ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตา หน้าจอแสดงผลขึ้นภาพผลตรวจที่เข้าใจยากโชว์ต่อสายตาโอเมก้าไร้กลิ่น แน่นอนว่าว่านไม่เข้าใจกราฟหรือตัวเลขมากมายบนจอนั้นมากไปกว่าหมอที่เอ่ยอธิบายผลให้เขาฟังเมื่อสักครู่
“กูได้กลิ่นจริง ๆ นะ มึงตรวจให้อีกครั้งได้ไหม”
แขนเรียวขาวยื่นออกไปวางบนโต๊ะตรงหน้า ว่านจงใจไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เขาเพิ่งมีความสัมพันธ์กับดาราหนุ่มอัลฟ่าจนนอตไปหลายชั่วโมง และยิ่งมีชายชราที่เข้ามาฟังผลตรวจพร้อมเขาด้วยสีหน้าห่วงใย ว่านยิ่งไม่กล้าพูดว่าตัวเองเพิ่งไปอ้าขาให้อัลฟ่าที่ไหนไม่รู้มาสด ๆ ร้อน ๆ แบบนี้แล้วจะให้เขาพูดถึงเรื่องที่เด็กนั่นได้กลิ่นเขาได้อย่างไร
“ว่าน มันเหมือนเดิม ไม่ได้ดีขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้แย่ลงด้วยเหมือนกัน” ลุคเอ่ยตอบเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนสนิทหมองลงทันตาเมื่อฟังผลตรวจจบ
“เสียใจมากเลยหรือลูก ถึงว่านจะยังไม่หายแต่ว่านก็ยังเป็นหลานปู่ ถ้าไทม์เขาไม่รักหลาน แค่เพราะหลานไม่มีกลิ่นก็ปล่อยเขาไปเถอะ ปู่เลี้ยงของปู่มาอย่างดี ใครไม่เห็นค่าเราก็ทิ้งมันไป ว่านของปู่เก่งที่สุด ดีที่สุด” ฝ่ามือย่นอันอบอุ่นลูบหัวหลานชายอย่างรักใคร่
“แต่ว่านอยากมี...” คำว่าหลานปู่ถูกกลืนหายลงคอไปเมื่อนึกถึงคำพูดของชายชราข้างกายเมื่อนานมาแล้วตอนที่เขาเอ่ยถึงการมีทายาทสืบสกุล
“หลานปู่ไม่มีอะไรไม่ดี สักวันก็ต้องมีคนรักดี ๆ ได้แน่ ปู่ไม่เชื่อว่าจะไม่มีคนรักว่านแบบที่ว่านเป็นว่านหรอกนะลูก”
เขาเองก็เชื่อแบบนั้น แต่ตอนนี้เรื่องสำคัญสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องจะมีคนรักหรือไม่มีคนรัก แต่เป็นเรื่องของการสืบทอดธุรกิจที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนมากกว่า เขามีเวลาไม่มากแล้วในการหาอัลฟ่าสักคนมาเป็นพ่อพันธุ์ให้ สำหรับเขาแล้วความสุขส่วนตัวในตอนนี้ไม่สำคัญเท่าการรักษาอาณาจักรเครื่องหนังของคุณปู่
“ลุค ถ้าเกิดว่า...” ว่านถามขึ้นเมื่อเจ้าสัวเม้งเดินออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกห้องตรวจ
“ว่า?”
“ถ้าเกิดว่ามันมีคนได้กลิ่นกูขึ้นมา...แปลว่าโรคประหลาดกูน่าจะดีขึ้นหรือเปล่าวะ” นายแพทย์หนุ่มหรี่ตามองคนถาม
“ตามหลักแล้วน่ะนะ ถ้าโอเมก้าเริ่มส่งกลิ่นฟีโรโมนได้ก็แปลว่าระบบสืบพันธุ์พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์แล้ว ถ้าเกิดว่ามึงเริ่มส่งกลิ่นฟีโรโมนได้เมื่อไหร่ก็อาจจะแปลได้ว่าระบบสืบพันธุ์มึงเริ่มกลับเข้าวงจรโอเมก้าปกติแล้ว ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาตรวจอีกที”
“งั้น...มึงเจาะเลือดกูตอนนี้ไปตรวจอีกรอบได้ไหม”
“ไอ้ว่าน กูเพิ่งตรวจมึงไปเมื่อวานก่อน และเผื่อมึงลืม กูเพิ่งอ่านผลตรวจมึงจบไปเมื่อกี้”
“ก็...กู...คือว่าตอนที่กูรอผลตรวจ กูอาจจะมีกลิ่นฟีโรโมนแล้วไง”
ว่านเอ่ยขยายความเสียงเบา แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพอจะบอกว่าคู่นอนคนล่าสุดของเขาเพิ่งพูดถึงกลิ่นฟีโรโมนเขาไปเมื่อวาน ก่อนที่จะแยกย้ายกันที่โรงแรม และอีกอย่างถึงแม้ว่าหน้าตาเด็กนั้นตอนพูดถึงเรื่องกลิ่นจะดูใสซื่อ แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าคำชมนั้นเอ่ยออกมาตามจริงหรือเป็นเพียงคำหวานช่างประจบหลังจากได้กันมาสองครั้งกันแน่
“ว่าน นอกจากเป็นหมอประจำตัวมึง กูก็เป็นเพื่อนมึงด้วย ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อมึงนะ แต่นี่เพิ่งผ่านมาแค่สองวันเอง ผลตรวจมึงเพิ่งออกเมื่อวานด้วยซ้ำ กูรู้ว่ามึงอยากหาย แต่มึงใจเย็นหน่อยได้ไหม กูไม่ได้สนุกกับการเอาเข็มไปจิ้มแขนคนไปทั่วหรอกนะ”
“อือ” ว่านได้แต่ตอบรับไปเพียงเท่านั้น ถึงเขาจะเผลออารมณ์ร้อนใส่เพื่อนไปบ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่าลุคหวังดีกับตัวเขามากแค่ไหน
เมื่อเจ้าสัวเม้งเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง ความสงสัยใคร่รู้เรื่องกลิ่นที่เด็กเอเดนนั่นพูดขึ้นเมื่อวานก็ถูกเก็บไว้ภายในใจเช่นเดิม เขาคงต้องรอให้อะไรแสดงออกมาชัดกว่านี้ และมันคงต้องใช้เวลา หวังว่าจะไม่นานเกินไป
ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์หลังจากรู้ผลตรวจ ว่านไม่รู้ว่าเขาเผลอแสดงอาการอะไรออกไปหรือเปล่า คุณปู่ถึงดูห่วงเขามากกว่าปกติ หรืออาจจะเพราะรู้เรื่องเขากับพี่ไทม์แล้วก็เป็นได้ คุณปู่ถึงแวะเวียนมาหาเขาทั้งที่สตูดิโอและที่บ้านพักบ่อยขึ้น
“คุณปู่ ว่านโอเคครับ เรื่องพี่ไทม์ว่านไม่ได้เศร้าขนาดนั้น คุณปู่ไม่ต้องห่วงว่านนะ ว่านอยู่ได้” ว่านเอ่ยขึ้นกลางมื้อเย็นวันหนึ่งที่เจ้าสัวเม้งแวะเข้ามากินด้วยที่บ้านพัก
ชายชราพิจารณาหลานชายโอเมก้าตรงหน้า เพราะผ่านโลกมามากกว่าและหลานชายคนนี้เรียกได้ว่าเขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่ชงนมผงให้ จะปกปิดอย่างไรเขาก็ดูออก ถึงปากจะบอกไม่รักไม่เสียใจ แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาถึงสามปีอย่างน้อยก็ต้องมีความผูกพัน ตั้งแต่ว่านโตมาเพิ่งจะมีแค่ไทม์ที่เด็กหนุ่มพาเข้ามาให้เขารู้จัก ทั้งยังขอออกมาอยู่ข้างนอกลำพังสองคน
ถึงจะยอมปล่อยหลานชายออกมาอยู่นอกสายตากับแฟนหนุ่มอัลฟ่า แต่เจ้าสัวเม้งก็คอยถามข่าวคราวความเป็นอยู่จากคนรอบข้างของหลานชายเสมอ
