สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทน
แน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้น
เขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆ
ยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...
รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกิน
มองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!
...
เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้น
เจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้
เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง
...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสามก็คิดเช่นนั้น
ทางฝั่งเจ้าสาว แม่และพวกพี่สาวของนางไม่มีใครมีสีหน้ายินดีเลยสักคน แม้ว่าสินสอดที่ได้รับมาจะมีเป็นร้อยๆหีบก็ตาม
ซีจงจวินเป็นผู้รับใช้มหาเทพแต่กลับร่ำรวยมากเพราะทุกครั้งที่ทำความชอบมหาเทพก็จะประทานเงินทองสิ่งของล้ำค่าเป็นรางวัล
และด้วยเจ้าตัวเป็นคนไม่ค่อยใช้จ่ายอะไร ทรัพย์สินที่ได้มาตลอดแสนปีจึงไม่พร่องไปเท่าไหร่เลย
เจ้าบ่าวยืนรออยู่หน้าแท่นพิธีด้วยสีหน้ามีความสุขเกินจะเก็บไว้ได้ ต้องเผยยิ้มกว้างตาหยี มองเจ้าสาวของเขาค่อยๆเยื้องย่างเข้ามากราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน
มี่ฮวายืนข้างซีจงจวิน แม้สวมมงกุฎเจ้าสาวบนศีรษะแต่ความสูงก็ยังไม่ถึงไหล่เขา ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงมงคลปิดบังความงามของนางไม่ให้แม้แต่เจ้าบ่าวได้เห็น
..รวมถึงซ่อนสายตาประนามหยามเหยียด ยามที่ต้องหันมาคำนับให้กันด้วย..
พิธีจบลง ชุนหรงเซินประกาศว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาจึงจัดขบวนเกี้ยวเจ้าสาว เดินทางออกจากแผ่นดินอุดรไปยังเรือนของซีจงจวิน
ขบวนเกี้ยวเดินไปตามท้องถนน เหล่าเซียนตั้งแต่ระดับล่างถึงสูงออกมาดูกันเมื่อได้ยินเสียงวงดนตรีดังประโคมไปทั่วแผ่นดิน
ที่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวนั้น เจ้าบ่าวเดินนำหน้าวงดนตรี ข้างเกี้ยวสองฝั่งคือเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินเดินคุ้มกันให้วงนอกสุด ท้ายขบวนมีตงหลิงจวินเดินตามหลัง
ร่างกายใหญ่โตราวขุนเขาประกอบกับใบหน้าเหี้ยมเกรียมสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้พบเห็นสองข้างทาง แต่กระนั้นก็ยังทึ่งกับความอลังการของขบวนเกี้ยวนี้ไม่น้อยเลย
เพราะเหล่าเทพต่างรู้ดีว่าการที่เทพอสูรทั้งสี่จะทิ้งประตูสวรรค์มาเดินประกบสี่ทิศที่ขบวนเกี้ยวเช่นนี้ได้ นั่นจะต้องเป็นเพียงขบวนเกี้ยวขององค์มหาเทพเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะมันคือขบวนเจ้าสาวของหนึ่งในเทพอสูร ซึ่งนางผู้โชคดีคนนั้นก็คือบุตรีคนเล็กของเทพแห่งพฤกษา
เสียงผู้คนวิจารณ์ตามมาไม่ขาด แน่นอนว่าข่าวลือเรื่องเสียๆหายๆก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว จะมีก็แต่การคาดเดาไปต่างๆนานาว่าเหตุใดถึงจับพลัดจับผลูมาแต่งให้เทพอสูรได้
ดูจากขบวนเกี้ยวแปดคนหามนี่แล้ว เหล่าเทพต่างก็เข้าใจว่าการแต่งงานนี้ เพื่อยกระดับฐานะของตระกูล เพราะมีเขยเป็นถึงนักรบของมหาเทพ
ชุนหรงเซินรู้สึกยินดียิ่ง เพราะเขาตั้งใจทำให้ผู้คนคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่มีใครมาดูถูกลูกสาวของเขาอีก
และถึงมี ข่าวลือพวกนั้นก็จะไม่ไปกวนใจมี่ฮวาได้ เพราะเรือนของซีจงจวินอยู่ไกลเกินกว่าเหล่าเทพเซียนจะไปเยือน
...คนไม่รู้ จึงไม่ทุกข์...
