ที่ห้องประชุม บริษัท AAA
“เป็นงัย ณัฎฐ์ เห็นว่าเดือนนี้ ทีมนายทำท๊อปฟอร์ม ยอดขายสูงสุดอีกแล้ว”
บารมีทักทาย มองณัฏฐ์ด้วยความชื่นชม ถ้าพูดกันตรงตรงเค้าเองก็ได้ทีมของณัฏฐ์นี่แหละที่พอเป็นหน้าเป็นตาให้ได้ ยอดขายได้ตามเป้า ปัญหาในงานไม่ค่อยมี เพราะณัฏฐ์สามารถดูแลและจัดการได้เป็นอย่างดี
“โชคเข้าข้างครับพี่ ผมทำบุญมาเยอะ เนี่ยต้องไปแก้บนหลายวัดเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผมตอบติดตลกไปแบบนี้ แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลางนึกในใจว่า ก็เกือบจะทำท๊อปฟอร์มไม่ได้แล้วเหมือนกัน ดีนะที่ผมยังพอมีเสน่ห์ดึงดูดคุณปุ๊กได้อยู่บ้าง ^_^
“แล้วลูกค้าทีมนายแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง นายต้องออกแรงเยอะมั้ย”
“เต็งหนึ่ง กับ อดิเทพสองคนนี้เค้าดูแลยอดขายกับลูกค้าเค้าได้ค่อนข้างดีเลยครับ มีแต่จุ๊บแจงที่น้องยังใหม่ ยังต้องประคับประคองอยู่บ้าง แต่น้องเค้ามีความพยายาม ตั้งใจทำงานและทุ่มเทสูงมากครับ”
“แสดงว่าสองหนุ่มของนายนี่ ช่วยผ่อนแรงนายได้เยอะเลยสินะ”
บารมีกล่าว พร้อมเอามือจับที่ปลายคางพยักหน้าเบาเบา เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ผมเห็นอาการแบบนี้ของพี่บอมบ์แล้ว รู้สึกเสียวสันหลัง เย็นวาบขึ้นมาทันที
“เอ่อ... พี่บอมบ์กำลังจะบอกอะไรผมหรือเปล่าครับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. อะไรกัน คุณเซลล์มือทองหัวหน้าทีมใหญ่ของบริษัท มีอะไรที่ทำให้คุณกลัวด้วยหรือครับ”
บารมีหัวเราะร่วน
“ดูสายตาพี่ตอนนี้ ผมว่า มันต้องมีเรื่องแน่แน่เลย”
ผมพูดเบาเบา พร้อมมองหน้าพี่บอมบ์สังเกตอาการต่อ
“โอเค .. เข้าเรื่อง นายจำเซลล์ทีม B ที่ชื่อ “ธนพัฒน์” ได้มั้ย”
“อ๋อ.. จำได้ครับ คนนี้เค้าดูแลงานโปรเจคของโรงงาน ขายเก่งเก่ง เป็นลูกรักของท่านประธานเลย”
ผมตอบอย่างนั้นไปตามความรู้สึก
“แล้วนายอยากเป็นลูกรักของท่านประธานบ้างมั้ยล่ะ”
“ห๊ะ.. อะไรนะครับ”
ได้ฟังประโยคนี้จากปากพี่บอมบ์ผมถึงกับเหวอ ตาโต อ้าปากค้าง
“ตกใจอะไร.. ก็แค่งานขาย เป็นงานที่นายถนัดอยู่แล้ว สบายสบาย ตกลงตามนี้นะ”
“เดี๋ยวก่อนครับพี่บอมบ์ ผมงงไปหมดแล้ว ทำไมพี่เอางานคุณธนพัฒน์มาให้ผมละครับ แล้วคุณธนพัฒน์เค้าจะไปดูส่วนไหนครับ”
ผมเองก็งง เลยต้องถามหาความจริงกับพี่บอมบ์อีกครั้ง
“เอาเป็นว่า สั้นสั้นนะ คุณธนพัฒน์ เค้าลาออกแบบกระทันหัน คาดการณ์ว่าอาจถูกซื้อตัวไปบริษัทคู่แข่ง ไม่มีคนดูแลต่อ แล้วตอนนี้ทางโรงงานกำลังมีโปรเจคใหม่ ซึ่งพลาดไม่ได้ เลยอยากให้นายไปช่วยดูแลต่อ”
“พี่บอมบ์ครับ แต่ผมกังวลว่า ผมจะทำไม่ได้ ผมไม่มีความรู้ด้านวิศวะกรรมเลย แล้วผมจะไปขายงานโปรเจคได้อย่างไรครับ”
ผมตอบไปด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล ก็แน่สิ ผมจบสายบริหารการจัดการมา ความรู้เชิงวิศวะเป็นศูนย์ หรือจะเรียกว่าติดลบก็ได้นะครับ แล้วผมก็คงแก่เกินกว่าจะไปเรียนรู้เรื่องยากๆ หนักสมองแบบนั้นได้อีกแล้ว
เฮ้อ..... มันคือเสียงถอนหายใจของผมเอง
“นายคิดว่านายต้องการอะไรมาช่วยซับพอร์ตบ้าง ที่จะทำให้นายทำงานนี้ได้”