ว่านเป็นเด็กดีมาตลอดถึงจะเอาแต่ใจตัวเองอยู่บ้าง แต่ไม่เคยทำอะไรไร้เหตุผล มีเพียงช่วงสามปีที่ขอออกมาอยู่กับแฟนหนุ่มเท่านั้นที่เขาไม่เข้าใจความคิดของหลานชายมากนัก เขาจึงได้แต่เดาเอาเองว่าคงจะเป็นช่วงวัยที่หลานอยากมีใครสักคน และอาจจะจริงจังถึงขึ้นอยากสร้างครอบครัวด้วย ว่านถึงได้หมกมุ่นกับอาการประหลาดของตัวเองมากมายขนาดนี้
“ไทม์เขาไม่อยู่แล้ว ย้ายกลับไปอยู่บ้านกับปู่ไหม”
“ว่านจะแวะไปหาคุณปู่บ่อย ๆ นะครับ แต่ที่นี่มันใกล้สตูดิโอดี ว่านไม่ชอบรถติดเท่าไหร่”
“โอเมก้าอยู่คนเดียวมีอะไรขึ้นมาจะลำบากเอานะ ปู่เป็นห่วง”
“โอเมก้าไร้กลิ่นแบบว่าน จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบากหรอกครับ”
ประโยคอาจจะฟังดูน่าสมเพชไปสักหน่อย แต่มันก็คือเรื่องจริง โอเมก้าที่ไม่มีกลิ่นก็ไม่ต่างอะไรกับเบต้า ยิ่งสำหรับเขาแล้วรอบฮีตก็ไม่เคยเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ ต่อให้เจออัลฟ่าดักตีหัวลากไปทำอะไรไม่ดี ก็คงไม่ท้องขึ้นมาได้หรอก
และหากพิจารณาจากความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นถึงหลานชายสายตรงเพียงคนเดียวของเจ้าสัวเม้ง ใครจะกล้ามาทำอะไรได้ ในสังคมทุนนิยมแบบนี้คนรวยย่อมได้รับความเกรงขาม ต้องเรียกว่าเขาเป็นโอเมก้าที่ทำบุญมาดีทีเดียว
สองวันถัดมาว่านก็ต้องมานั่งปวดหัวกับลูกค้าเรื่องมากที่ไม่ยอมทำตามเงื่อนไข ทั้งที่ตอนแรกแทบจะอ้อนวอนเขาให้รับงาน อันที่จริงแล้วเขาตั้งใจจะปฏิเสธอยู่แล้ว
สามปีที่มีอัลฟ่าคบควงไปควงมาเป็นเรื่องเป็นราวเขาก็แทบไม่ได้รับงานทำนองนี้แล้ว ถึงตอนนี้จะเลิกรากันไป แต่เขาก็ยังไม่มีอารมณ์รับงานทันที ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเผลอปากยื่นข้อเสนอไปไม่คิด คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอย่างนี้
“คุณว่านคะ ไม่ให้น้องเอเดนกินไม่ได้หรอคะ เดี้ยนกลัวจะมีผลต่อสุขภาพน้อง น้องต้องใช้ร่างกายค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ละครก็ใกล้ปิดกองแล้วคิวแน่นมาก ถ้าต้องกินยาระงับทุกรอบที่เข้ามาแบบนี้ เดี้ยนกลัวว่าจะไม่ดีนะคะ อีกอย่างนี่ก็ใกล้รอบรัทของเอเดนแล้ว กินตอนนี้จะดีหรอคะ” โอเมก้าหุ่นอวบอิ่มที่ชื่อชูก้าแย่งเม็ดยาสีขาวฟ้าขนาดกลางจากมือเด็กหนุ่มในสังกัดไปไว้ในมือตัวเอง
“ไม่กินก็ได้ครับ แต่ผมก็คงต้องขอเสียมารยาทยกเลิกข้อตกลงของเรา” ว่านเอ่ยตัดบทง่ายดาย เขาไม่ชอบเสียเวลามาอธิบายเรื่องง่าย ๆ ให้ใครฟัง เดิมทีเขาก็ไม่อยากรับงานนี้อยู่แล้ว ดีเสียอีกที่ไม่ต้องหาเรื่องมาปฏิเสธงานเอง
“คุณว่านครับ” มือใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มผมบลอนด์คว้าข้อมือเล็กของโอเมก้าเอาแต่ใจไว้ได้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวด้านในสตูดิโอ
“ปล่อย” สายตาเรียวปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่จะมองลงต่ำไปยังมือใหญ่ที่สัมผัสเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ผมจะกินครับ”
