“ปีศาจน้อย”
“อะไรนะลูกเมื่อครู่นี้เจ้าบ่นพึมพำอะไรงั้นหรือ”
“เปล่าขอรับท่านแม่”
“รับดอกไม้สิ น้องอุตส่าห์ทำเพื่อเจ้ารับเอาไว้เป็นไมตรีสักหน่อยนะ”
แม่ทัพหนุ่มมองใบหน้ายิ้มแย้มและคาดหวังของมารดาและบิดาที่พยายามยิ้มและลุ้นว่าเขาจะยังรู้สึกโกรธสตรีตรงหน้านี้อยู่หรือไม่ เขาเดินเข้าไปใกล้นางและไม่รู้ว่ากลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นกายจากที่ต้องจมูกเขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ในยามเช้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น สตรีตรงหน้ามือสั่นเมื่อยื่นช่อดอกไม้มาให้เขา
“สิ่งนี้…เจ้าตั้งใจทำให้ข้างั้นหรือ”
“จะ…เจ้าค่ะ เป็นของขวัญเพื่อต้อนรับท่านแม่ทัพกลับจวนเจ้าค่ะ”
นางยื่นดอกไม้ให้เขา ชายหนุ่มเพียงนึกอยากแกล้งนางเมื่อดอกไม้ถูกส่งมาแต่เขากลับปล่อยให้มันหล่นจนนางตกใจ สีหน้านั้นทำเอาเขาตกตะลึงจนเผลอคว้าทั้งคนทั้งดอกไม้เอาไว้
ใบหน้างามเงยขึ้นมาด้วยความตกใจอีกทั้งลมหายใจของนางและริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดตรงหน้ากลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นซึ่งเป็นความรู้สึกที่ห่างไกลจากคำว่าเกลียด
“ขออภัยเจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันหล่น ข้าก็แค่…”
“เจ้าก็ยังซุ่มซ่ามเช่นเดิม…. ปีศาจน้อยของข้า”
ลี่หลินรู้สึกขนลุกทั้งตัวเมื่อเขากระซิบอยู่ข้างใบหูและค่อย ๆ ดึงนางขึ้นมา นางสะบัดมือออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็วและเดินไปยืนแอบอยู่หลังมารดาของเขา ใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูทำเอาเขารู้สึกอยากแกล้งนางให้มากกว่านี้อีกสักนิดหากว่าบิดาของเขาไม่ชักชวนให้เข้าจวนเสียก่อน
“ไปเถอะ ไปศาลบรรพชนสกุลเฉินกับพ่อ ไปไหว้ท่านลุงกับท่านปู่ของเจ้ากัน”
“ขอรับท่านพ่อ”
แม่ทัพหนุ่มเดินตามบิดาเข้าไป ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในสายตาของเขาหันมามองสบตานางอีกครั้ง ดวงตากลมโตดุจลูกกวางนั้นทำเอาหัวใจเขาวาบหวิวไปไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วปีศาจน้อยผู้นี้จะน่ามองมากกว่าเดิม
“ขอบใจสำหรับดอกไม้”
ห้องโถงกลาง
“พ่อจะจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับเจ้าและกองทัพในอีกสามวันข้างหน้าเจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ตามใจท่านพ่อเลยขอรับ เรื่องนี้ลูกไม่ขัดข้องแต่ว่าอย่าได้สิ้นเปลืองมากนะขอรับ”
“ไม่หรอก ส่วนใหญ่ก็จะแจกจ่ายข้าวของตามธรรมเนียมและงานเลี้ยงนิดหน่อย เจ้าคงไม่รู้ว่าฝีมือการทำอาหารของน้องสาวเจ้าในวันนี้ยอดเยี่ยมเพียงใด วันนี้นางลงครัวทำอาหารให้เจ้าเองกับมือ ลองชิมดู”
“คิดไม่ถึงว่าพอโตขึ้นแล้วนางจะรู้ความเช่นนี้นะขอรับ”
“จวินเซียว เจ้ายัง….”
