คะนิ้งทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ เธอกอดเขาไว้ใบหน้าที่อยู่เพียงเอวของเขาก็ซุกเข้าอย่างคนหวงแหน ก็เธอหวงเขานี่นา เธออยากเก็บปะป๊าของเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นแก่ตัวไม่ยอมให้ใครดูด้วย
“อ๋อ ฮ่ะ ฮ่า ได้ ๆ ครับเดี๋ยวป๊าไปเปลี่ยนชุดใหม่”
ภูผายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเกือบทุกซี่ เขาหัวเราะให้กับความน่าเอ็นดูของเธอต่างหาก ยัยเด็กขี้หวงขี้อ้อนคนนี้ทำเอาเขาใจละลายทุกครั้ง เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าชีวิตจะมีสีสันแบบตอนนี้ ตอนที่เขาอยู่กับเธอ
“ขี้งกอ่า~” เป็นโมเดลที่ยืนดูสองคนอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยจิ๊จ๊ะอย่างคนโดนขัดใจ กำลังดูเพลินเลยเชียว
“ก็ของนิ้งนี่”
คะนิ้งขึงตาใส่เพื่อนสนิทตนที่มักจะจ้องหาเศษหาเลยจากปะป๊าสุดหล่อของเธอ แม้รู้ว่าโมเดลไม่คิดอะไรมาก เพียงแค่ต้องการก่อกวนเธอก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเธอก็หวงอยู่ดีนั่นแหละ
“ไม่ต้องทะเลาะกันครับ เดี๋ยวป๊าไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ ส่วนเรื่องรถเดลไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวป๊าไปส่งครับ” ภูผาเอ่ยเสียงทุ้มน่าฟัง จนคนฟังแทบขาอ่อน
“อุ้ย~ ได้เลยค่ะป๊า” โมเดลบิดกายจนกระดูกแทบเคลื่อนอยู่แล้ว เพราะความเขินอาย
“ป๊าไปเปลี่ยนชุดเลย!” คะนิ้งเอ่ยหน้างอเล็กน้อย ก็เธอไม่ชอบใจนี่นา แต่ทว่าชายหนุ่มก็ราวกับอ่านความคิดเธอผ่านสีหน้าได้ เขาลูบเรือนผมนุ่มสลวยเบามือ ก่อนจะเอ่ยเอาใจเจ้าหล่อน
“ได้ครับ หนูไม่ทำหน้าแบบนั้นสิ โมเดลไม่เห็นอะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงป๊าก็เป็นของหนูคนเดียวอยู่แล้ว”
คนแก่เวลาพูดแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเอียนขนาดนั้นนี่ กลับน่าฟังจนเธอบิดกายเขินไปอีกคน หญิงสาวอมยิ้มพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินลงมาเพื่อคุยกับโมเดลต่อ
“วาสนาแกจริง ๆ คะนิ้งเอ้ย! ฉันล่ะอิจฉาแก ป๊าผาคือแด๊ดดี๊ที่จริงใจสุด หล่อก็หล่อ นิสัยก็ดี ที่สำคัญรักแกเวอร์” โมเดลเอ่ยชื่นชมจากใจจริง ก่อนจะนั่งลงโซฟาห้องรับแขก
“อื้อ โชคดีมากเลยที่ได้เจอป๊า ถ้าไม่เจอก็คงไม่รู้ว่าจะเร่ร่อนอยู่ไหนเหมือนกัน” เธอไม่ได้พูดเพราะน้อยเนื้อต่ำใจ เธอดีใจมากต่างหาก รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวย
หากนึกย้อนไปวันแรกที่เจอกัน เธอเองก็อดซาบซึ้งไม่ได้ วันที่เธอระเหเร่ร่อนไร้ซึ่งจุดหมาย มีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กติดกาย ไม่มีความหวัง ไม่มีหนทางให้เดินไปต่อในวันข้างหน้าหรือแม้กระทั่งเวลานั้นหิวก็หิว ฝนก็ตกลงมาทับถมซ้ำเติมคนโชคร้ายแบบเธอ
แต่ทว่ากลับมีใครบางคนยื่นร่มมากางให้เธอ ดวงตาคู่คมแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนหลายส่วน น้ำเสียงฟังดูละมุนหูจนคนฟังคล้อยตามนั่น เธอยังจำได้ดี
