“หากท่านแม่ทัพไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว…”
ลี่หลินหยุดลงทันทีเมื่อเขาสั่งแต่ก็ยังไม่กล้าเงยหน้ามองคนข้าง ๆ จวินเซียวไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่เขาก็ทำให้นางร้องไห้อีกจนได้ เหตุใดน้ำตาของปีศาจน้อยนี่ช่างไหลออกมาง่ายเสียจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“เขาจะมาอีกงั้นหรือ”
“ท่านแม่ทัพหมายถึง….”
เขาหันไปมองนางด้วยความหงุดหงิด ลี่หลินที่กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตา นางรู้ดีว่าเขากำลังโมโหจึงได้รีบตอบ
“คะ คือว่าหากว่าการที่ข้าดีดพิณรบกวนท่านแม่ทัพ ข้ากับคุณชายหย่งไปที่สวนนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะจะได้…”
“ใครพูดกับเจ้าว่ามันเป็นการรบกวน ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบไม่ได้หรืออย่างไร เหตุใดเจ้าน่ารำคาญเช่นนี้กันนะ”
“ท่านแม่ทัพ คุณชายหย่งจะมาสอนข้าดีดพิณทุก ๆ วันก่อนที่จะถึงพิธีปักปิ่นเจ้าค่ะ ดังนั้นอีกสองวันต่อจากนี้….”
“มาเวลานี้ทุก ๆ วันงั้นหรือ”
“ทะ ทุก ๆ วัน วันละสองชั่วยามเจ้าค่ะ”
“เจ้าอยู่กับชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่นเจ้าไม่คิดหรือว่าเรื่องนี้มันจะเสียหาย….”
“แม่เป็นคนขอร้องให้คุณชายหย่งมาสอนนางเอง เจ้ามีสิ่งใดอยากจะถามก็ถามกับแม่สิ”
เฉินฮูหยินเดินมาจากด้านหลังด้วยเพราะแม่นมและอาหลันที่รีบไปรายงานเรื่องนี้ให้นางทราบและนางลอบฟังอยู่สักพักหนึ่งแล้วและเริ่มคิดว่าบุตรชายกลับมาคราวนี้ทำตัวแปลกไป ก่อนหน้านั้นไม่ว่าลี่หลินจะทำสิ่งใดเขาไม่เคยสนใจจะสอบถามละเอียดถึงเพียงนี้
“ท่านแม่ที่นี่คือจวนแม่ทัพ นางเองก็…”
“แล้วอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเป็นชายหญิงแต่อยู่ในจวนมิได้ลอบพบกันข้างนอก ข้ากับท่านพ่อของเจ้าก็อยู่ในจวนมีเรื่องใดที่ไม่เหมาะสม อาหลันเจ้ารีบพาคุณหนูเอาของไปเก็บ จวนจะได้เวลาตั้งโต๊ะแล้วเจ้าไปกับแม่ท่านพ่อเจ้ารออยู่”
“ขอรับ”
ลี่หลินคำนับให้เฉินฮูหยินและรีบเดินไปที่เรือนหลังพร้อมกับอาหลันทันที จวินเซียวหันไปมองนางแวบหนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าท่านแม่ที่มองเขาอย่างรู้ทัน
“เจ้ามาหาเรื่องอะไรนางอีก ยังแกล้งน้องไม่พออีกหรือ เจ้าดูท่าทางของนางที่กลัวเจ้าสิไม่เห็นใจนางบ้างหรืออย่างไร แต่ละคนก็ถึงเวลาออกเรือนแล้วยังจะมาแกล้งข่มขู่นางเช่นนี้อีก”
“ท่านแม่ ออกเรือนหรือขอรับ!! ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้นสักนิด นางเองก็ยังเด็ก ไม่ควรคิดเช่นกัน”