“เอเดน ไม่ได้นะลูก” แม้ผู้จัดการจะร้องห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว มือใหญ่อีกข้างหยิบเม็ดยาระงับการรัทของอัลฟ่าในมือผู้จัดการโยนเข้าปาก พร้อมทั้งกลืนเม็ดยาลงคอโดยที่ไม่เอ่ยปากขอน้ำดื่มเสียด้วยซ้ำ
ท่ามกลางความตกใจของผู้ดูแลดาราหนุ่ม เอเดนกลับไม่รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองตาโอเมก้าร่างเพรียวบางที่ตนเองคว้าข้อมือรั้งไว้ ปากอวบอิ่มยกยิ้มกว้างก่อนจะอ้าออกแลบลิ้นสีชมพูสุขภาพดีโชว์ต่อสายตาเรียวคู่สวย พิสูจน์ว่ากลืนยาไปแล้วจริง ๆ ไม่ได้หมกเม็ดเก็บซ่อนไว้ในซอกมุมไหน
ว่านลอบถอนหายใจ เมื่อสุดท้ายก็สลัดไอ้เด็กนี่ไม่ออกเสียที ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้องรีบ ๆ วาดภาพให้เสร็จ ๆ
“คุณชูก้าไม่ต้องกังวล ยานี่ผมสั่งจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีผลเพียงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น อย่าห่วงเลยไม่ว่าจะเพศไหน ทำงานกับสตูผม การกินยาระงับเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ผมไม่อนุญาตให้ละเว้นทุกกรณี สบายใจได้ผมทำแบบนี้กับทุกคน ไม่ใช่แค่เด็กของคุณหรอก...ครับ”
“ค่ะ คุณว่าน”
คุณชูก้ายิ้มแหย ความจริงแล้วชูก้ารู้ดีแต่แรกเพราะข้อนี้ถูกระบุอยู่ในสัญญาชัดเจน เพียงแต่คิดว่าจะสามารถโน้มน้าวโอเมก้าศิลปินคนนี้ได้เหมือนผู้ร่วมสัญญางานอื่น ๆ ก็เท่านั้น
หากได้ ก็เป็นเรื่องดี การกินยาระงับรัทของกังวาน อาจจะทำให้รอบรัทเลื่อนได้ และนั่นอาจส่งผลต่อตารางงานที่วางไว้ อีกอย่างการรัทก็นับเป็นเรื่องที่จำเป็นมากทีเดียว นอกจากจะเป็นการปลดปล่อยฟีโรโมนแล้ว ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเวลานั้นก็ยิ่งสร้างความแข็งแกร่งให้อัลฟ่าด้วย การที่เอเดนมีกลิ่นฟีโรโมนอ่อน ๆ ติดตัวอยู่เสมอก็เพราะเธอดูแลเรื่องสุขภาพเด็กในสังกัดเป็นอย่างดี
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการควบคุมกลิ่นของอัลฟ่านั่นเป็นเรื่องยากมาก และกว่าตนจะวางตารางเวลาให้เกิดความเคยชินจนเอเดนควบคุมระดับฟีโรโมนได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน การต้องมากินยาระงับแบบนี้มีแต่จะเสี่ยง หากรอบรัทเลื่อนตารางงานหลังจากนี่คงวุ่นวายแน่ ๆ
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ สตูผมมีหลายเพศ ทั้งอัลฟ่า โอเมก้า เบต้า ยิ่งงานวาดที่ต้องใช้เวลาอยู่ในสตูนานแบบนี้ ถ้าเกิดลูกค้าส่งกลิ่นไปทั่ว สตูจะวุ่นวายเอาได้” ว่านเอ่ยเสริม
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้งอีกว่านจึงขอแยกตัวไปจัดเตรียมสถานที่ ส่วนนายแบบร่างสูงที่เพิ่งกลืนยาระงับลงคอไปก็ถูกสั่งให้นั่งรออยู่ด้านนอกก่อนสิบนาทีจนกว่ายาจะออกฤทธิ์
หลังประตูไม้สีดำบานใหญ่ด้านในสุดของสตูดิโอ ว่านและลูกน้องอีกสองสามคนกำลังจัดเตรียมสถานที่สำหรับการวาดรูปที่ร้างรามานานหลายปี
ภายในห้องมีเพียงโซฟาตัวใหญ่สีแดงนั่งสบายวางอยู่มุมในสุดของห้อง รอบโซฟารายล้อมไปด้วยหนังสือรวบรวมภาพงานอาร์ตต่าง ๆ ของศิลปินชื่อดังที่เจ้าของห้องชื่นชอบ บนโซฟามีโน้ตบุ๊กรุ่นท็อปสุดที่ยังเปิดค้างไว้