“หนูมาเดินตากฝนแบบนี้ทำไมครับ? ปวดหัวตอนเป็นไข้หวัดน่ะไม่สนุกหรอกนะ เชื่อลุงเถอะ”
ก็เพราะตาลุงสุดหล่อและใจดีคนนั้นแหละที่เปลี่ยนชีวิตเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเธอไม่ได้กลัวเขาตั้งแต่แรกเจอ พอสบตาเข้ากับดวงตาคู่นั้นแล้ว เธอกลับรู้สึกราวกับกำลังถูกโอบกอด ยอมเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง จนกระทั่งเขาหาที่อยู่อาศัยและให้เงินเธอใช้จ่ายเพราะความสงสาร
แต่เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมกัน จึงทำให้เธอกับเขาเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบคนรัก กินนอนด้วยกันเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว เธอมีความสุขมาก แบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต เขาเป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตของเธอ
ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเขา…
.
.
.
“ตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวเย็นป๊ามารับ” เสียงคนที่นั่งฝั่งคนขับเอ่ยขึ้น หลังจากที่รถขับเข้าจอดหน้ามหาลัยที่สาวเจ้าเรียนอยู่
“เพื่อป๊าแล้วหนูตั้งใจเรียนแน่นอนค่ะ~” หญิงสาวเอ่ยพลันฉีกยิ้มกว้าง
“ดีมากค่ะคนเก่ง~” ภูผาเอ่ยเสียงหวานอย่างคนรักใคร่ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างคนเอ็นดู สบสายตาเข้ากับดวงตากลมน่าหลงใหล ที่ทำเขาถอนตัวถอนใจไม่ได้เลยสักหน
“จุ๊บหน่อยสิคะ ป๊าต้องให้กำลังใจหนูนะ”
หญิงสาวทำทีท่าเล่นหูเล่นตา คะนิ้งยิ่งโตยิ่งสวยและยิ่งมีลูกเล่นลูกหยอดมากขึ้น คนแก่แบบเขาจะอดใจไหวได้อย่างไรกัน ก็คงต้องตามน้ำเสียแล้วสิ
“จุ๊บ~~” ริมฝีปากหนาจุ๊บเข้าที่แก้มขาวเนียน ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะความเขินอาย
“โอย~~รักกันพอแล้วมั้ง~คนโสดใจจะขาดแล้วค่า”
เสียงแทรกขึ้นจากด้านหลัง เป็นโมเดลที่นั่งดูคนรักกันกระหนุงกระหนิง หยามใจคนโสดเอามาก ๆ แต่ก็ได้แต่ทนมาสุดทาง ทว่าสองคนนี้กับพลอดรักกันหวานชื่น จนมดจะขึ้นแล้วล่ะมั้งนั่น
หากไม่ถูกห้ามเสียก่อนก็คงเป็นเช่นนั้น
“แกไม่เข้าใจอ่ะเดล นาน ๆ จะได้อยู่กับป๊า” คะนิ้งทำเป็นเอ่ยเสียงเบาตาละห้อย แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติเพราะคะนิ้งมักใช้ข้ออ้างนี้อยู่บ่อยครั้ง
“จ๊ะจ้า เข้าใจว่านาน ๆ จะได้เจอกัน แต่แกช่วยเข้าใจคนที่ใช้ชีวิตมายี่สิบสองปียังไม่เคยเจอผู้ชายดี ๆ แบบฉันมะ?” โมเดลเอ่ยจือปาก กอดอกบิดซ้ายทีขวาทีอย่างคนหมั่นไส้
“ป๊าก็อยู่มาสี่สิบปีเลยนะ กว่าจะเจอคนดี ๆ อย่างที่เดลว่า”
จู่ ๆ หนุ่มหล่อรุ่นลุงข้างกายก็เอ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มกระชากใจวัยเยาว์ทั้งสอง เขาน่ะหล่อเกินคนแล้วจริง ๆ ไม่รู้ที่บ้านเลี้ยงด้วยอะไรถึงหล่อวัวตายควายล้มได้ขนาดนี้กันนะ? ยิ่งเสียงทุ้มน่าฟังนั่นอีก เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำบุญด้วยอะไรเหมือนกันถึงวาสนาดีขนาดนี้
