“ป้องกันตัวไง” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงปกติ ไร้ความหวาดกลัวใดๆ “คุณไม่รู้เหรอว่าที่ผมเข้าไป ผมฆ่าใครตาย ถ้าคนที่บ้านนั้นรู้ว่าผมออกมาแล้ว พวกเขาคงจะเตรียมมือปืนไว้รอต้อนรับผมแน่ พวกเขาไม่เก็บผมไว้หรอก สำหรับพวกเขาแล้ว ผมควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน”
ได้ฟัง หญิงสาวถึงกับนิ่งงัน เธอทั้งตกใจและหวาดกลัวระคนกัน เธอไม่คิดฝันเลยว่า วันหนึ่ง เธอจะได้เข้ามารับฟังเรื่องพวกนี้
“คุณน่ะ อยู่ห่างๆ ผมไว้ก็ดีนะ เดี๋ยวโดนลูกหลงขึ้นมา ผมไม่รับผิดชอบนะ”
“แล้วมีใครรู้เรื่องที่คุณถูกปล่อยตัวรึยังคะ”
“นอกจากคุณ ก็คงมีพ่อของคุณอีกคน”
ซึ่งเขาตายไปแล้ว เธอยกมือขึ้นลูบหน้าอก พยายามหายใจให้เป็นปกติ
“ที่แท้ คนที่จะฆ่าคุณคือโจทย์เก่าของคุณนี่เอง” เธอรู้แล้วว่าทำไมบิดาของเธอจึงให้เธอมารับเขา เพราะอย่างนี้นี่เอง “แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปคะ อยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ ก็คงไม่มีความสุขหรอก”
“ใครบอกว่าผมจะอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ล่ะ” นิ้วชี้เขากระดิกเคาะพวงมาลัยรถ ราวกับอารมณ์ดีจัด “ผมจะอยู่อย่างพยัคฆ์ ที่เต็มไปด้วยอำนาจและบารมีต่างหาก”
“เอามาจากไหนคะ” เธอถามพาซื่อ เธอคิดว่าเขาอาจจะเพี้ยน “คุณจะเอาอำนาจกับบารมีมาจากไหน”
เขายิ้ม ไม่ตอบคำถามเธอ แต่ท่าทางของเขาเหมือนกับว่าได้ทั้งอำนาจและบารมีปริศนานั่นมาแล้วจริงๆ
ค่ำคืนแรกที่ชายหนุ่มได้นอนบนโซฟาในห้องทำงานของหญิงสาว เขาเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพื่อจะได้มองเห็นพระจันทร์ได้เต็มตา จันทร์เสี้ยวกับดาวนับล้านดวงที่ประดับเนืองแน่นบนท้องฟ้า หลังจากที่ฝนซาเม็ดไปนานหลายชั่วโมง ทุกอย่างก็กลับมาสดใสดังเดิม
เว้นแต่ชีวิตของเขา
ช่วงหัวค่ำ เขาได้มีโอกาสกินอาหารนอกคุกมื้อแรก จากฝีมือของหญิงสาวที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะอยู่ในห้องรับแขก เธอทำให้เขาได้ยินเสียงโครมครามเป็นระยะ แต่เขากลับไม่รู้สึกหงุดหงิด เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
เมื่อเจ้าหล่อนเดินเข้ามาด้วยลักษณะของแม่บ้านที่มีสายตาเต็มไปด้วยความรำคาญ หงุดหงิด และขี้บ่น เขาไม่ได้อยากทักทายเธอเลย แต่อย่างไรเสีย เขาปรารถนาจะให้เธอได้รู้
“ขอบคุณนะ กางเกงในที่คุณซื้อมาให้ใส่พอดีเลย คุณรู้ขนาดของผมได้ไง”
เธอตาโต ก้มลงมองส่วนกลางลำตัวของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธออุทานแผ่วเบา หน้าแดงจัด รีบหันไปมองทางอื่นเสีย เขาแอบยิ้ม สนุกดี
“อ้อ คุณแอบเช็คนี่เอง” เขาทำสีหน้าประหลาด ก่อนจะเปรยเสียงเซ็กซี่ๆ “คุณรู้ไหม ผมอยู่ในคุกตั้งสิบปี มันทรมานมากเลยล่ะ เวลาที่ผมนึกถึงจูเลีย โรเบิร์ต คาเมร่อน ดิแอท หรือไม่ก็แคทธารีน โอ้ คิดแล้วมันเศร้า สงสารตัวเอง...จะเป็นไปได้ไหม ถ้าหากคุณจะกรุณา...”
