ใจของสาวน้อยที่พึ่งเป็นสาวเต็มตัวรู้สึกวาบหวิวแปลก ๆ เมื่อถูกร่างแกร่งนั้นประคองกอดเอาไว้ นางล้มมาทับเขาและรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อนางดันตัวออกกายนางก็ถูกพลิกลงอีกด้าน
“อย่าเจ้าค่ะ!!”
“ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้ายั่วยวนบุรุษทั้งเมืองชิงโจวแล้วยังคิดอยากจะยั่วยวนข้าด้วยอีกคนงั้นหรือ ยัยปีศาจน้อยช่างกล้านักนะ”
“ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ข้าเปล่ายั่วยวนท่านนะเจ้าคะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
เขาอยากแกล้งนางต่ออีกนิด ใบหน้านั้นเริ่มจะมีน้ำตาแล้วเพียงแต่บางอย่างที่หน้าอกนางซึ่งเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าผ่านมาสิบปีมันจะโตขึ้นจนน่าสัมผัสขนาดนี้
“อย่ามองนะ!! ปล่อยข้า!! ฮึก!!”
“เจ้าพรวดพราดเข้ามาในนี้เองแต่กลับกล่าวโทษข้า มาในตอนนี้ยังกล้าตะคอกข้า นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวสกุลเฉินไปแล้วหรืออย่างไร!!”
“ปล่อยนะท่านแม่ทัพหากท่านไม่ปล่อยข้าจะ….”
“หยุดนะนั่นเจ้าทำอะไร!!”
นางคว้าเครื่องประดับบนศีรษะลงมาพาดคอตัวเองและเริ่มกรีดจนเป็นรอย แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกใจและไม่คิดว่านางจะขู่เขาด้วยวิธีนี้
“เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ”
“ได้โปรด…ปล่อยข้าไป”
นางยกแขนขึ้นมาปกปิดกายเท่าที่จะทำได้ เนื้อที่แนบเข้ากับชุดคลุมบางเบานั้นยากที่จะละสายตาไปได้จริง ๆ สำหรับเฉินจวินเซียวในยามนี้ แต่วันนี้เขาแกล้งนางพอแล้ว ยังมีเวลาอีกมากที่จะทรมานปีศาจน้อยผู้นี้ เขาลุกขึ้นและหันไปคว้าผ้ามาสวมและพึ่งรู้สึกว่ามันตัวเล็กจนแทบจะสวมไม่ได้ ก็แน่ล่ะที่นี่เป็นห้องอาบน้ำของสตรีนี่นา
“ผ่านมาสิบปีเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ยังใช้น้ำตานั่นเรียกร้องความสงสารความเห็นใจไม่หยุด น่ารำคาญ!!”
หญิงสาวยังคงนั่งห่อตัวอยู่ที่พื้นห้องอาบน้ำระหว่างที่แม่ทัพหนุ่มเดินออกไปจากห้อง สำหรับลี่หลินเขาเองก็ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก นอกจากจะหยิ่งยโสและเย็นชาเช่นเดิม คำพูดถากถางและเสียงกระแทกที่เกลียดจับหัวใจซึ่งมีไว้สำหรับนางก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
ห้องท่านแม่ทัพ
“เอะอะก็ร้องไห้ ข้าเหมือนพญามัจจุราชมากเลยหรืออย่างไรกัน น่าโมโหนัก!!”
“ท่านแม่ทัพขอรับ นายท่านให้เรียกขอรับ”
“รู้แล้ว เจ้ามาเตรียมเข็มขัดให้ข้าที”
“ท่านแม่ทัพหงุดหงิดเรื่องอะไรหรือขอรับ เมื่อครู่เข้าไปอาบน้ำมาแล้ว…”
“ช่างเถอะ รีบไปกันเถอะ”
“ขอรับ”
สองวันถัดมา
แม่ทัพเฉินน้อยกลับมาที่เมืองชิงโจวได้สองสามวันแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขาตามท่านพ่อเข้าไปยังราชสำนักเพื่อรายงานตัวกับท่านอ๋องและพบปะท่านเจ้าเมืองชิงโจว ในตอนกลับมาจากวังจึงได้ขอตัวเดินกลับไปพักแต่เมื่อเดินผ่านในสวนของจวนก็ต้องสะดุดเข้ากับเสียงพิณที่ไพเราะจนต้องหยุดฟัง
“ท่านแม่ทัพ....”