“รุ่นลุงเขาขิงอะนิ้ง~” โมเดลหันมาญาติดีกับคะนิ้งทันที เมื่อโดนแฟนเพื่อนเอ่ยประโยคที่ฟังยังไงก็อวยสาวน้อยที่แกหลงรักหัวปักหัวปำ
“ก็คงจริงของเขาแหละ หนูไปเรียนแล้วนะคะปะป๊า อย่าลืมมารับหนูด้วยนะ” หญิงสาวเอ่ยย้ำคนข้างกาย แม้รู้ดีว่าเขาไม่เคยผิดนัดเลยสักหน แต่เธอก็อยากบอกเขานี่
“ได้เลยครับ ตั้งใจเรียนด้วยนะครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง ให้ตายเถอะ! เธออยากลามานอนกอดตาลุงนี่จริง ๆ เลย แต่เพราะทำไม่ได้ เลยต้องจำใจลงจากรถและเดินเข้าตึกคณะไปอย่างเสียดาย
“เอาน่า~ เดี๋ยวกลับบ้านก็ได้อยู่ด้วยกันหรอกย่ะ ทำเหมือนเขาจะไม่อยู่กับแกซะงั้น ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเอง” โมเดลเอ่ยปลอบใจพลันตบไหล่เพื่อนเบา ๆ
“แกไม่รู้อะไรเดล ความคิดถึงมันน่ากลัวมากเลยนะ แค่นาทีสองนาทีก็ทรมานแล้ว”
คะนิ้งเอ่ยพลันทำหน้าตางอเง้าราวกับเด็กกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธออยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ จัง อยากเจอเขาจนใจจะขาดอยู่เเล้ว
“หนูไปเรียนแล้วนะคะ”“…”“ป๊าคะ”“ครับ ครับ”เพราะเขานั้นง่วนอยู่แต่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ตื่นมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์บ้างพิมพ์แชท เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งจะออกไปเรียน อีกฝ่ายก็ยังวุ่นอยู่แต่กับโทรศัพท์เช่นเดิมเขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอทีหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าสนใจอย่างอื่นต่อ วันนี้เธอคงต้องขับรถไปเรียนเองสินะ“เอ๊ะ”คะนิ้งรู้สึกเอะใจเล็กน้อย เธอเดินลงมายังหน้าบ้านเตรียมเปิดประตูรถเก๋งคันมินิคู่ใจ แต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจดจ้องมาที่เธอ เธอรับรู้ได้แบบนั้นจริง ๆพอหันไปยังหน้าบ้านก็มองเห็นเพียงแค่อะไรแว่บ ๆ ผ่านถนนหน้าบ้านไปเท่านั้น หรืออาจจะคิดมากไป ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะจนอ๋องไปหมดแล้ว คงแค่คนเดินผ่านหน้าบ้านหรือไม่ก็เพื่อนบ้านปั่นจักรยานไปซื้อของเท่านั้นล่ะมั้ง“หลอนไปหมดแล้ว”คะนิ้งเปิดประตูเข้าไปในรถ เธอมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดใจขับรถออกไปเรียนด้วยตัวเอง ในระหว่างทางก็คิดอะไรไ