ผนังห้องถูกทาเป็นสีดำเช่นเดียวกับบานประตูข้างหน้า อันที่จริงห้องนี้ไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่ก็ไม่ได้เล็กแคบเช่นเดียวกัน แต่เพราะเกือบทุกอย่างในห้องถูกคุมโทนด้วยสีดำมืด ทำให้ห้องนี้ดูน่าค้นหาและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน หากปิดไฟทั้งหมด คงนึกไม่ออกว่าผนังห้องแต่ละทิศจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
“ห้องพี่นี่น่าขนลุกชะมัด เมื่อไหร่จะเปลี่ยนสีสักที อย่างกับบ้านผีสิง” ต้ายกเก้าอี้เดี่ยวบุนวมอย่างดีสีแดงเฉดเดียวกับโซฟาด้านหลังเอามาวางตั้งไว้ที่ใจกลางห้อง
“เรื่องของกู” โอเมก้าหนุ่มเอ่ยตอบไม่จริงจังนัก เจ้าตัวเพียงเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ที่ประจำ นิ้วเรียวเลื่อนกดเปิดเพลงเพลย์ลิสต์ของตนโดนไม่ลืมเชื่อมสัญญาณเข้ากับลำโพงคุณภาพดีที่ฝังไว้ตามมุมห้องอย่างแนบเนียน
เสียงบรรเลงเพลงเชื่องช้าแต่ฟังดูแสนเซ็กซี่ยั่วเย้าเร้าอารมณ์ดังกังวานทั่วทั้งห้อง แสงไฟที่โคมระย้าทรงโบราณถูกกดเปลี่ยนเฉดสีจากสีเหลืองส้มเป็นสีแดง
หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าที่นี่คือห้องทำกิจกรรมอย่างว่าที่มีอุปกรณ์ประกอบฉากเป็นโซ่แซ่กุญแจมือหรือเทียนไขเป็นแน่ หากแต่คนในสตูดิโอแห่งนี้รู้ดีว่าเจ้าของร่างเพรียวระหงที่นั่งเชิดหน้าหลังตรงไขว้ขาเรียวสวยดื่มด่ำกับบรรยากาศอยู่นั้น กำลังสร้างสมาธิให้ตัวเองอยู่
ต้าเหลือบสายตามองรุ่นพี่ที่นั่งหลับตาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ มือก็คอยชี้บอกรุ่นน้องคนอื่น ๆ ให้จัดข้าวของที่ต้องใช้ ทั้งเฟรมผ้าใบอันใหญ่ โต๊ะวางจานสี เก้าอี้ของศิลปินผู้เป็นเจ้าของสตูดิโอให้เข้าที่เข้าทางเงียบ ๆ
เมื่อทุกอย่างถูกวางไว้ตามที่คุยกันเรียบร้อย ต้าจึงเดินนำคนอื่น ๆ ออกจากห้องไปเงียบ ๆ เขารู้ดีเพราะเป็นลูกมือให้รุ่นพี่โอเมก้าไร้กลิ่นคนนี้มานานมากแล้วตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย พี่ว่านเป็นคนมีพรสวรรค์ และมีความเป็นศิลปินสูงมาก อารมณ์จึงมีผลกับการทำงานค่อนข้างสูง แน่นอนว่านั่นแปลความหมายได้ว่า การรับงานก็จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ด้วยเช่นกัน
“คุณเอเดนพร้อมเมื่อไหร่ก็เข้าไปในห้องได้เลยนะครับ อ่อ เข้าไปแล้วก็นั่งในที่ของคุณ ถ้าพี่ว่านเขาพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเขาเริ่มงานเองครับไม่ต้องเรียกเขานะครับ” ต้าเอ่ยบอกดาราหนุ่มที่นั่งรออยู่ด้านหน้าห้อง
“พร้อมแล้วครับ ผมเข้าไปได้เลยใช่ไหม” ต้ามองสำรวจอัลฟ่าหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนขึ้นเต็มส่วนสูง เอเดนอยู่ในชุดคลุมเนื้อดีเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าภายใต้ชุดนั้นไม่มีอาภรณ์ใดหลงเหลืออยู่แล้ว
ก็งานวาดภาพนู้ดนี่นะ
“ครับ เชิญข้างในได้เลย” ต้ายกยิ้มผายมือไปทางประตูสีดำบานใหญ่ที่ตนเพิ่งเดิมออกมา
“เดี๋ยวครับคุณชูก้า งานแบบนี้สตูดิโอเราอนุญาตให้แค่นายแบบนางแบบเข้าไปเท่านั้นครับ สำหรับผู้ติดตามคนอื่น ๆ คงต้องรบกวนให้รออยู่ด้านนอกครับ”
“แต่ว่า...”