“ท่านพ่อ บัดนี้ข้าก็เติบโตแล้วนะขอรับนางเองก็ดูแลท่านกับท่านแม่แทนข้ามานานถึงสิบปี เรื่องในอดีตที่ผ่านมาข้าไม่คิดถือสาแล้วขอรับ เมื่อครู่นี้ตอนกราบไหว้ท่านลุงข้าเองก็บอกไปแล้วเช่นกัน”
“ดีแล้วล่ะ จากนี้ไปจะได้อยู่ในจวนร่วมกันอย่างสงบเสียที”
“ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่วันจะมีพิธีปักปิ่นของนางแล้วมิใช่หรือขอรับ”
“อ้อจริงสิพ่อเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยหากเจ้าไม่กล่าวเตือน ที่จริงก็มิใช่งานใหญ่อะไร แต่หลินเอ๋อร์ที่เสียครอบครัวไปแต่เด็กทำให้เสียเวลาไปกว่าสองปีจึงปักปิ่นช้ากว่าผู้อื่น พ่อเลยอยากจัดให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติที่อยากมอบให้สกุลเจียง อีกอย่างเจ้าก็พึ่งจะกลับมาชาวเมืองชิงโจวเองก็ยังได้ต้อนรับแม่ทัพเช่นเจ้าดังนั้นพิธีปักปิ่นในครั้งนี้เลยว่าจะจัดขึ้นที่จวนของเรา”
“เช่นนั้นเอง ข้าตั้งตารอเลยขอรับท่านพ่อ”
“นี่เจ้าคงจะไม่รู้สินะ มีบุรุษทั่วเมืองชิงโจวที่ชื่นชมน้องของเจ้า แต่ว่าหลินเอ๋อร์น่ะสนใจแต่ตำราแพทย์และการปรุงยากับดีดพิณ พ่อคิดว่านางคงจะเลือกคนคบหายาก”
“หึ งั้นหรือขอรับ ก็ดีแล้วนางยังเด็กไม่ต้องรีบร้อนหรอกขอรับ”
“แต่ว่าพ่อคิดว่าบัณฑิตอันดับหนึ่งนั่นก็พอจะเหมาะสมกับนางอยู่ หลินเอ๋อร์เองก็คุ้นเคยกับคุณชายหย่งผู้นี้ดี”
“อะไรนะขอรับ”
เฉินจวินเซียวหันมามองบิดาเขาทันทีเมื่อสิ้นคำกล่าวนี้ นี่หมายความว่าคำร่ำลือที่ได้ยินมาจากจางอี้มิใช่เรื่องโกหกงั้นหรือ สตรีที่อยู่จวนเขามาสิบกว่าปี ที่สุดแล้วก็มีคนมาชื่นชมในตัวนางงั้นหรือ
“เจ้าตกใจอะไรกัน เจ้าน่ะจากเมืองชิงโจวไปนานเลยไม่รู้ว่าหลินเอ๋อร์น่ะนะเป็นสตรีงดงามแม้ว่านางจะถ่อมตัวและไม่ค่อยชอบออกงานสังคมแต่ทุกครั้งที่นางปรากฏตัวทุกคนล้วนต่างรอคอย ชายหนุ่มทั่วเมืองนี้ก็เช่นเดียวกัน”
“งั้นหรือขอรับ”
แม่ทัพหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องพักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างดี เขาโยนกล่องที่พกมากับตัวไปที่เตียง กล่องไม้สีน้ำตาลเข้มนั้นหลุดออกมาจากห่อ เขาจึงดึงมันออกมาและเก็บยัดใส่ไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่ใจนัก
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ตาไร้แววมาชื่นชมปีศาจน้อยอย่างเจ้า ของชิ้นนี้…. ของบ้านี่!!….ข้าอุตส่าห์….ช่างเถอะ!! ไหน ๆ ก็ทำมาแล้วนี่”
เขาปิดตู้ลงด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยกับการที่เพียงแค่ฟังจากคำบอกเล่าของบิดาเรื่องที่นางมีชายหลายคนชื่นชมกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเพราะแรกเริ่มที่นางเข้ามาอยู่ในจวนก็มีเพียงเขาคนเดียวที่พบเห็นนาง แต่ผ่านมาสิบปีแล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
“คิดจะหาทางรอดจากจวนสกุลเฉินของข้าแล้วไปพึ่งพิงที่อื่นงั้นหรือ ปีศาจน้อยอย่างเจ้าช่างมากแผนการยิ่งนัก ยั่วยวนชายหนุ่มไปทั่วเมืองชิงโจว ข้าจะคอยดูสิว่าจะมีบุรุษคนใดที่ตาบอดมาลุ่มหลงเจ้า!!”