เขายกมือขึ้นให้จางเต๋อและจางอี้เงียบเสียงเพื่อจะได้ฟังเพลงที่บรรเลงได้อย่างไพเราะ เมื่อมองไปยังศาลากลางสระบัวก็เห็นว่าผู้ใดเป็นผู้บรรเลง
“นึกไม่ถึงว่าจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย”
เสียงเพลงบรรเลงยังคงดังอยู่ เขาโบกมือให้องครักษ์ทั้งสองนำของไปเก็บในห้องก่อนเขา และตัวเองจะเดินเข้าไปหวังจะชื่นชมดรุณีน้อยที่เขามักเรียกนางว่าปีศาจเพื่อจะชมเชยเสียหน่อยเมื่อเสียงพิณจบลง
“ตรงส่วนท่อนจบของเพลงนี้ ข้าคิดว่าคุณหนูเจียงน่าจะต้องดีดให้ยาวขึ้น ระดับของนิ้วใช้ได้แล้วเพียงแต่ทำนองยังดูขาดอยู่”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายหย่งที่ชี้แนะ”
แม่ทัพหนุ่มชะงักในทันทีและหันไปมอง ที่จริงนางมิได้อยู่เพียงลำพังกับสาวใช้และแม่นม ยังมีชายหนุ่มอีกคนที่มีท่าทางสุภาพในชุดสีฟ้าอ่อน รวบผมมัดตึงและกำลังสอนนางดีดพิณ มือของเขาและท่าทางนั้นเกือบจะโอบกอดกันอยู่แล้ว จวินเซียวกำหมัดแน่นเพราะความหงุดหงิดอย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้
“ปีศาจน้อยเจ้ามันเล่ห์เหลี่ยมเยอะนัก ถึงกับกล้ายั่วยวนบุรุษในจวนของข้าเชียวหรือ!!”
เขาเดินเข้าไปพร้อมกับกระแอมเสียงดังจนทั้งสองที่กำลังจับจังหวะในพิณสะดุ้งสุดตัวโดยเฉพาะผู้ที่กำลังมีสมาธิกับพิณจนคุณชายหย่งตรงหน้ารู้สึกแปลกใจ
“ทะ ท่านแม่ทัพ”
“คุณชาย ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“แม่นม เห็นว่าวันนี้ท่านทำขนมเอาไว้ ข้าเองก็อยากกินท่านจะช่วย…”
“ได้สิเจ้าคะ ไปเถอะอาหลันไปช่วยข้าเตรียมของ”
“แต่ว่า…”
แม่ทัพเฉินหันมามองสาวใช้ นางจึงรีบเดินตามแม่นมไปในทันที คุณชาย “หย่งเล่อหาน” หันมามองตามด้วยลี่หลินที่ลุกพรวดขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นเขา
“คุณชายหย่ง ท่านผู้นี้คือ…” / ลี่หลิน
“ได้ยินชื่อเสียงท่านมานาน วันนี้มีโอกาสได้พบสักทีข้าน้อยหย่งเล่อหานคารวะท่านแม่ทัพเฉิน”
ผู้ที่ถูกทักมิได้พูดอะไรเพียงแค่ก็ยกมือขึ้นคำนับตอบไปตามมารยาทเท่านั้น สตรีที่อยู่ข้าง ๆ บัณฑิตหนุ่มนั่นต่างหากที่ขัดใจเขาเพราะนางเอาแต่ก้มหน้าและไม่มองเขาอีกทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้นางคุยกับบุรุษหนุ่มผู้นี้ด้วยสีหน้าแจ่มใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยมีเผื่อแผ่มาให้เขา
“คุณชายหย่ง ไม่ทราบว่าท่านเป็นแขกที่จวนขออภัยที่เข้ามารบกวน”
“ไม่เลยขอรับข้าน้อยเพียงแค่มาสอนคุณหนูเจียงดีดพิณเท่านั้น ตอนนี้ก็ได้เวลากลับแล้ว คุณหนูเจียงเอาไว้พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ ข้าจะมาหาพร้อมกับนำพิณมาด้วยตามที่รับปาก”