เธอหันหลังให้เขาด้วยความตกใจ หัวใจเต้นถี่ยิบ ขนลุกซู่ไปหมด อันที่จริง เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน แม้แต่เพื่อนผู้ชายยังไม่มี ดังนั้น สถานการณ์ในตอนนี้ เธอเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้จักโลกเลย เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าที่เขาพูดนั้น มีความประสงค์ในสิ่งใดกันแน่
“กะ...กรุณาอะไรของคุณ”
“กรุณา” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง หัวใจเธอเต้นรัว “กรุณาหยุดทำเสียงดังได้ไหม ผมอยากจะนอนอย่างมีความสุข”
เธอเจ็บใจจี๊ดๆ หันกลับไปมองเขาด้วยความแค้น เธอรู้ว่าเขาแกล้งเธออีกแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ฉันกำลังจะกลับไปที่ร้าน ฉันไม่มีวันนอนร่วมบ้านกับผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งออกจากคุกหรอก ฉันไม่ได้กลัวว่าคุณจะมาปล้ำฉันหรอกนะ แต่ฉันกลัวตาย แล้วก็...” เธอหยุดเล็กน้อย เหมือนใช้ความคิด แต่ไม่ใช่ เธอคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เขาใช้ให้เธอซื้อถุงยางอนามัยให้แล้ว “ห้ามคุณพาผู้หญิงทุกประเภท ทุกชนิดเข้ามาในบ้านของฉัน แม้แต่รั้วก็ห้ามผ่านเข้ามา ถ้าคุณฝ่าฝืนคำสั่ง เราได้เห็นดีกัน”
เจ้าหล่อนพูดจบก็เดินตึงตังออกจากห้องไป เขาอึ้งนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าเชิงขบขัน เขาเดินตามเธอออกไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อเธอเปิดประตูจะขึ้นรถ เขาชิงจับประตูไว้
“ผมไปส่งคุณเอง เที่ยงคืนแล้ว มันอันตรายสำหรับผู้หญิง ถึงแม้จะไม่ใช่สาวๆ แต่ก็ยังพอใช้การได้อยู่นะ บางทีอาจมีโจรหน้ามืด”
“หุบปากเลยนะ” เธอตวาดแหว มองตาขวาง “ตัวคุณเองก็ใช่ย่อยนี่ พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ตลอดเวลา คงจะสนุกมากล่ะสินะ ที่ได้แกล้งผู้หญิงอย่างฉัน ก็ได้ ฉันเจ็บปวดที่คุณพูด ฉันรู้สึกอับอายที่ฉันน่าเกลียดและแก่ ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่ไม่มีใครเอา ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยย้ำให้ฉันรู้ตัว”
เจ้าหล่อนพูดจบก็เข้าไปนั่งในรถ ชายหนุ่มนิ่งงัน เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้ด่า แต่เธอทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว เขาอดเปรยกับตัวเองไม่ได้ว่า...
“ไม่ได้พูดสักคำเลยว่าน่าเกลียด”
“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมไปก่อนนะ อย่าลืมจดหมายล่ะ” ชายหนุ่มลุกจากไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวเกือบจะตะโกนเรียกเขาไปแล้วถ้ายั้งปากเอาไว้ไม่ทัน ในที่สุด เธอก็ต้องตัดใจว่ามีเวลาแค่นี้จริงๆ เธอบอกตัวเองว่าจะต้องมาเยี่ยมเขาใหม่ในเร็วๆ นี้หญิงสาวเดินออกจากเรือนจำ โดยธารเทพรอเธออยู่ที่รถ“เป็นไงบ้างฟ้า”“เขาสบายดีค่ะ”ธารเทพพยักหน้า“อาทิตย์หน้าผมจะไปเซี่ยงไฮ้ คุณจะไปเยี่ยมแม่กับคุณลุงไหม”“ไปสิคะ ฉันคิดถึงพวกท่านจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มสดใส แม้ข้างในจะหมองมัว แต่เธอก็ไม่ยอมทำให้คนรอบข้างของเธอต้องเป็นทุกข์ไปด้วย เธอจะอดทนและต่อสู้กับเวลาห้าปี เพื่อรอคอยชายหนุ่มผู้เป็นที่รักกลับมาบ้านอีกครั้งห้าวันต่อมา ฟ้าอำไพก็ต้องแปลกใจเป็นล้นพ้น เมื่อเธอได้รับจดหมายจากเรือนจำ ซึ่งเป็นข้อความจากชายหนุ่ม เธอรีบบึ่งรถไปที่นั่นทันทีหญิงสาวจอดรถตรงที่เดิม ที่ๆ เธอเคยมาจอดรอเขาเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมดเมื่อได้เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากเรือนจำพร้อมกับเป้สะพายใบเขื่อง เธอต้องตาฝาดไปแน่ๆ ที่ได้เห็นภาพนี้หลังจากที่เธอมาเยี่ยมเขาเมื่อหกวันก่อน“เป็นไปไม่ได้”ฟ้าอำไพก้าวลงจากรถ วิ่งข้ามถนนไปหาชายหน
