อินซู่ซู่ตกตะลึงไปทันที กัดริมฝีปากแดง พยักหน้ากล่าวเสียงอ่อย “ได้...”“เรียกนายท่านให้ฟังหน่อยสิ” ฉู่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มอินซู่ซู่ลังเลเล็กน้อย กัดริมฝีปาก แก้มแดงก่ำ กล่าว “นายท่าน”“อืม ไปกันเถอะ ไปที่โรงแรม” ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบเฉยอินซู่ซู่ตกตะลึง สีหน้าตื่นเต้นอะไรนะ?โรงแรม...เขาคิดจะทำอะไร?ภายใต้ความลังเลเล็กน้อย อินซู่ซู่สีหน้าทั้งเขินอายทั้งโกรธ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่เพียงกัดฟัน จำต้องเดินตามฉู่เฉินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำในไม่ช้า ทั้งสองคนก็มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น เปิดห้องเช็กอิน ทุกอย่างเสร็จอย่างรวดเร็วเข้าไปในโรงแรมแล้ว อินซู่ซู่สีหน้าแดงก่ำ เหมือนกับแอปเปิลที่สุกจัด ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยสักนิด“มัวยืนอยู่ทำไม? ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อน” ฉู่เฉินกล่าว หันหลังแล้วเดินเข้าห้องน้ำอินซู่ซู่ตกตะลึง ร่างกายสั่นระริก ร่างกายเกร็งไปหมดถอดแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงงั้นเหรอ?เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เขาอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธออินซู่ซู่คิดหนักเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมาเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่นม
กู้รั่วเสวี่ยวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา ถอดแว่นกันแดด โอบแขนของฉู่เฉิน นำหน้าอกที่อวบอิ่มเบียดเข้ากับแขนของเขา กล่าวพร้อมรอยยิ้มหวาน “คิดถึงคุณ ไม่ได้เหรอคะ?”ฉู่เฉินเขินอายเล็กน้อย กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พอแล้วครับ มาหาผมมีธุระอะไรครับ?”“ได้ข่าวว่าคุณเปิดบริษัทเหรอคะ?” กู้รั่วเสวี่ยเข้าเรื่องทันทีฉู่เฉินกล่าว “ข่าวสารของคุณไวจังเลยนะครับ”“ฉันลงทุนหุ้นให้คุณเป็นยังไงคะ? สักห้าร้อยล้าน” กู้รั่วเสวี่ยถาม“ห้าร้อยล้าน?” ฉู่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย ย้อนถาม “เพราะอะไร?”“ถ้าจะถามว่าเพราะอะไร นั่นก็เป็นเพราะฉันเชื่อคุณยังไงล่ะคะ บริษัททางการแพทย์ที่หมอเทวดาฉู่เปิด จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งวงการการแพทย์เมืองเจียงจงแน่นอน กลายเป็นยักษ์ใหญ่ ลงทุนหุ้นตอนนี้ ต่อไปจะต้องได้กำไรงามแน่” กู้รั่วเสวี่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มหวานฉู่เฉินยิ้ม ถาม “คุณไม่กังวลว่าจะขาดทุนเลยเหรอ?”กู้รั่วเสวี่ยส่ายหน้า “ขาดทุนก็ขาดทุนไปสิคะ ฉันไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินสักหน่อย”เมื่อฉู่เฉินได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกจนปัญญานี่ก็คือคุณหนูของตระกูลกู้สินะ ห้าร้อยล้าน จะขาดทุนก็ช่าง“ตามใจคุณเลยครับ” ฉู่เฉินกล่าวมีคนลงทุนถือเป
เมื่อฉู่เฉินได้ยินดังนั้น เลิกคิ้ว กล่าวเสียงเย็นชา “ขออภัยครับ ผมพอจะมีความรู้อยู่บ้างนิดหน่อยจริง ๆ”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของชายชราก็เคร่งขรึมทันที ขมวดคิ้วขาว พ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยาม ไม่พอใจเป็นอย่างมากข้างกายของเขามีชายวัยกลางคน ที่ท่าทางหมกมุ่นมากเกินไปตาเขียวปัด กล่าวอย่างเยาะเย้ยทันที“คุณหนูใหญ่กู้ ทำไม ตระกูลกู้ของพวกคุณไม่มีคนแล้วหรือว่ายังไงกัน? ถึงได้ไปลากไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมข้างถนนมาตรวจประเมินได้?”“ผมว่า คุณพากลับไปเถอะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องขายหน้า”“ถ้าหากไม่ไหวจริง ๆ ทางผมมีปรมาจารย์ตรวจประเมินหยกและของโบราณอยู่หลายท่าน คุณเลือกเอาสักคนตามสบาย”กู้รั่วเสวี่ยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่พอใจ “หวังคุน! ที่นี่คือเจียงจง ไม่ใช่เจียงเป่ย ตระกูลกู้จะหาใครมาตรวจประเมิน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณที่ต้องมายุ่ง!”หวังคุนแค่นหัวเราะ กล่าวอย่างเหยียดหยาม “คุณหนูใหญ่กู้ คุณพูดแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ คนที่มาในวันนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักของเจียงจง เจียงเป่ย เจียงเฉิงทั้งสามเมืองเชียวนะครับ”“แม้แต่ปรมาจารย์ตรวจประเมินหยกและของโบราณที่พามาด้วย ล้ว
“อีกอย่าง สร้อยประคำ ฉันให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้หลายท่านตรวจประเมินมาแล้ว ยังมีหนังสือรับรองอีกด้วย”“ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าพูดว่ามันเป็นของปลอมสมัยปัจจุบัน?”ฉู่เฉินพ่นลมหายใจทีหนึ่ง กล่าว “ใช่หรือไม่ใช่ของปลอมสมัยปัจจุบัน คุณลองเคาะดูก็รู้แล้ว”“ได้! ฉันจะลองเคาะดู ลองดูว่าเธอจะอธิบายยังไง” หวังคุนแสยะยิ้ม มั่นใจสร้อยประคำที่อยู่ในมือของตนเองมากจากนั้นเขาก็ถอดสร้อยประคำเส้นนั้นออกมาจากข้อมือ วางลงบนโต๊ะแล้วเคาะเบา ๆ เสียงไพเราะก้องกังวาน ไม่เหมือนของปลอมสมัยปัจจุบัน“เป็นยังไงละ ไอ้หนู เสียงนี้ทั้งไพเราะทั้งก้องกังวาน ปรมาจารย์ตรวจประเมินของโบราณทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ ก็สามารถฟังออก ว่าเป็นของโบราณใช่ไหมครับ?” หวังคุนยิ้มอย่างลำพองใจสร้อยประคำเมล็ดรุทรักษะนี้ ยิ่งเก่า เสียงก็ยิ่งไพเราะสร้อยประคำเส้นนี้ ในวันปกติหวังคุนไม่มีทางปล่อยออกมาแน่อย่างไรเสีย ก็เป็นของอัครเสนาบดียุคก่อน จะมากจะน้อยก็มีท่าทีของอัครเสนาบดีอยู่บ้างทันทีที่เขาสวม ก็รู้สึกว่าท่าทีของตนเองนั้นไม่ธรรมดาสร้อยประคำนี้ไม่ใช่ของปลอม เขารู้ดีกว่าใคร ๆทุกคนรับประกันว่าเป็นของแท้แน่นอน!ผู้เชี่ยวชาญการตรวจ
“หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันอยากรู้นักว่าใครจะกล้าแตะต้องคุณฉู่!”กู้รั่วเสวี่ยก้าวออกมา จ้องหวังคุนอย่างเย็นชา กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ผู้นำตระกูลหวัง ที่นี่คือเจียงจง ไม่ใช่เจียงเป่ย! คุณฉู่เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลกู้ฉัน หวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรผิดพลาด!”ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกไป หวังคุนสีหน้าอึมครึมทันที ความเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นที่ใบหน้า จ้องมองกู้รั่วเสวี่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตะคอก “ตระกูลกู้แล้วยังไง? อย่าลืมสิว่า ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งแต่ก็สู้อิทธิพลท้องถิ่นไม่ได้! วันนี้ ยังไงฉันก็ต้องจัดการไอ้เด็กนี่ให้ได้!”บรรยากาศชักดาบเข้าหากันสถานการณ์พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อภายในห้องโถงเต็มไปด้วยแรงอาฆาตในเวลานี้ ชายชราในชุดคอปกจีนสีขาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โบราณสีดำที่อยู่แถวหน้าสุด ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“พอแล้ว ผู้นำตระกูลหวัง ตระกูลกู้เป็นตระกูลใหญ่กิจการใหญ่โต คุณเอาชนะไม่ได้หรอก ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ใจเย็น ๆ ทุกคนมาเพื่อหยกลายโลหิต ไม่มีความจำเป็นต้องจำให้กลายเป็นแบบนี้”“อีกอย่าง ที่นี่ก็คือเจียงจง ไม่ใช่เจียงเป่ยอย่างที่ว่าจริง ๆ”“ผู้นำตระกูลหวังมีควา
