“เย็นนี้แกกลับก่อนเลยนะนิ้ง ฉันต้องไปตามแก้งานอีกอ่ะน่าจะไม่ได้กลับด้วย” โมเดลบอกเพื่อนสาวมือก็หอบงานมากมายที่เจ้าตัวนั้นดองไว้จนจะเป็นดินพอกหางหมู ต้องตามส่งตามแก้จนตาแทบถลน
“ก็ได้ ๆ งั้นไปล่ะนะ ป๊ามาแล้ว”
คะนิ้งตอบตกลง ก่อนที่สายตาจะมองไปเห็นรถหรูที่เธอจำได้ดีว่าเป็นของใคร เจ้าหล่อนจึงรีบเก็บของลุกจากม้านั่งบอกลาเพื่อน เเละวิ่งไปยังรถที่จอดรออยู่หน้าคณะทันที
“ปะป๊า~คิดถึงที่สุดเลยค่ะ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ”
พอเข้ามาในรถสิ่งแรกที่เธอทำคือการบอกคิดถึงเขา หลังจากนั้นก็ระดมจุ๊บเขาทั้งซ้ายขวาหลายที โดยไม่สนเลยว่าแก้มเขาจะสากหรือว่ามีตอหนวดทิ่มเลยสักนิดเดียว
“คิดถึงป๊าขนาดนั้นเชียว?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับเอ่ยถามพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
“คิดถึงมากถึงมากที่สุด” คะนิ้งเอียงคอยิ้มแฉ่งให้อีกฝ่ายท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้เขารู้ว่าการมีแฟนที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีนี่มันกระชุ่มกระชวยจริง ๆ
“ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ป๊ารักได้ยังไงกัน”
“หนูอยากให้ป๊ารักหนู รักมาก รักแบบขาดไม่ได้ ไม่มีหนูแล้วป๊าต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับไปเลย”
หญิงสาวเอ่ยร่ายาวก่อนจะหันไปมองด้านหน้าอย่างคนอารมณ์ดี คำพูดและการกระทำของเธอทำให้คนแก่แบบเขาอดยิ้มไม่ได้เลยจริง ๆ
ภูผาขับรถออกมาเรื่อย ๆ เป้าหมายที่เขาตั้งใจพาเธอไปก็คงจะเป็นร้านอาหารหรูสำหรับวีไอพี อย่างเช่นทุกครั้งที่เขาบินกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับเธอ
“ป๊าจะพาหนูไปไหนเหรอคะ?” คะนิ้งมองทางข้าง ๆ ก็ไม่คุ้นชิน เธอจึงเอ่ยถามเขาที่รับหน้าที่คนขับในทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย เวลานี้เขาไม่ใช่จะพาเธอกลับบ้านหรอกหรือ?
“ไปกินข้าวไงคะ” ภูผาตอบกลับพร้อมกับมองเธอสลับกับมองถนน
“ไปโซนวีไอพีเหมือนเดิมเหรอคะ?” คะนิ้งยังคงถามเขาอีกครั้ง ดวงตากลมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“ใช่ครับ”
“……”
คำตอบของภูผาไม่ได้ถูกใจเธอเลยสักนิด ก่อนหน้านี้เธอยังหวังให้เขาตอบว่าไม่ใช่อยู่เลย เธอไม่ได้อยากไปกินอาหารหรู ๆ ที่มีเพียงเธอและเขา แต่เธออยากให้เขาพาเธอไปร้านธรรมดาที่มีผู้คนมากมายนั่งทานกัน พูดโดยง่ายก็คงอยากให้เขาพาเธอไปในที่ที่เธอสามารถอวดว่ามีเขาได้ เธออยากภูมิใจเวลาที่คนอื่นได้เห็นแฟนเธอบ้าง อยากมีตัวตนบนโลกนี้ไม่ใช่เพียงแค่ที่บ้านและพื้นที่ปิดแบบตอนนี้
“ทำไมเหรอคะ? หนูไม่อยากไปเหรอ? ” ภูผาที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของอีกฝ่ายก็เอ่ยถามทันที แม้เธอจะไม่แสดงออกมากนักแต่เขาย่อมจับสังเกตอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
“หนูไม่ค่อยอยากไปค่ะ”
หญิงสาวตอบเขาไปตรง ๆ เธอไม่อยากจะโกหกเขา เพราะนิสัยเธอไม่ใช่คนขี้โกหก เธอมักจะพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาทุกครั้ง ซึ่งภูผาเองก็รู้ดีว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร เขาเดาได้แม้กระทั่งจากสีหน้าที่ผิดไปแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“หนูอยากไปที่ไหนบอกป๊าได้เลยนะ ขอแค่หนูบอกป๊าให้ได้หมดเลย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับสลับมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ
“หนูแค่อยากไปในที่ที่คนเยอะหน่อย อยากให้คนเห็นว่าปะป๊าของหนูหล่อมากแค่ไหน”
คะนิ้งว่าเสียงอ่อนพลันยื่นหน้าเข้าไปซบไหล่อีกฝ่าย ซึ่งเธอก็รู้จังหวะเป็นอย่างดีว่าทำอย่างไรจึงไม่รบกวนการขับรถของเขา
“งั้นไปดูหนังก่อนไหมคะ? คนเยอะพอไหม? เสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวกันต่อ ดีไหมครับ?”
“ดีมากเลยค่ะ~”
รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวยหวาน เมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจเป็นที่สุด ปะป๊าของเธอเอาใจและตามใจเธอมากขนาดนี้ จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรกัน
นี่สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าเขาไม่เคยผิดคำพูดกับเธอ เขาบอกว่าจะให้สิ่งใดตามที่ใจเธอต้องการก็ให้ได้ตลอด และถ้าหากเป็นเรื่องที่เขาจะพาเธอไปอยู่ด้วยกัน ก็คงไม่น่ากังวลอีกต่อไปสินะ
“ปะป๊าของหนูน่ารักที่สุด~” คะนิ้งยังเอ่ยชื่นชมชายหนุ่มไม่ขาดปาก ก็เขาน่ารักจริง ๆ นี่นา
“ปากหวานนะเรา งั้นถ้าตามใจหนูแล้วหนูควรจะให้อะไรป๊าเป็นการตอบแทนไหมนะ?”
“ปะป๊าอยากได้อะไรเหรอคะ?”
“หนูเห็นนั่นไหม?”
ภูผาชี้ไปยังข้างทางที่เขาชะลอรถเล็กน้อย เพื่อให้เธอเห็นชัดมากขึ้น แน่นอนว่าเธออ่านออกว่าป้ายนั่นคือที่ใด
“โรงแรม” คะนิ้งพูดพร้อมกับมองเขาตาโต ปกติเธอก็ตากลมโตอยู่แล้ว ยิ่งพอทำแบบนี้ยิ่งทำให้มันดูโตขึ้นไปอีก น่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ
“ใช่แล้ว แวะหน่อยไหม ป๊าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ฮ่ะ ฮ่า”
ชายหนุ่มเพียงล้อเล่นอีกฝ่ายเท่านั้น เขาอาจจะแอบคิดอยู่บ้างก็เถอะ แต่ทว่ากลับไม่เคยลองเปลี่ยนสถานที่เลยสักครั้ง เพราะเขากลัวว่าหากเกิดมีมือดีถ่ายติดพวกเขาสองคนแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่เข้าน่ะสิ
“ป๊า!!” คะนิ้งร้องเรียกเขาเสียงดัง ปกติแล้วเธอไม่เคยขึ้นเสียงใส่เขาเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ไอจามเสียงดังยังขอโทษเขาเลย และอีกอย่างตอนนี้สีหน้าเธอดูเปลี่ยนไป จนคนแก่เริ่มลนลาน หรือเขาพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ? สาวน้อยของเขากำลังไม่พอใจใช่ไหม?
“ขากลับค่อยแวะแล้วกันค่ะ”
“โหย~ป๊าตกใจหมดเลย”
ตอนแรกเขานึกว่าเธอจะโกรธซะอีก แต่พอเห็นเจ้าหล่อนคลี่ยิ้มหวาน ใจก็พลันโล่งขึ้นมาทันที เธอเพียงแกล้งทำท่าจริงจังให้เขาตกใจเล่นก็เท่านั้น หากจะให้ปฏิเสธล่ะก็คนแบบเธอทำเป็นซะที่ไหน เรื่องนั้นสำหรับเธอแล้วขอให้ป๊าบอกมาว่าต้องการแบบใดเธอยินดีเสมอ
“แต่ป๊าแวะจริง ๆ นะ?” คะนิ้งถามเขาด้วยท่าทีทะเล้น
“ไม่แวะครับ ป๊าเตรียมของเล่นไว้ที่บ้าน เดี๋ยวเรากลับไปเล่นกัน”
“ของเด็กเล่นเหรอคะ?” คะนิ้งแสร้งถาม
“ผู้ใหญ่เล่นก็ฟินเหมือนกัน ไว้กลับไปค่อยลอง” เจ้าของใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ ของเล่นที่ว่าคงไม่ใช่ของเล่นเด็กน้อยแล้วล่ะมั้ง เธอเดาจากสีหน้าและคำพูดของเขาก็รู้ทันแล้ว
“งั้นเราเลือกหนังที่สั้นที่สุดดีไหมคะ ข้าวก็ไม่กินก็ได้ นิ้งรีบ” ดูเธอสิ ก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้เขารักได้ไงกัน…
“หนูไปเรียนแล้วนะคะ”“…”“ป๊าคะ”“ครับ ครับ”เพราะเขานั้นง่วนอยู่แต่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ตื่นมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์บ้างพิมพ์แชท เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งจะออกไปเรียน อีกฝ่ายก็ยังวุ่นอยู่แต่กับโทรศัพท์เช่นเดิมเขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอทีหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าสนใจอย่างอื่นต่อ วันนี้เธอคงต้องขับรถไปเรียนเองสินะ“เอ๊ะ”คะนิ้งรู้สึกเอะใจเล็กน้อย เธอเดินลงมายังหน้าบ้านเตรียมเปิดประตูรถเก๋งคันมินิคู่ใจ แต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจดจ้องมาที่เธอ เธอรับรู้ได้แบบนั้นจริง ๆพอหันไปยังหน้าบ้านก็มองเห็นเพียงแค่อะไรแว่บ ๆ ผ่านถนนหน้าบ้านไปเท่านั้น หรืออาจจะคิดมากไป ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะจนอ๋องไปหมดแล้ว คงแค่คนเดินผ่านหน้าบ้านหรือไม่ก็เพื่อนบ้านปั่นจักรยานไปซื้อของเท่านั้นล่ะมั้ง“หลอนไปหมดแล้ว”คะนิ้งเปิดประตูเข้าไปในรถ เธอมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดใจขับรถออกไปเรียนด้วยตัวเอง ในระหว่างทางก็คิดอะไรไ
หลังจากทำผมเสร็จคะนิ้งก็ต้องมาเอางานกับโมเดลที่บ้าน ปล่อยให้คนแก่รออยู่บ้านคนเดียวเกือบชั่วโมง ถึงเวลาจึงบอกลาเพื่อนก่อนกลับ“งั้นฉันกลับแล้วนะเดล”“โอเค เออคะนิ้ง แกได้บอกป๊าเรื่องนั้นยัง”จู่ ๆ โมเดลก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่คะนิ้งเกือบโดนลากไปปู้ยี่ปู้ยำนั่นเอง“ไม่อ่ะ ยังไม่อยากให้ป๊าไม่สบายใจ”หากเขารู้เขาอาจจะไม่สบายใจ หนักกว่านั้นก็คงรู้สึกผิดและเครียดเป็นแน่ เธออยากให้เขาเครียดแค่เรื่องงานก็พอ จึงได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นให้เขาได้ฟัง“งั้นก็เอาที่แกสบายใจแล้วกัน” คะนิ้งพยักหน้ารับ เธอเก็บใบงานรวมกันก่อนที่จะเดินออกมาจากบ้านของโมเดลวันนี้เป็นวันหยุดสบาย ๆ เธอสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เดินกลับเข้าบ้านในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ในบ้านเปิดไฟจนสว่าง ทำให้เธอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของคนที่อยู่บนชั้นสองของบ้านได้นิดหน่อยคะนิ้งรีบเข้าบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอตั้งใจว่าตนจะเข้าไปจุ๊บแก้มคนแก่สักฟอด ก่อนที่จ
หลังจากที่โมเดลกลับไปในช่วงสาย คะนิ้งจึงยอมลุกจากเตียงนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เมื่อคืนเธอนอนคิดหลายเรื่องจนนอนไม่หลับ ตื่นมาร่างกายจึงไม่สดชื่นเท่าไรเธอไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง รวมทั้งโมเดลด้วย เก็บความสงสัยไว้เพียงคนเดียว รอเธอมั่นใจและหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้เสียก่อนแล้วกัน“อ๊ะ!”แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือหนาเข้ามารั้งเอวคอดกิ่ว คะนิ้งที่กำลังจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวตกใจจนสะดุ้ง ด้วยความที่เธอเหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนแอบย่องเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!“ป๊าเองครับ”“ป๊า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นพิเศษที่มาจากตัวเขา ภูผาแปลกใจเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอแปลกไป จนเขาไม่สบายใจรีบกลับมาเร็วกว่ากำหนด“ไหนป๊าบอกจะมาตอนบ่ายไงคะ” คะนิ้งถูกหมุนตัวให้กลับมาสบตากับเขา เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เขากลับพบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ความสับสนบนดวงตากลมคู่สวยที่เขาจ้องมอง มันทำให้เขาไม่สบายใจ“ป๊าคิดถึงหนู เลยกลับมาก่อน”