“เจ้าจะบ้าหรือ หลินเอ๋อร์น่ะยังไม่ทันผ่านพิธีปักปิ่นก็มีคนรอส่งเทียบสู่ขอไม่ต่ำกว่าหกจวนแล้ว ข้ากับท่านพ่อเจ้าเร่งหารืออยู่นี่ว่าผู้ใดกันนะที่จะเหมาะสมกับนาง”
“อะไรนะ ท่านแม่นี่พวกท่านจะรีบร้อนเกินไปหรือไม่ นางยังไม่ทันได้เข้าพิธีผ่านวัยที่ต้องเรียนรู้อะไรอีกมากก็จะรีบส่งนางออกเรือนงั้นหรือ พวกท่านใจร้อนเกินไปแล้ว”
“เจ้าไม่เห็นคุณชายหย่งหรือ เช้าถึงเย็นถึงเขาน่ะเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับหลินเอ๋อร์ พ่อเจ้าก็ชื่นชมเขาอยู่ไม่น้อย อีกอย่างบัณฑิตอันดับหนึ่งก็ดูเหมาะสมกับสตรีงดงามอันดับต้น ๆ ของเมืองชิงโจว เจ้าว่าไหมล่ะ”
“สตรีงดงามอะไรกัน สำหรับข้านางก็แค่นางปีศาจน้อยจำศีลเท่านั้น ร้ายกาจเช่นนั้น…มากมารยาทำผู้คนหลงใหล”
“เซียวเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานน้องเช่นนั้น แม่ไม่อยากได้ยินเจ้าเรียกน้องเช่นนั้นอีกมิเช่นนั้นข้าจะสั่ง…”
“ท่านแม่จะสั่งโบยข้าเหมือนสิบปีที่แล้วเพื่อช่วยนางอีกเช่นนั้นหรือขอรับ ข้าล่ะนึกแปลกใจว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นบุตรของสกุลเฉิน หากไม่รู้คนอื่นคงคิดว่าข้าถูกเก็บมาเลี้ยง”
“เซียวเอ๋อร์เจ้านี่ก็ยังขี้อิจฉาเช่นเดิม เด็กไม่รู้จักโต”
“ปากท่านบอกว่ารักและเป็นห่วงนาง แต่กลับจะเร่งให้นางออกเรือน”
“เฮ้อ เจ้านี่นะไม่เข้าใจความคิดของพ่อแม่ นางออกเรือนได้อยู่กับคนที่ดีนั่นก็เป็นเรื่องดีของนาง พ่อแม่นับวันจะยิ่งอายุมากจะดูแลนางไปตลอดหาได้ไม่”
“ข้าก็ยังอยู่นี่ขอรับ จวนนี้มิได้มีแค่พวกท่านแล้วเสียหน่อย”
เฉินฮูหยินหันมามองหน้าบุตรชายที่เดินเอามือไพล่หลังตามมาติด ๆ
“อะไรนะเจ้าน่ะหรือจะดูแลน้อง ดูท่าทางที่เจ้าแสดงออกนั่นสิ เหมือนพี่ดูแลน้องเสียที่ไหน”
“ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่เข้าใจปี…เอ่อ ไม่เข้าใจนางเช่นกันเหตุใดพบข้าทีไรก็เอาแต่ร้องไห้หรือไม่ก็ก้มหน้า เอาแต่กลัวจนตัวสั่นราวกับข้าเป็นคนร้ายอย่างนั้นแหละ”
“ก็ไม่แปลกหรอกที่น้องจะคิดกับเจ้าเช่นนั้น ก็เจ้าเคยพูดกับนางดี ๆ สักครั้งหรือไม่เล่า”
“ท่านแม่…”
“เจ้าจะเมินเฉยหรือจะเป็นเช่นเดิมแม่ก็คิดว่าหลินเอ๋อร์คงไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอกเพราะถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องแต่งออกจากจวนอยู่ดี แต่เจ้าจะยอมให้มันเป็นเช่นนี้จริง ๆ น่ะหรือ จะเกลียดชังนางจนถึงวันสุดท้ายจริง ๆ น่ะหรือเซียวเอ๋อร์”
“ข้าก็ไม่ได้เกลียดนางถึงเพียงนั้นเสียหน่อย”
“หืม…เช่นนั้นเจ้าก็บอกนางสิ ท่าทีเช่นนั้นหากแม่เป็นนางก็คงคิดไม่ต่างกันหรอก”
“ท่านแม่ ข้า…”