ตั้งแต่เข้าเดินเข้าประตูมา ซ่งหรูเซียนก็เอาแต่หลับตาทำสมาธิ ไม่สนใจเรื่องใด ๆที่เกิดขึ้นในห้องโถงเลยแม้แต่น้อยอืม มีกลิ่นอายของความเป็นเจ้าใหญ่นายโตถังจิ้งจือ ชายชราในชุดเสื้อคอจีนสีขาวคนนั้น ฉู่เฉินยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เป็นแบบที่เคยได้ยินตั้งแต่เด็กจนโตนายท่านใหญ่ถังคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นตำนานของวงการการค้าเจียงจงคนหนึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถมาอย่างยาวนานจนประสบความสำเร็จจากแผงขายผักข้างถนน ค่อย ๆ พัฒนามาทีละขั้น นำตระกูลถังพัฒนาจนกลายมาเป็นสี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเจียงจงเพียงแต่ในเวลานี้ฉู่เฉินมองไป กลับพบว่าสีหน้าของถังจิ้งจือคนนี้ดูแย่มากครุ่นคิดอยู่ครู่ ฉู่เฉินเปิดใช้งานเนตรมังกร ทันทีที่แสงสีทองของดวงตากะพริบ ทันใดนั้นก็พบว่า จุดอิ้นถาง[1]ของถังจิ้งจือคนนี้ดำจนน่ากลัว ถูกอายชั่วร้ายสีดำรายล้อมวังชีวิตแต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ อายชั่วร้ายสีดำเหล่านี้ มีอยู่หลายชนิดนี่บ่งบอกถึงอะไร?บ่งบอกว่าถังจิ้งจือคนนี้ถูกวิญญาณร้ายนับร้อยติดตาม ถ้าหากว่าจัดการไม่ทันเวลา เขา จะต้องตายอย่างแน่นอน!แม้แต่วังบุตรธิดาและวังนาเรือนของเขา เต็มไปด้วยความสิ้
“ปรมาจารย์กัว”ทุกคนพยักหน้าปรมาจารย์กัวคนนั้นยิ้ม พร้อมกล่าวด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ต้องขออภัยด้วยครับ ที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน ในเมื่อทุกท่านมาถึงแล้ว ผมเองก็จะไม่อุบไว้แล้ว ตรงเข้าเรื่องสำคัญ ให้ทุกท่านได้ชมของล้ำค่าก่อน”ในขณะที่พูด ปรมาจารย์กัวก็นำกล่องหนังสีเหลืองวางที่ตรงกลางของโต๊ะ มีเสียงดังแกร๊กสองที เปิดตัวล็อก แล้วเปิดกล่องด้านในกล่องคือหยกโบราณสีเลือด สีแดงสดมาก งดงามราวกับเลือดหยกโบราณทั้งก้อน เป็นสไตล์โบราณ ด้านบนยังแกะสลักด้วยลายเส้นละเอียด เหมือนกับว่าเป็นลายเส้นค่ายกล ดูออกทันทีว่าไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอีกทั้งทันทีที่หยิบหยกลายโลหิตออกมา ทุกคนตรงนั้นก็สัมผัสได้ทันทีว่าภายในห้องโถงมีกลิ่นอายกลุ่มหนึ่ง ที่ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัว จิตใจผ่อนคลาย ไหลเวียนไปทั่วตัวราวกับได้อาบน้ำท่ามกลางลมที่พัดผ่านในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับอยู่ในมหาสมุทร แล้วก็เข้าไปในป่าอันเขียวขจีในหุบเขาลึก ราวกับแดนสวรรค์ถังจิ้งจือและคนอื่นดวงตาเบิกกว้างเปล่งประกายทันที จ้องเขม็งไปยังหยกลายโลหิตก้อนนั้น“ของดี! นี่คือของดี!”ผู้เชี่ยวชาญการตรวจประเมินของโบราณหลายท่าน ก็ส่งเสียงชื่นชมหลาย
นับตั้งแต่ฉู่เฉินเดินเข้าประตูมา จนกระทั่งเล่นลูกไม้กับหวังคุน ซ่งหรูเซียนมองดูอยู่ตลอดเพียงแต่เขาไม่ได้สนใจฉู่เฉินเลยสักนิดคิดว่าก็เป็นแค่ตัวตลกที่เรียกร้องความสนใจแค่นั้นเองฉู่เฉินแค่นเสียงหัวเราะ เรียกคืนสายตาจากหยกลายโลหิต ย้อนถามซ่งหรูเซียน “ปรมาจารย์ซ่งใช่ไหม คุณคิดว่าหยกลายโลหิตนี่คือของวิเศษ?”“แน่นอนสิ! ตั้งแต่ฉันเป็นตรวจประเมินของโบราณมา ยังไม่เคยเห็นของวิเศษที่จริงขนาดนี้มาก่อน!”ซ่งหรูเซียนกล่าวอย่างมั่นใจมาก จากนั้นหรี่ตา กล่าวอย่างไม่พอใจ“ทำไม เธอสงสัยในความสามารถตรวจประเมินของโบราณของฉันเหรอ? จะบอกเธอให้นะ ไอ้หนู ฉันเป็นปรมาจารย์ศาสตร์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อยู่กับศาสตร์ฮวงจุ้ยมาสามสิบปีแล้ว! หยกลายโลหิตก้อนนี้ ใช่หรือไม่ใช่ของวิเศษ เป็นของวิเศษระดับไหน มองแวบเดียวก็รู้แล้ว”ซ่งหรูเซียนพูดจบ สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ระดับชั้นน้ำของวงการศาสตร์ฮวงจุ้ยแห่งเจียงเป่ย เมื่อครู่นี้ตอนที่หยิบหยกลายโลหิตก้อนนั้นออกมา เขาสัมผัสได้ถึงลักษณะฮวงจุ้ยของในบ้านหลังนี้ที่เปลี่ยนไปแดนสวรรค์!คือแดนสวรรค์ของโลกมนุษย์!ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหยก
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก