“ฉันมาเยี่ยมนาย”
ชายหนุ่มยืนสงบนิ่ง ต่อหน้าป้ายหลุมศพของนายก้องเกียรติ ผู้เป็นน้องชาย ท่ามกลางแสงแดดสวยของรุ่งอรุณใหม่ และต้นไม้นานาพันธ์ที่ยืนต้นตระหง่านบนภูเขาลูกเล็ก เนินเขาอันเงียบสงบเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
“ถ้านายยังจำได้ วันนี้เป็นวันเกิดของนาย” เด็กหนุ่มผู้เป็นความหวังของเขา น้องชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในครั้งนั้น ต้องมาจบชีวิต เพราะมีดเล่มเดียว จากฝีมือของเพื่อนรักของเขาเอง เมื่อก้องภพนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร หัวใจของเขาสั่นเทา เนื้อกายของเขาเย็นชืดไปหมด สิบปีมาแล้ว แต่ความแค้นไม่เคยจางหาย เขายังรอคอยการชำระอยู่ทุกลมหายใจ
“นายยังโชคดีกว่าฉันหลายร้อยเท่านัก นายอยู่ที่นี่ มีคุณพ่อคุณแม่เป็นเพื่อน ทั้งสามคนได้อยู่ด้วยกัน” แต่เขาสิ เหลือเพียงตัวคนเดียว ในโลกของความวุ่นวาย การแก่งแย่งแข่งขัน ชิงความเป็นหนึ่ง เขามีหน้าที่สืบสานและคงไว้ซึ่งตระกูลอันยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อเพชรทาย วัชรเมฆ
“ส่วนฉัน...” ก้องภพไม่ได้เหลียวไปมองบอดีการ์ดสองนายที่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง และอีกนับสิบนายซึ่งยืนคุ้มกันรถคันงามที่ถนนริมอ่างน้ำ “ต้องอยู่กับพวกเดนมนุษย์”
เขาถอนหายใจด้วยความระอา ระอากับชีวิตอันวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้นของตัวเอง ความฝันของเขาในวัยเด็กก็คือเป็นตำรวจ ไม่ใช่เจ้าพ่อ แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับมนุษย์เสมอ
“สัญญาว่าจะทำหน้าที่ของลูกชายให้ดีที่สุดครับ” ก้องภพทำงานมาตั้งแต่วัยรุ่น นับตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตจากเครื่องบินตก เขาและน้องชายได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าพ่ออินทรีย์เป็นอย่างดี จากเพื่อนสนิทของบิดา กลายมาเป็นพ่ออีกคนที่นับถือยิ่งกว่าชีวิต กิจการที่สองตระกูลทำร่วมกัน นับวันก็ยิ่งเจริญก้าวหน้า ขยายความยิ่งใหญ่ครอบคลุมไปอีกหลายจังหวัด ทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงแรม สองหุ้นส่วนไม่เคยมีปัญหากัน เจ้าพ่ออินทรีย์เป็นคนเที่ยงตรงและยืดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นลมหายใจ
เขาเชื่อใจและเชื่อในตัวท่านจนนับถึงวินาทีนี้
“เราจะต้องยิ่งใหญ่ต่อไป” ก้องภพหันไปมองอีกป้ายที่ตั้งตระหง่านไม่ไกลกันนัก ที่นั่นคือที่อยู่ตลอดกาลของเจ้าพ่ออินทรีย์ ก้องภพเป็นคนจัดการนำเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาต้องการให้เพื่อนรักได้อยู่ด้วยกัน
“ยังไงก็ตาม ขอบคุณท่านมาก ที่ท่านดูแลพวกเราเป็นอย่างดี” ความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของเขา ได้มาจากเจ้าพ่ออินทรีย์ผู้นี้ และนั่นคือสิ่งที่เขาตระหนักเสมอมา แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ลูกชายของท่านสร้างตราบาปครั้งใหญ่ จนเขาไม่อาจให้อภัยได้
“ส่วนลูกชายของท่าน คงต้องเป็นศัตรูกันตลอดชาติ”
เจ้าพ่อหนุ่มวัยสามสิบผู้สง่างามและหล่อเหลา สวมสูทสีดำ รูปร่างปราดเปรียวกับความสูงมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร นับว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจไม่น้อย เพราะนั่นย่อมหมายความว่า เขาจะสามารถหาผู้หญิงที่ดีพร้อมและสมบูรณ์แบบมาเป็นภรรยาได้อย่างสบายๆ