“คุณนะเหรอจะออกมาหาฉัน คุณยกเรือนหอ และตลาดให้แม่นั่นไปแล้ว คุณได้แสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณไม่ได้ต้องการฉันจริงๆ แต่คนที่คุณอยากได้เป็นเมียคือนังฟ้าต่างหาก”“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับฟ้า ผมแค่สงสารเธอเท่านั้น แต่คนที่ผมต้องการคือคุณนะแก้ว”“แต่ฉันไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว คนขี้คุกและยากจนข้นแค้นอย่างคุณ ไม่มีใครโง่รอหรอก ฉันจะเลิกกับคุณตั้งแต่วันนี้แหละ เชิญคุณอยู่ในคุกให้สบายอุราไปเลยนะคะ ส่วนฉัน คงต้องแต่งงานกับคนอื่น สวัสดี”หญิงสาวลาจากเขาด้วยสายตาหยามเหยียด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้มองตามเจ้าหล่อนไปให้เสียเวลา เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ คำตอบที่ไม่ต้องคาดเดาอะไรให้เหนื่อย ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าให้พี่ชายเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอีกคนการกลับเข้ามาอยู่ในคุกอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มจำต้องพยายามวางตัวนิ่งเฉยและสงบกับชีวิตที่แสนวุ่นวายของตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะร้อนรุ่มสักแค่ไหนก็ตาม เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้นับคืนนับวันที่ผันเปลี่ยน เพื่อรอคอยให้ใครบางคนมาหาเขาที่หน้าลูกกรง แน่นอน เรื่องที่เขาอยากเจอกับเธอมากที่สุด แต่เขาจะทำใจได้หรือไม่ หากเธอมาเพื่อบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายฟ้าอำไพม
“ผมมาส่งรถให้กับเจ้าของบ้านครับ”แก้วกัลยามองรถเก๋งคันงาม ราคาหลายสิบล้านด้วยความแปลกใจ หากเมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นฝีมือของไพรัลย์แน่ๆ เธอถึงกับฉีกยิ้มจนแก้มปริ“ยัยปลา มาดูนี่ คุณเหยี่ยวเขาซื้อรถให้ฉัน”บุญจิราเบื่อที่จะต้องอิจฉาริษยาเพื่อนเต็มทีแล้ว เธอเดินมาดูรถด้วยความเซ็ง ความสุขของเพื่อนถือเป็นความปวดร้าวของเธอจริงๆ“คุณฟ้าอำไพใช่ไหมครับ” เจ้าหนุ่มคนนั้นกล่าวถาม “ถ้าใช่ ก็กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”เพียงแค่นั้น ทั้งแก้วกัลยาและบุญจิราถึงกับหยุดกึก แก้วกัลยารีบกระชากแผ่นพลาสติกที่รองเอกสารสำคัญการซื้อขายรถมาดูเพื่อให้แน่ใจ“อะไรกันนี่ ทำเป็นชื่อนังฟ้าล่ะ”“ก็นี่เป็นชื่อของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ”หนุ่มส่งรถตอบหน้าซื่อ บุญจิราเอาเอกสารจากมือเพื่อนไปดูบ้าง เมื่อได้อ่าน เธอถึงกับหัวเราะขบขัน“ฉันนึกแล้วเชียว ว่าจะมีใครหน้าโง่ ยอมแต่งงานกับคนที่ทรยศหักหลักตัวเองได้ ยัยแก้วเอ๊ย แกลองเช็คให้ดีๆ สิว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของแกจริงรึเปล่า”แก้วกัลยาทำหน้าแทบไม่ถูก เธอทั้งอับอาย ทั้งโกรธและทั้งหวาดกลัวว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มด้วยความร้อนใจทันที“ทำไมไม่รับส
“ผมเข้าใจคุณนะฟ้า แต่ถึงยังไง คุณต้องไปกับผมอยู่ดี”ลูกน้องของเขา เตรียมตะครุบเธอกลับมาให้เขา หลังจากที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นในรถคันนั้นยังคงระอุ เพราะคนขับอารมณ์ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น นิมิตแทบไม่รู้สึกสำนึกในความหวังดีของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่ามัสยาจะยัดเหตุผลกลใดมาก็ตาม“แกคิดจะทำยังไงต่อ”เพราะนิมิตไม่คิดจะหยุดรถเลยแม้แต่น้อย“ฉันยังคิดไม่ออก”หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอพยายามคิดหาทางออก ด้วยความร้อนใจเป็นที่สุด