สามเดือนผ่านไป...
“คุณแม่ไม่ต้องกลัวนะคะ เฮียอาทิตย์กับพี่ผาจะอยู่ช่วยคุณแม่ตลอดแน่นอน” คะนิ้งเอ่ยให้กำลังใจผู้เป็นแม่แฟนซึ่งนั่งวีลแชร์อยู่
ตอนนี้ท่านอาการดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังเดินเหินไม่สะดวกแต่ก็พูดจาได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ทุกคนต่างเฝ้ารอวันนี้ วันที่จะได้ขึ้นศาลเอาผิดคนชั่วซะที
“แล้วนิ้งล่ะลูก?”
“หนูจะนั่งรออยู่ข้างหลังค่ะ ไม่หนีไปไหนแน่นอน ถ้าทุกอย่างจบแล้วเรากลับบ้านกันนะคะ”
เธอดูแลคุณแม่ดีจนท่านรักและเอ็นดูเธอมาก เมื่อก่อนเธอไม่มีโอกาสได้ดูแลแม่แท้ ๆ ตัวเอง น่าเสียดายอยู่บ้าง เธอเห็นคุณแม่เวลาพูดจากับลูกก็มักจะน่าฟังอาจจะมีดุบ้างบางคราว แต่แววตาดูรักใคร่ ต่างจากเธอที่ในสายตาผู้เป็นแม่มีแต่ความเกลียดชัง
แต่ช่างเถอะ...อย่างไรตอนนี้เธอก็นับว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งแล้ว มีแม่แฟนก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกในไส้
“หนูนั่งรอก่อนนะ” ภูผาที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น ข้างกายเขาก็มีเฮียอาทิตย์ยืนเคียงข้างกันด้วยท่าทีน่าเกรงขาม สองพี่น้องนี้หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่มาก บุคลิกก็ยังเหมือ
“ป๊าเมามากแล้วหนูขอพาป๊าไปนอนก่อนนะคะ”คะนิ้งขออนุญาตเฮียอาทิตย์ที่นั่งดื่มกันอยู่ เมื่อตอนกลางวันปะป๊าพาเธอไปจดทะเบียนสมรสอย่างที่ว่าจริง ๆ บทจะใจร้อนก็ห้ามไม่อยู่ พอกลับมายังบ้านพักหลังเดิมก็ฉลองกันยกใหญ่ ส่วนคุณแม่เข้านอนไปเรียบร้อยแล้ว“ครับ เอามันไปนอนเถอะ” เฮียอาทิตย์มองน้องชายเพียงแวบเดียวก็ยกยิ้มบนมุมปากทีหนึ่ง เหมือนกับมองบางสิ่งบางอย่างออก“เอิ้ก~~”“อย่าเพิ่งอ้วกนะคะ”คะนิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟังดูเป็นห่วง เธอแบกร่างหนาที่หนักมากเข้ามาในห้องนอนได้สำเร็จ แต่กว่าจะมาถึงได้ก็เล่นเอาเธอเหงื่อไหลซิก เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน“เดี๋ยวหนูถอดชุดให้นะคะ”“อื้ม~~”คะนิ้งลงมือถอดเสื้อผ้าเขาออกทีละชิ้นอย่างบรรจง ภูผาก็เอาแต่นอนแผ่หลารอรับการปรนนิบัติจากเธอ เขานอนตาปรือแต่ทว่ากลับยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คะนิ้งถอดส่วนบนเสร็จก็ต่อด้วยส่วนล่างทันที กางเกงขายาวสีดำถูกถอดออก เหลือเพียงกางเกงตัวในที่ปกปิดเจ้าภูผาสาขาย่อยไว้ อีกนิดเดียวก็จะถอดสำเร็จแล้ว แต่...