“แกดีขึ้นบ้างไหมนิ้ง”เป็นโมเดลที่เอ่ยถามด้วยความห่วงใย หลังจากเกิดเรื่องโมเดลก็ตามออกมา และพาคะนิ้งกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย โมเดลต้องทนเห็นคะนิ้งร้องไห้เงียบ ๆ แบบไร้เสียงอีกแล้ว เป็นอะไรที่บีบหัวใจที่สุด“คิดถึงปะป๊า~”คะนิ้งยังคงเพ้อแค่คิดถึงปะป๊าของเธอ เวลาที่เธอหวาดกลัวหรือตกใจเธอมักจะคิดถึงเขาเสมอ เธออยากให้เขาอยู่ข้างกายเธอในตอนนี้ แต่ทว่าแม้กระทั่งสายจากเธอเขายังไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่างานยุ่งอะไรนักหนา ขนาดที่ไม่สามารถรับสายเธอได้เลย เธอเกือบจะโดนลากไปข่มขืนอยู่แล้ว“เฮ้อ~ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกจนกว่าป๊าจะมานะ” โมเดลไม่รู้จะตอบอย่างไร ทั้งเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของคะนิ้งคะนิ้งได้ทุกอย่างที่อยากได้ เธอไม่ขาดเขินสิ่งใดนอกจากเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่เธอรัก เธออยากอยู่กับเขา! เธอไม่ได้อยากอยู่กับเงินและสมบัติของเขาซะหน่อย!“ขอบใจนะเดล ฮึก~ แต่แกกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ฉันชินเเล้ว”ประโยคนั้นราวกับตัดพ้อตัวเองเสียมากกว่า เธออยู่คนเดียวบ่อยจะตายไป จะอยู่อีกวันเป็นไรไป คงไม่ตายสินะ
ณ ผับ A…“รอป๊าเหรอจ๊ะ?”“อื้อ”คะนิ้งที่นั่งหน้าหงอยอยู่ตอบกลับโดยการพยักหน้า เธอสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดหมู ตัดกับผิวขาวเนียนแบบสุด ๆ ใบหน้าที่สวยเป็นทุนเดิมแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ก็ยิ่งขับลุคให้เธอดูสวยมากขึ้นไปอีกเอาเป็นว่าเธอเป็นของดีของคณะที่หนุ่ม ๆ ต่างหมายตา แต่ทว่าเธอไม่เคยสนใจใครเลยสักคน เพราะเธอมีเจ้าของหัวใจแล้วนั่นเอง“ไปนานมาก บอกว่าจะไปหาที่จอดรถแต่ป่านนี้ก็ยังไม่มาเลย”คะนิ้งเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับชะเง้อมองซ้ายทีขวาที เธอเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เขาจะเดินมาหาเธอที่โต๊ะ อุตส่าห์อ้อนเขาให้มากับเธอได้แล้วเชียว แถมตอนนี้ยัยแก๊งขาสอสระเอือกอไก่ก็นั่งมองมายังฝั่งของเธอหลายหน“หาที่จอดยากมั้ง”“จะยากอะไรขนาดนั้น นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”“งั้นโทรตามดีไหม?”“โทรไปแล้วไม่รับ”คะนิ้งเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอใจจดใจจ่อรอเขาจนไม่เป็นอันสนุกสนานอย่างคนอื่น เธอดื่มไปเพียงแก้วเดียว ในนี้เป็นงานเลี้ยงคณะ ทุกคนต่างสนุกสนานแต่ท
“น่ารักที่สุดเลย~” คะนิ้งยิ้มจนตาแทบปิด เธอหอมแก้มสากหนึ่งทีก่อนจะขยับมานั่งยังเบาะข้างคนขับ เพื่อให้อีกฝ่ายขับรถได้สะดวกมากยิ่งขึ้น“อะแฮ่ม” เสียงกระเอมดังขึ้นเรียกให้เธอหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา“จับได้นะ ป๊าสมาธิดี”ว่าจบเขาก็เด้งเป้าสองทีเป็นการเชิญชวนอีกฝ่าย จนเธออดขำไม่ได้ ถึงกับหัวเราะจนฟันแทบหลุด“พรืด! ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ตาแก่บ้ากามที่ชอบให้เธอลูบ ๆ คลำ ๆ จนเริ่มติดเป็นนิสัยแล้วสินะ ฟินล่ะซี้~“หัวเราะทำไมครับ?”“หัวเราะปะป๊าไงค่ะ ป๊าหื่น” เธอเอ่ยพลันเล่นหูเล่นตากับอีกฝ่าย“ก็หื่นแค่กับเมียไหมล่ะ ก็มีเมียเด็กนี่นา”“เมีย…”คำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา แม้เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งใจเรียกเธอหรือไม่ แต่ทว่ามันกลับทำให้เธอดีใจจนยิ้มไม่หุบ เธอชอบเวลาที่ปะป๊าเรียกเธอว่าเมียเป็นที่สุด เธออยากเป็นเมีย เป็นเมียคนเดียวของเขา...“หนูไม่ชอบให้ป๊าเรียกแบบนี้เหรอครับ?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียด มองเธอสล