลด้วย เก็บความสงสัยไว้เพียงคนเดียว รอเธอมั่นใจและหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้เสียก่อนแล้วกัน“อ๊ะ!”แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือหนาเข้ามารั้งเอวคอดกิ่ว คะนิ้งที่กำลังจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวตกใจจนสะดุ้ง ด้วยความที่เธอเหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนแอบย่องเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!“ป๊าเองครับ”“ป๊า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นพิเศษที่มาจากตัวเขา ภูผาแปลกใจเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอแปลกไป จนเขาไม่สบายใจรีบกลับมาเร็วกว่ากำหนด“ไหนป๊าบอกจะมาตอนบ่ายไงคะ” คะนิ้งถูกหมุนตัวให้กลับมาสบตากับเขา เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เขากลับพบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ความสับสนบนดวงตากลมคู่สวยที่เขาจ้องมอง มันทำให้เขาไม่สบายใจ“ป๊าคิดถึงหนู เลยกลับมาก่อน”