“หาสมองกลมาใส่ในหัวผมละกัน อยากได้อะไรก็กดปุ่มเอา ให้มันตอบแทนผม”
ผมตอบแบบกวนกวนหัวหน้าไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“ตกลงนายได้สิทธิ์นั้น”
บารมียิ้มที่มุมปาก แล้วมองไปที่ลูกน้องหนุ่มไฟแรง ที่ตอนนี้ดูจะเสียอาการอย่างแรง
“พี่บอมบ์...... พี่เล่นตลกอะไรเนี่ย ผมเครียดอยู่นะครับ”
ผมเสียงดังใส่ พร้อมหน้างอ นี่ผมกำลังเครียดอยู่นะ แต่หัวหน้าผมนี่สิ ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยหรือไร มาทำตลกกับผมอยู่ได้ จะเอาสมองกลที่ไหนมาให้ผมกดปุ่มเล่า ฮึ
“ใจเย็น ใจเย็น ไอ้น้องรัก พี่ไม่เคยเห็นเราอารมณ์เสียขนาดนี้มานานแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ยังยัง ยังไม่หยุดยียวนป่วนประสาทผมอีก หัวหน้านะ หัวหน้า
“พี่คุยกับทางโรงงานมาแล้ว และก็เตรียมสมองกลไว้ให้นายแล้วด้วย นายไม่ต้องกังวล ทุกครั้งที่นายไปขายงาน ไปหาลูกค้าทางโรงงานจะมีวิศวกรประกบนายไปด้วย 1 คน”
“.....”
“นายมีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ กับ ขาย สำหรับเรื่องทางด้านเทคนิคข้อมูลเชิงวิศวะกรรมต่างๆ โรงงานจะเป็นคนตอบเอง แบบนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
พี่บอมบ์อธิบายเสียยาว แล้วยิ้มกว้างๆ ให้ผม
“ทำหน้าที่ของนายให้ดีที่สุด เท่านั้นพอ โรงงานเค้าเข้าใจในจุดนี้ดี แล้วนายก็ไม่ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับใคร ที่สำคัญพี่จะบอกว่า ค่าขนมงานโปรเจคมากกว่างานที่นายถืออยู่หลายเท่าเลยนะ”
พี่บอมบ์ยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
พอพี่บอมบ์จับจุดผมถูก เอาเรื่องค่าขนมมาหลอกล่อผม ทำให้ผมมีแรงฮึดขึ้นเยอะ ความจริงผมก็ไม่ใช่คนขี้งกหรอกนะ แต่ผมเป็นคนรักใน “เงิน” มากมาก ฮ่าฮ่าฮ่า
“แล้วผมต้องเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ”
“เร็วที่สุดเท่าที่นายทำได้ สำหรับเรื่องค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นพี่คุยกับทางการเงินไว้ให้แล้ว นายจะได้ค่าบัตรฟลีทการ์ด เพิ่มขึ้น .. อ้อ แต่งานเดิมก็ยังอยู่ในความรับผิดชอบของนายอยู่นะ อันนี้คืองานที่เพิ่ม ไม่ใช่งานทดแทน เข้าใจนะครับ”
(ฟลีทการ์ด คือ บัตรเติมน้ำมัน)
ดูหัวหน้าผมสิ จะเคี่ยวไปไหนกัน
“งานเพิ่ม ความรับผิดชอบเพิ่ม เงินต้องเพิ่มด้วยนะครับ”
ผมยังคงคอนเซปที่ชัดเจน ซึ่งผมก็มั่นใจว่าพี่บอมบ์ต้องดูแลเรื่องนี้ให้ผมอยู่แล้ว นี่แหละผมถึงยอมพี่บอมบ์ เพราะพี่บอมบ์เคยพูดไว้ว่า
“เรามาทำงาน ไม่ได้มาทำการกุศล งานเพิ่ม เงินก็ต้องเพิ่ม”
“งั้นผมขอระยะทำใจ 2 วันนะครับ จะเข้าไปโรงงานวันพฤหัส เริ่มต้นงานใหม่ด้วยวันครูน่าจะดี ขอมูเป็นขวัญและกำลังใจหน่อยละกันครับ”
แล้วตอนนี้ ผมต้องทำอะไรก่อนเนี่ย
อย่างแรกผมต้องปรับตารางวางแผนการใช้ชีวิตของผมใหม่ก่อน
ผมต้องเริ่มหาข้อมูลของโรงงานมากขึ้น มันน่าหัวเราะนะ ผมเองก็ทำงานที่นี่มา 5-6 ปี แต่ผมไม่เคยสนใจสินค้างานโปรเจคต่างๆ ของโรงงานเลย เพราะผมก็ไม่เคยคิดว่า ผมจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับงานที่โรงงาน