“พี่ชู รอข้างนอกเถอะครับ พี่เข้าไปนอกจากคุณว่านจะวาดไม่ออก ผมเองก็คงไม่กล้า ไอ้ที่ควรโด่ก็หดหมดถ้ามีพี่มองผมตลอดเวลา”
“ก็ได้ ๆ แต่คราวหลังเรียกชูก้าให้มันเต็ม ๆ หน่อยได้ไหม”
“แน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าจะทำจริง ๆ”“แน่ใจสิครับ”ว่านมองชายหนุ่มที่ในตอนนี้ยังคงสถานะคู่หมั้นหลังจากที่ได้ฟังคำยืนยันว่าจะเข้ารับการทำหมันในวันนี้แน่นอนว่าว่านรู้ดีเพราะการกระทำจากเอเดนที่ทำให้เขาตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมา จนกระทั่งมีเจ้าแฝดร่วมกัน เอเดนแสดงออกชัดเจนว่าคิดกับเขาอย่างไรแม้เขายังไม่เคยออกปากบอกคำรักแม้สักครั้ง แต่ความรู้สึกนั้นดังชัดในหัวใจเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แม้แต่คนรักเก่าที่คบกันมายาวนานกว่าสามปีอย่างพี่ไทม์ว่านเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่ที่เขาไม่ได้โหยหาความต้องการอื่นอีกนอกจากการมีอยู่ของชายหนุ่มและเจ้าแฝดตัวน้อยที่ผ่านมาเขามัวแต่หมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตนเองเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่คุณปู่บอกความประสงค์และสาเหตุที่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ลูกพี่ลูกน้องอย่างวิเวียน เขายอมรับแต่ไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด“ปู่อยากเห็นหลานของปู่อยู่กับสิ่งที่รัก งานที่รัก มีคนรักและครอบครัวที่ดี เพราะนั่นเป็นความสุขที่แท้จริงที่ปู่อยากให้ว่านได้รู้จัก เหมือนกั
สุดท้ายแล้วลายเซ็นยินยอมของโอเมก้าเพื่อยอมรับการรักษาตามแผนทางการแพทย์ก็ถูกประทับลงบนหน้ากระดาษท้ายเอกสารเอเดนส่งเอกสารนั่นคืนให้กับพยาบาลที่เดินนำมาให้เขาดูก่อนที่จะนำไปดำเนินการต่อตามขั้นตอนคนอยู่ในฐานะสามีและว่าที่คุณพ่อลูกแฝดได้แต่นั่งถอดถอนใจท่ามกลางวงล้อมของครอบครัวและญาติสนิท“ว่านเป็นยังไงบ้างคะคุณปู่” แวววาววางแจกันดอกกุหลาบสีแดงสดที่นำติดมือมาเยี่ยมญาติผู้น้อง“อาทิตย์หน้าคงได้คลอดแล้วล่ะ แล้ววิเป็นยังไงบ้างล่ะ” เจ้าสัวเม้งหันไปถามหลานสาวที่เดินไปยืนคู่กับหลานเขยที่บานประตูใสซึ่งกั้นระหว่างโซนห้องพักญาติกับโซนการรักษา“แข็งแรงดีค่ะ อีกเดือนกว่า ๆ ก็น่าจะคลอดเหมือนกันค่ะ” แวววาวเอ่ยตอบผู้เป็นปู่ สายตาก็ยังคงมองทอดออกไปยังญาติผู้น้องที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงจะกระทบกระทั่งกันตลอดเวลาเจอหน้า แต่เธอก็ไม่ได้อยากเห็นอีกฝ่ายล้มเจ็บไปแบบนี้ อย่างไรว่านก็มีศักดิ์เป็นน้อง เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้“วิฝากมาเยี่ยมด้วย อีกไม่นานฉันคงได้เห็นหลาน ๆ มาวิ่งเล่นกันแน่ ว่านเป็นคนดวงแข็งต้องไม่เป็นอะไร เจ้าแฝดก