นิมิตไม่รู้เลยว่าได้ถูกติดตามมาห่างๆ ตอนนี้ ในหัวของเขาวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ เขายังปล่อยตัวประกันลงจากรถไม่ได้ จนกว่าจะนึกแผนต่อไปออก“แกไม่รู้ใช่ไหมว่าจะเอายังไงต่อ”“ใช่”“ฉันคิดแล้วเชียว แกนี่มันจริงๆ เลย ทำไมแกโง่อย่างนี้ การแก้แค้นมีตั้งหลายวิธี ทำไมแกไม่รู้จักใช้สมองบ้าง ถ้าเป็นฉันหน่อยละไม่ได้” มัสยาบนไปอย่างนั้นเอง แต่ทำให้นิมิตเกิดจุดประกายขึ้นมา“ฉันรู้แล้ว” หนุ่มหน้าหวานตาลุกวาว “ฉันจะจับตัวแกไว้แล้วเรียกค่าไถ่หมอนั่น”“อะไรนะ” เสียงดังไปทั้งรถ “แกบ้าไปแล้วแน่ แกคงไม่รู้ว่าหมอนั่นเกลียดฉันยังกับอะไรดี บาทเดียวเขาก็ไม่ให้แก”มัสยาได้แต่ส่ายหน้ากั
“มันต้องมีทางออกแน่” ในสมองของเขากำลังวิ่งเร็วกว่าความเร็วของรถเสียอีก นั่นเพราะมันกำลังวิ่งไปหาความจริงบางอย่าง ที่ถูกหมกเม็ดซ่อนเร้นไว้เนิ่นนาน เขาควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขารู้ดี เขาไตร่ตรองครุ่นคิดจนเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง เขาเบรกรถดังเอี๊ยด รถอีกคันจอดตามหลัง จากนั้นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นลงจากรถมาเคาะกระจกรถของเขา ชายหนุ่มเลื่อนให้“มีอะไรรึเปล่า”มีแน่...เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนเงยหน้ามองเพื่อน“เราหนีกันไหม”พิเภกขมวดคิ้ว เหมือนจะคิด แต่ไม่ได้คิดเลย“นายคิดว่าดีเหรอ”เช่นกัน ไพรัลย์แทบไม่ต้องคิดเลย“ไม่ดีหรอก ไม่ดีเลย” ชายหนุ่มมองไปข้างหน้า ซึ่งเป็นถนนที่คดเคี้ยวสู่หุบเหวซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าหวาดเสียวที่สุด “พวกนาย ยอมรับแผนสุดท้ายจากหัวหน้า ขับรถตกเหว รถระเบิด พวกนายตายหมด”“อะไรนะ” พิเภกกลืนน้ำลาย “นายกำลังคิดจะทำอะไร”ไพรัลย์พยักหน้ากับตัวเอง เขาแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะนี่คือแผนสำรองที่เขาคิดไว้ตั้งเนิ่นนานมาแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้“พวกนายหนีไปให้หมด แยกย้ายกันไป”พิเภกหน้าเครียด ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่ม“แล้วนายล่ะ”“ที่เหลือ ฉันรับผิดชอบเอง”“หมายความว่าไง?” แน่นอน พิเภก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ” เขาปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “คุณเป็นลูกสาวของเขาอย่างนั้นหรือฟ้าฟ้า ตลกแล้ว ผมควรจะจับเขาส่งเรือนจำตอนนี้ดีไหม ผมจะได้เป็นอิสระไง”ไม่มีทาง เขาทำไม่ลงแน่ เพ็ญศรีกำลังจะตาย และเธอต้องการเขา ผู้ชายที่ถูกเพื่อนใส่ร้ายจนต้องเข้าคุกมานานเกือบสามสิบปี เขาออกมาอีกครั้ง เพื่อจะมาพบเมียและลูก ไม่ได้ออกมาตามล่าชีวิตของเพื่อนๆ ที่ถูกฆ่าตายไปเพราะฝีมือของคูหูชั่วๆ นั่น“ผมจะทำยังไงดี” เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเขาก็จะหมดสัญญาว่าจ้าง เขาต้องกลับไปเรือนจำเพื่อชดใช้กรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไปอีกห้าปี หลังจากนี้ไป เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธออีกนาน“เราปล่อยเขาไปแบบนี้ ถ้าพวกนั้นรู้เข้าจะรุมกระทืบเราไหมวะ” การที่เขาทรยศต่อเพื่อนๆ ของเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แล้วเขาจะทำอย่างไรดี สมองที่เหนื่อยล้าของเขาควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุดใช่ไหม ให้ดีกับทุกฝ่ายด้วย และยุติธรรมกับทุกคน!!!!“คุณธารเทพ หายไปไหนมาคะ ทำไมพึ่งมา”ทันทีที่ธารเทพเปิดประตูห้องพักเข้ามา เขาไม่ได้มองหน้าฟ้าอำไพเลย เขาเอาแต่จ้องมองผู้ชายคนนั้น คนที่น้องชายตัวแสบของเขาบอกว่าให้พาหนีไป“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับฟ้าหน่อ