หลังจากทำผมเสร็จคะนิ้งก็ต้องมาเอางานกับโมเดลที่บ้าน ปล่อยให้คนแก่รออยู่บ้านคนเดียวเกือบชั่วโมง ถึงเวลาจึงบอกลาเพื่อนก่อนกลับ“งั้นฉันกลับแล้วนะเดล”“โอเค เออคะนิ้ง แกได้บอกป๊าเรื่องนั้นยัง”จู่ ๆ โมเดลก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่คะนิ้งเกือบโดนลากไปปู้ยี่ปู้ยำนั่นเอง“ไม่อ่ะ ยังไม่อยากให้ป๊าไม่สบายใจ”หากเขารู้เขาอาจจะไม่สบายใจ หนักกว่านั้นก็คงรู้สึกผิดและเครียดเป็นแน่ เธออยากให้เขาเครียดแค่เรื่องงานก็พอ จึงได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นให้เขาได้ฟัง“งั้นก็เอาที่แกสบายใจแล้วกัน” คะนิ้งพยักหน้ารับ เธอเก็บใบงานรวมกันก่อนที่จะเดินออกมาจากบ้านของโมเดลวันนี้เป็นวันหยุดสบาย ๆ เธอสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เดินกลับเข้าบ้านในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ในบ้านเปิดไฟจนสว่าง ทำให้เธอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของคนที่อยู่บนชั้นสองของบ้านได้นิดหน่อยคะนิ้งรีบเข้าบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอตั้งใจว่าตนจะเข้าไปจุ๊บแก้มคนแก่สักฟอด ก่อนที่จ
หลังจากที่โมเดลกลับไปในช่วงสาย คะนิ้งจึงยอมลุกจากเตียงนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เมื่อคืนเธอนอนคิดหลายเรื่องจนนอนไม่หลับ ตื่นมาร่างกายจึงไม่สดชื่นเท่าไรเธอไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง รวมทั้งโมเดลด้วย เก็บความสงสัยไว้เพียงคนเดียว รอเธอมั่นใจและหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้เสียก่อนแล้วกัน“อ๊ะ!”แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือหนาเข้ามารั้งเอวคอดกิ่ว คะนิ้งที่กำลังจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวตกใจจนสะดุ้ง ด้วยความที่เธอเหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนแอบย่องเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!“ป๊าเองครับ”“ป๊า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นพิเศษที่มาจากตัวเขา ภูผาแปลกใจเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอแปลกไป จนเขาไม่สบายใจรีบกลับมาเร็วกว่ากำหนด“ไหนป๊าบอกจะมาตอนบ่ายไงคะ” คะนิ้งถูกหมุนตัวให้กลับมาสบตากับเขา เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เขากลับพบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ความสับสนบนดวงตากลมคู่สวยที่เขาจ้องมอง มันทำให้เขาไม่สบายใจ“ป๊าคิดถึงหนู เลยกลับมาก่อน”
“แกดีขึ้นบ้างไหมนิ้ง”เป็นโมเดลที่เอ่ยถามด้วยความห่วงใย หลังจากเกิดเรื่องโมเดลก็ตามออกมา และพาคะนิ้งกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย โมเดลต้องทนเห็นคะนิ้งร้องไห้เงียบ ๆ แบบไร้เสียงอีกแล้ว เป็นอะไรที่บีบหัวใจที่สุด“คิดถึงปะป๊า~”คะนิ้งยังคงเพ้อแค่คิดถึงปะป๊าของเธอ เวลาที่เธอหวาดกลัวหรือตกใจเธอมักจะคิดถึงเขาเสมอ เธออยากให้เขาอยู่ข้างกายเธอในตอนนี้ แต่ทว่าแม้กระทั่งสายจากเธอเขายังไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่างานยุ่งอะไรนักหนา ขนาดที่ไม่สามารถรับสายเธอได้เลย เธอเกือบจะโดนลากไปข่มขืนอยู่แล้ว“เฮ้อ~ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกจนกว่าป๊าจะมานะ” โมเดลไม่รู้จะตอบอย่างไร ทั้งเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของคะนิ้งคะนิ้งได้ทุกอย่างที่อยากได้ เธอไม่ขาดเขินสิ่งใดนอกจากเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่เธอรัก เธออยากอยู่กับเขา! เธอไม่ได้อยากอยู่กับเงินและสมบัติของเขาซะหน่อย!