..นั่นคือความคิดของชุนหรงเซิน..
ปกติจากวังของชุนหรงเซินถึงเรือนของซีจงจวิน ใช้เวลาเดินทางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น แต่กับขบวนแห่ที่เคลื่อนที่ได้เพียงช้าๆเช่นนี้ กว่าจะถึงได้ก็ปาเข้าไปเกือบค่ำ
ที่หน้าเรือน เกี้ยวถูกวางลง เจ้าสาวถูกพาไปนั่งรอในห้องหอ
ปกติแล้วตอนค่ำจะต้องมีงานเลี้ยงฉลอง แต่ที่นี่ไม่มีเพราะชุนหรงเซินสั่งให้ทุกคนรีบกลับก่อนฟ้ามืด
รัตติกาลเคลื่อนคล้อย รอบคฤหาสน์เงียบสงัดอีกครั้งราวอยู่กลางป่าช้า หาใช่เรือนหอ
มี่ฮวานั่งบนเตียงของซีจงจวิน ซึ่งโปรยด้วยกลีบดอกไม้มงคล ธัญพืชห้าชนิด เชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตคู่สมรสรักกันมั่นคง มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
ริมฝีปากอิ่มแดงชาดแสยะยิ้ม ดวงตาฉายแววคับแค้นยามมองบุปผางามดอกหนึ่ง เหนือกลีบผกาทั้งมวล
จนถึงวันนี้ เขาก็ยังเฝ้าถนอมดอกไม้ดอกนี้อยู่อีกหรือ..
...โง่เง่า...
มี่ฮวาสบถด่าในใจ เป็นตัวนางที่โง่เอง หลงคิดว่าส่งมันมาไกลถึงเพียงนี้แล้วจะหนีพ้น
และก็เป็นซีจงจวินที่โง่งม หลงคิดว่านางยอมแต่งแล้วจะมีใจให้ จัดงานพิธีเสียใหญ่โตโดยเปล่าประโยชน์
เสียงบานประตูเลื่อนเปิด เจ้าบ่าวในอาภรณ์ลายเข้าคู่กันเดินมาหา
เพียงเขาหย่อนกายลงนั่งข้างๆ นางก็ขยับออกห่างก่อนสมองสั่ง ใจไม่เคยคิดอยากเข้าใกล้
บุรุษผู้นี้น่ารังเกียจนัก นอกจากหน้าตาที่หาได้น่ามองไม่แล้ว ฝีปากของเขาคงต้องร้ายกาจมาก ถึงขึ้นเป่าหูท่านพ่อของนางได้สำเร็จ
มือข้างหนึ่งของซีจงจวินยื่นเข้ามาใกล้ หมายจะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก
แต่มี่ฮวารู้สึกตัวก่อน นางผุดลุกขึ้นพรวด กระชากผ้าแดงที่คลุมหน้าตนออกอย่างไม่ไยดี หันมาประจันหน้ากับเจ้าบ่าว
มองสายตาที่จ้องเขม็งเต็มไปด้วยไอรังสีอันตรายของเทพธิดาตรงหน้าแล้วทำเอาตกใจไม่น้อย
เหตุใดนางถึงมีสีหน้าเช่นนั้นกัน...