“เอาเถอะทุกอย่างต้องมีครั้งแรก เจ้าก็ค่อยเป็นค่อยไปเถอะนะ”
โต๊ะอาหาร
“หลินเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าเอาแต่ซ้อมพิณจนแทบไม่ได้กินอะไรเลย เอานี่จ๊ะกินเยอะ ๆ นะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า”
“เซียวเอ๋อร์ตกลงปัญหาชายแดนที่คุยกันเมื่อเช้านี้ ยังไม่มีปัญหามากใช่หรือไม่”
“ขอรับ หากว่าทางนั้นไม่ถูกผู้ใดยุยง สงครามชายแดนทางตะวันออกก็ยังไม่น่าห่วง”
“ท่านพี่ท่านเอาอีกแล้ว ชอบเอาเรื่องในราชสำนักมาคุยบนโต๊ะอาหาร ไม่เอา ๆ เออนี่หลินเอ๋อร์คุณชายหย่งบอกหรือไม่ว่าวันทำพิธีปักปิ่นเขาจะมาได้หรือไม่”
“เรื่องนี้ ข้า…”
“ฮูหยิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะลำเอียงเข้าข้างคุณชายหย่งผู้นี้เหลือเกินนะ อยากได้เขาเป็นหลานเขยงั้นหรือ”
“ท่านพี่ล่ะก็ เขาเป็นทั้งผู้สอนหลินเอ๋อร์ดีดพิณและยังเป็นบุรุษหนุ่มที่ผู้คนสนใจนะเจ้าคะ”
ระหว่างที่เฉินฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ จวินเซียวเองก็ลอบมองลี่หลินที่ก้มหน้ากินอาหารเพียงจานเดียวตรงหน้าโดยไม่กล้าตักอาหารอื่น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของเขาที่มองนางราวกับจะกลืนกินเสียให้ได้
“ท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ หลินเอ๋อร์เหตุใดเจ้าเอาแต่กินผัดกุ้ยช่ายแค่จานเดียว เซียวเอ๋อร์เจ้าตักหมูผัดกับปลานึ่งให้น้องสักหน่อยสิ”
“มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าจะอิ่มแล้ว”
“หึ ดูเหมือนว่านางเพียงแค่ได้ยินเรื่องของคุณชายนั่นก็อิ่มแล้วกระมัง ลูกขอตัวก่อนขอรับ”
“อ้าว นี่เจ้าอิ่มแล้วงั้นหรือ ไม่รอของหวานสักหน่อยหรือ”
“ไม่ขอรับเท่านี้ก็ “เลี่ยน” มากพอแล้ว ไม่อยากกินแล้วขอรับ”
“เลี่ยนอะไรกัน นี่มันของโปรดเจ้าทั้งมิใช่หรือ”
“ช่างเถอะ ๆ ท่านพี่ลูกอาจจะไม่คุ้นเคยกับอาหารพวกนี้แล้วท่านลืมไปแล้วหรือว่าเขาไปอยู่ทางเหนือตั้งสิบปี”
“ลูกขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปพักผ่อนเถอะลูก”
“ขอรับท่านแม่”
เขาพูดพลางหมองหน้าลี่หลินที่ยังคงก้มหน้าอยู่แต่เห็นว่าเขาลุกนางจึงเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่งจนได้เผลอสบตาเขาเข้าและต้องรีบหลบสายตาทันที แต่บิดามารดาของเขาไม่ทันได้สนใจจึงหันมาคุยกันต่อ จวินเซียวเดินออกไปแล้วลี่หลินจึงได้ตักอย่างอื่นมากินได้บ้าง พร้อมกับคุยมากขึ้นหลังจากที่เขาลุกออกไป
“หึ หากข้าไม่ลุกอาหารจานอื่นเจ้าก็คงกินไม่เป็นสินะ เหตุใดจึงเป็นสตรีที่น่ารำคาญเช่นนี้นะ….”
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”