“ขอบใจนะเดล ฮึก~ แต่แกกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ฉันชินเเล้ว”ประโยคนั้นราวกับตัดพ้อตัวเองเสียมากกว่า เธออยู่คนเดียวบ่อยจะตายไป จะอยู่อีกวันเป็นไรไป คงไม่ตายสินะ
ณ ผับ A…“รอป๊าเหรอจ๊ะ?”“อื้อ”คะนิ้งที่นั่งหน้าหงอยอยู่ตอบกลับโดยการพยักหน้า เธอสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดหมู ตัดกับผิวขาวเนียนแบบสุด ๆ ใบหน้าที่สวยเป็นทุนเดิมแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ก็ยิ่งขับลุคให้เธอดูสวยมากขึ้นไปอีกเอาเป็นว่าเธอเป็นของดีของคณะที่หนุ่ม ๆ ต่างหมายตา แต่ทว่าเธอไม่เคยสนใจใครเลยสักคน เพราะเธอมีเจ้าของหัวใจแล้วนั่นเอง“ไปนานมาก บอกว่าจะไปหาที่จอดรถแต่ป่านนี้ก็ยังไม่มาเลย”คะนิ้งเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับชะเง้อมองซ้ายทีขวาที เธอเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เขาจะเดินมาหาเธอที่โต๊ะ อุตส่าห์อ้อนเขาให้มากับเธอได้แล้วเชียว แถมตอนนี้ยัยแก๊งขาสอสระเอือกอไก่ก็นั่งมองมายังฝั่งของเธอหลายหน“หาที่จอดยากมั้ง”“จะยากอะไรขนาดนั้น นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”“งั้นโทรตามดีไหม?”“โทรไปแล้วไม่รับ”คะนิ้งเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอใจจดใจจ่อรอเขาจนไม่เป็นอันสนุกสนานอย่างคนอื่น เธอดื่มไปเพียงแก้วเดียว ในนี้เป็นงานเลี้ยงคณะ ทุกคนต่างสนุกสนานแต่ท
“น่ารักที่สุดเลย~” คะนิ้งยิ้มจนตาแทบปิด เธอหอมแก้มสากหนึ่งทีก่อนจะขยับมานั่งยังเบาะข้างคนขับ เพื่อให้อีกฝ่ายขับรถได้สะดวกมากยิ่งขึ้น“อะแฮ่ม” เสียงกระเอมดังขึ้นเรียกให้เธอหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา“จับได้นะ ป๊าสมาธิดี”ว่าจบเขาก็เด้งเป้าสองทีเป็นการเชิญชวนอีกฝ่าย จนเธออดขำไม่ได้ ถึงกับหัวเราะจนฟันแทบหลุด“พรืด! ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ตาแก่บ้ากามที่ชอบให้เธอลูบ ๆ คลำ ๆ จนเริ่มติดเป็นนิสัยแล้วสินะ ฟินล่ะซี้~“หัวเราะทำไมครับ?”“หัวเราะปะป๊าไงค่ะ ป๊าหื่น” เธอเอ่ยพลันเล่นหูเล่นตากับอีกฝ่าย“ก็หื่นแค่กับเมียไหมล่ะ ก็มีเมียเด็กนี่นา”“เมีย…”คำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา แม้เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งใจเรียกเธอหรือไม่ แต่ทว่ามันกลับทำให้เธอดีใจจนยิ้มไม่หุบ เธอชอบเวลาที่ปะป๊าเรียกเธอว่าเมียเป็นที่สุด เธออยากเป็นเมีย เป็นเมียคนเดียวของเขา...“หนูไม่ชอบให้ป๊าเรียกแบบนี้เหรอครับ?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียด มองเธอสล