"เป็นอะไรไปหรือ"
ได้ยินคำถามก็ยิ่งเจ็บใจ วันนั้นที่มาดูตัวเขายังพูดสุภาพกว่านี้มาก ตอนนี้แม้แต่จะเรียกนางอย่างสมเกียรติก็คงทำไม่ได้แล้วสินะ
"ก็คงเป็นคนใต้อำนาจเจ้ากระมัง"
น้ำเสียงประชดประชันชัดเจน ซีจงจวินรู้แล้วว่านางโมโห เพราะสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนกับวันนั้นได้
"ท่านโมโหสิ่งใด บอกข้ามาเถิด"
ซีจงจวินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม ซึ่งมี่ฮวามองว่ามันเป็นการข่มขู่ เพราะธรรมชาติเสียงเขาฟังดูดุเข้มน่ากลัวเช่นนั้น
"เจ้าคิดว่าบังคับให้ข้าทำอะไรแล้วข้าก็จะทำตามใจเจ้าทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก!"
"ข้าไม่เคยบังคับอะไรท่านเลย เพียงแต่ท่านชุนหรงเซินเคยบอกไว้ว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วต้องคุยกันให้มากจึงจะเข้าใจกันได้"
ได้ยินคำว่าสามีภรรยา มี่ฮวาก็ยิ่งเดือดดาล คำธรรมดาคำนี้ทำให้หัวใจนางเต็มไปด้วยไฟร้อนรุ่ม โกรธจนไม่ว่าสิ่งใดก็ขัดหูขัดตาไปหมด
"ข้าไม่เคยคิดจะเป็นของเจ้า! จำใส่สมองอันด้อยเขลาของเจ้าไว้ด้วย!!"
ว่าเสร็จ เจ้าสาวก็ทำท่าจะเดินหนีไป แต่ถูกเจ้าบ่าวจับเอาไว้เสียก่อน
"ท่านจะไปไหน"
"ไปให้พ้นจากที่นี่ ห้องนี้ทำให้ข้าจะอ้วก!"
ซีจงจวินรั้งไว้ หาใช่โกรธที่ถูกว่า แต่ไม่อยากให้นางออกจากห้องหอในคืนนี้เท่านั้น
"ท่านไม่สบายหรือ"
คราวนี้มือของซีจงจวินลูบคลำตามหน้าตามตัวของมี่ฮวาเพื่อดูอาการ ได้ยินนางบอกว่าอยากอาเจียนเขาจึงกลัวว่านางจะเป็นอะไร
กลับกัน มี่ฮวาขยะแขยงสัมผัสจากมือมากมายเหล่านั้น พยายามดิ้นหนีสุดแรง ปากก็สาดคำด่าทอไม่ยั้ง
"ปล่อยข้านะ! อย่าเอามือโสโครกของเจ้ามาจับข้า ไอ้เทพชั้นต่ำอัปมงคล!!!"
ซีจงจวินผงะรีบปล่อยมือทันที รู้ตัวแล้วว่าสาเหตุที่นางมีอาการเช่นนี้ต้องเป็นเพราะเขาแน่
"ท่านไม่พอใจตรงไหนบอกข้าเถิด ข้าจะได้แก้ไข"
ได้ยินแล้วมี่ฮวากระตุกยิ้มมุมปาก เงยหน้าสบตาซีจงจวินที่สายตาเต็มไปด้วยความหวัง แต่สำหรับนาง มันกลับน่าชิงชังเสียเหลือเกิน
ฝ่ามือขาวนวลพุ่งไปคว้าเอาผ้าคลุมเตียงที่โรยด้วยพืชมงคลทั้งหลาย กระชากออกอย่างแรงจนกลีบดอกไม้และเมล็ดพันธุ์ร่วงหล่นกระจายเต็มพื้น
ดอกไม้ที่นางเนรมิตขึ้นและได้เขาคอยเฝ้าถนอม บัดนี้ชีวิตแสนสั้นของมันได้จบลงแล้วที่พื้นข้างเตียง...