“ขอบคุณคุณชายหย่งเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้า…เดิน…เอ่อ…”
สายตาของจวินเซียวทำเอานางพูดตะกุกตะกักจนหย่งเล่อหานจับพิรุธได้ และเขาเองก็เคยรู้มาว่าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าใดนักเขาจึงเป็นฝ่ายออกปากก่อน
“ไม่เป็นไรข้าคิดว่าจะแวะบอกลาท่านแม่ทัพเฉินผู้เฒ่าสักหน่อยข้าเดินไปเองจะดีกว่า เช่นนั้นแล้วแม่ทัพเฉินข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อน”
“เช่นนั้นขออภัยที่ไม่ส่ง”
“ขอลา”
หย่งเล่อหานเดินจากไปแล้ว ลี่หลินจึงได้หันกลับไปเก็บพิณของนางเพื่อจะได้หลบเลี่ยงสายตาของแม่ทัพหนุ่มที่หันมามองนางและตอนนี้เขาเดินก้าวเข้ามาในศาลาแล้ว
“หย่งเล่อหาน…คนผู้นี้มิใช่บัณฑิตอันดับหนึ่งที่เลื่องชื่อหรอกหรือ เขาเป็นบุรุษที่สตรีในเมืองชิงโจวต่างล้วนชื่นชมว่าแต่คนผู้นี้มาโผล่ที่นี่ได้เช่นไรกันนะ”
“ท่านแม่ทัพพึ่งจะกลับมาคงจะหิวแล้ว ข้าจะรีบไปช่วยแม่นมเตรียมสำรับ อ๊ะ!!”
เขาดึงมือน้อย ๆ ของนางขึ้นมา ตอนเด็ก ๆ เขาก็เคยจับแขนนางครั้งหนึ่งตอนที่แบกนางจากลานฝึกอาวุธมา จำได้ว่าตอนนั้นทั้งแขนและมือของนางเย็นจัดแต่ฝ่ามือกลับร้อนผ่าว ต่างกับตอนนี้ที่มือนางเย็นจัดเพราะความกลัว
“ทำไมล่ะ ทีกับผู้อื่นเจ้ากล้าคุยด้วยได้ตามปกติแต่พบข้าทีไรเหตุใดต้องทำท่ารังเกียจถึงเพียงนี้ หรือว่าเจ้าคิดจะหลอกล่อผู้ชายอื่นในจวนของข้างั้นหรือ”
“ท่านแม่ทัพ!! เหตุใดท่านจึงได้…กล่าวหาข้ารุนแรงเช่นนี้ ข้ากับพี่เล่อหาน…”
“พี่เล่อหาน!! หึ เรียกชื่อได้เต็มปากเต็มคำ นิสัยอยากได้พี่ชายจนตัวสั่นของเจ้านี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ปีศาจน้อยเช่นเจ้ามันขาดความอบอุ่นมากเลยหรืออย่างไรถึงได้เอาแต่เรียกคนโน้นคนนี้ว่าพี่ตลอดเวลา!!”
เสียงของเขาตะคอกดังจนนางสะดุ้งอีกครั้ง ลี่หลินกอดพิณเอาไว้แน่นพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มไหล นางร้องไห้อีกแล้วช่างน่ารำคาญจริง ๆ เหตุใดพบเขาแล้วนางต้องร้องไห้ตลอดเวลาเช่นนี้ เขามิได้ตั้งใจอยากจะมาหาเรื่องนางเสียหน่อย แต่ว่าในยามนี้ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมนางแล้วเช่นกัน
“เจ้าร้องไห้อีกแล้ว เอะอะก็บีบน้ำตาเจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลเจ้างั้นหรือ ข้ามิใช่เจ้าบัณฑิตหน้าอ่อนนั่น ลูกไม้เช่นนี้ไม่ต้องนำมาใช้กับข้า”
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”