เฮ้อ.. หมดกัน ชีวิตหนุ่มอ๊อฟฟิตที่ใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสีเสียงในเมืองผม นี่ผมต้องปรับโหมดไปเป็นคนชานเมืองแล้วจริงจริงหรือนี่
---------------------------------------------------------------------------------
เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคน ... คอยเอาใจช่วยพี่ณัฏฐ์ด้วยนะคะ
ว่าเขาจะต้องปรับตัวจากหนุ่มออฟฟิศแล้วทำใจให้หนุ่มโรงงานได้อย่างไร
#ณัฏฐ์นาวิน #ปิ๊งรักคุณนักออกแบบ
“อืมมม ดีจัง”ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด จากนั้นเขาเอียงหน้าเข้าหาผม แล้วกดจูบมาที่ริมฝีปากบางของผม จนผมเผลอร้องด้วยความตกใจ และก็ในวินาทีนั้นเอง ลิ้นเรียวอุ่นของเขาคนนี้ก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้าไปภายในของผมสำเร็จ เขาค่อยๆ สัมผัสอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เหมือนจะค่อยๆ สอนผมให้ผมรับรู้ความรู้สึกไปพร้อมพร้อมกัน มันเนิ่นนานจนผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆบรรจงถอนริมฝีปากออกและยังมีน้ำใสใสที่ยืดเชื่อมอยู่ระหว่างเรา เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่กำลังเริ่มขึ้น“พี่ณัฏฐ์ ผมชอบพี่นะ”คำพูดของนาวินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ และผมก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ออกไป“ผมก็เป็นผู
นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา ‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้“ทานน้ำก่อนครับ”“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น“
เสร็จกิจจากการประชุมกับลูกค้า ผมก็มีภาระกิจไปส่งคนตัวโตข้างข้างผมอีก หลังจากแยกย้ายกับพี่วิวัฒน์ เราก็เดินมาขึ้นรถ คนตัวโตเปิดรถไปนั่งประจำที่เป็นตุ๊กตาตัวโตหน้ารถ ส่วนผมก็ประจำที่เป็นพลขับ นี่ผมกลายเป็นคนขับรถให้คุณเขาไปแล้วสินะ“เย็นนี้คุณนาวินอยากกินอะไรดีครับ” ผมแกล้งพูดทำเสียงเรียบเรียบใส่เขา“ผมอยากกินพี่”ผมหันมามองเขาอย่างตกใจ “นายพูดอะไรของนายนี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมจะบอกว่าผมอยากกินอะไรก็ได้ที่กินกับพี่ ผมยังพูดไม่ทันจบเลย พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”“ก็ผมได้ยินอย่างนี้จริงจริงนี่ คนอย่างนายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย ตกลงจะกินอะไร”“กินอะไรแถวคอนโดพี่ก็ได้ หรือจะซื้อไปกินที่ห้องพี่ได้นะ”“อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นคอนโดผมด้วย ย้อนไปย้อนมา ถ้าขึ้นห้องแล้ว ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”“ไม่ออกก็ไม่ต้องออกดิ”“งั้นนายก็นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้กลับเองเลย”“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมค้างกับพี่ได้”“เฮ้ย.. ไม่ได้ จู่จู่จะมาค้างห้องผมได้อย่างไร”“ทีพี่ยังไปค้างห้องผมได้เลย”“ก็นั่นนายชวนเองนี่ และนี่ผมก็ไม่ได้ชวนนายด้วย เจ้าของห้องไม่ยินยอม นายมาค้างเองไม่ได้นะ”“เอ.. ที่พี่ไม่ให้ผมไปค้างด้วย หรือว่าพี่มีความลับอะไรซ่อ