“เอาล่ะ วันนี้ ผมมีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่มาฝากคุณแม่ด้วย” เขาย่อตัวนั่งยองๆ วางช่อดอกกุหลาบลงบนพื้นหญ้าตัดเรียบ จ้องมองภาพถ่ายของคนในครอบครัว จนกระทั่งมาจบที่น้องชาย “ตอนนี้ ไอ้เพื่อนโฉดชั่วของฉันออกมาจากตะรางนั่นแล้ว มันเข้าไปชดใช้กรรมแล้ว แต่ฉันยังไม่รู้สึกสาสมใจเลย สิบปีมันยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่มันทำกับนาย”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างสง่า สายลมจากทะเลสาบเบื้องล่างพัดกระหน่ำมาอย่างรุนแรง หากแต่ร่างกายและจิตวิญญาณของเขากลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขานิ่งยิ่งกว่าหุ่น แววตาคมกริบแฝงรอยก้าวราวทอประกายราวกับแสงเพชร
“เพื่อนรักคนเดียวของฉัน เรากำลังจะได้พบกันแล้ว”
เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว
ฟ้าอำไพยืนอยู่ข้างๆ มัสยา หญิงสาวจากบ้านเด็กกำพร้าที่เติบโตมาอย่างปากกัดตีนถีบ เธอทิ้งบ้านนอกไปอยู่กรุงเทพฯ เสียหลายปี แต่ชีวิตก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ เธอไม่อาจเป็นนักแสดงได้ ทั้งที่หน้าตาของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เธอเคยคิดว่าหน้าตาตัวเองดีขนาดจะเป็นนางเอกได้ด้วยซ้ำ แถมฝีมือการแสดงของเธอก็เยี่ยม แต่เธอก็โชคร้าย ไม่มีเส้นสาย และไม่ยอมตกเป็นเมียน้อยของใครเพื่อไต่เต้า
“ปิดฉากชีวิตนักแสดงของฉัน ด้วยภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
มัสยาพร่ำเพ้อราวกับกำลังท่องบทกวี ขณะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังมีเรื่องเดือดร้อนหัวใจอย่างหนัก มันเป็นคำถามที่ฟ้าอำไพถามตัวเองมาทั้งคืน
“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมไปก่อนนะ อย่าลืมจดหมายล่ะ” ชายหนุ่มลุกจากไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวเกือบจะตะโกนเรียกเขาไปแล้วถ้ายั้งปากเอาไว้ไม่ทัน ในที่สุด เธอก็ต้องตัดใจว่ามีเวลาแค่นี้จริงๆ เธอบอกตัวเองว่าจะต้องมาเยี่ยมเขาใหม่ในเร็วๆ นี้หญิงสาวเดินออกจากเรือนจำ โดยธารเทพรอเธออยู่ที่รถ“เป็นไงบ้างฟ้า”“เขาสบายดีค่ะ”ธารเทพพยักหน้า“อาทิตย์หน้าผมจะไปเซี่ยงไฮ้ คุณจะไปเยี่ยมแม่กับคุณลุงไหม”“ไปสิคะ ฉันคิดถึงพวกท่านจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มสดใส แม้ข้างในจะหมองมัว แต่เธอก็ไม่ยอมทำให้คนรอบข้างของเธอต้องเป็นทุกข์ไปด้วย เธอจะอดทนและต่อสู้กับเวลาห้าปี เพื่อรอคอยชายหนุ่มผู้เป็นที่รักกลับมาบ้านอีกครั้งห้าวันต่อมา ฟ้าอำไพก็ต้องแปลกใจเป็นล้นพ้น เมื่อเธอได้รับจดหมายจากเรือนจำ ซึ่งเป็นข้อความจากชายหนุ่ม เธอรีบบึ่งรถไปที่นั่นทันทีหญิงสาวจอดรถตรงที่เดิม ที่ๆ เธอเคยมาจอดรอเขาเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมดเมื่อได้เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากเรือนจำพร้อมกับเป้สะพายใบเขื่อง เธอต้องตาฝาดไปแน่ๆ ที่ได้เห็นภาพนี้หลังจากที่เธอมาเยี่ยมเขาเมื่อหกวันก่อน“เป็นไปไม่ได้”ฟ้าอำไพก้าวลงจากรถ วิ่งข้ามถนนไปหาชายหน