“จากผลตรวจ หมอคิดว่าร่างกายของคุณแม่น่าจะรับการตั้งครรภ์อีนิกม่าไม่ไหวค่ะ พื้นฐานคุณว่านไม่ใช่โอเมก้าที่แข็งแรงมากเท่าไหร่ อาจจะเพราะคุณเอเดนเป็นอีนิกม่าและคู่ชะตาของคุณว่านทำให้ระบบสืบพันธุ์ของคุณว่านถูกกระตุ้นและฟื้นฟูเป็นปกติจนตั้งท้องได้ค่ะถึงจะเรียกว่าร่างกายของคุณว่านกลับมาปกติแล้วแต่ก็นับว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้เร็วไปสำหรับร่างกายโอเมก้าที่ต้องอาศัยยากระตุ้นมาตลอดอย่างคุณว่านค่ะ ดังนั้นทำให้เมื่ออายุครรภ์เข้าช่วงไตรมาสสามซึ่งถือว่าเป็นช่วงใกล้คลอด ร่างกายคุณว่านจึงแสดงอาการออกมาค่ะ”เอเดนรู้สึกราวกับมีระเบิดดังขึ้นใกล้ ๆ จนหูอื้อไปหมด นั่นแสดงว่าที่ผ่านมาที่เขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนั่นไม่ใช่เลยสักนิด ที่เห็นว่าพี่ว่านยังคงกินได้นอนหลับอาจจะเป็นเพราะพี่ว่านอดทนเก็บอาการเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ“คุณเอเดนคะ อย่าเพิ่งกังวลนะคะ ยังไงตอนนี้ก็มาถึงมือหมอแล้ว และตอนนี้ทุกอย่างก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถควบคุมได้ค่ะ แต่นับจากวันนี้จนกระทั่งวันคลอดคงต้องให้คุณว่านแอดมิทไปก่อน เพื่อลดการเคลื่อนไหวน่ะค่ะ โดยเฉพาะช่วงเดือนนี้อย่างน
“เอายังไงต่อดี”เสียงพึมพำเอ่ยออกมาแผ่วเบาเท่าน้ำหนักของฝ่ามือเรียวที่วางลงบนหน้าท้อง ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะกลายเป็นคุณแม่โอเมก้ามือใหม่“ยังไงก็ยินดีด้วยนะ หลังจากนี้อย่าลืมเข้าไปฝากครรภ์ด้วย มีหลายอย่างที่ยังต้องระวังอยู่ แต่ยังไงกูก็ดีใจกับมึงด้วยนะ ในที่สุดก็มีลูกสมใจแล้วนี่”สมใจอย่างนั้นหรอใช่ เขาดีใจ ดีใจมากเสียด้วย แต่ในความดีใจก็ยังมีความสับสนอยู่ว่าตัวเองจะต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้กันแน่“พรุ่งนี้เราไปโรงพยาบาลกันนะครับ” เสียงทุ้มและฝ่ามืออุ่นที่วางทาบทับลงบนหลังมือเหนือหน้าท้องที่ยังคงราบเรียบเหมือนเดิมราวกับว่าภายในนั้นยังไม่มีสิ่งมีชีวิตก่อเกิดเมื่อสมาชิกร่วมโต๊ะอาหารมากันครบข่าวดีของคู่รักจึงถูกป่าวประกาศอย่างเป็นทางการจากปากของอีนิกม่าว่าที่คุณพ่อท่ามกลางความยินดีและคำอวยพรมากมายทั้งจากเจ้าสัวและครอบครัวบรู๊กที่ว่านไม่รู้ว่าเอเดนเอาเวลาไหนไปจัดการเชิญสองครอบครัวมารวมตัวกันได้อย่างพร้อมเพรียงได้ในเวลาเพียงเท่านี้ โอเมก้าท้องอ่อนยังคงมึนงงไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ของตน