สามเดือนผ่านไป...“คุณแม่ไม่ต้องกลัวนะคะ เฮียอาทิตย์กับพี่ผาจะอยู่ช่วยคุณแม่ตลอดแน่นอน” คะนิ้งเอ่ยให้กำลังใจผู้เป็นแม่แฟนซึ่งนั่งวีลแชร์อยู่ตอนนี้ท่านอาการดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังเดินเหินไม่สะดวกแต่ก็พูดจาได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ทุกคนต่างเฝ้ารอวันนี้ วันที่จะได้ขึ้นศาลเอาผิดคนชั่วซะที“แล้วนิ้งล่ะลูก?”“หนูจะนั่งรออยู่ข้างหลังค่ะ ไม่หนีไปไหนแน่นอน ถ้าทุกอย่างจบแล้วเรากลับบ้านกันนะคะ”เธอดูแลคุณแม่ดีจนท่านรักและเอ็นดูเธอมาก เมื่อก่อนเธอไม่มีโอกาสได้ดูแลแม่แท้ ๆ ตัวเอง น่าเสียดายอยู่บ้าง เธอเห็นคุณแม่เวลาพูดจากับลูกก็มักจะน่าฟังอาจจะมีดุบ้างบางคราว แต่แววตาดูรักใคร่ ต่างจากเธอที่ในสายตาผู้เป็นแม่มีแต่ความเกลียดชังแต่ช่างเถอะ...อย่างไรตอนนี้เธอก็นับว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งแล้ว มีแม่แฟนก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกในไส้“หนูนั่งรอก่อนนะ” ภูผาที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น ข้างกายเขาก็มีเฮียอาทิตย์ยืนเคียงข้างกันด้วยท่าทีน่าเกรงขาม สองพี่น้องนี้หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่มาก บุคลิกก็ยังเหมือ
หลังจากที่เธอส่งคุณแม่เข้านอนเรียบร้อย ห่มผ้าเสร็จสรรพ คะนิ้งเองก็เตรียมตัวนอนพักเตียงที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลคุณแม่ของปะป๊า ทั้งอาหารการกินและคอยช่วยทำกายภาพบำบัด เธอเรียนรู้ทุกอย่างด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม“เอ๊ะ”จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ เธอลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ไหนสักที่ หลังจากที่โทรส่งข่าวโมเดลที่ตามหาเธอให้วุ่น พอรู้ว่าเธอสบายดีและปรับความเข้าใจกันได้ก็บ่นอุบ บ่นว่าตัวเองจะไปเลือกกินอาหารเม็ดยี่ห้อนั่นบ้างนี่บ้าง เธอเองก็ได้แต่ยิ้มเก้อ ก็ตอนนั้นทะเลาะกันบ้านแทบแตก เพื่อนก็เข้าช่วยสุดกำลัง สรุปดีกับผัว? จบข่าว...เธอเดินออกมายังไม่ถึงห้องครัวด้วยซ้ำ ทว่ากลับรู้สึกเยือกเย็นแปลก ๆ ขนกายต่างลุกซู่ขึ้นมา นี่เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ไฟในบ้านไม่ได้เปิดจนครบทุกดวง ทำให้แสงสว่างไม่มากพอจะเห็นทุกอย่างชัดถนัดตาทว่าเธอกับเจอเข้ากับบางสิ่ง!“อุ้ย! ป๊ามายืนอะไรตรงนี้คะเนี่ย หนูนึกว่าผีหลอกซะอีก”“...”“มายืนทำไมตรงนี้คะ?”“มาดักรอ”“ป๊ามารอ
“หนูจะรอป๊านะคะ”น้ำเสียงบวกกับสายตาแน่วแน่คู่นั้นแล้ว ทำให้หนังหน้าแก่ ๆ ของเขาเกิดร้อนผ่าวขึ้นมาจนได้ เขาเขินเมียตัวเองวันละไม่รู้กี่รอบ“ป๊าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? หน้าแดงเชียว” คะนิ้งเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“ป๊าแค่รู้สึกว่าหนูสวยขึ้น สวยขึ้นทุกวันเลย”เขาว่าพลันใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมที่หล่นปิดใบหน้าสวยที่เขาหลงใหล แววตาอ่อนโยนการกระทำอันอบอุ่นนี้ช่างเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆดูไม่เหมือนคนเพิ่งทะเลาะกันราวกับจะฆ่าจะแกงกันก็ไม่ปาน ตอนนี้เธอกับเขาปรับความเข้าใจกันเเล้ว ไม่แปลกหากจะกระหนุงกระหนิงกันบ้าง“ป๊าก็หล่อขึ้นทุกวันเลยค่ะ” เธอเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าชมเขาไม่หยุดปากเช่นกัน ทำเอาอีกคนเขินจนตัวแดงไปหมด“ไม่ให้ป๊ารักยังไงไหวเนี่ย ฟอด~”เขาว่าพลันหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ สักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เขาอยู่ จึงรีบดึงตัวคะนิ้งให้ลุกขึ้น“ป๊าว่าเราไปอาบน้ำดีกว่าจะได้สบายตัว เดี๋ยวป๊าพาหนูไปหาแม่ป๊านะ”“จริงเหรอคะ?”
ภูผาที่ใบหน้าปรากฏรอยขีดข่วน สีหน้าบ่งชัดถึงอาการไม่พอใจขั้นสุด ทั้งอึมครึมจนน่ากลัว แต่ทว่าพอเห็นว่าเธอตื่นเเล้วก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที ราวกับไม่ใช่คนคนเดียวกัน“หนูตื่นแล้วเหรอ” รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เวลานี้ยิ่งทำให้ใจเธอสั่นไหว“...”“อย่าไปโกรธไอ้ผามันเลย มันรักหนูมากเลยนะ หายใจเข้าออกก็มีแต่หนู” อาทิตย์ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง จึงเอ่ยดักขึ้นก่อน“เฮียบอกแล้วเหรอ?” ภูผาถามพี่ชาย“อือ คุยกันเองนะ เฮียไปดูแม่ก่อน”“ครับ”ภูผาพยักหน้ารับ พอพี่ชายตนเดินออกไปยังห้องของผู้เป็นมารดาซึ่งนอนอยู่ข้างกัน ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าเธอ ท่าทางใจเย็นของเขายิ่งทำให้คะนิ้งกำมือเเน่นขึ้น เธอไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ เพราะไม่อยากเห็นรอยแผลที่ตัวเธอเองเป็นคนสร้างขึ้น“หนูยังไม่หายโกรธป๊าเหรอ?”“...” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับภูผาสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะยึดมือเธอมากุมไว้แน่น พลันเอ่ยเสียงเบาอย่างคนรู้สึกผิดและขอโทษไปในที
“โอ๊ย โอ๊ย! ป๊าเจ็บจริงนะเนี่ย”พอเขาพาเธอเข้ามาในรถเรียบร้อย ใช่ว่าจะง่ายอย่างที่คิด คะนิ้งแผลงฤทธิ์ขั้นสุดเช่นเดียวกัน เธอทั้งทุบทั้งตีเขาจนเริ่มเจ็บเข้าแล้วจริง ๆ“ก็ปล่อยหนูไปสักทีสิ!” คะนิ้งยังกัดฟันทุบอีกฝ่ายเป็นเบาะรองมือ จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องโทรเรียกใครบางคนทันที“มาขับรถให้เฮียที เร็ว ๆ ”ขืนเป็นแบบนี้เขาคงขับรถไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ หากไม่จับตัวเธอไว้มีหวังขับรถไปแหกโค้งกันพอดี คนที่เขาโทรหาเมื่อกี้คือเลขาเขาเอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยโผล่มาหรอก เพราะหากมาที่นี่เขาจะให้หาโรงแรมพัก เพราะเขานั้นต้องอยู่กับคะนิ้ง ไม่อยากให้หมอนั่นมาเห็นเข้า“นิ้ง นิ้ง หนูใจเย็น ๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้นี่ครับ ตีป๊าแบบนี้บาปนะ”เขาถึงขั้นต้องเอาเรื่องบาปบุญมาอ้าง เพราะคะนิ้งยังทุบตีเขาไม่ยั้งมือ เธอเก็บกดอะไรขนาดนั้นกัน เธอไม่เคยทำตัวก้าวร้าวแบบนี้มาก่อนนี่?“เหอะ! บาปงั้นเหรอ?”“แล้วคนที่มันนอกใจเมียตัวเองมามีคนอื่นล่ะ? แล้วลากคนที่มันไม่รู้เรื่องอะไรให้เป็นคนเลวไปด้วย แบบนี