“คุณนะเหรอจะออกมาหาฉัน คุณยกเรือนหอ และตลาดให้แม่นั่นไปแล้ว คุณได้แสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณไม่ได้ต้องการฉันจริงๆ แต่คนที่คุณอยากได้เป็นเมียคือนังฟ้าต่างหาก”“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับฟ้า ผมแค่สงสารเธอเท่านั้น แต่คนที่ผมต้องการคือคุณนะแก้ว”“แต่ฉันไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว คนขี้คุกและยากจนข้นแค้นอย่างคุณ ไม่มีใครโง่รอหรอก ฉันจะเลิกกับคุณตั้งแต่วันนี้แหละ เชิญคุณอยู่ในคุกให้สบายอุราไปเลยนะคะ ส่วนฉัน คงต้องแต่งงานกับคนอื่น สวัสดี”หญิงสาวลาจากเขาด้วยสายตาหยามเหยียด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้มองตามเจ้าหล่อนไปให้เสียเวลา เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ คำตอบที่ไม่ต้องคาดเดาอะไรให้เหนื่อย ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าให้พี่ชายเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอีกคนการกลับเข้ามาอยู่ในคุกอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มจำต้องพยายามวางตัวนิ่งเฉยและสงบกับชีวิตที่แสนวุ่นวายของตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะร้อนรุ่มสักแค่ไหนก็ตาม เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้นับคืนนับวันที่ผันเปลี่ยน เพื่อรอคอยให้ใครบางคนมาหาเขาที่หน้าลูกกรง แน่นอน เรื่องที่เขาอยากเจอกับเธอมากที่สุด แต่เขาจะทำใจได้หรือไม่ หากเธอมาเพื่อบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายฟ้าอำไพม
“ผมมาส่งรถให้กับเจ้าของบ้านครับ”แก้วกัลยามองรถเก๋งคันงาม ราคาหลายสิบล้านด้วยความแปลกใจ หากเมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นฝีมือของไพรัลย์แน่ๆ เธอถึงกับฉีกยิ้มจนแก้มปริ“ยัยปลา มาดูนี่ คุณเหยี่ยวเขาซื้อรถให้ฉัน”บุญจิราเบื่อที่จะต้องอิจฉาริษยาเพื่อนเต็มทีแล้ว เธอเดินมาดูรถด้วยความเซ็ง ความสุขของเพื่อนถือเป็นความปวดร้าวของเธอจริงๆ“คุณฟ้าอำไพใช่ไหมครับ” เจ้าหนุ่มคนนั้นกล่าวถาม “ถ้าใช่ ก็กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”เพียงแค่นั้น ทั้งแก้วกัลยาและบุญจิราถึงกับหยุดกึก แก้วกัลยารีบกระชากแผ่นพลาสติกที่รองเอกสารสำคัญการซื้อขายรถมาดูเพื่อให้แน่ใจ“อะไรกันนี่ ทำเป็นชื่อนังฟ้าล่ะ”“ก็นี่เป็นชื่อของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ”หนุ่มส่งรถตอบหน้าซื่อ บุญจิราเอาเอกสารจากมือเพื่อนไปดูบ้าง เมื่อได้อ่าน เธอถึงกับหัวเราะขบขัน“ฉันนึกแล้วเชียว ว่าจะมีใครหน้าโง่ ยอมแต่งงานกับคนที่ทรยศหักหลักตัวเองได้ ยัยแก้วเอ๊ย แกลองเช็คให้ดีๆ สิว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของแกจริงรึเปล่า”แก้วกัลยาทำหน้าแทบไม่ถูก เธอทั้งอับอาย ทั้งโกรธและทั้งหวาดกลัวว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มด้วยความร้อนใจทันที“ทำไมไม่รับส
“ผมเข้าใจคุณนะฟ้า แต่ถึงยังไง คุณต้องไปกับผมอยู่ดี”ลูกน้องของเขา เตรียมตะครุบเธอกลับมาให้เขา หลังจากที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นในรถคันนั้นยังคงระอุ เพราะคนขับอารมณ์ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น นิมิตแทบไม่รู้สึกสำนึกในความหวังดีของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่ามัสยาจะยัดเหตุผลกลใดมาก็ตาม“แกคิดจะทำยังไงต่อ”เพราะนิมิตไม่คิดจะหยุดรถเลยแม้แต่น้อย“ฉันยังคิดไม่ออก”หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอพยายามคิดหาทางออก ด้วยความร้อนใจเป็นที่สุด นิมิตไม่รู้เลยว่าได้ถูกติดตามมาห่างๆ ตอนนี้ ในหัวของเขาวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ เขายังปล่อยตัวประกันลงจากรถไม่ได้ จนกว่าจะนึกแผนต่อไปออก“แกไม่รู้ใช่ไหมว่าจะเอายังไงต่อ”“ใช่”“ฉันคิดแล้วเชียว แกนี่มันจริงๆ เลย ทำไมแกโง่อย่างนี้ การแก้แค้นมีตั้งหลายวิธี ทำไมแกไม่รู้จักใช้สมองบ้าง ถ้าเป็นฉันหน่อยละไม่ได้” มัสยาบนไปอย่างนั้นเอง แต่ทำให้นิมิตเกิดจุดประกายขึ้นมา“ฉันรู้แล้ว” หนุ่มหน้าหวานตาลุกวาว “ฉันจะจับตัวแกไว้แล้วเรียกค่าไถ่หมอนั่น”“อะไรนะ” เสียงดังไปทั้งรถ “แกบ้าไปแล้วแน่ แกคงไม่รู้ว่าหมอนั่นเกลียดฉันยังกับอะไรดี บาทเดียวเขาก็ไม่ให้แก”มัสยาได้แต่ส่ายหน้ากั