“คุณว่านคะ คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวเช้าค่ะ”“อือ อือ รู้แล้ว”เสียงเคาะประตูสองสามทีไม่ดังมากนักพร้อมกับเสียงเอ่ยเรียกของแม่บ้านปลุกให้คนนอนเลยเวลากว่าทุกวันรู้สึกตัวเจ้าของห้องขานรับออกไปเพียงผ่าน ๆ ก่อนจะหาวออกมาเมื่อถูกขัดการนิทราที่แสนสบาย โอเมก้าขยับตัวเล็กน้อยตั้งใจจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเพื่อลงไปหาชายชราที่เอ่ยถามถึงงัวเงียได้ไม่นานโอเมก้าเจ้าของห้องก็ต้องลืมตาตื่นเต็มที่เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างพาดอยู่ที่เอวซึ่งทำให้ขยับร่างกายไม่ได้อิสระมากนักภายในหัวของว่านผุดใบหน้าและชื่อของบุคคลเพียงคนเดียวขึ้นมาทันที ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยนอนกกกอดกันอย่างนี้ แต่ไม่รู้ทำไมใจของเขาถึงได้เต้นแรงราวกับโจรถูกจับ“ตื่นแล้วหรอครับ” เสียงแหบพร่างัวเงียของคนด้านหลังดังขึ้นชิดใบหูจนคนที่ยังตื่นตูมอยู่หดคอหนีอัตโนมัติไม่จริงน่า ไม่ใช่หรอกเสียงปฏิเสธดังขึ้นในใจซ้ำ ๆ ราวกับจะสะกดจิตตัวเองให้หลงเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางสำเร็จ เพราะคำเหล่านั้นถูกปัดทิ้งไปด้วยสัมผัสอุ่นนิ่มที่จรดลงมาบนหลังใบหู เรียกขนอ่อนของโอเมก้าร่า
“พี่ว่าน พี่โกรธผมเรื่องอะไรเนี่ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ” เอเดนขยับเข้าไปหาคนที่เอาแต่ทำตาขวางใส่ทุกครั้งที่เจอหน้าโอเมก้าร่างเล็กปรายตามองคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ว่านปล่อยให้เอเดนทำหน้าหงอยเหงาอยู่ข้างกายต่อไปโดยที่ไม่คิดตอบโต้เอเดนกลับมาอยู่ร่วมบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่ออกมาจากห้องชายหนุ่มคู่หมั้นแล้วเจอหน้าเจ้าของห้องยืนอยู่นั้น ในทีแรกว่านยอมรับว่าเขาดีใจที่ได้เห็นใบหน้านี้อีกครั้งหลังห่างหายจากกันไปหลายวัน แต่อีกใจก็รู้สึกผิดที่เคยเอ่ยคำขอถอนการหมั้นหมายไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเอเดนดีกับตนเองมากเพียงใดและการกระทำต่าง ๆ ที่เอเดนทำให้ล้วนสัมผัสได้ว่าเด็กนี่มันรักเขามากตามคำที่เจ้าตัวชอบเอ่ยบอกเสมอความจริงแล้วเขาเพิ่งรู้ใจตัวเองชัดขึ้นก็ตอนที่เห็นแผ่นหลังใหญ่ของเอเดนเดินห่างออกไปในวันนั้น แน่นอนว่าเขาอยากจะรั้งไว้ แต่ความจริงที่การหมั้นหมายเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สุดวิสัยและการคาดหวังเพียงทายาทของเขานั้นเป็นเรื่องจริงในเมื่อตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถมีทายาทได้ และต่อให้มีก็ไม่ทันการณ์สำหรับการร