โอ้ย.. ผมปวดหัว ผมเครียดและผมก็มึนไปหมดแล้ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายและอาจเป็นสัปดาห์ที่จะชี้ชะตาผมก็ได้ ก็วันศุกร์นี้ผมต้องไปนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้า BBB ซึ่งเดิมเป็นโครงการณ์ที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนเก่าดูแลอยู่ และถูกจีบให้ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง แล้วจะไม่ให้เครียดได้งัย ในเมื่อบริษัทคู่แข่งรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้ว ผมกับทีมงานคงต้องปรับกลยุทธใหม่กันยกแผง“พี่ศุภโชคครับ ผมอยากนัดพี่เพื่อนำเสนอโครงการณ์ให้พี่ดูก่อนครับ พี่พอสะดวกช่วงเวลาไหนครับ ผมมีนัดนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้าวันศุกร์นี้ครับ”“งั้นบ่ายนี้เลยก็ได้ครับคุณณัฏฐ์”“ถ้าอย่างนั้นผมขอเชิญทีมงานเข้ามาร่วมฟังด้วยนะครับ จะได้ถือโอกาสซ้อมไปทีเดียวเลย”“ระดับคุณณัฏฐ์แล้วยังต้องซ้อมอีกเหรอ”“ซ้อมสิพี่ ผมยังไม่ค่อยแม่นในเนื้อหาเท่าไหร่”“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องเนื้อหา ให้นาวินเค้าจัดการ เค้าคอยซัพพอร์ตอยู่แล้วคุณณัฏฐ์ไม่ต้องกังวล”ผมพยักหน้ารับกับคำแนะนะของพี่ศุภโชค แล้วให้ไปสบตากับเจ้าของชื่อที่ถูกพลาดพิง ซึ่งเค้าก็กำลังมองมาที่ผมพอดี สายตาที่เค้าส่งมาให้ผมนั้น มันเป็นสายตาที่แน่วแน่และอบอุ่น ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้เยอะเลยเมื
บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
ผมอาบน้ำไปใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งคิดไปถึงสัมผัสอุ่นอุ่นที่ได้รับมาเมื่อครู่นี้ ผมยอมรับจริงจริงมามันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ นาวินเขาจะรู้สึกพิเศษกับผมงั้นหรือ ไม่น่าใช่มั้ง โอ้ย.. คงไม่มีอะไรหรอก เขาคงแค่แกล้งผมเล่นก็เท่านั้นแหละ แต่แกล้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อใจผมเลยนะ ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และยังคงเห็นนาวินนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โชฟา ผมยังลังเลอยู่ว่าผมควรจะไปอยู่ตรงไหนดี ไปนั่งที่โชฟา หรือเดินเข้าไปในห้องนอน หรือ ... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ พ่อตัวดีก็คว้าตัวผมดึงลงมานั่งที่โชฟา“นั่งตรงนี้”นาวินจับผมมานั่งที่โซฟา“จะทำอะไร” ผมหันไปถาม“นั่งนิ่งนิ่งนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้ ผมเปียกแล้วนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”“เฮ้ย .. ไม่ต้อง ผมทำเองได้ คุณไปอาบน้ำเถอะ”“บอกให้อยู่นิ่งนิ่งไง อย่าดื้อสิครับ ผมทำให้พี่สะดวกกว่า”นาวินก้มมาพูดซะใกล้หูผม ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นอุ่น และดูเหมือนว่าเค้าจะจงใจที่จะเป่ามาที่หูผมเบาเบา ทำให้ผมถึงกับสตั๊นนั่งนิ่งตัวแข็งไปเลย“พี่พกแชมพูกับครีมอาบน้ำมาเองเหรอ.”“เปล่านี่ ก็ใช้ของของนายนั่นแหล