“มันต้องมีทางออกแน่” ในสมองของเขากำลังวิ่งเร็วกว่าความเร็วของรถเสียอีก นั่นเพราะมันกำลังวิ่งไปหาความจริงบางอย่าง ที่ถูกหมกเม็ดซ่อนเร้นไว้เนิ่นนาน เขาควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขารู้ดี เขาไตร่ตรองครุ่นคิดจนเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง เขาเบรกรถดังเอี๊ยด รถอีกคันจอดตามหลัง จากนั้นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นลงจากรถมาเคาะกระจกรถของเขา ชายหนุ่มเลื่อนให้“มีอะไรรึเปล่า”มีแน่...เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนเงยหน้ามองเพื่อน“เราหนีกันไหม”พิเภกขมวดคิ้ว เหมือนจะคิด แต่ไม่ได้คิดเลย“นายคิดว่าดีเหรอ”เช่นกัน ไพรัลย์แทบไม่ต้องคิดเลย“ไม่ดีหรอก ไม่ดีเลย” ชายหนุ่มมองไปข้างหน้า ซึ่งเป็นถนนที่คดเคี้ยวสู่หุบเหวซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าหวาดเสียวที่สุด “พวกนาย ยอมรับแผนสุดท้ายจากหัวหน้า ขับรถตกเหว รถระเบิด พวกนายตายหมด”“อะไรนะ” พิเภกกลืนน้ำลาย “นายกำลังคิดจะทำอะไร”ไพรัลย์พยักหน้ากับตัวเอง เขาแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะนี่คือแผนสำรองที่เขาคิดไว้ตั้งเนิ่นนานมาแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้“พวกนายหนีไปให้หมด แยกย้ายกันไป”พิเภกหน้าเครียด ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่ม“แล้วนายล่ะ”“ที่เหลือ ฉันรับผิดชอบเอง”“หมายความว่าไง?” แน่นอน พิเภก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ” เขาปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “คุณเป็นลูกสาวของเขาอย่างนั้นหรือฟ้าฟ้า ตลกแล้ว ผมควรจะจับเขาส่งเรือนจำตอนนี้ดีไหม ผมจะได้เป็นอิสระไง”ไม่มีทาง เขาทำไม่ลงแน่ เพ็ญศรีกำลังจะตาย และเธอต้องการเขา ผู้ชายที่ถูกเพื่อนใส่ร้ายจนต้องเข้าคุกมานานเกือบสามสิบปี เขาออกมาอีกครั้ง เพื่อจะมาพบเมียและลูก ไม่ได้ออกมาตามล่าชีวิตของเพื่อนๆ ที่ถูกฆ่าตายไปเพราะฝีมือของคูหูชั่วๆ นั่น“ผมจะทำยังไงดี” เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเขาก็จะหมดสัญญาว่าจ้าง เขาต้องกลับไปเรือนจำเพื่อชดใช้กรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไปอีกห้าปี หลังจากนี้ไป เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธออีกนาน“เราปล่อยเขาไปแบบนี้ ถ้าพวกนั้นรู้เข้าจะรุมกระทืบเราไหมวะ” การที่เขาทรยศต่อเพื่อนๆ ของเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แล้วเขาจะทำอย่างไรดี สมองที่เหนื่อยล้าของเขาควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุดใช่ไหม ให้ดีกับทุกฝ่ายด้วย และยุติธรรมกับทุกคน!!!!“คุณธารเทพ หายไปไหนมาคะ ทำไมพึ่งมา”ทันทีที่ธารเทพเปิดประตูห้องพักเข้ามา เขาไม่ได้มองหน้าฟ้าอำไพเลย เขาเอาแต่จ้องมองผู้ชายคนนั้น คนที่น้องชายตัวแสบของเขาบอกว่าให้พาหนีไป“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับฟ้าหน่อ