ไม่เพียงเท่านั้น ไหสุรามงคลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงก็ถูกปัดตกแตกเสียหาย น้ำสุราไหลเจิ่ง
"ข้าไม่ชอบทุกสิ่ง! ข้าเกลียดการสมรสครั้งนี้ แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็คลื่นเหียน แม้แต่เสียงของเจ้าก็ทำให้ข้าปวดประสาท เท่านี้เข้าใจหรือไม่!!"
ดีที่ในห้องนี้ไม่มีของสิ่งใดอีกนอกจากเตียงกับโต๊ะหัวเตียง มี่ฮวาเลยอาละวาดไม่ได้มาก แต่นั่นก็พอจะทำให้ซีจงจวินรับรู้ถึงระดับความรุนแรงของอารมณ์นาง
เขาทำให้นางไม่พอใจ.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เมื่อเห็นว่าของมงคลพังไปหมดแล้ว มี่ฮวาก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกจากห้องไป ตอนนั้นเองซีจงจวินลืมตัว รีบเข้ามาอุ้มตัวนางลอยขึ้นสูง
มือข้างหนึ่งเสกให้เศษแก้วและเศษซากพืชที่พื้นหายไปจนหมดแล้วค่อยวางมี่ฮวาลง
หากภรรยาได้แผลในคืนเข้าหอ เขาคงรู้สึกไม่เป็นมงคลกับชีวิต..
ส่วนทางเจ้าสาวชุดยาวได้แต่จ้องตาค้างกับการกระทำนั้น
...นี่เขาไม่รู้สึกอะไรกับคำที่นางพูดไปเลยหรือ...
ถูกว่าตั้งขนาดนั้น ยังมีกะใจมาห่วงว่านางจะโดนเศษแก้วบาดอีก
คราวนี้มี่ฮวาเหลืออดแล้ว นางหันหลังจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ซีจงจวินก็จับตัวเอาไว้อีกครั้ง
"เจ้าจะทำอะไรข้าอีก! ไม่เห็นหรือว่าข้ารังเกียจเจ้ามากขนาดไหน เจ้ามันโง่หรือเห็นแก่ตัวกันแน่!!"
"ขออภัยด้วย แต่ต่อให้ท่านว่าข้ามากขนาดไหนข้าก็ปล่อยไม่ได้หรอก วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา คงไม่ดีถ้าคู่บ่าวสาวไม่ได้อยู่ในห้องด้วยกัน"
มี่ฮวากัดฟันกรอด อยากจะหันไปทำร้ายเขา แต่ด้วยกรงเล็บที่จับนางไว้ รวมกับฝ่ามือเขาใหญ่กว่าใบหน้านาง เกรงว่าหากซีจงจวินเกิดโทสะขึ้นมา มี่ฮวาอาจจะตายได้
นางหยุดดิ้น ถอนหายใจเพื่อสยบความร้อนในอารมณ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ไม่ใช่การตวาดเสียงแหลมดังเช่นเมื่อครู่
"ปล่อยข้า"
"ข้าทำอะไรไม่ถูกใจท่านหรือ บอกให้แจ้งสักหน่อยได้หรือไม่ หากท่านอยากให้ปรับปรุงตรงไหนข้าจะทำทั้งหมด ขอแค่ไม่ออกจากห้องนี้ไปได้หรือไม่"
"เช่นนั้นก็ปล่อยข้า แล้วข้าจะยอมพูดด้วย"
ซีจงจวินปล่อยมือทันทีเมื่อนางบอกว่าจะยอมคุยด้วย มี่ฮวาหันมาประจันหน้ากับเขาอีกหน
"เจ้าบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างใช่หรือไม่"
"ขอแค่คืนนี้อยู่ในห้องกับข้า ต้องการสิ่งใดขอให้บอกมาเถิด"
ได้ยินดังนั้น มี่ฮวาแสยะยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง
...เจ้าพูดเองนะ...
******
1 จั้ง เท่ากับ 2.5 เมตร
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