เขาจำได้ว่าไม่เคยโมโหจนปวดหัวเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อลุกขึ้นจากสระน้ำอุ่นที่เข้ามาอาบ ดูเหมือนแม่ทัพเฉินจะสร้างห้องอาบน้ำนี้ขึ้นมาใหม่ด้วย เขาเดินกึ่งเปลือยและสวมเพียงกางเกงตัวเดียวเดินออกมาเพื่อเปลี่ยนชุด
นึกไม่ถึงว่าในเวลานี้จะพบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะพบได้ เจียงลี่หลินเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำพร้อมกับชุดคลุมชั้นในบางเบาเพียงตัวเดียวและห่อผ้าคลุมชุดนอน เมื่อนางเปิดเข้ามาก็พบจวินเซียวที่เปลือยช่วงอกยืนอยู่ข้างใน
“กรี๊ด!!”
“เจ้า!!”
“ออกไปนะ เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึงได้เข้ามาในห้องอาบน้ำของข้า ออกไปนะ!!”
“ปีศาจน้อย นี่ข้าเอง!!”
จะมีผู้ใดที่เรียกนางด้วยคำหยาบคายเช่นนี้หากมิใช่เขา ท่านแม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจว พี่ชายต่างสายเลือดที่เกลียดชังนางมาตั้งแต่เด็ก นางรีบหันหลังให้เขาในทันที
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบว่าจะมีคนเข้ามาใน…. ในนี้ท่านรีบสวมชุดก่อนเถอะเจ้าค่ะข้าจะออกไปรอข้างนอก”
“เจ้าบอกว่าที่นี่…คือห้องอาบน้ำของเจ้างั้นหรือ”
“ข้า!!…. ขออภัยท่านแม่ทัพ ระ เรื่องนี้…ทะ ท่านป้าเห็นว่าข้าควรจะแยกห้องอาบน้ำส่วนตัว ก็เลย..สะ สร้างห้องอาบน้ำให้ข้าไว้ที่นี่แต่ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเข้ามา ขออภัยเจ้าค่ะข้าจะกลับไปใช้…”
“เดี๋ยว!!”
ใบหูที่แดงก่ำของนางที่ยืนหันหลังห่อตัวทำให้เขานึกอยากจะแกล้ง แกล้งจนนางต้องร้องไห้และโผเข้าซบอกของเขา เพียงเท่านี้เขาคงจะรู้สึกดีไม่น้อย ตอนเด็ก ๆ นางมักอยากจะเรียกเขาว่า “ท่านพี่” มิใช่หรือ แต่ตอนนี้นางเอาแต่เรียกเขาว่า “ท่านแม่ทัพ” ตั้งแต่เขาก้าวขาเข้ามาในจวน
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นห้องอาบน้ำของเจ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยที่เข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต”
“มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ทะ ที่นี่เป็น.... จวนของท่านดังนั้น…”
“หือ เจ้าว่าอะไรนะข้าไม่ได้ยินเลย”
แม่ทัพหนุ่มเดินเข้าไปจนประชิดตัวนางและก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูจนลี่หลินตกใจและหันมากะทันหัน พื้นที่ลื่นอีกทั้งตัวของแม่ทัพที่เปียกอยู่ทำให้ทั้งสองล้มลงไปทันที
โชคดีที่จวินเซียวนั้นจับศีรษะของนางเอาไว้ได้ทันเขาพลิกตัวลงไปกระแทกพื้นแทนนางและตัวนางก็ล้มทับอยู่บนตัวของเขา บางอย่างที่นิ่มกำลังดันมาที่หน้าอกของเขา ร่างกายของชายหนุ่มพลันรู้สึกกระหายขึ้นทันที
“ปีศาจน้อย นี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่งั้นหรือ”
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”